"มันคือเฉินเฟิงงั้นหรือ?"
หยางเฉินนึกออกในที่สุดเขานึกไม่ถึงว่าชายคนนี้จะเป็เฉินเฟิง
เทียบกับก่อนหน้านี้แล้วเฉินเฟิงเปลี่ยนเป็คนละคนใบหน้าซูบตอบลงกว่าเดิม ผมเผ้ายุ่งเหยิง รอยขีดข่วน ฟกช้ำทั่วร่างกายรอยยิ้มเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิมเรียกได้ว่ามันกลายเป็สัตว์ป่าโดยสมบูรณ์ สภาพของนายน้อยตระกูลเฉินเปลี่ยนไปเป็คนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง นี่อาจเป็สิ่งที่์้า
อย่างไรก็ตามหยางเฉินไม่รู้สึกสงสารแม้แต่น้อย เฉินเฟิงทำอะไรไว้เวลานี้มันถึงคราวที่ต้องชดใช้กรรม
จางอิงจ้องมองเฉินเฟิงด้วยแววตาที่เหี้ยมโหดเฉินเฟิงเป็คนทำลายชีวิตเธอ
"ใช่แล้วค่ะมันคือเฉินเฟิง ตอนนี้มันกลายเป็หมาที่ฉันฝึกมากับมือ"
จางอิงพูดขึ้นพลางกระชับสายเชือกที่มือ
เฉินเฟิงผู้ซึ่งกระทำชำเราหลินคุนอยู่กลับถูกกระชากลงกับพื้นมันคลานต่ำมาข้างหน้าจางอิงพร้อมกับแลบลิ้นเลียเท้าเยี่ยงสุนัข
หยางเฉินสังเกตเห็นที่คอของเฉินเฟิงมีปลอกคอสวมอยู่คล้ายเป็ปลอกคอสุนัข
"ทุกครั้งที่ผมเห็นไอ้สารเลวนี้ผมอยากจะเป่ากบาลมันแทบแย่ แต่น้องสาวกลับไม่อนุญาตให้ผมทำ"
"ทำอย่างนั้นถือว่าช่วยให้มันไปสบายเกินไปฉัน้าทรมานมัน มันทำกับฉันเหมือนเป็ขยะ ฉันเลยให้ผู้ชายมาทรมานมันบ้างทุกคืนเหล่าพี่น้องทั้งชายและหญิงที่เคยถูกมันกระทำล้วนมาจัดการมันอย่างสม่ำเสมอการจะฆ่ามันนั้นเอาไว้หลังจากนี้ก็ยังไม่สาย"จางอิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเฉยเมย
"คุณหยางคุณจะให้สัตว์เลี้ยงของฉันจัดการกับหลินคุนต่อไหมคะ"
หยางเฉินเหลือบมองหลินคุนที่สลบไปจากความเ็ปกล่าวว่า
"ตามสบาย...จะทำอะไรกับชายคนนี้ก็ได้ แต่อย่าให้ถึงตายก็พอ"
หยางเฉินพูดจบก็เดินออกจากห้องไปไม่ว่าจุดจบของหลินคุนและเฉินเฟิง จะเป็อย่างไรต่างก็ไม่มีความสำคัญใดๆ สำหรับเขา
แต่แผนการหรือจะสู้ลิขิตฟ้า
ในขณะที่หยางเฉินกำลังขับรถกลับโรงพยาบาลจางหู่ก็โทรมา บอกสิ่งที่ทำให้หยางเฉินตกตะลึง นั้นคือ หลินคุนกลายเป็บ้าไปโดยสมบูรณ์
การแก้แค้นของหลินคุนจบด้วยการถูกโยนลงถังขยะ มันมีความทะเยอทะยานอันสูงส่งแต่ทุกครั้งก็ต้องประสบกับความล้มเหลวการเสียหุ้นของบริษัทอวี้เหล่ยไปทำให้มันแทบหมดสิ้นความหวังและสุดท้ายยังถูกพรากศักดิ์ศรีความเป็มนุษย์ไปอีก
ลูกชายเศรษฐีผู้สุขสบายมาตลอดชีวิตมีจุดจบเยี่ยงนี้เอง
บางทีการกลายเป็คนบ้าอาจปลดปล่อยหลินคุนจากความจริงอันโหดร้าย
หยางเฉินบอกจางหู่ให้ส่งหลินคุนไปโรงพยาบาลจางหู่ได้ยินดังนั้นก็เข้าใจจุดประสงค์ของหยางเฉิน
เมื่อเสร็จธุระของหลินคุนแล้วโม่เชี่ยนนีก็โทรมา หัวหน้าสาวสวยคนนี้ของเขาไม่เคยยิ้มหรือขอบคุณใดๆแม้ตอนที่เขาช่วยเธอไว้ก็ตาม เธอยังคงทำตัวเหมือนเขาติดหนี้เธออยู่นั่นทำให้หยางเฉินรู้สึกปลง
"สวัสดีครับมีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าคุณโม่"
หยางเฉินเอ่ยอย่างเศร้าสร้อย
โม่เชี่ยนนีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อย
"น้ำเสียงอะไรของนายพูดคุยกับฉันมันทำให้นายทรมานมากนักหรือไง?"
