ไป๋หยุนเฟยหวังจะใช้ก้อนอิฐพิชิตเคล็ดิญญาผ่ายตรงข้ามให้ได้ ต่อให้ต้องจ่ายค่าตอบแทนโดยการฝืนใช้กล้ามเนื้อและกระดูกบนแขนขวาก็ตาม
“พลั่ก!”
เสียงทุ้มหนักดังขึ้นยามที่ก้อนอิฐกระแทกถูกข้อมือคู่ต่อสู้อย่างถนัดถนี่!
หลงเทากู่ลอบตื่นตระหนกในใจ แต่หลังถูกกระบวนท่านี้จู่โจมใส่ก็เพียงรู้สึกว่าแขนขวาของตนเบนเปลี่ยนทิศไปเล็กน้อย ความเ็ปที่ข้อมือกลับไม่มากเท่าใดมิหนำซ้ำร่างกายยังไม่มีอันใดผิดปกติ
หลังจากหลงเทากู่ตื่นตระหนกเพียงชั่ววูบในใจก็เปลี่ยนเป็ยินดี มันลอบคิดว่าตนเองหวาดวิตกเกินไปแล้วนี่เป็เพียงก้อนอิฐธรรมดาเท่านั้น ขณะเดียวกันดวงคาหลงเทากู่ก็สาดประกายเย็นเยียบ มันหยุดมือที่ถูกเบี่ยงทิศทางโดยแรงก่อนจะดัดพลิกอีกครั้งและจู่โจมเข้าใส่ไหล่ซ้ายของไป๋หยุนเฟย!
แม้จะต้องบังคับแขนของตนเองโดยไม่แยแสว่าจะเป็การฝืนเกินกำลังด้วยการใช้หัตถ์พลิกแขนติดต่อกัน แต่ครานี้หลงเทากู่้าจู่โจมใส่คู่ต่อสู้อย่างหนักหน่วง!
หลังจากไป๋หยุนเฟยกระแทกเบี่ยงทิศทางแขนคู่ต่อสู้ออกไป เมื่อเห็นว่าผลกระทบพิเศษไม่เกิดขึ้นดวงตามันก็ฉายแววผิดหวังวูบ ก่อนจะทันได้ชักก้อนอิฐกลับก็ต้องแตกตื่นที่เห็นคู่ต่อสู้ใช้เคล็ดิญญาออกมาอีกครั้งโดยไม่ทิ้งจังหวะช่องว่างแม้แต่น้อย
ท่าจู่โจมนี้มาอย่างฉับพลันและดุดัน เนื่องเพราะอยู่นอกบริเวณที่เกราะิญญาไหมทองปกป้อง หากไหล่ซ้ายมันถูกท่านี้จู่โจมใส่อย่างน้อยไป๋หยุนเฟยต้องไม่อาจใช้งานแขนซ้ายไปชั่วขณะ
ขณะที่ไม่มีเวลาให้ขบคิด ไป๋หยุนเฟยกัดฟันกรอด ดวงตาปรากฏร่องรอยความคลุ้มคลั่ง มิคาดว่ามันจะพลิกเปลี่ยนทิศแขนขวานำก้อนอิฐมาป้องกันไหล่ซ้ายในชั่วพริบตาสุดท้ายได้
“ปัง!”
แม้จะใช้ก้อนอิฐป้องกันเอาไว้ แต่แรงกระแทกอย่างหนักหน่วงยังทำให้ไป๋หยุนเฟยล่าถอยไปครึ่งก้าวโดยไม่อาจควบคุม ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็รู้สึกถึงความเ็ปแล่นปราดที่หัวไหล่ นับว่ายังโชคดีที่อาการาเ็ไม่สาหัสนัก
ขณะที่ไป๋หยุนเฟยล่าถอย ดวงตามันกลับทอแววยินดี เมื่อครู่มันรู้สึกถึงพลังิญญาหลั่งไหลเป็เส้นสายเข้าสู่ก้อนอิฐ ย่อมหมายความว่าผลกระทบพิเศษถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นแล้ว! เพียงแต่ไม่ทราบว่าเป็ผลกระทบใดที่ถูกกระตุ้นขึ้นเท่านั้น....
