“จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไร” องค์รัชทายาทเอ่ยเอาใจ“ต่อให้เปิ่นกงหลงลืมผู้ใดก็ไม่อาจลืมเ้าความสัมพันธ์เมื่อครั้งเ้ากับข้าเคยร่วมเรียนในสำนักศึกษาของเชื้อพระวงศ์ มิใช่สิ่งที่บรรดาหญิงนางโลมเ่าั้จะเทียบได้!”
อาจเป็เพราะเขามักปลอบหญิงงามจนเคยชินเดิมไม่ได้คิดจะทำดีกับนางนัก แต่สุดท้ายก็ยังหลุดปากเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกไป
ทว่าสตรีโง่งมนางนี้กลับคิดจริงจังนึกไม่ถึงว่าจะดีอกดีใจจนร้องไห้
นางหันหลังหนีไปร้องไห้ “เตี้ยนเซี่ยไม่จำเป็ต้องสนใจเฉินเชี่ย[1] เพคะ เฉินเชี่ยแค่ดีใจมากเกินไป...อีกครู่จะดีขึ้นเองเพคะ...”
องค์รัชทายาทยกยิ้ม แน่นอนว่าเขาคร้านจะปลอบนางจึงหันหลังหนีและเคาะนิ้วลงบนโต๊ะกลมคล้ายกำลังใช้ความคิด
แท้จริงแล้วสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ได้ย่ำแย่มาก เ้าสามแย่งหรงหว่านซีไปแต่เขาก็แย่งสตรีที่เ้าสามชอบมาเช่นกัน อย่างน้อยก็ถือว่าเสมอ
เพียงแต่สิ่งที่เขา้าไม่ใช่แค่การเสมอกันเท่านั้นเ้าสามกล้าแย่งผู้หญิงคนเดียวกันกับเขา ความอวดดีเช่นนี้ไม่อาจปล่อยไว้
ก่อนจะถึงวันมงคลสมรสยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือน ภายในครึ่งเดือนนี้หากปล่อยให้เ้าสามได้อยู่อย่างสงบ มันจะไม่เกินไปหน่อยงั้นหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องได้หรงหว่านซีสักครั้งแต่เื่เช่นนี้ไม่จำเป็ต้องรีบร้อนเพราะหากได้ลิ้มลองภรรยาผู้อื่นคงจะยิ่งน่าสนุก มิสู้ให้เ้าสามสุขสมไปก่อนสักหนเขาค่อยจัดการเด็ดผลไม้สุกงอมมาลิ้มลอง
ฉินอิ่งเยว่หันกลับมาจึงเห็นองค์รัชทายาทคล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่างนางบีบไหล่ให้เขาอย่างเบามือและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ถ้ามีสิ่งใดที่เตี้ยนเซี่ยทรงคิดไม่ตก หากเตี้ยนเซี่ยมิทรงรังเกียจ จะตรัสให้หม่อมฉันฟังก็ได้นะเพคะไม่แน่ว่าหลังจากพระองค์ตรัสออกมา วิธีการก็อาจจะตามมาก็ได้เพคะ”
“ก็ดี เปิ่นกงอยากจะถามเ้า” องค์รัชทายาทตรัส“เปิ่นกงสนใจบุตรสาวของแม่ทัพหรงยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ข้าทำเื่บางเื่ ทั้งๆ ที่ใกล้จะสำเร็จแล้วแท้ๆ... เื่นี้เ้าน่าจะรู้?”
