เมื่อทั้งสองคนเดินทางมาถึงสถานที่ที่จะลงมือทำแล้ว ก็ได้ลองใช้โคลนนิ่มในการทดลอง แม่พิมพ์อิฐก้อนแนวนอนทำมาจากไม้ ส่วนนี้จางเฉาิสามารถทำออกมาได้ตามคำบอกของนาง ส่วนกระเบื้องจะต้องเป็รูปครึ่งวงกลมที่เหมือนไม่มีฝาปิด การทำแม่พิมพ์เหล่านี้ไม่ได้เสียเวลามากนัก
จากนั้นก็คือการผสมโคลน และใส่โคลนลงไปในแม่พิมพ์ กระเบื้องจะถูกตัดด้วยเส้นจากนั้นก็นำไปวางไว้ในที่แห้งและเย็น
ระหว่างที่รอให้แห้ง จางเฉาิจึงอยู่ที่นี่เพื่อสร้างเตาเผา
สถานที่สำหรับสร้างเตาเผาถูกขุดเอาไว้ข้างๆ โดยขุดลึกเข้าไปด้านใน ทำให้มันกลวง ตรงกลางวางคานเหล็กที่ถูกทำขึ้นมาพิเศษ ซึ่งถือว่าการขุดเตาเผาประสบความสำเร็จ
ในตอนที่กำลังนำก้อนอิฐเข้าไปใส่นั้น ซูฉีเฉียวและจางเฉาิก็พูดคุยความในใจกันอีกครั้ง
“เฉาิ เ้าเผาอิฐพวกนี้ออกมาได้ไม่มีปัญหา แต่เ้าเคยคิดหรือไม่ว่าบริเวณที่พวกเราอาศัยอยู่มีคนค่อนข้างน้อยเกินไป เมื่อเ้าเผากระเบื้องออกมา ก็จะต้องลากไปขายในเมือง ระยะทางค่อนข้างไกล อีกอย่างถนนของพวกเราก็ไม่ค่อยจะราบรื่นนัก หากพวกเราจะอาศัยอยู่ที่นี่ระยะยาว เราควรจะซ่อมถนนกันดีหรือไม่ ไม่ต้องทำให้เป็ถนนที่กว้างขวางอะไรถึงเพียงนั้น อย่างน้อยก็พอสำหรับให้รถม้าวิ่งได้”
การที่จะนำอิฐเข้าไปขายในเมืองโดยไม่เสียเงินนั้นไม่ใช่หมายความว่าทำไม่ได้ เพียงแต่ว่าจะต้องใช้แรงคนค่อนข้างมาก ในส่วนนี้สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทำกิจการนั้นน่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
“อืม พวกเราอยู่ที่นี่กันไปนานๆ ดีกว่า ข้าว่าที่ดินผืนนี้ดูเป็ที่ที่แร้นแค้นสำหรับคนอื่น แต่สำหรับพวกเรากลับเป็ดินแดนแห่งความผาสุก อีกทั้งข้ามองดูผู้อพยพที่หลบหนีความลำบากมา พวกเขาเองก็คุ้นเคยกับการอยู่ที่นี่ พูดถึงเื่ซ่อมถนนข้าเชื่อว่าพวกเขาต้องยินดีแน่”
หาก้ารวยจะต้องซ่อมถนน นั่นคือความคิดในยุคปัจจุบันเกี่ยวกับความร่ำรวย เมื่อนำมาใช้ในยุคสมัยนี้ก็น่าจะใช้ได้เช่นกัน
และซูฉีเฉียวเชื่อมั่นว่าด้วยอาชีพการผลิตน้ำตาล และล่าสัตว์ป่าไปขาย หลังจากนี้ที่ดินยากจนผืนนี้ก็จะกลายเป็หมู่บ้านที่มีคนรู้จักมากขึ้น