ชั่วขณะที่ความคิดนี้บังเกิดขึ้นไป๋หยุนเฟยจึงเหลือบตามองไปตรงหน้า หลงเทากู่ก็ปลิวกระเด็นออกไปด้านหลังด้วยสีหน้าแตกตื่นแล้ว!
อย่างที่คาด ยังคงเป็ผลกระทบ‘เหวี่ยงขว้าง’ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากที่สุด!
โอกาสอันหาได้ยากยิ่งเช่นนี้ไม่อาจปล่อยหลุดมือไป ทันทีที่ไป๋หยุนเฟยตั้งหลักได้ก็รีบพุ่งเข้าไปโดยไม่รีรอ มันใช้ท่าเท้าเหยียบคลื่นอย่างสุดกำลัง มิคาดว่าถึงกับเร็วกว่าหลงเทากู่ที่ลอยละลิ่วไปด้านหลังอีก!
ขณะที่หลงเทากู่ถูกหลงเทาอี้ซึ่งพุ่งมาจากด้านหลังรับร่างมันไว้ได้ ไป๋หยุนเฟยก็มาถึงเบื้องหน้าทั้งคู่แล้ว ชายหนุ่มกำหมัดขวาชกใส่ในทันที!
วิชาระลอกคลื่น พลังหมัดเก้าทบ!
หลงเทากู่ที่ถูกน้องชายรับร่างเอาไว้ได้ยังไม่ทันได้ตั้งหลักก็ต้องเผชิญกับหมัดที่ชกเข้ามา มันไม่มีทางเลือกได้แต่ไขว้แขนไว้เบื้องหน้าเพื่อป้องกันพร้อมกับชักนำพลังิญญาเพื่อต้านรับหมัดซึ่งหน้า!
ยามที่กำปั้นและแขนปะทะกันก็ได้ยินเสียงทุ้มหนักที่ราวกับผสมกับเสียงกระดูกหักอย่างแ่เบา จากนั้นหลงเทากู่และหลงเทาอี้ที่ประคองพี่ชายอยู่ก็ลอยละลิ่วถอยไปด้านหลังอีกครา
ร่างไป๋หยุนเฟยหยุดยั้งลงชั่วขณะ เนื่องเพราะมันฝืนใช้งานแขนขวาถึงสองครั้งติดต่อกันจึงได้แต่จู่โจมกระบวนท่าด้วยแขนซ้ายซึ่งด้อยพลังกว่ามิหนำซ้ำยังไม่ถนัดจะใช้กระบวนท่านี้อีก
หลังจากล่าถอยไปหลายวา ในที่สุดหลงเทากู่และน้องชายจึงยั้งร่างหยุดลงได้ แขนขวาหลงเทากู่ที่ตกห้อยสั่นระริกไม่หยุด ใบหน้าฉายแววเ็ป แขนขวามันที่เมื่อครู่ไขว้อยู่ด้านหน้าแขนซ้าย แม้กระดูกจะไม่แตกหักแต่ก็าเ็สาหัสยิ่ง
พวกมันต่อสู้กับไป๋หยุนเฟยสามต่อหนึ่งอยู่ชั่วระยะหนึ่ง แต่มิคาดว่ายังไม่อาจมีเปรียบได้!