"ไม่ใช่หรอกครับผมรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย"
หยางเฉินขมวดคิ้วผู้หญิงคนนี้พร้อมจะเปิดศึกกับเขาได้ทุกเมื่อจริงๆ
"จะบอกอะไรให้คุณผู้หญิงท่านนี้จะเชิญนายไปดินเนอร์ ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด"
"คุณโม่คุณกำลังจะส่งผมไปทานข้าวแล้วทวงหนี้อีกแล้วใช่ไหม"
หยางเฉินถามอย่างหวาดระแวง
"ไปตายซะหยางเฉิน!! คุณผู้หญิงที่นายช่วยชีวิตไว้เป็คนมีเมตตาเลยจะชวนนายไปทานข้าว นายคิดว่าฉันเป็ผู้หญิงใจร้ายที่เจอหน้าก็ชวนทะเลาะใช่ไหม?"
หยางเฉินถึงกับพูดไม่ออกแต่สุดท้ายก็ตอบตกลง เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ และเขาก็กำลังหิวอยู่เสียด้วย
"ตกลงตามนี้ มาที่ลานจอดรถของบริษัท ฉันจะไปรับนายไปเอง"
พูดจบโม่เชี่ยนนีก็วางสายทันทีไม่เปิดโอกาสให้หยางเฉินกล่าวคำใดๆ
ท้องหยางเฉินคร่ำครวญอย่างโหยหวนเขาขับรถดั่งจรวด ไม่นานเขาก็มาถึงลานจอดรถบอส เวลานี้เป็เวลาเลิกงานลานจอดรถจึงว่างเป็พิเศษ
รถออดี้สีแดงของโม่เชี่ยนนีจอดอยู่ที่มุมหนึ่งและกำลังรอคอยหยางเฉินอย่างใจจดใจจ่อ
เธอเปลี่ยนชุดเป็ชุดเดรสสีดำยาว พร้อมด้วยรองเท้าคริสทัลส้นสูง ผมดำเงาถูกปล่อยลงมาใบหน้างามถูกแต่งด้วยเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อยให้ความรู้สึกถึงความงามตะวันออกแบบดั้งเดิม
ถ้าไม่รู้ว่าเธอเป็ผู้หญิงโหดร้ายและเืเย็นมาก่อนเธอสมควรทำให้ชายทุกคนหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น
"ขึ้นมาสิ"
เมื่อเห็นหยางเฉินเดินเข้ามาเธอรีบเปิดประตูเข้าไปในรถตรงที่นั่งคนขับทันที
หลังจากหยางเฉินเดินเข้ามาแล้วโม่เชี่ยนนีก็เปิดเครื่องเสียงในรถ ที่เชื่อมต่อกับไอพอดเป็เพลงเก่งที่ชื่อว่า Dreamto awakening
เธอไม่ได้สนทนาอะไรกับหยางเฉินอีกเพียงแค่ขับรถไปตามทางเรื่อยๆ
เมื่อขึ้นไฮเวย์หยางเฉินสังเกตว่าเพลงในไอพอดมีแต่เพลงคลาสสิคดั้งเดิม และยังรวมถึง TheBeatles และวงดนตรีเก่าแก่วงอื่น
"เหมือนคุณจะรู้สึกคิดถึงบ้านนะ"หยางเฉินรู้สึกว่าหญิงชาวเมืองก็มีด้านนี้กับเขาด้วย
โม่เชี่ยนนีกลอกตามองหยางเฉินพร้อมกล่าวว่า
"สิ่งใหม่นั้นลืมได้โดยง่ายแต่สิ่งที่ลืมได้ยากนั้นคุ้มค่าให้คิดถึง... คนหยาบคายอย่างนายคงไม่เข้าใจหรอก"