“ข้าคิดว่าหมู่บ้านของพวกเราควรจะตั้งชื่อให้ไพเราะสักชื่อ เอาแต่เรียกว่าหมู่บ้านฮวง (แห้งแล้ง) เช่นนี้ไม่น่าฟังเท่าใด สู้ตั้งชื่อใหม่เพราะๆ ว่าหมู่บ้านซิน (ใหม่) ยังจะดีเสียกว่า ความหวังใหม่ อุดมการณ์ใหม่ ความคิดใหม่ ชีวิตใหม่ หมู่บ้านใหม่เช่นนี้ ข้าว่าน่าฟังกว่า”
จางเฉาิหัวเราะและพยักหน้าอย่างมีความสุข มือของเขาก็เริ่มไม่อยู่สุขขึ้นมา “ตกลง ภรรยาว่าอย่างไรก็ได้อย่างนั้น พรุ่งนี้ข้าจะบอกกับคนในหมู่บ้าน บอกว่าหมู่บ้านของพวกเราหลังจากนี้คือหมู่บ้านแห่งความหวัง ดังนั้นหมู่บ้านแห่งนี้จะมีชื่อใหม่ว่าหมู่บ้านซิน”
กลิ่นหอมบนร่างกายของภรรยาช่างหอมหวนนัก ทำให้จางเฉาิอดใจไม่ไหวจนไปคลอเคลียบนตัวนาง
“ภรรยา…”
“ไปเสีย…ลูกๆ อยู่ด้านนอกนะ…”
“อย่าเลย ข้าทำเบาๆ ก็ได้แล้ว”
“นี่ เ้าคนเลว นี่มัน…กลางวันแสกๆ นะ…”
“ภรรยา…”
“อื้อ…”
ไม่นานในบ้านก็เกิดเสียงที่ไม่ปรองดองกันเท่าใดนัก นางเฉินที่ตั้งใจจะมาเรียกทั้งคู่ไปกินข้าว เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็หน้าแดงขึ้นมา “เ้ากระต่ายน้อยทั้งสองนี่นะ ตอนอยู่ข้างนอกก็ซื่อๆ กันดี ไม่คิดเลยว่าอยู่ในบ้านแล้วจะ…”
“ท่านยาย…” เสียงของหลานสาวเอ่ยเรียกขึ้นมา นางเฉินใและรีบเข้าไปห้ามเ้าตัวน้อยทั้งหลายทันที “ไปๆ ที่นี่ไม่มีอะไรน่าสนุกหรอก มา ยายจะพาพวกเ้าไปหาของอร่อยๆ กินข้างนอก”
“แต่ว่า…ข้ามีเื่อยากจะพูดกับท่านแม่” ต้านิวมองไปในบ้าน นางเห็นว่าบิดามารดากลับมาแล้วนี่นา
“เอ่อๆ ท่านแม่ของเ้าป่วยน่ะ ไปๆ อย่าไปกวนท่านแม่เขาเลยนะ”
ซูฉีเฉียวที่อยู่ในบ้านได้ยินคำพูดนั้นก็หยิกใครคนหนึ่งด้วยความเขินอาย แต่ใครคนนั้นกลับยังคงขยันขันแข็ง “ท่านแม่ช่างดีจริงๆ รู้จักเวลาเลี้ยงลูกให้พวกเราด้วย ภรรยา เ้ามีลูกของเราสองคนให้ข้าสักคนได้หรือไม่ ข้าอยากได้ลูกชาย”
เขาอยากจะมีลูกกับนาง อันที่จริงไม่ว่าจะเป็บุตรชายหรือบุตรสาว เขาก็รักทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเขามีบุตรสาวสามคนแล้ว หากอยากได้เพิ่ม แน่นอนว่าก็ต้องเป็บุตรชาย ยามนี้มีแม่ยายอยู่ด้วย มีคนช่วยดูแลลูกๆ บุตรสาวทั้งสามคนก็เติบโตแล้ว พวกเรา…สามารถมีลูกได้อีกคน
