เมิ่งเฟยเพียงพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเขาจากสูตรลับ หลังจากนั้นเพียงแค่ขยับมือไม่กี่ครั้ง ไม่นาน แผ่นแป้งสุกอีก 2 ชิ้นก็เสร็จเรียบร้อย
“เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณที่อุดหนุนนะคะ” สาวน้อยห่อแป้งใส่กระดาษน้ำมัน พลางยื่นส่งให้ด้วยรอยยิ้มการค้า
เมื่อเห็นว่าหวางต้าชุยยินดีที่จะควักเงินอีก 6 เหมาขึ้นมาจ่าย หลายๆ คนที่กำลังมองอยู่ก็เริ่มทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว รวมทั้งกลิ่นหอมๆ นั่นก็ได้ล่อลวงพวกเขาอยู่สักพักใหญ่แล้ว
ชายที่เมื่อครู่เพิ่งะโคุยกับหวางต้าชุยอยู่ก็เดินเข้ามาอีกไม่กี่ก้าว “ให้ฉันลองดูหน่อยซิ สาวน้อยเอาแพนเค้กต้นหอมให้ฉัน 1 แผ่น”
“ได้เลยค่ะลูกค้า!” แม่ค้าสาวตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง
หลังจากเห็นว่ามีคนเริ่มลองอีก หลายสายตาก็มองด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนกระทั่งชายคนนั้นจ่ายเงินและเริ่มเป่าแผ่นแป้งจนเย็นลงเล็กน้อย จากนั้นก็กลับไปเต็มคำ รูปลักษณ์ที่ดูเหมือนหลงใหลอย่างยิ่งก็ปรากฏให้เห็นอีกครั้งในดวงตาของอีกฝ่าย
มีคนถามขึ้น “เสี่ยวหลิว เป็ยังไงบ้าง ต้าชุยแค่โม้ไปเองใช่หรือเปล่า?”
ชายที่ถูกเรียกชื่อรีบส่ายหน้าทันที “ไม่ๆ เล่าหวางพูดถูกนะ มันอร่อยจริงๆ” เขาพูดขณะที่เคี้ยวไม่หยุดปาก ขณะเดียวกันก็มองไปที่แพนเค้กที่เหลืออีกครึ่งอย่างเสียดาย “แต่ฉันไม่ได้รวยเหมือนเขา คงจะซื้ออีกหลายๆ แผ่นไม่ได้หรอก”
พอพูดจบ เขาก็เขย่าเงินในกระเป๋าเล็กน้อย ก่อนหันหน้าไปหาเสิ่นเมิ่งเฟย “แม่ค้า …ขออีก 1 อันให้ฉันหน่อย”
คนที่เพิ่งถาม “...”
สำหรับคนงานที่ต้องใช้เงินเดือนเลี้ยงทั้งครอบครัว พวกเขายังจะมีเงินซื้อของอร่อยนอกบ้านสักกี่หยวนกันเชียว?
ถ้ามีคนเต็มใจจะจ่ายเงินมากกว่า 3 เหมาให้กับแพนเค้กต้นหอมที่สาวน้อยคนนี้ขาย นั่นหมายความว่ามันคงจะต้องมีอะไรดีสักอย่างแน่ ดังนั้นไม่นานจึงมีคนที่อยากรู้อยากเห็นเริ่มเข้ามาลิ้มลองด้วยเช่นกัน
‘เอาน่า... ลองดูสักหน่อยจะเป็ไรไป!’ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของหลายๆ คน
พวกเขาคิดว่า หากไม่อร่อยเหมือนที่คนแรกๆ คุยโม้ อย่างน้อยกลิ่นหอมขนาดนี้รสชาติก็คงไม่เลวร้ายนัก แล้วก็ยังถือเป็การสนองความอยากของตัวเองด้วย ถ้าไม่อร่อยก็แค่ไม่กลับมาซื้ออีกแค่นั้นเอง
“สาวน้อย ขอฉันอันหนึ่ง!”