"ผมเข้าใจ...สองปีที่แล้วผมรู้สึกว่า เจสสิก้า อัลบานั้นน่ารักเป็อย่างยิ่ง เธอทั้งสวยทั้งเซ็กซี่ แต่หลังจากที่เธอตั้งท้องแล้วผมรู้สึกว่าความฝันในอดีตที่ผ่านมากลายเป็รสชาติอันแปลกประหลาด"
โม่เชี่ยนนีนั้นแทบจะเอาเท้ายันหน้าหยางเฉินถ้าไม่เพราะเธอต้องเหยียบคันเร่งล่ะก็
ความเงียบปกคลุมตลอดการเดินทางมีเพียงเสียงเพลงร็อกแอนด์โรลดังก้องไปทั่วรถและในที่สุดโม่เชี่ยนนีก็หยุดรถพลางกล่าวว่า
"เรามาถึงแล้ว"
หยางเฉินมองออกไปนอกหน้าต่างรถและรู้สึกทะแม่งๆ เขามองไปที่ป้ายไฟนีออนพลางถามว่า
"คุณแน่ใจนะว่าที่นี่"
"ฉันมาที่นี่ไม่ได้หรือไง"โม่เชี่ยนนีถามเสียงเรียบ
หยางเฉินส่ายหัวกล่าวว่า
"ผมแค่สงสัยว่าทำไมคุณถึงอยากมากินที่นี่ผมคิดว่าคุณจะพาไปร้านอาหารตะวันตกหรูๆ ซึ่งเหมาะสมกับฐานะของคุณ"
"ฉันชอบกินอาหารข้างทางมากกว่าน่าเสียดายที่นายเดาผิด" โม่เชี่ยนนีกล่าวพลางมองหยางเฉิน"ลงจากรถได้แล้ว"
"อาหารข้างทาง? เยี่ยม!!"หยางเฉินไม่ได้พกกระเป๋าสตางค์มาด้วยพอดี
ตามทางริมแม่น้ำของเมืองจงไห่เต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหาร ยาวสุดลูกหูลูกตา แผงลอยหลายขนาดและหลากสีเรียงราย เต็มไปด้วยสีสันฝูงชนเดินขวักไขว่ แต่สิ่งที่ทำให้หยางเฉินประหลาดใจคือ พนักงานบริษัทในกลางเมือง หลายคนใส่สูทถือเทกไทในมือ พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
สายลมริมแม่น้ำไม่ได้ทำให้บรรยากาศเย็นขึ้นเท่าไหร่แต่กลิ่นของอาหาร ผลไม้ และพืชผักนั้น เป็กลิ่นของธรรมชาติบางทีนี่อาจเป็สิ่งดึงดูดให้ผู้คนจากในเมืองมาเยือนที่นี่
แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามโม่เชี่ยนนีที่เดินท่ามกลางฝูงชนนั้นก็งามเฉิดฉายอย่างยิ่งถึงเธอจะไม่ได้เปิดเผยสัดส่วนมากนักแต่เธอก็สง่างามและมีเสน่ห์ยิ่ง
เมื่อเดินข้างๆหญิงสาวเช่นนี้ หยางเฉินจึงตกเป็ที่อิจฉาของชายหนุ่มทั้งหลาย
"คุณมาที่นี่บ่อยงั้นเหรอ"
หยางเฉินเอ่ยถามเขาไม่รู้มาก่อนว่ามีสถานที่เช่นนี้ภายในเมือง มันแปลกใหม่น่าสนใจอย่างมาก
โม่เชี่ยนนีพยักหน้ากล่าวว่า
"ฉันเคยมาที่นี่บ่อยๆแต่หลังๆ ก็ไม่ค่อยได้มาแล้ว"