“เื่อะไรหรือเพคะ?” ฉินอิ่งเยว่แสร้งทำเป็ไม่รู้ “ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยทรงพระปรีชาและรอบคอบแม้หม่อมฉันจะไม่ทราบเื่ราวความเป็มาแต่เชื่อว่าเื่นี้จะต้องสำเร็จแน่นอนเพคะ เพราะหม่อมฉันเชื่อมั่นในเตี้ยนเซี่ย”
“เดิมทีควรจะสำเร็จ...” องค์รัชทายาทถอนหายใจ“เพียงแต่ระหว่างทางกลับมีเฉินอ๋องโผล่ออกมาและคว้าคนของเปิ่นกงไปเฉินอ๋องไปขอพระเมตตาจากพระพันปีเพื่อช่วยหรงชิง หากไม่เป็เช่นนี้เมื่อคืนวานหรงหว่านซีคงได้อยู่บนเตียงของเปิ่นกง นอกจากนั้นบ่ายวันนี้พระพันปีทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้หรงหว่านซีเข้าพิธีสมรสกับเฉินอ๋องเปิ่นกงพ่ายแพ้อย่างสิ้นท่า จะต้องยอมจำนนเช่นนี้น่ะหรือ?”
“เหตุใดถึงมีเื่เช่นนี้? เฉินอ๋องทรงทำเกินไปแล้วเพคะ... อย่างไรเสียพระองค์ก็คือเสด็จพี่”ฉินอิ่งเยว่แสร้งทำไม่พอใจ
“เ้าไม่รู้สาเหตุจริงๆ อย่างนั้นหรือ?” องค์รัชทายาทหันกลับมาเอ่ยถามด้วยสายตาแฝงความนัย
ฉินอิ่งเยว่รีบถอนสายบัว “เตี้ยนเซี่ยโปรดทรงอภัยหม่อมฉันไม่ทราบจริงๆ เพคะหม่อมฉันไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดเตี้ยนเซี่ยทรงหมางเมินหม่อมฉันมาโดยตลอดแต่หากเตี้ยนเซี่ยทรงมีสิ่งใดเข้าพระทัยหม่อมฉันผิดไปจริงๆหม่อมฉันยินยอมสละชีวิตเพื่อพิสูจน์เพคะ! หม่อมฉันชื่นชมเตี้ยนเซี่ยมาโดยตลอดผู้ที่หัวใจของหม่อมฉันเฝ้าโหยหาและคิดถึงมาโดยตลอดมีเพียงเตี้ยนเซี่ยเพียงผู้เดียวเท่านั้นเพคะ!”
หากจะแสดงออกว่าไม่รู้โดยสิ้นเชิงก็คงจะจอมปลอมเกินไปต้องทำให้องค์รัชทายาทคิดว่าแม้นางรู้ แต่นางก็ไม่กล้าพูดออกมา ต้องทำให้เขาคิดว่านางเคารพนอบน้อมต่อเขากลัวเขา รักเขา... บุรุษเช่นองค์รัชทายาท้าความสดใหม่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวแต่สิ่งที่เขาปรารถนากลับเป็การแสวงหาความมั่นคงชั่วนิรันดร์
“ไม่ต้องกลัว เปิ่นกงแค่ถามไปเรื่อย” องค์รัชทายาทประคองนาง
ฉินอิ่งเยว่ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก นางลุกขึ้นและบีบนวดให้เขาอย่างเบามือพร้อมกับเอ่ย“หากหม่อมฉันพบเจอเื่เช่นนี้ก็คงอยากระบายโทสะเช่นกันเพคะเตี้ยนเซี่ยมีวิธีแล้วหรือไม่เพคะ?”
“ยังคิดไม่ออก เพราะฉะนั้นข้าถึงได้ถามเ้าเปิ่นกงจำได้ว่าเมื่อครั้งอยู่ในสำนักศึกษา เ้ามีความคิดฉลาดแกมโกงเป็อย่างมาก”
ฉินอิ่งเยว่บีบนวดให้องค์รัชทายาทอย่างเชื่องช้าภายในใจเกิดความคิดหนึ่ง ทว่าไม่ยอมเอ่ยออกมาทันที ผ่านไปครู่หนึ่งถึงปริปากเอ่ย“หม่อมฉันมีวิธีหนึ่งเพคะ ไม่ทราบว่าจะใช้การได้หรือไม่”
“ไหนเ้าลองบอกมา”
“ไทเฮาทรงยกบุตรสาวของแม่ทัพหรงให้เฉินอ๋องตระกูลหรงใกล้จะกลายเป็คนสนิทของเชื้อพระวงศ์หลายวันนี้จะต้องมีผู้คนไปแสดงความยินดีจำนวนไม่น้อยจะดีหรือไม่หากเตี้ยนเซี่ยก็เสด็จไปด้วยเพคะ?”
