ในเวลานี้เอง เิหยูเยียนก็เร่งความเร็วอสูรสัตว์ปีกของนางให้เข้าใกล้ ก่อนหน้านี้เห็นแค่จุดดำๆ สองจุด แต่ตอนนี้นางสามารถมองเห็นลักษณะของอสูรสัตว์ปีกนั่นได้ลางๆ แล้ว
มองจากระยะไกลๆ เห็นได้ว่ามากันสองคน เป็เหยี่ยวหนึ่งตัว บนหลังของมันเป็ชายคนหนึ่ง คิ้วหนา ท่าทางสง่างาม ลมปราณบนตัวของเขานั้นคือขอบเขตอมฤตขั้นที่สาม!
ที่อยู่ด้านข้างอีกคนนั้นก็เป็ชายเหมือนกัน ถึงแม้หน้าตา รูปร่าง ความสง่างามจะสู้ชายคนก่อนหน้านี้ไม่ได้ แต่ว่า พลังฝีมือของเขานั้นก็เป็ขอบเขตอมฤตขั้นที่สามเหมือนกัน ดูสูสีกับชายคนข้างๆ มาก!
“นี่มัน ... ”
เิหยูเยียนรู้สึกตะลึงไป นางคิดว่าตนเองคงตาลายจึงกะพริบตาและมองไปที่เงาของชายหนุ่มด้านหน้าใหม่อีกครั้ง แล้วนางก็พบว่าทุกอย่างนั้นมันเป็เื่จริง
ซูอี้หรานหรือ?
นางไม่ได้ดูผิด เป็ซูอี้หรานจริงๆ !
เิหยูเยียนรู้สึกใจสั่นอย่างมาก นางรู้สึกว่าเืลมมันพุ่งขึ้นหัวก่อนจะบินมุ่งหน้าไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเล็กน้อย
สองวันที่ผ่านมานางรู้สึกสิ้นหวังมาก ที่จริงนางอยากจะไปหาซูอี้หรานอย่างยิ่ง แต่ว่าสนามรบร้างโบราณกว้างใหญ่ขนาดนี้ นางไม่มีทางเจอเขาได้เลย ก็เลยเดินทางอยู่ในพื้นที่แบบไร้ร่องรอยจนได้มาถึงบริเวณที่ไม่มีใครเลยแบบนี้
ก่อนหน้านี้เิหยูเยียนเองก็รู้ผ่านหยกว่าิอวี่อยู่ตรงไหนและคิดจะไปหาเหมือนกัน แต่พอนึกถึงหน้าที่เสแสร้งของเขาแล้วนางก็รู้สึกขยะแขยง หากไม่เจอใครเลยจริงๆ นางก็คิดว่ายอมบีบหยกแล้วกลับไปจะดีกว่า
แต่ในตอนที่เิหยูเยียนกำลังจะสติแตก คนที่จะมาช่วยนางก็ปรากฏตัวขึ้น
แล้วคนคนนั้น ก็คือคนที่นางรู้สึกดีด้วยอย่างซูอี้หราน
ซูอี้หรานนั้นขี่เหยี่ยวของเขาอยู่ด้านหน้า มันอาจจะเป็แค่ความบังเอิญ แต่ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็ความไม่คาดฝันก็ได้?
เิหยูเยียนใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในเทพนิยายมาตลอด ซูอี้หรานก็เหมือนเ้าชายขี่ม้าขาวในเทพนิยายนั้น ราวกับเขานั่งอยู่บนม้าสีขาว มือขวาของเขาก็สวมถุงมือสีขาวอยู่ด้วย และกำลังบังคับม้าให้เดินออกไปทั่วหล้า
พอคิดได้แบบนี้ หัวใจของเิหยูเยียนก็เต้นเร็วและถี่มาก สถานการณ์แบบนั้นมันดูหวานมากเลย
ไม่แน่ว่าซูอี้หรานอาจจะนำพาความหวานแบบนั้นมาให้กับนาง ไม่ใช่หรือ
“ศิษย์น้องหยูเยียน?”