"มีหลายร้านเต็มไปหมดเราไปร้านไหนดี" หยางเฉินมองร้านอาหารน้อยใหญ่หลากหลายจนตาลาย
โม่เชี่ยนนีเพียงเหลือบมองมาพลางกล่าวว่า"เดินตามมาก็พอ"
หยางเฉินไม่ได้ถามอะไรอีกเขารู้สึกว่าโม่เชี่ยนนี เงียบขรึมขึ้นั้แ่เข้ามายังที่นี่เหมือนมีเื่อะไรอยู่ในใจ เพียงไม่กี่อึดใจ ภายใต้การนำทางของโม่เชี่ยนนีพวกเขาก็มาถึงร้านอาหารที่ชื่อว่า ''เซียงฉวน''
ภายในร้านหญิงสาวรูปร่างท้วมผมสีดอกเลาเห็นโม่เชี่ยนนีเดินเข้ามา เธอแสดงท่าทีดีใจรีบเดินเข้ามาหาพร้อมกล่าวว่า
"น้องนีเธอไม่ได้มานานเลยนะ พี่สาวคิดถึงเธอเหลือเกิน"
โม่เชี่ยนนีเผยรอยยิ้มอบอุ่นพร้อมสวมกอดโดยไม่สนใจคราบสกปรกจากชุดของหญิงสาวร่างท้วมเลยแม้แต่น้อย
"พี่เซียงฉันยุ่งมากเลย วันนี้ฉันพาเพื่อนมากินข้าวด้วย เลยพามาหาพี่ที่นี่"
พี่เซียงส่งรอยยิ้มยียวนมาทางหยางเฉินเหมือนเธอเข้าใจอะไรบางอย่าง
"นี่เป็แฟนเธอใช่ไหมล่า พาเพื่อนมากินข้าวอะไรกัน ทำไมไม่บอกพี่สาวคนนี้เลยว่ามีแฟนเหมือนคนอื่นเขาด้วย"
โม่เชี่ยนนีรีบส่ายหน้าโบกมือเป็พัลวัน
"ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะพี่เขาเป็สามีเพื่อนฉันเอง และเป็เพื่อนร่วมงานกับฉันด้วย วันนี้เขาช่วยฉันไว้ฉันเลยจะเลี้ยงอาหารตอบแทนค่ะ"
"เพื่อนของน้องนีไม่ต้องกังวลนะหาที่นั่งก่อน มาที่นี่ครั้งแรกใช่ไหม พี่เซียงจะทำอาหารอร่อยๆ ให้ทานเองกินฟรีไม่ต้องจ่าย"
หยางเฉินขอบคุณเธอจากนั้นมองหาโต๊ะว่างนั่งลงไป พี่เซียงเสิร์ฟชาจากนั้นกลับเข้าครัวไป
"ดูคุณคุ้นเคยกับพี่เซียงนะเธอเป็ญาติคุณงั้นเหรอ" หยางเฉินเอ่ยถาม
โม่เชี่ยนนียกชาซดหนึ่งอึกตบโต๊ะดังฉาด ตอบว่า
"เรามาจากหมู่บ้านเดียวกันหลายปีก่อน ฉันมาที่เมืองจงไห่นี้ และเธอก็ช่วยฉันไว้มาก เธอเป็คนดีคนหนึ่ง"
"งั้นคุณก็มาจากเสฉวน"หยางเฉินรู้สึกประหลาดใจ
"ตอนที่อยู่โรงพยาบาลคุณบอกว่าคุณรู้จักกับรั่วซีมานานนั่นหมายความว่าคุณมาที่เมืองจงไห่นี้ั้แ่อายุ 1314?"
"ทำไม?มันแปลกนักเหรอ" โม่เชี่ยนนีตอบด้วยคำถาม
หยางเฉินส่ายหัว
"ผมแค่รู้สึกชื่นชมเด็กสาวอายุ 13 14 เข้ามาที่เมืองใหญ่ด้วยเจตจำนงของตนเองหนำซ้ำยังไต่เต้าจนกลายมาเป็ผู้จัดการภายในเวลาไม่กี่ปีแต่ผมสงสัยว่าพ่อแม่คุณอนุญาตให้คุณมาเมืองนี้เพียงลำพังงั้นหรือ?"