“หมายความว่าอย่างไร?”
ฉินอิ่งเยว่เอ่ย “เตี้ยนเซี่ยเสด็จไปจวนแม่ทัพเพียงแต่พระองค์อย่าไปที่นั่นเพียงครู่แล้วเสด็จกลับเช่นบรรดาใต้เท้าของราชสำนักเ่าั้และไม่อาจเสด็จไปเพียงลำพังพระองค์ต้องพาใต้เท้าผู้หนึ่งที่พร้อมจะคล้อยตามเตี้ยนเซี่ยติดตามไปด้วยเพคะหลังสนทนากับแม่ทัพหรงครู่หนึ่งก็บอกว่าอยากจะพบคุณหนูหรงเพราะ้าแสดงความยินดีต่อหน้าหลังบอกความ้าเสร็จไม่จำเป็ต้องรอให้แม่ทัพหรงตอบสิ่งใดรีบบอกให้ใต้เท้าผู้ติดตามไปด้วยกลับไปก่อนเสียก่อน จะต้องทำให้ดูเหมือนนัยยะแอบแฝงด้วยเพคะ...”
“เมื่อเป็เช่นนี้ยังต้องกังวลว่าจะไม่ถูกผู้อื่นเข้าใจผิดเพคะ? ทั้งๆ ที่เตี้ยนเซี่ยเสด็จมาพร้อมกับใต้เท้าผู้นี้ทว่าใต้เท้าผู้นี้กลับออกไปเพียงลำพัง เมื่อเป็ที่กล่าวขานออกไปคงไม่ดีต่อชื่อเสียงของคุณหนูหรงนัก หากเฉินอ๋องได้ยินเข้าจะคิดว่าตนถูกสวมเขาหรือไม่เพคะ?”
องค์รัชทายาทใช้ความคิดครู่หนึ่ง ทันใดนั้นตบโต๊ะเสียงดัง “ดีเป็ความคิดที่ดี! ถือเป็ความคิดที่ดียิ่งนัก... เหตุใดข้าถึงนึกไม่ถึงกันเล่า”
ถือเป็วิธีที่ทำเื่ทั่วไปให้บรรลุเป้าหมายที่น่าตกตะลึง!ถ้าเื่นี้เป็ที่เล่าลือจนรู้ไปทั่ว หากเสด็จพ่อกับพระพันปีตรัสถามขึ้นมาเขาก็แค่บอกว่าเป็การไปเยี่ยมเยียนถึงจวนเท่านั้น หากถูกตำหนิ เขาก็ทำเป็กล้ำกลืนความไม่เป็ธรรมเพราะเขาคิดว่าตนเป็องค์รัชทายาท ควรจะเมตตาอารีต่อผู้อื่นดังนั้นจึงไม่อยากให้ครอบครัวของแม่ทัพหรงต้องคิดเป็อื่นจึงได้ตั้งใจเดินทางไปถึงจวนเพื่อแสดงออกว่าตนยินดีกับงานมงคลครั้งนี้กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกผู้มีใจคิดร้ายเอาไปโพนทะนาจนกลายเป็เช่นนี้!
ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมนัก!
เรียกได้ว่าเป็แผนกำจัดศัตรูโดยที่ดาบไม่เปื้อนเืแม้ติดนิด!