หลังจากที่ซูอี้หรานเห็นเิหยูเยียนแล้วก็หยุดเ้าเหยี่ยวั์ทันที เขามองมาที่นางด้วยสายตาที่ดีใจอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากมาย เหมือนว่าการได้เจอเิหยูเยียนนั้นเป็เื่ที่คาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว
“เ้าเองหรือ ซูอี้หราน ทำไมเ้ามาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
เิหยูเยียนรู้สึกสงสัยอยู่ก็เลยถามออกมา
“อ๋อ” ซูอี้หรานรีบอธิบายว่า “ก่อนหน้านี้เราไปเจอข้อมูลบางอย่างมาน่ะ ว่าซากปรักหักพังแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มันมีแผนที่สำคัญแผ่นหนึ่ง ในแผนที่ระบุรายละเอียดที่ตั้งของัทะเลทรายเอาไว้อย่างชัดเจน ขอแค่เราหาแผนที่แผ่นนั้นเจอ ก็จะสามารถไปสืบค้นแล้วลองขโมยไข่ัได้ก่อน”
เิหยูเยียนตะลึงมาก คิดไม่ถึงเลยว่าที่ซากปรักหักพังมันจะมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงแบบนี้ และซูอี้หรานเองก็เหมือนจะเจอเบาะแสสำคัญด้วย!
นั่นก็หมายความว่า การที่มาเจอกับนางกลางทางมันก็ไม่ใช่เื่แปลก แต่เป็เื่บังเอิญ มีวาสนาต่อกันจังเลย
เิหยูเยียนแลบลิ้นออกมา นางก็เหมือนสาวน้อยข้างบ้าน “ถ้าอย่างนั้น เ้าจะพาข้าออกจากที่นี่ด้วยได้ไหม ที่จริง ... ข้าอยู่ที่นี่มาสองวันแล้ว เหมือนว่าจะหลงทางนิดหน่อย ... ”
“ไม่จริงมั้ง?”
ซูอี้หรานขมวดคิ้ว แล้วก็ถามอย่างเป็ห่วงว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเห็นว่าข้างกายเ้ายังมีศิษย์หนุ่มอีกคนไม่ใช่หรือ? ทำไมเขาไม่อยู่แล้วล่ะ เขาไม่ได้ปกป้องเ้าเลยหรือ?”
“เรา ... เรามีปัญหากันนิดหน่อย เลยแยกกันไปทำงานน่ะ” เิหยูเยียนอธิบาย
เอาตามจริง นางไม่ค่อยอยากพูดถึงิอวี่เท่านั้น เพราะมันทำให้นางอารมณ์เสีย
“ข้าล่ะเชื่อเลย” หลังจากได้ยินเิหยูเยียนพูดแบบนี้ ซูอี้หรานก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ผู้หญิงอยู่ข้างนอกคนเดียวมันอันตรายมากนะ ต่อให้เขาจะมีปัญหากับเ้าอย่างไรก็ไม่ควรแยกให้เ้าอยู่คนเดียวแบบนี้นะ มันเป็สิ่งที่ผู้ชายควรทำ ไม่มีความรับผิดชอบเลยสักนิดเดียว! เ้าเองก็จริงๆ เลย เป็ผู้หญิงแยกมาคนเดียวแบบนี้ได้อย่างไร เอาแต่ใจจัง ต่อไปต้องหาคนไปเป็เพื่อนนะ เข้าใจไหม”
น้ำเสียงของซูอี้หรานนั้นค่อนข้างโกรธ สายตาที่เขามองไปที่เิหยูเยียนเองก็เหมือนปวดใจและสงสาร
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่โกรธของซูอี้หรานและได้ยินคำพูดที่กึ่งๆ ออกคำสั่งแบบนั้น เิหยูเยียนกลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
“ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดถึงเขาคนนั้นเลย คิดถึงเื่สบายใจหน่อยดีกว่า ข้าจะพาเ้าไปซากปรักหักพังแห่งนั้นที่ว่า ตามข้ามา เ้าจะได้ปลอดภัยหน่อย” ซูอี้หรานปรับอารมณ์ แล้วก็ยิ้มให้กับเิหยูเยียน
เิหยูเยียนพยักหน้า แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ไม่ใช่เพราะนางไม่อยากพูดกับซูอี้หราน แต่เพราะนางตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาดี
เิหยูเยียนไม่ค่อยชอบจะคุยกับผู้ชายมาั้แ่เด็ก ดังนั้นประสบการณ์ของนางจึงเท่ากับศูนย์ ตอนนี้นางอยากจะพูดคุยกับผู้ชายที่นางปลื้มก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ท่าทางของนางเลยค่อนข้างแข็งๆ