โชคดีที่ในหมู่บ้านมีคนเยอะ ่นี้ก็มีเป็่ที่มีเวลาว่าง วันต่อมาเมื่อจางเฉาินำแผนการนี้ไปบอกกับทุกคน พวกเขาต่างก็ให้การตอบรับเป็อย่างดี เถ้าแก่ของพวกเขารับพวกเขาเอาไว้ตอนที่พบเจอกับความลำบาก เวลานี้เมื่อให้พวกเขาทำอะไรต่างก็ยินยอมพร้อมใจทั้งนั้น
“เื่การซ่อมถนน ข้าไม่ได้ให้พวกเ้าทำงานเปล่าๆ ทุกครั้งที่ทำงานจะได้รับเงินยี่สิบเหรียญทองแดง มีอาหารให้ นอกจากนั้นก็ยังจะได้เงินพิเศษอีกสิบเหรียญ คนผู้หนึ่งทำงานหนึ่งวันก็จะได้เงินสามสิบเหรียญ”
จางเฉาิและภรรยาไม่ใช่คนที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่น ถึงแม้จะรับพวกเขามาทำงาน แต่ก็มีการคำนวณค่าแรงให้เสมอ คนที่ได้ยินคำพูดเ่าั้ต่างก็รู้สึกปลื้มใจ สำหรับพวกเขาแล้วเงินสามสิบเหรียญเป็รายได้ที่ไม่เลวเลย บางคนก็เคยไปทำงานระยะสั้นที่บ้านเถ้าแก่คนอื่นๆ ได้ค่าแรงแค่วันละไม่เกินยี่สิบเหรียญเท่านั้น
เถ้าแก่ในตอนนี้ดีขนาดนี้ พวกเขาย่อมมีความสุขอยู่แล้ว
ด้วยรายได้ที่สูง ประสิทธิภาพการทำงานก็ยิ่งเพิ่มขึ้น คนงานที่ขยันขันแข็งล้วนได้รับการดูแลอย่างดี พละกำลังที่มีถูกนำไปใช้กับถนนสายนี้ทั้งหมด นับั้แ่นั้นเป็ต้นมา หมู่บ้านที่แห้งแล้งในอดีตก็ได้สร้างถนนสายใหม่เพื่อกระจายเส้นทางการเดินทางไปทั่วสารทิศ
มีคนจำนวนไม่น้อยพากันมาดู จางเฉาิเป็คนมีความปราดเปรียว เมื่อเห็นว่ามีคนมาดูการทำถนน จึงใช้โอกาสนี้เพื่อแจ้งเื่การทำอิฐและกระเบื้องของตนเองออกไป
“ล้วนเป็หมู่บ้านใกล้เคียงกันทั้งนั้น หลังจากนี้หากพวกท่านมาซื้ออิฐหรือกระเบื้องกับข้า ข้าจะให้ราคาถูกกับพวกท่าน ซื้อห้าร้อยให้เพิ่มอีกห้าสิบ ซื้อสิบให้เพิ่มหนึ่ง ราคาเช่นเดียวกับด้านนอก”
นั่นคือกลยุทธ์ทางการค้าที่เขาคิดมาอย่างดีแล้ว แน่นอนว่าเื่นี้ก็ได้รับความคิดเห็นมาจากซูฉีเฉียวแล้ว เพราะภรรยาของเขาเป็คนมีความคิดมากมาย ความสามารถพิเศษนั้นเป็เื่ปกติสำหรับนาง
คนที่ได้ยินสิ่งที่เขากล่าวมาก็รู้สึกว่าไม่เลว ซื้อสิบให้เพิ่มหนึ่ง นี่ถือว่าเป็การลดราคาที่ไม่น้อยเลย ราคาเท่ากัน หากคุณภาพเหมือนกันอีก นั่นก็เป็ทางเลือกที่ดี ดังนั้นเมื่อกลับไปพวกเขาจึงพากันพูดถึงเื่หมู่บ้านซิน