ดวงตาหลงเทากู่เปี่ยมด้วยความประหลาดใจและเหลือเชื่อ นี่ไม่เพียงเนื่องเพราะท่าร่างอันพิสดารของอีกฝ่าย แต่เพราะก้อนอิฐที่เกินคาดเดาก้อนนั้นอีกด้วย
“เข้าไปพร้อมกัน! ระวังอย่าให้ก้อนอิฐในมือมันกระทบถูกได้!” เห็นไป๋หยุนเฟยพุ่งเข้ามาอีกครั้งหลงเทากู่จึงเอ่ยปากเตือน ก่อนจะพุ่งเข้าพัวพันศัตรูเป็คนแรกโดยไม่แยแสอาการาเ็บนแขนขวาของตน
ไป๋หยุนเฟยสะบัดแขนขวาเล็กน้อยก็รู้สึกว่าดีขึ้นมาก แม้จะเกิดความสงสัยอยู่บ้างแต่ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะใส่ใจ สถานการณ์ยามนี้มันกำลังเป็ฝ่ายได้เปรียบจึง้าจะสยบศัตรูทั้งสามเพื่อช่วยหลิวเมิ่งก่อน
การต่อสู้หนึ่งต่อสามนี้ คนทั้งสี่เคลื่อนที่และทะยานกายไปทั่วห้องโถงต่อสู้คุมเชิงกันและกัน ศัตรูทั้งสามของไป๋หยุนเฟยทราบแล้วว่าไม่สมควรเข้าปะทะซึ่งหน้ากับก้อนอิฐในมือชายหนุ่มจึงต่อสู้อย่างระมัดระวัง ส่วนไป๋หยุนเฟยก็ต่อสู้โดยอาศัยพลังป้องกันของเกราะิญญาไหมทอง ตราบใดที่ไม่ถูกจู่โจมใส่จุดที่เกราะปกป้องไม่ถึงก็จะต้านรับซึ่งหน้าโดยไม่หลบเลี่ยง และหาถึงคราจำเป็ไป๋หยุนเฟยค่อยใช้ท่าเท้าเหยียบคลื่นเคลื่อนกายหลบพร้อมกับเหวี่ยงก้อนอิฐ ในเวลาอันสั้นจึงไม่อาจเอาชนะได้เช่นกัน
หลังจากต่อสู้พัวพันอยู่นาน ในที่สุดไป๋หยุนเฟยก็ฉกฉวยโอกาสแสร้งเผยจุดอ่อนหลอกล่อหลงเทาอี้ทางด้านซ้ายให้ชกหมัดใส่ ชายหนุ่มก็ยกก้อนอิฐขึ้นป้องกันหมัดในชั่วพริบตา ชั่วขณะที่หมัดหลงเทาอี้ปะทะถูกก้อนอิฐ ใบหน้ามันก็แปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวงคิดว่าตนเองจะต้องลอยละลิ่วออกไปอีกครั้ง แต่รอชั่วครู่กลับไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ยามที่ลอบยินดีอยู่ในใจก็พลันรู้สึกเ็ปที่หน้าท้อง ที่แท้ไป๋หยุนเฟยฉวยโอกาสที่หลงเทาอี้นิ่งเฉยถีบเท้าเข้าใส่
เมื่อหลงเทาอี้ถูกถีบกระเด็นออกไป ไป๋หยุนเฟยก็หันกายใช้แผ่นหลังต้านรับหมัดจากหลงเทากู่ จากนั้นยกก้อนอิฐขึ้นฟาดใส่หลงเทาทางด้านขวาโดยไม่รีรอ
หลงเทาแตกตื่นยิ่งรีบหลบเลี่ยงอย่างเร่งร้อน แต่ไหล่ซ้ายมันยังคงไม่อาจหลบพ้นถูกฟาดใส่ แม้ว่าผลกระทบพิเศษไม่ถูกกระตุ้นเกิดขึ้น แต่เพราะมันหลบเลี่ยงอย่างเร่งร้อนจึงเสียหลักไม่อาจทรงกาย ไป๋หยุนเฟยจึงเหวี่ยงฟาดก้อนอิฐใส่อีกครั้ง กระแทกใส่ศีรษะหลงเทาอย่างถนัดถนี่!