“ฉันด้วย!”
เสิ่นเมิ่งเฟยไม่ได้คาดหวังว่าแพนเค้กของเธอจะขายได้ง่ายขนาดนี้ มือของเธอเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพียงแค่พลิกมือไม่กี่ครั้ง แป้งนุ่มๆ ก็ถูกห่อยัดไส้แล้ววางลงไปบนกระทะอย่างสวยงาม ความเร็วมือของเธอก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าโดยที่เธอไม่ทันสังเกต แถวที่ต่ออยู่ตรงหน้าก็เริ่มมีผู้คนต่อยาวมากขึ้นทีละน้อย
หลายสิบนาทีต่อมา เมื่อมือที่คว้าจับได้เพียงความว่างเปล่า หญิงสาวก็พบว่าแป้งที่ได้เตรียมมานั้นหมดเกลี้ยงแล้ว
เธอขายแพนเค้กทั้ง 30 แผ่นได้ในเวลาเพียงชั่วโมงกว่าๆ หลังจากมาถึงเท่านั้น!
เสิ่นเมิ่งเฟยหันไปพูดกับคนที่รออยู่อีกหลายคนด้วยสีหน้าเขินอายแกมขอโทษ “พี่ชายพี่สาว วันนี้ของที่ฉันเตรียมมาหมดแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ” เธอโค้งตัวเล็กน้อย
“หา? หมดแล้วเหรอ!” ชายคนหนึ่งที่ยืนรออยู่เกือบสิบนาทีโอดครวญ “ฉันอุตส่าห์ยืนรอตั้งนานนะ!”
“ทำไมถึงเตรียมของมาน้อยจังล่ะ? นี่เธอตั้งใจจะขายของจริงหรือเปล่าเนี่ย”
หญิงสาวพูดอธิบายอย่างใจเย็น “วันนี้เป็วันแรกที่ฉันมาขายของก็เลยไม่กล้าเตรียมของมาเยอะเพราะกลัวจะขายไม่ได้แล้ววัตถุดิบจะเสีย วันพรุ่งนี้ฉันจะเตรียมมาให้มากกว่านี้แน่นอนค่ะ”
“จริงด้วย ฉันเพิ่งเห็นเธอวันนี้วันแรกเอง คนเราจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังนี่นะ วัตถุดิบพวกนี้ก็ไม่ถูกเลย”
“ใช่ๆ ถ้าอย่างนั้นแม่หนู พรุ่งนี้ทำมาเยอะๆ หน่อยสิ พวกเรารอซื้อของเธออยู่นะ”
เสิ่นเมิ่งเฟยยิ้มและตอบ “ขอบคุณคุณป้า พรุ่งนี้ต้องมีส่วนของคุณแน่นอนค่ะ”
ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและคำพูดอันไพเราะ แม้ว่าหลายคนจะเสียดายและอารมณ์เสีย แต่พวกเขาก็ยังบอกว่าพรุ่งนี้จะมาอุดหนุนเธออีก ไม่นานกลุ่มคนที่มุงอยู่ก็เริ่มสลายตัว
หญิงสาวเองก็รีบเก็บของทุกอย่างอย่างรวดเร็ว
ได้เวลาเลิกงานแล้ว!
ตอนแรกเธอยังคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลาถึงเที่ยงวันกว่าจะขายของเสร็จ ไม่คิดว่าทักษะของระบบจะช่วยโฆษณาตัวเองได้ผลดีขนาดนี้ เธอแทบไม่ต้องะโเรียกลูกค้าให้เจ็บคอ ของก็ถูกขายจนหมดเกลี้ยง
ตอนนี้เธอมีเงิน 9 หยวนอยู่ในมือแล้ว เมื่อหักลบค่าวัตถุดิบจนเหลือเพียงกำไรอย่างเดียว เพียงเช้านี้เธอสามารถทำเงินได้ถึง 5.64 หยวน!