คนในหมู่บ้านชนบทไม่มีข่าวสารอะไรให้ดู เมื่อมีข่าวเช่นนี้จึงทำให้เผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว แค่มีคนในหมู่บ้านรู้ข่าวนี้สักคน ไม่เกินหนึ่งวันคนก็รู้กันทั้งหมู่บ้านแล้ว นับั้แ่วันนั้นเป็ต้นมา ข่าวเกี่ยวกับหมู่บ้านที่สร้างถนนสายหลักก็แพร่สะพัดไปทั่วเพียงชั่วข้ามคืน และเื่ที่จางเฉาิสร้างเตาเผาก็แพร่กระจายออกไปทั่วเพียงระยะเวลาแค่คืนเดียวเช่นกัน
ยามที่ข่าวเ่าั้แพร่ออกไป ครอบครัวจางก็ได้รับรู้ข่าวในเวลาไม่กี่วันต่อมา และในวันนั้นบุตรสาวคนโตของตระกูลจางที่ได้แต่งงานออกเรือนไปแล้วก็ได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวพร้อมกับของฝากเล็กน้อยๆ ในฐานะผู้เป็บุตรสาวคนโต นางเป็ที่รักและเอ็นดูของตาเฒ่าจางมาโดยตลอด เพราะการถือกำเนิดของบุตรสาวคนแรกทำให้เขาได้มีความรู้สึกเป็เกียรติของผู้เป็พ่อ
และทุกครั้งที่บุตรสาวคนโตคนนี้เดินทางกลับมาก็มักจะแสดงความห่วงใยต่อเขาเสมอ ดังนั้นความรักที่มีต่อบุตรสาวนั้นเขารับรู้ได้อย่างชัดเจน
……
“ท่านแม่ ไข่ไก่พวกนี้ข้าตั้งใจนำมาให้ เฮ้อ ปีนี้ผลเก็บเกี่ยวของที่บ้านไม่ค่อยดีสักเท่าไรนัก ไก่ก็ตายไปหลายตัว ไข่ไก่เหล่านี้ข้าก็ไปเอามาจากพวกน้องสาวปากร้ายเ่าั้ ท่านแม่รับไว้เถอะเ้าค่ะ”
จางเฉาจวี๋วางห่อของฝากเล็กๆ เอาไว้เบื้องหน้าของนางจางหลิ่ว ด้วยสีหน้าที่แฝงไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
สำหรับบุตรสาวคนนี้ นางจางรู้จักเป็อย่างดี นางเป็คนตระหนี่มาแต่ไหนแต่ไร ยามนี้ตั้งใจจะนำไข่ไก่มาให้นางจริงๆ หรือ จะต้องรู้ก่อนเลยว่า ไข่ไก่หนึ่งฟองราคาตั้งสามเหรียญทองแดงเชียวนะ
นางฝืนยิ้มให้กับจางเฉาจวี๋ หลังจากที่รับมาใบหน้านั้นก็หม่นหมองลงทันที นางที่เก็บไข่ไก่ทุกวันรู้ขนาดและน้ำหนักของไข่ไก่เป็อย่างดี น้ำหนักในตอนนี้ทำให้นางคาดเดาได้ว่าด้านในคงมีไข่ไก่เพียงสี่ห้าฟองเท่านั้น นางนำไข่ไก่สี่ห้าฟองกลับมาที่บ้านบิดามารดา เมื่อถึงเวลากลับตาเฒ่าจางก็จะให้ของมากมายแก่นางกลับไป…นางจางหลิ่วยิ่งคิด สีหน้าของนางก็ยิ่งหม่นหมองมากขึ้น