โม่เชี่ยนนีสีหน้าอึมครึมตอบว่า
"บ้านเกิดของฉันอยู่ในูเาที่นั่นยากจนข้นแค้น ต้องทำไร่เพื่อความอยู่รอดพ่อฉันเสียด้วยอาการเจ็บป่วยเมื่อฉันอายุ 13 ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านเป็โรคอะไรหลังจากนั้นแม่ของฉันก็ลำบากมากยิ่งขึ้นสุดท้ายเธอก็แต่งงานกับชายคนอื่นในหมู่บ้าน"
หยางเฉินไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาพูดเขาไม่คิดว่าเื้ัความงามนั้น เธอมีอดีตที่ดำมืดมาก่อน
"งั้นคุณคงไม่ยอมรับการแต่งงานของแม่ และออกจากหมู่บ้านมาใช่ไหม?"
"ไม่ใช่"โม่เชี่ยนนีหันหน้าหนี เอามือข้างหนึ่งกดที่ขอบตาพลางกล่าวว่า
"ฉันมีเหตุผลที่ออกมาจากที่นั่นที่แห่งนั้นไม่มีโรงเรียนมัธยม มหาวิทยาลัยยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉันเลยไม่้าเสียเวลาที่นั่น"
หยางเฉินสังเกตขอบตาของโม่เชี่ยนนีเปลี่ยนเป็สีแดงและรู้ว่าเธอไม่้าพูดถึงเื่ในอดีต
"ในเมื่อคุณพาผมมาที่นี่แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อรำลึกถึงบ้านเกิดใช่ไหม"
โม่เชี่ยนนีจ้องมองหยางเฉิน
"อาหารที่พี่เซียงทำนั้นอร่อยมากถึงแม้ว่าการพานายมาที่นี่ก็เพื่อที่ฉันจะได้มาเจอเธออีกครั้งแต่ยังไงก็ต้องขอบคุณนายที่ช่วยฉันเอาไว้"
"ผมแค่ทำในสิ่งที่ต้องทำท่ามกลางคุณทั้งสอง คนหนึ่งเป็ภรรยา อีกคนหนึ่งเป็หัวหน้า ผมไม่สามารถปล่อยพวกคุณให้ตกอยู่ในอันตรายได้"
"หน้าที่ของฉันคือต้องขอบคุณนายสำหรับรั่วซีนั้น เธอโชคร้ายพอแล้วที่เป็ภรรยาของนายแน่นอนว่าเธอไม่จำเป็ต้องขอบคุณนายด้วยการเลี้ยงข้าวแบบฉัน"
"เฮ้หมายความว่าไงที่รั่วซีโชคร้ายที่มีสามีแบบผม"หยางเฉินเอ่ยท้วง "แต่งกับผมเลวร้ายมากหรือยังไง?ผมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอนะ ด้วยเกียรติของสามีเลยเอ้า"
"เื่นี้เป็สิ่งที่นายต้องทำอยู่แล้วแต่เื่อื่นๆ นั้นไม่อาจเอามาเปรียบเทียบกันได้ นายเอาแต่เล่นเกมไปวันๆทำตัวเหมือนโจร แล้วนายทำอะไรอย่างอื่นอีก นายไม่มีแรงจูงใจหรือความทะเยอทะยานใดๆ และไม่มีคุณค่าใดๆจบจากฮาร์วาร์ด พูดได้หลายภาษาแล้วยังไง ไร้สาระสิ้นดีในโลกนี้นั้นคนที่ไม่มีความสามารถนั้นไม่น่าอับอายเท่ากับคนที่มีความสามารถแต่ไม่เคยใช้ให้เกิดประโยชน์ใดๆ"
หยางเฉินตกตะลึงโดยสมบูรณ์เธอสามารถทำให้เขากลายเป็คนที่น่าอับอายได้อย่างง่ายดาย ไม่แปลกใจเลยว่าเธอกลายมาเป็ผู้จัดการในแผนกพีอาร์ได้อย่างไร
เธอมีฝีปากที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้