ดังนั้น เิหยูเยียนจึงเลือกที่จะเงียบ แล้วขี่อสูรสัตว์ปีกตามการนำทางของซูอี้หรานและชายอีกคน
บินไปได้ประมาณสิบนาที เิหยูเยียนคิดแล้วก็พูดขึ้นมาว่า “ซูอี้หราน แผนที่ที่ตั้งของัทะเลทรายข้าไม่เอานะ มันเป็ผลงานของพวกเ้า ข้าไม่แย่งกับพวกเ้าหรอก”
“พูดแบบนี้ก็เกรงใจไปแล้ว”
ซูอี้หรานขี่เ้าเหยี่ยวั์ไปด้วยแล้วพูดว่า “เราเป็ศิษย์สำนักเทพอัคคีเหมือนกัน เจออะไรก็ต้องช่วยเหลือกันสิ ใครจะขโมยไข่ัได้มันอยู่ที่ฝีมือ มันถึงจะเรียกว่าการแย่งชิงอย่างเป็ธรรม ถ้าข้าเจอเบาะแสแล้วซ่อนเอาไว้ แบบนั้นมันไม่ดี”
คำพูดนี้มันทำให้เิหยูเยียนโต้เถียงไม่ได้เลย สายตาที่นางมองไปที่ซูอี้หรานนั้นมีแต่ความชื่นชมมากขึ้นกว่าเดิม
ซูอี้หรานพูดต่อว่า “จริงสิ เรียกข้าว่าซูอี้หรานมันดูห่างเหินไป ข้าเรียกเ้าว่าศิษย์น้องหยูเยียนแล้ว ทำไมเ้าถึงไม่เรียกข้าว่าศิษย์พี่อี้หรานล่ะ ฮ่าฮ่า”
“ได้ ... ”
เิหยูเยียนพยักหน้า จากนั้นก็ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก
ไม่ว่าจะด้านไหน ซูอี้หรานก็โดดเด่นมากจริงๆ เิหยูเยียนรู้สึกว่าขอแค่มีเขาอยู่ด้วย นางก็จะรู้สึกปลอดภัยอย่างมาก
ระหว่างที่บิน เิหยูเยียนก็มองไปที่แผ่นหลังของซูอี้หรานตลอด สายตาของนางเริ่มหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น จนเวลาล่วงเลยไปประมาณครึ่งชั่วยามได้
ในเวลานี้ ทะเลทรายที่อยู่ด้านหน้าก็เหมือนจะมีซากปรักหักพังแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น
ซากปรักหักพังนั้นก็เก่าและพุพังเหมือนกัน และกินพื้นที่น้อยกว่าที่ที่เิหยูเยียนนั้นเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ แต่นางก็เข้าใจดี บางครั้งในสถานที่ที่ไม่มีความสะดุดตาเลยนั้น มันอาจจะมีอะไรความลับยิ่งใหญ่แฝงอยู่ก็ได้!
ซูอี้หรานพาทุกคนลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่อี้หราน ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่ามันรกร้างว่างเปล่าเกินไป แม้แต่ลมปราณของอสูรก็ไม่มีเลยล่ะ?”
เิหยูเยียนรู้สึกสงสัย ก่อนหน้านี้นางยังััถึงลมปราณแปลกๆ ตามซากปรักหักพังได้บ้าง แต่ว่าที่แห่งนี้มันไม่มีลมปราณอะไรของสิ่งมีชีวิตเลย สรุปก็คือ เิหยูเยียนรู้สึกว่าซากปรักหักพังแห่งนี้มันมีอะไรแปลกๆ มันทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร
“ที่นี่เป็สถานที่ซ่อนของแผนที่ เป็สถานที่ลับ ก็ต้องไม่มีผู้คนอยู่แล้ว เชื่อข้าเถอะ”
ซูอี้หรานส่งสายตาที่ชวนหลงใหลไปให้กับเิหยูเยียน จากนั้นก็มุ่งหน้าลงไปต่อ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่โขดหินใหญ่ก้อนหนึ่งแล้วพูดด้วยความดีใจว่า “เจอแล้ว!”
ซูอี้หรานซัดหมัดออกไป กำลังที่รุนแรงจากหมัดทำให้โขดหินใหญ่ก้อนนั้นแตกสลาย ที่ด้านหลังก้อนหินนั้นมันเหมือนมีทางเข้าปรากฏขึ้นมา มันเป็ปากทางเข้าไปยังใต้ดิน
“ไป”
ซูอี้หรานเดินลงมาจากเ้าเหยี่ยวั์ ยื่นมือไปจูงเิหยูเยียนแล้วพานางมาที่ปากทางเข้า เิหยูเยียนรู้สึกแปลกๆ นางอยากจะสลัดมือขวาของซูอี้หรานออก แต่ก็พบว่ามือขวาของเขาจับมือของนางเอาไว้แน่นเหมือนเหล็ก นางออกแรงอย่างไรก็ไม่สามารถสลัดมันหลุดได้เลย!