“อิ่นเยว่ เปิ่นกงคิดไม่ผิดว่าภายในสมองน้อยๆของเ้าช่างเต็มไปด้วยความคิดฉลาดแกมโกง!”องค์รัชทายาทยกยิ้มพลางเคาะหัวฉินอิ่งเยว่ สีหน้าท่าทางต่างจากตอนพึ่งจะเข้ามาในเรือนลิบลับ
ฉินอิ่งเยว่ยกยิ้ม ภายในใจลอบเอ่ยว่าดีแต่ไม่ใช่เพราะเื่แผนการ แต่เป็เพราะเื่การทำเพื่อตัวนางเอก
นางเข้ามาอยู่ในจวนองค์รัชทายาทเกือบจะครึ่งปีทว่าจนถึงตอนนี้กลับเป็เพียง “กูเหนียง” ที่ไม่มีฐานะอะไร ไม่อาจเทียบกระทั่งบุตรอนุชายาแม้แต่เหม่ยเหริน[2] ก็ยังเทียบไม่ได้ เพียงแต่เมื่อครั้งพึ่งจะเข้าจวนองค์รัชทายาทโปรดปรานของใหม่จึงเสด็จมาเสพสุขกับนางที่นี่ติดต่อกันเป็เวลาหลายต่อหลายวัน ทว่าหลังผ่านไปนานเข้าความโปรดปรานของใหม่ที่เคยมีค่อยๆ เลือนหายจนหลงลืมนางไว้ข้างหลัง
นางรอมานานถึงเพียงนี้เมื่อโอกาสเข้ามามีหรือที่นางจะไม่คว้าเอาไว้?
นางมิใช่บุตรฮูหยินเอก ไม่มีฐานะอันสูงส่งหากอยากจะเป็พระวรชายาองค์รัชทายาท สิ่งที่นางจะหวังพึ่งได้ก็มีเพียงความโปรดปรานขององค์รัชทายาทเท่านั้นแต่สำหรับคนเช่นองค์รัชทายาท คำว่าโปรดปรานสองคำนี้ไม่อาจเชื่อถือนักเพราะฉะนั้นหากคิดจะมีที่ให้ยืนต่อไปอีกยาวนาน นอกจากการใช้ใบหน้างดงามดึงดูดยังต้องทำให้องค์รัชทายาทรู้สึกว่านางมีประโยชน์ ทำให้องค์รัชทายาทไม่อาจหนีห่างจากนาง
เื่ในวันนี้เป็เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น...
หลังจากมีพระราชเสาวนีย์ของพระพันปีผู้ที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนถึงจวนจึงไม่เคยขาดหนึ่งวันหลังพระพันปีมีพระราชเสาวนีย์ ร่างกายของท่านพ่อไม่ดีนักทว่าไม่อาจหักหน้าสหายในราชสำนัก เมื่อสองวันก่อนต้องตื่นมาพบแขกทำให้ทรมานร่างกายจนอาการเริ่มย่ำแย่กว่าเดิม
อาจเพราะเื่ร่างกายของท่านพ่อไม่สู้ดีนักถูกเผยออกไปสองวันนี้จึงไม่มีผู้ใดแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนต่างพากันส่งจดหมายแสดงความยินดีเป็การทดแทน นอกจากคำกล่าวแสดงความยินดีเนื้อความไม่น้อยยังเอ่ยถามไถ่ถึงอาการป่วยของท่านพ่อเพื่อแสดงความเป็ห่วงเป็ใย
เมื่อก่อนผู้คนต่างพากันหนีหายยามนี้กลับมีแต่ผู้คนเข้ามาประจบสอพลอความอบอุ่นและความเ็าของผู้คนคงหนีไม่พ้นเป็เช่นนี้
วันนี้หรงหว่านซีกำลังป้อนยาบิดาเด็กรับใช้หน้าประตูเข้ามารายงานว่า “นายท่าน ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยกับเ้ากรมพิธีการเดินทางมาแล้วขอรับ”
เมื่อได้ยินว่าองค์รัชทายาทเสด็จมาใบหน้าของสองพ่อลูกต่างฉายแววประหลาดใจ
[1]เฉินเชี่ย คือคำเรียกแทนตัวภรรยาหมายถึงภรรยาผู้ต่ำต้อย
[2]เหม่ยเหริน เป็ชื่อตำแหน่งพระสนมขั้น4