หลงเทากู่ที่อยู่ไปมองเห็นหลงเทาถูกก้อนอิฐฟาดใส่ก็แค่นเสียงเ็าพร้อมกับชกหมัดจากด้านหลังใส่ศีรษะไป๋หยุนเฟยอย่างฉับพลัน กระนั้นยามที่ออกหมัดได้ครึ่งทางก็พลันเกิดสิ่งที่มันไม่คาดคิดมาก่อน
จู่ๆแก้มขวามันก็พลันถูกหมัดชกใส่อย่างถนัดถนี่โดยไม่มีวี่แววล่วงหน้า มันไม่ได้เตรียมรับหมัดนี้โดยสิ้นเชิงจึงลอยละลิ่วออกไปด้านข้างโดยไม่ทันรู้ตัว! ผู้ที่จู่โจมใส่มิคาดว่าจะเป็หลงเทาที่เมื่อครู่อยู่ข้างกายมัน
ผลกระทบพิเศษสำหรับก้อนอิฐระดับ +10 อาการสับสนบังเกิดผลแล้ว!
ดวงตาไป๋หยุนเฟยฉายแววยินดีวูบ มิคาดว่าผลกระทบนี้ซึ่งมีโอกาสน้อยที่สุดจะบังเกิดผลยามที่มันฟาดอิฐใส่ศีรษะศัตรูเมื่อครู่
ด้วยอาการสับสน หลงเทาที่หมายจะจู่โจมใส่ไป๋หยุนเฟยจึงไม่อาจเล็งเป้าตามเจตนาได้ หลังจากชกใส่ญาติผู้พี่ปลิวกระเด็นออกไปแล้วมันยังคงชกหมัดไม่หยุดยั้งราวคลุ้มคลั่ง ไป๋หยุนเฟยถอยออกมาเล็กน้อยก็หลบท่าเตะจากมันได้ แต่กระนั้นหลงเทาอี้ที่พุ่งกลับมาหาไป๋หยุนเฟยเมื่อครู่กลับไม่โชคดีเช่นนั้น มันถูกหลงเทาเตะใส่โดยไม่ทันระวังป้องกันจนปลิวกระเด็นออกไปเช่นเดียวกับพี่ชายด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง
เห็นศัตรูทั้งสามถูกแยกจากกันอีกครั้งไป๋หยุนเฟยก็ดวงตาเป็ประกาย ยามที่หลงเทารู้สึกตัวจากความสับสนและยังไม่ทันได้ทราบว่าเกิดเื่ใดขึ้น ก็ถูกพลังหมัดเก้าทบซัดใส่หน้าท้องกระเด็นออกไปวาเศษก่อนจะทรุดกายลงกับพื้น
จากนั้นอาศัยการพุ่งกายสร้างภาพลวงตา ไป๋หยุนเฟยก็เข้าประชิดตัวหลงเทาอี้ที่ถูกหลงเทาเตะกระเด็นออกไปพร้อมกับเตะกวาดใส่หว่างเอวอีกฝ่ายจนไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ จากนั้นก็ไม่ปล่อยได้คู่ต่อสู้ได้พักหายใจจู่โจมเข้าใส่ไม่หยุดยั้ง หลงเทาอี้หลบเลี่ยงสุดกำลังแต่ยังไม่อาจหลบกระบวนท่าที่สามได้พ้นจึงถูกก้อนอิฐฟาดใส่จนลอยละลิ่วออกไปอีกครา
และทิศทางที่มันลอยออกไปก็เป็ทิศทางเดียวหลงเทากู่ซึ่งถูกหลงเทา‘จู่โจมอย่างฉับพลัน’นั่นเอง
ชั่วขณะที่หลงเทาอี้ลอยละลิ่วออกไปกลางอากาศไป๋หยุนเฟยกลับไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว ก้อนอิฐยามนี้ถูกเปลี่ยนไปอยู่ในมือซ้าย ส่วนมือขวาไป๋หยุนเฟยก็เบ่งพองขึ้นก่อนจะชกใส่หน้าท้องอีกฝ่ายอย่างดุดัน!