ไม่นานนัก ซูอี้หรานก็พาเิหยูเยียนเข้ามาตามปากทางเข้า
เิหยูเยียนเริ่มรู้สึกว่าผิดปกติเลยรีบพูดว่า “ศิษย์พี่ ข้า ... ข้ารู้สึกกลัว ให้ข้าออกไปทำใจก่อนได้ไหม ข้ากลัวจริงๆ ”
ระหว่างที่พูดนางก็ใช้มือซ้ายพยายามแกะมือขวาของซูอี้หรานออก อยากจะให้หลุดจากการจับมือของเขา
“กลัวอะไร มีข้าอยู่ทั้งคน เหอะๆ ”
ซูอี้หรานออกแรงที่มือขวามากขึ้น แล้วกระชากตัวของเิหยูเยียนให้อยู่ในอ้อมแขนของเขา ในเวลานี้เิหยูเยียนได้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของซูอี้หรานอย่างชัดเจนจากแสงที่ลอดเข้ามาจากทางปากทาง รอยยิ้มที่เคยมีอยู่แต่เดิม ตอนนี้มันแปรเปลี่ยนไปอย่างประหลาดและน่ากลัว!
ในนาทีนั้น เิหยูเยียนใมาก นางเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้จึงรีบกระดิกข้อมือ แล้วหยกสีขาวหนึ่งชิ้นก็ปรากฏขึ้นในมือของนาง
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เิหยูเยียนจะยังอยู่ในอาการงงๆ แต่ในเวลาคับขัน นางก็แสดงปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณออกมา เิหยูเยียนรู้ว่าตนเองสู้ซูอี้หรานไม่ได้ แต่หากนางสามารถบีบหยกให้แตก แล้วยื้อซูอี้หรานให้ได้สิบวินาที นางก็จะถูกส่งกลับและรอดพ้นอันตรายไปได้!
แต่ซูอี้หรานกลับไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเลยที่เิหยูเยียนจะบีบหยกหนี ท่าทางของเขานั้นนิ่งมาก
เิหยูเยียนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมซูอี้หรานถึงได้มีท่าทีแบบนี้ นางก็เลยคิดจะบีบหยกให้แตก แต่ทันใดนั้นเอง ...
“ตุบ!”
ด้านหลังของนางเหมือนมีเสียงทุบอย่างหนัก แล้วสายตาของเิหยูเยียนก็มืดไป ร่างกายหมดเรี่ยวแรง หยกที่อยู่บนมือซ้ายของนางก็หลุดออก และยังคงเป็หยกที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ด้วย ...
นางบีบหยกให้แตกไม่ทัน
เพราะในเวลาที่นางกำลังสติหลุดทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น ที่ปากทางก็มีผู้ชายอีกคนพุ่งเข้ามาแล้วสับไปที่ต้นคอของเิหยูเยียน ทำให้นางสลบไป
......
เิหยูเยียนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองนั้นอยู่ในความฝันที่ยาวนาน นางเหมือนนั่งอยู่ในถ้ำที่อากาศแห้ง ไม่รู้เลยว่าตนเองอยู่ที่ไหน นางรู้สึกถูกทอดทิ้งและถูกลืม
จากนั้น ก็มีเืสีแดงเข้มไหลออกมาจากพื้นถ้ำโดยไม่มีสาเหตุ!
เืที่ซึมออกมาจาก้าของถ้ำตกลงมาราวกับสายฝน และในที่สุดภายในถ้ำก็เต็มไปด้วยเืที่ไหลเหมือนกระแสน้ำ มันมากขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มถ้ำ!
เิหยูเยียนรู้สึกว่าตนเองนั้นเปียกโชกไปด้วยเื นางไม่สามารถต่อสู้ขัดขืนได้เลย เืที่เปื้อนอยู่บนตัวมันเหนียวเหนอะหนะ ทำให้นางเหมือนจมลึกลงไปอีก! จนกระทั่งในท้ายที่สุด ร่างของนางก็จมฝังไปกับเืเ่าั้ ทำให้นางหายใจไม่ออกด้วยความสิ้นหวัง ...