“ภรรยา เ้ารีบไปทำอาหารเร็ว ลูกสาวของเราไม่ได้กลับมานานแล้ว เหตุใดเ้าถึงมานั่งตรงนี้ไม่ขยับไปไหนอีกเล่า” ตาเฒ่าจางเห็นภรรยามีสีหน้าไม่สู้ดี จึงได้ตำหนิออกมา
แม้ว่าเขาจะเป็คนหูเบา แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เื่ใหญ่ๆ ในบ้านก็ต้องเป็เขาที่เข้ามาจัดการ ตาเฒ่าจางเชื่อเสมอมาว่าสตรีดูแลเื่ในบ้าน บุรุษดูแลเื่นอกบ้าน
สองปีมานี้เขาใช้ชีวิตด้วยความผ่อนคลายมาตลอด บุตรชายคนที่สี่และซูฉีเฉียวใช้ชีวิตล่าสัตว์อยู่ข้างนอกมาหนึ่งปีก็ได้ให้เงินเขามาใช้จ่ายด้วย รายได้ในบ้านก็ถือว่าไม่เลวเลย สองปีนี้ค่าเล่าเรียนของบุตรชายคนเล็กก็สามารถชำระได้โดยไม่ต้องติดค้าง
และเพราะเหตุนี้ ตาเฒ่าจางในสองปีที่ผ่านมาบนใบหน้าของเขาถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มมาโดยตลอด
“กิน กิน ตาแก่อย่างเ้ารู้แค่เื่กินๆ ดื่มๆ บ้านเรายากจนจนจะไม่มีอะไรกินอยู่แล้ว เ้าก็สนใจแต่เื่กิน หากยังจะกินแบบนี้ต่อไปอีก บุตรชายของพวกเราก็ไม่ต้องเรียนหนังสือแล้ว”
ในใจของนางจางหลิ่วบ่นเื่ที่จางเฉาจวี๋นำไข่ไก่กลับมาเยี่ยมที่บ้านเพียงแค่สี่ห้าฟอง ครอบครัวปกติทั่วไปหากนำของฝากมาให้ อย่างน้อยก็ต้องเป็ไข่ไก่ถึงสิบฟอง แต่ตาเฒ่าจางคิดว่าบุตรสาวคนนี้ช่างดีเหลือเกิน ทั้งที่นำไข่ไก่มาให้เพียงแค่สี่ห้าฟอง ดูไปแล้วน่าจะเป็ไข่ขนาดเล็กที่สุดอีกด้วย เพียงแค่คิดว่าอีกครู่ต้องทำอาหารให้กิน ไหนจะเอาของให้กลับไปอีก คนที่เป็ฝ่ายเสียผลประโยชน์อย่างนางจางหลิ่วจะอารมณ์ดีได้อีกหรือ
จางเฉาจวี๋ที่มองดูอยู่ก็ยกมือขึ้นตบขาฉาดใหญ่ทันที “ท่านแม่ ลูกสาวคนนี้ช่างไร้ค่าจริงๆ ข้าก็อยากจะนำของมาแสดงความกตัญญูต่อพวกท่านให้มากกว่านี้ แต่ว่า…ปีนี้ครอบครัวของข้ายากแค้นจนแทบไม่มีข้าวกินแล้ว หากไม่ใช่เพราะไม่มีทางเลือกจริงๆ ข้าก็คงไม่กลับมาให้ท่านพ่อช่วยเหลือหรอกเ้าค่ะ ท่านพ่อ ครั้งนี้ท่านพ่อจะต้องช่วยข้านะเ้าคะ ข้า…ข้าอยากจะมาหยิบยืมอาหารที่บ้านสักหน่อย ครอบครัวของพวกเรา ั้แ่ที่พ่อของพวกลูกๆ ออกไปทำงานข้างนอกและพบเจอกับความไม่ราบรื่น ครอบครัวของข้าก็ยากจนเสียไม่มีอะไรจะกิน”