หลงเทาอี้ไร้เรี่ยวแรงที่จะต้านทานพลังหมัดเก้าทบที่มุ่งจู่โจมใส่ครานี้ได้ ร่างที่ลอยละลิ่วพลันเร่งความเร็วขึ้นราวลูกะุขณะเดียวกันก็กระอักโลหิตออกมาคำโตก่อนจะพุ่งกระแทกใส่หลงเทากู่
ดวงตาหลงเทากู่ฉายแววตื่นตระหนก มันรีบรับร่างน้องชายที่กระแทกเข้าใส่ก่อนจะเซถอยหลังอย่างไม่หยุดยั้งไปหลายวาจึงหยุดยั้งลง
“ช้าก่อน ช้าก่อน!” หลังจากมองดูร่างไร้สติของน้องชายที่เพิ่งรับเอาไว้ได้ หลงเทากู่เงยหน้าขึ้นมองไป๋หยุนเฟยที่เตรียมจะรุกจู่โจมเข้ามาอีกคราจึงรีบกล่าวอย่างเร่งร้อน “เลิกต่อสู้กันเถอะ! พวกเรายอมรับความพ่ายแพ้! เ้าพานางไปได้เลย!”
ไป๋หยุนเฟยหยุดเท้ามองดูอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดวงตามันทอประกายวูบ ราวกับในใจมันมีความคิดที่ขัดแย้งกันเอง แต่ชั่วครู่ไป๋หยุนเฟยก็ขยับมือลดก้อนอิฐลง ขณะที่ยังจ้องมองศัตรูก็ค่อยๆเคลื่อนกายไปที่มุมห้องที่หลิวเมิ่งอยู่
หลังจากไปถึงข้างกายหลิวเมิ่ง ไป๋หยุนเฟยก็อุ้มนางขึ้นก่อนจะเดินไปที่ประตูอย่างเชื่องช้า ตลอดเวลาสายตามันยังคงจับจ้องที่หลงเทากู่และพวก จนกระทั่งออกจากภัตตาคารได้จึงหันหลังและหายลับไปจากสุดถนนอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปเนิ่นนานหลังจากไปหยุนเฟยจากไปหลงเทากู่จึงถอนหายใจราวยกูเาออกจากอกพร้อมกับกล่าวอย่างขมขื่นในใจ “แล้วจะให้พวกเราพ่ายแพ้‘อย่างจงใจ’ยามไหนกัน? พวกเราทั้งสามล้วนไม่ใช่คู่มือของมัน! อย่าว่าแต่มันยังไม่ได้ใช้ทวนที่เป็อาวุธิญญาคู่มือด้วยซ้ำ ลำพังเคล็ดิญญาอันร้ายกาจถึงสองวิชาและก้อนอิฐที่พิสดารก้อนนั้น พวกเราก็ไม่อาจต่อกรมันได้แล้ว...”
ขณะที่มันสั่นศีรษะอย่างคับข้องใจก็มองดูญาติผู้น้องทั้งสองบนพื้น โชคดีที่ไม่มีผู้ใดาเ็ร้ายแรง พักฟื้นไม่กี่วันพวกมันสมควรหายเป็ปกติ สำหรับหลงเทา(น้องชาย)ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจมันั้แ่เริ่มต่อสู้ ยามนี้มันซ่อนกายอยู่ที่มุมห้องมองดูทิศทางที่ไป๋หยุนเฟยจากไปด้วยท่าทีแตกตื่นตะลึงลาน
หลงเทากู่กวาดตามองทั่วห้องที่กลายเป็ยุ่งเหยิงระหว่างต่อสู้ บนพื้นก็ปรากฏรูโหว่มากมายที่เกิดจากพวกมันที่ต่อสู้กันเหยียบย่ำอย่างหนักหน่วง
หลังจากถอนสายตากลับมา มิคาดว่ามันกลับเงยหน้ามองชั้นสองที่ว่างเปล่าด้วยใบหน้านอบน้อม มันกล่าวว่า “ผู้าุโหลิว...”
“อืม พวกเ้าทำได้ดี” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังมาจากห้องบนชั้นสอง จากนั้นประตูห้องจึงเปิดออกและชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบก็เดินออกมา --- มิคาดว่าคนผู้นี้จะผู้าุโแห่งสำนักธารน้ำแข็งนามว่าหลิวเฉิง!!
