“หากข้ามัวแต่กลัว แล้วมีใครมาเห็นเข้า ไม่ท่านก็นางคงได้ถูกปะา ความดียิ่งใหญ่เพียงนี้ไม่มีความหมาย น่าเสียใจจริง ๆ”
“เลิกเสแสร้ง!” เขาพูดเสียงเข้ม ก่อนหญิงสาวจะหันใบหน้างดงามไปยังอีกฝ่ายแล้วพูดขึ้น
“เช่นนั้น ข้าไม่ปรึกษาท่านแล้วก็ได้ เอาไปให้ท่านพ่อดีกว่า” นางพูดบางอย่างออกมา แล้วทำท่าเบี่ยงตัวเดินจากไป ก่อนมือของชายหนุ่มจะคว้าตัวนางได้ทัน
“เดี๋ยวก่อน เ้าพูดธุระของเ้ามา ไม่ต้องคิดก่อเื่แล้วเอาไปให้ท่านพ่อรับผิดชอบ ตอนนี้ท่านพ่อมีงานหลายอย่างต้องทำ ไม่ว่างมานั่งแก้ปัญหาให้เ้า” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงปล่อยยิ้มกว้าง แล้วล้วงเอาบางอย่างยื่นให้เขาด้วยกิริยาราบเรียบ
“อะไร?” ชายหนุ่มหยิบขึ้นมองแล้วเอ่ยถาม
“ดูเหมือนเป็ยาบางอย่าง ข้าพบมันที่ใต้หมอนของเยว่หลิว” เขาขมวดคิ้วเตรียมต่อว่านาง ก่อนหญิงสาวจะยกมือขึ้นห้าม
“อย่าพึ่งต่อว่าข้า นั่นเป็เพราะข้าเห็นเปาอินนำห่อผ้ามาให้เยว่หลิว และนางเองก็ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ทำให้ข้าตัดสินใจไปค้นที่ห้อง แล้วพบยาชนิดนี้อยู่ใต้หมอน จึงแบ่งถ่ายออกมา ข้าอยากรู้ว่ามันคือยาชนิดไหน ออกฤทธิ์อย่างไร อย่าลืมว่าข้ายังต้องอยู่ที่นี่อีกสามวัน เยว่หลิวเองก็ใช่ว่าจะดีต่อข้า สงสัยเอาไว้จะปลอดภัยกว่า” ชายหนุ่มนิ่งอึ้งในความเปลี่ยนแปลงของนาง
“เหตุใดจึงมองข้าเช่นนั้น” เสียงของนางทำให้เขาได้สติ แล้วค่อย ๆ เปิดขวดยาขึ้นดม เพียงแค่ได้กลิ่นถึงกับต้องเบือนหน้าหลบในทันที
“ท่านรู้หรือไม่ว่าเป็ยาชนิดใด”
“พิษเมา ยาตัวนี้ออกฤทธิ์คล้ายกับคนเมาเหล้า ถึงแม้ไม่เป็อันตราย แต่ก็ทำให้ไร้สติได้” เขาพูดพลางเก็บขวดยานั้นไป โดยไม่ส่งคืน ก่อนหญิงสาวจะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
“การสอบครั้งนี้ ดูท่าจะสนุกแล้วสิ” กล่าวจบจึงเบี่ยงตัวเดินจากไป ก่อนจิวอี้ซิงจะเอ่ยขึ้น
“ยังไงก็ต้องระวังตัวให้มาก ข้าตามปกป้องเ้าตลอดเวลาไม่ได้” คำพูดราบเรียบของเขา ทำให้หญิงสาวหันกลับมาแล้วพยักหน้ารับ
“น้องสาวผู้นี้รับทราบแล้วเ้าค่ะ” นางตอบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนชายหนุ่มจะส่ายศีรษะ แล้วเบี่ยงตัวเดินจากไปทำหน้าที่
หวางฟางเฟยเดินมาย่อตัวนั่งตามลำพัง พร้อมสายลมอ่อนพัดโชยมาปะทะกายเบา ๆ กลิ่นหอมของดอกไม้ด้านหน้าทำให้ความคิดบางอย่างผุดขึ้น
‘การที่ข้า ทำให้หวางฟางเฟยมีตัวตนในสายตาผู้อื่น ต้องแลกกับการมีศัตรูล้อมหน้าล้อมหลัง หันไปทางใดก็มีแต่คนจ้องเล่นงาน หากพลาดแม้เพียงก้าวเดียว จุดจบคงไม่สวยนัก’ หญิงสาวเลื่อนสายตาไปยังดอกไม้ที่ชูช่อสวยงาม ดึงดูดฝูงผีเสื้อให้มาดอมดม ก่อนความคิดจะผุดขึ้นอีกครั้ง