เมื่อเอ่ยคำพูดที่น่าเศร้าออกมา จางเฉาจวี๋ก็ปาดน้ำตา เพราะนางไม่มีทางเลือกถึงได้กลับมาร้องห่มร้องไห้ที่บ้านเดิมเช่นนี้
นางรู้สึกผิดหวังกับสามีของตนเอง ปากก็บอกว่าจะออกไปค้าขายและนำเงินกลับมา ผู้ใดจะคิดว่ามันจะไม่ราบรื่น ของขายไม่ได้ ทั้งยังถูกคนทุบตีกลับมาอีก แต่ก็ไม่กล้าป่าวประกาศบอกออกไป ได้แต่บอกคนอื่นว่าถูกโจรปล้น
น่าเสียดายที่คน่เป็เ้าหนี้ได้ข่าวเข้า จึงได้ฉกฉวยเอาเครื่องใช้ในบ้านและสิ่งของมีค่าทั้งหมดไปและหยิบนั่นยืมนี้ไปจนคืนหนี้ได้หมด เงินก็คืนแล้ว แต่ในบ้านก็ยากจนข้นแค้นจะไปมีอะไรยาไส้ได้อย่างไร ลูกๆ ทั้งสามคนก็ยังเล็กนัก นางถูกครอบครัวสามีเข้ามาปลุกปั่นให้นางนำไข่ไก่ห้าฟองกลับมาหาครอบครัวเดิมเพื่อขอหยิบยืมอาหาร
แต่ว่าการหยิบยืมอาหารครั้งนี้ นางรู้สึกค่อนข้างมีความมั่นใจ อันที่จริงได้มีคนนำข่าวนี้มาแจ้งกับตัวนางจางหลิ่วแล้วว่าบุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้วจะกลับมาหยิบยืมอาหาร การหยิบยืมนี้นางรู้ชัดเจนดีว่าหากให้ยืมไป ก็คงจะไม่มีทางได้คืนกลับมา จากความสามารถของบุตรสาวผู้นั้น คนตระหนี่ถี่เหนียวจะยอมคืนหรือ
ด้วยความโกรธ นางจางหลิ่วเท้าเอวและต่อว่าไปที่ตาเฒ่าจาง “ตาแก่ นี่คือบุตรสาวที่เ้าเลี้ยงดูมาอย่างดีอย่างนั้นหรือ ทุกครั้งที่กลับมา หากไม่ได้ยืมสิ่งนั้นก็ขอสิ่งนี้ หากเ้ายังจะมาข่มขู่กันเช่นนี้อีก ข้ากับเฉาเหวินจะไปอยู่ด้วยกัน ไม่้าตาแก่ที่เฉยเมยและคอยทำตัวเป็คนดีแบบเ้าหรอก”
คราแรกตาเฒ่าจางตั้งใจจะเอ่ยปากบอกว่าถ้าอยากจะยืมก็แบ่งไปสักหน่อยแล้วกัน นั่นก็ลูก นี่ก็ภรรยา เขาจะปล่อยบุตรสาวไปแบบนี้ได้อย่างไรกัน
แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินภรรยาบอกว่าจะออกไปใช้ชีวิตตามลำพังกับบุตรชายคนเล็ก หากปล่อยให้เป็เช่นนั้นจริงๆ คงจะได้ถูกคนในหมู่บ้านหัวเราะเยาะเอาแน่
สีหน้าของเขากลายเป็เ็าขึ้นมาทันที “นี่ยายแก่ เ้าพูดอะไรออกมา จะออกไปใช้ชีวิตกับเฉาเหวินตามลำพังอย่างนั้นหรือ พูดออกมาได้อย่างไรกัน เ้าจะออกไปใช้ชีวิตด้วยตนเองแล้วเ้าจะสามารถเลี้ยงดูเฉาเหวินของพวกเราได้อย่างนั้นหรือ อย่าได้กล่าววาจาเช่นนี้ออกมาอีกเชียวนะ”