ขณะที่ยืนอยู่บนชั้นสอง หลิวเฉิงก็กวาดตามองที่คนทั้งสี่ในห้องพล่างกล่าวอย่างเชื่องช้า “พวกเ้าทั้งหมดทำได้ดีมาก กลับบ้านไปรักษาอาการาเ็เถอะ เมื่อใดที่เื่นี้ถูกจัดการเรียบร้อย พวกเ้าจะได้รับรางวัลตามสัญญา”
หลงเทากู่กล่าวอย่างนอบน้อมด้วยสีหน้ายินดี “ขอบคุณผู้าุโหลิวมาก!”
จากนั้นจึงเรียกหาหลงเทา(น้องชาย)แล้วช่วยประคองผู้าเ็ทั้งสองเดินออกจากภัตตาคารไป...
หลิวเฉิงก้มศีรษะมองดูวัตถุในมือ ดวงตามันก็ทอแววครุ่นคิด --- มิคาดว่าที่มันถืออยู่ในมือจะเป็กำไลสีครามสดใสที่ไป๋หยุนเฟยมอบให้หลิวเมิ่งเมื่อยามเช้า!
“เื่นี้จะต้องไม่ผิดพลาด ทวนที่มันใช้ในคราแรกต้องมีบางอย่างไม่ธรรมดา และก้อนอิฐนั้นพี่เจิ้นซานก็ไม่เคยกล่าวถึงมาก่อน!”
ยามที่มองดูกำไลในมือ ความฉงนในดวงตาหลิวเฉิงก็พลันชัดเจนขึ้น “เห็นได้ชัดว่านี่เป็เครื่องประดับธรรมดาที่มันซื้อหามาเมื่อสามวันก่อนยามที่มาถึงเมืองชุ่ยหลิว แต่ตอนนี้...”
ดูจากคำพูดของหลิวเฉิง มิคาดว่ามันจะทราบถึงรายละเอียดเหล่านี้ได้! นี่ย่อมหมายความว่าพวกหลิวเฉิงต้องเฝ้าจับตาไป๋หยุนเฟยแต่แรกั้แ่มาถึงที่เมืองนี้!
“อีกอย่าง... ผู้ใดจะคาดคิดว่าคนผู้นี้จะมีความสัมพันธ์กับสำนักหลิวขจี? ข้าไม่อาจชักช้าอีกต่อไปแล้ว แผนการต้องดำเนินไปตามกำหนดให้ได้”
ขณะครุ่นคิดวางแผนในใจ หลิวเฉิงก็เดินออกจากหอสุขสันต์เร้นลับอย่างเชื่องช้ามุ่งหน้าไปที่ถนนอีกเส้น
แม้จะเป็ภูติญญาระดับกลาง แต่หลิวเฉิงกลับไม่พบเห็นว่าบนชายคาห่างจากที่นี้ออกไปราวห้าร้อยวา มีเงาร่างพิงอยู่ข้างเสามองมายังหอสุขสันต์เร้นลับแห่งนี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม!
คนผู้นี้อายุราวยี่สิบเศษ สวมผ้าคลุมสีเงิน ไว้ผมยาวมองดูธรรมดาสามัญ มีสัตว์เลี้ยงตัวเล็กคล้ายมุสิกเกาะอยู่บนไหล่ --- คนผู้นี้จะเป็ใครหากไม่ใช่ผู้ที่สนทนากับฉินเจิ้งแห่งสำนักชะตาลิขิตเมื่อวันก่อนและเรียกตนเองเป็บุตรบุญธรรมของราชันสุนัขป่าโลหิตนามว่าหงยิน
กระทั่งเห็นว่าหลิวเฉิงสาบสูญเข้าไปในตรอกหงยินจึงถอนสายตากลับมา หลังจากพึมพำอยู่ชั่วขณะก็ขยับร่างและหายสาบสูญไป