ความเ็ปจากน้ำเย็นก็แผ่กระจายไปทั่วร่างกาย เิหยูเยียนเหมือนใตื่นออกมาจากฝันร้าย มันเป็น้ำเย็นที่ทำให้นางตื่น
ฝันร้ายมันทำให้ตื่นกลัว เิหยูเยียนสีหน้าซีดขาวและรีบมองสำรวจไปรอบๆ จากนั้นก็ตกตะลึง
ในเวลานี้ ถึงแม้นางจะยังสวมชุดกระโปรงสีแดงสดอยู่ แต่เปียกไปด้วยน้ำเย็น เสื้อผ้าบางๆ ของนางแนบเนื้อไปหมด ทำให้ผิวขาวๆ ปรากฏออกมา ผมก็แนบไปบนใบหน้าและมีน้ำหยดลงมาจากผม
สิ่งที่สำคัญที่สุด นางนั่งอยู่ที่มุมโขดหินที่แห้งและเต็มไปด้วยฝุ่นทราย มือทั้งสองข้างของนางถูกมัดไขว้ไว้ที่ด้านหลัง และมีโซ่เหล็กมัดสลับกันไปมาทั่วร่างกาย!
เิหยูเยียนอยากจะแก้โซ่เหล็กนั้นออกตามสัญชาตญาณ แต่กลับพบว่าร่างกายของนางไร้เรี่ยวแรง ลมปราณจากดวงจิตเทวะกับตับเทวะนั้นถูกตัดขาดการเชื่อมต่อ
นั่นก็หมายความว่า นางไม่สามารถเดินลมปราณได้เลยแม้แต่นิดเดียว!
ดังนั้น ตอนนี้เิหยูเยียนก็ไม่ต่างจากผู้หญิงที่อ่อนแอไร้ทางสู้คนหนึ่งที่ไม่มีแรงจะขัดขืนอะไรเลย
“เป็อย่างไร?”
บนผนังทั้งสี่มุมมีไฟอยู่สี่จุด เิหยูเยียนเงยหน้าขึ้นมามองอย่างยากลำบาก นางพบว่าซูอี้หรานกับผู้ชายอีกคนกำลังมองมาที่นางอยู่
เิหยูเยียนสีหน้าซีดขาวมาก มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีผุดขึ้นมาในใจ “พวกเ้า ... พวกเ้าทำอะไรกับข้า!”
“ก็ไม่ได้ทำอะไร เราก็แค่ให้เ้ากินยาดีตัวหนึ่ง ที่จะทำให้อีกเดี๋ยวเ้าเพลิดเพลินจนไม่รู้ลืมเลย”
ซูอี้หรานย่อตัวลง รักษาระดับให้เท่ากับเิหยูเยียน ปกติดวงตาของเขาจะชวนฝัน แต่ในเวลานี้กลับไม่มีความรู้สึกนั้นในดวงตาคู่นั้นแล้ว มันกลับมีแต่ความโลภ ความปรารถนา และความตื่นเต้น!
วินาทีนั้น ต่อให้เิหยูเยียนจะโง่แค่ไหนก็เข้าใจ ที่นี่มันมีเบาะแสของัทะเลทรายที่ไหนกัน ทุกอย่างมันเป็แค่เื่โกหก! ซูอี้หราน ... เขาหลอกนาง!
เขาพานางมายังสถานที่ที่ไร้ผู้คน ... ก็เพื่อตอบสนองความ้าที่น่ารังเกียจนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งหมดมันอยู่ในแผนการของซูอี้หราน ที่เขามาเจอนางนั้นไม่ใช่เื่บังเอิญ แต่เขาแค่แกล้งทำว่ามันบังเอิญ!
แต่ทำไมเขาถึงได้หาข้าเจอได้ล่ะ?
“เป็ไปไม่ได้ ข้าไม่ได้ทิ้งลมปราณอะไรไว้ เ้าหาข้าเจอได้อย่างไร?” เิหยูเยียนมองไปที่ซูอี้หรานด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ นางรู้สึกว่าเื่นี้มันเหลือเชื่อมาก และเพราะรู้สึกว่าซูอี้หรานนั้นไม่มีทางเจอตัวนางได้ ก่อนหน้านี้นางถึงได้เชื่อใจเขาจนทำผิดมหันต์แบบนี้
“คำถามนี้ ถามได้ดี”
ซูอี้หรานเอามือขวาตบไปที่หน้าของเิหยูเยียนเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความท้าทายเล็กน้อย “อย่างนั้นข้าก็จะแนะนำคนคุ้นเคยให้ศิษย์น้องหยูเยียนที่น่ารักของเราได้รู้จัก”
พูดจบ เขาก็ปรบมือ
จากนั้นก็มีเงาของคนสองคนนั้นมุดออกมาจากด้านข้าง วินาทีที่นางเห็นหน้าของพวกเขา ก็ตกตะลึงอย่างมาก!
สองคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาคือศิษย์ของฟางหลิงจวินที่นางเอาชนะไปได้เมื่อสามวันก่อน
อวี่ชง แล้วก็ข่งหลินเฟิง!