‘ข้อดีอย่างเดียวในร่างของหวางฟางเฟย คือมีอำนาจของเสนาบดีจิวคอยช่วยเหลือ ส่วนคุณชายจิวอี้ซิงจะว่าไปแล้ว...นับว่ายังมีเมตตาอยู่มาก ข้าเองก็อยากรู้นัก ว่าเขาจะทวงความยุติธรรมคืนให้กับข้าและท่านพ่ออย่างไร ในเมื่อผู้ต้องสงสัยคือบิดาของอดีตคนรัก’ หวางฟางเฟยทำได้เพียงแค่มองพฤติกรรมของจิวอี้ซิงห่าง ๆ ไม่เอาหัวใจลงไปเล่น เหมือนที่เ้าของร่างเดิมเคยทำพลาดไว้
“หวางฟางเฟย ถึงเวลาสอบแล้ว” เสียงเรียกของเพื่อน ทำให้นางได้สติ แล้วลุกขึ้นเดินตรงไปยังลานสอบ หญิงสาวเลื่อนสายตามองไปยังด้านหน้า พบกับพระสนม และจิวอี้ซิงทอดสายตามองมาเป็จุดเดียวกัน หากแต่นั่นไม่ทำให้นางใส่ใจมากนัก หญิงสาวย่อตัวลงนั่ง แล้วหยิบกระดาษข้อสอบขึ้นมาเขียน
“วันนี้สอบวิชาการ มีเวลาสอบสองชั่วยาม ผู้ใดเขียนเสร็จแล้ว ให้นำข้อสอบมาส่งที่ข้า แล้วไปพักผ่อนได้” สิ้นเสียงของอาจารย์กั๋วเจี้ยน บัณฑิตทั้งหมดก็ลงมือเขียนข้อสอบในทันที
คำถามในใบสอบ อ่านเพียงครั้งเดียวก็ทำให้หวางฟางเฟยสามารถตอบได้อย่างง่ายดาย เพราะในอดีตนางเป็ลูกสาวคนเดียวของสกุลหลิว บิดาลงทุนจ้างบัณฑิตมาสอนวิชาการต่าง ๆ ให้ เพราะหวังว่าวันหนึ่งจะพานางเข้ามาเรียนยังสถานศึกษาแห่งนี้เพื่อสอบวัดระดับ จะได้มีโอกาสเข้าทำงานรับใช้ราชวงศ์ แต่เพราะนางไม่อยากห่างจากมารดา จึงได้ปฏิเสธไป
‘หากเ้าได้เข้าไปเรียนที่สถานศึกษานูเหริน พ่อรับรองว่าเ้าจะต้องได้เป็ที่หนึ่ง ทั้งวาดภาพ เล่นดนตรี งานฝีมือ การทำอาหาร และงานวิชาการ ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดเก่งเท่าลูกสาวของข้า’ คำชมจากบิดาทำให้หลิวเซียนยู่ในร่างของหวางฟางเฟย ตั้งมั่นคว้าอันดับหนึ่งมาเป็ของตัวเอง
หญิงสาวเลื่อนสายตามองไปยังนาฬิกาน้ำ พร้อมเร่งทำข้อสอบให้เสร็จก่อนเวลา นางก้มหน้าเขียนด้วยตัวบรรจง แล้วหันมองไปยังเยี่ยนหวางเป็ระยะ เพื่อประเมินอาการของอีกฝ่าย ทั้งหมดในที่นั้นเงียบสนิท มีเพียงจิวอี้ซิงที่ยกชาขึ้นดื่มเป็ระยะ พร้อมสายตาของพระสนมจะแอบมองท่าทีของเขาอยู่ห่าง ๆ โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้
“ข้าเสร็จแล้ว” หวางฟางเฟยยกมือขึ้น แล้วเดินเอาคำตอบไปยื่นให้อาจารย์กั๋วเจี้ยน พร้อมสายตาของทุกคนจะเบิกกว้าง
“น้องสาวบุญธรรมของท่านมือปราบ เก่งกาจสมคำร่ำลือ เวลายังเดินไปไม่ถึงครึ่ง ก็ทำข้อสอบเสร็จเป็คนแรก” พระสนมแสร้งพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนชายหนุ่มจะนิ่งเงียบไม่ตอบโต้ เขามองร่างของหวางฟางเฟยที่กำลังจะเดินจากไป