หลินลั่วหรานมองไปรอบๆ ยอดเขาด้วยความสงสัยสายลมที่พัดพาทำให้กลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่ว จนเธอไม่อาจจะหาต้นตอที่มาของมันได้
นั่นเป็กลิ่นหอมที่หลินลั่วหรานไม่เคยได้ััมาก่อนมันเหมือนกับกลิ่นของดอกไม้ ผสมเข้ากับกลิ่นของผลไม้แล้วก็ยังมีกลิ่นของสมุนไพรผสมอยู่ ดึงดูดให้คนอยากจะดอมดม ระหว่างการลงเขาและตามหาที่มาของกลิ่นหอมหลินลั่วหรานใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็ตัดสินใจได้
หากตอนลงเขาเพิ่มความเร็วขึ้นเสียหน่อยก็น่าจะยังกลับไปทันเวลาอยู่นะ?
เธอคิดแบบนั้น พร้อมทั้งมองสำรวจไปทั่วจากยอดเขา
กลิ่นหอมของดอกไม้ที่ไม่มีใครเหมือนยังคงถูกสายลมพัดพา จนทำให้ระบุตำแหน่งยากแม้จะหาไปทั่วบริเวณพื้นที่บนยอดเขาไปจนหมดแล้ว แต่ก็ยังคงหาที่มาไม่พบ
หลินลั่วหรานตัดสินใจละทิ้งััการมองเห็นของเธอก่อนจะหลับตาลงเพื่อเพ่งความสนใจไปที่กลิ่นหอม
กลิ่นหอมคละคลุ้งอยู่ที่ปลายจมูกก่อนที่จะล่องลอยไปยังที่ห่างไกลออกไป จมูกของหลินลั่วหรานขยับสั่นไหวเพื่อที่จะตามหาเส้นทางของกลิ่นหอม
สุดท้าย ลมที่พัดพาก็เบาลงไปกลิ่นหอมยังคงถูกส่งออกมา และไม่ได้กระจายอย่างก่อนแล้ว หลินลั่วหรานหลับตาััก่อนจะดีใจขึ้นมา เมื่อเธอหาที่มาของกลิ่นหอมนี่เจอแล้ว!
ดวงตาทั้งสองของเธอเบิกโตขึ้นความลังเลสงสัยที่เคยมีอยู่ก่อนหน้ามลายหายไปจนสิ้น หลินลั่วหรานก้าวเดินไปยังหน้าผาด้วยความมั่นใจ
เธอมองลงไปยังหุบเขาด้านล่างก่อนจะพบหินขนาดราวๆ สามฟุตยื่นออกมาในบริเวณที่ห่างจากยอดเขาประมาณสามเมตรไม่ลอยขึ้นแตะฟ้า ไม่ตกลงทับดิน แต่กลับลอยโดดเตะตาอยู่แบบนั้น
ต้นไม้กิ่งก้านสีเขียวเข้มใบไม้เล็กยืนต้นเติบโตงดงามอยู่บนดินโคลนบนก้อนหิน
ดอกไม้สีดำ มีกลีบเล็กๆ ปกคลุมอยู่สี่กลีบมองดูไกลๆ แล้วดูคล้ายกับดอกโบตั๋น ในเวลานี้มันยังคงโอบเกาะกันเป็ดอกตูมที่ยังไม่ผลิบานอยู่ระหว่างกิ่งก้านสีเขียวเข้มดอกไม้เล็กสั่นไหวเล็กน้อยยามลมพัดผ่าน ปลดปล่อยกลิ่นหอมเย้ายวน
หลินลั่วหรานตามหาที่มาของกลิ่นด้วยความลำบากแต่ในเวลานี้เธอกลับรู้สึกลังเล
อย่างแรกคือก้อนหินลอยคว้างอยู่ในอากาศติดกับหน้าผาหาก้าจะลงไปเก็บแล้ว คงจะต้องใช้เวลาสักพัก อย่างที่สองเธอไม่รู้จักเ้าดอกไม้นี่เลยแม้แต่น้อย แม้แต่ได้ยินก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนดอกไม้ที่สีสันประหลาดแบบนี้ ทำให้เธอนึกสงสัยว่าจะมีพิษหรือไม่
แต่หลินลั่วหรานก็รู้สึกมั่นใจอยู่ว่าดอกไม้ประหลาดสีดำนี่ จะต้องไม่ใช่ของที่พบได้ทั่วไปแน่นอน!
เธอสามารถมองเห็นพลังของพืชได้แต่ในตอนแรกของการค้นหา เธอกลับไม่พบอะไรที่ผิดแปลกในบริเวณหน้าผาหรือแม้แต่ตอนนี้ หลินลั่วหรานรวบรวมสมาธิมองตรงไปยังดอกไม้ แต่ดอกไม้ก็ยังคงเป็ดอกไม้เธอไม่เห็นกลุ่มหมอกใดๆ เลยแม้แต่นิด นี่ต่างหากคือสิ่งที่น่าประหลาด
หากว่าเ้าดอกไม้นี่เป็สิ่งไม่มีชีวิตแล้วก็คงจะสูญเสียพลังชีวิตไปั้แ่แรกแล้ว หรือว่า...มันจะรู้จักเก็บกลิ่นของตัวเองแต่ไม่ว่าจะเป็สิ่งไร้ชีวิตที่มีกลิ่นแปลกประหลาดหรือดอกไม้ประหลาดที่รู้จักเก็บพลังของตัวเองเอาไว้ต่างก็ทำให้หัวใจของหลินลั่วหรานเต้นถี่รัว
สีดำ ไม่ใช่ว่าแสดงถึงความเป็พิษหรอกนะ?
นี่ต่างหากที่เป็เื่ใหญ่! หลินลั่วหรานรวบรวมสมาธิก่อนจะพิจารณาบริเวณรอบๆ ในนิยายบอกว่าพวกดอกไม้ประหลาดจะมีสัตว์บางอย่างคอยปกป้องแต่มองดูอยู่นาน ก็ยังคงเห็นเพียงก้อนหินโล่งๆ ไม่มีแม้แต่ขนสักเส้น
แต่หลินลั่วหรานก็ยังคงไม่วางใจเธอหยิบหินก้อนหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะขว้างไปยังบริเวณหินก้อนใหญ่ รอดูอยู่นานแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของ ‘สัตว์พิทักษ์ดอกไม้’ แต่อย่างใด เธอจึงได้แต่หัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้คิดว่ามันจะเป็จริงอย่างในนิยายไปได้อย่างไร!
ในส่วนของวิธีการที่จะลงไปนั้น เธอกวาดตาไปทั่วก่อนจะโน้มตัวลงบริเวณหน้าผาแล้วดึงเอาเถาวัลย์ขนาดราวๆ นิ้วมือออกมาลองดึงดูก็จัดได้ว่าแข็งแรงพอตัว เธอจึงใช้มันมัดกับต้นไม้ใกล้หน้าผาในมือก็จับปลายอีกด้านเอาไว้ ก่อนจะเล็งพิกัดให้ดี แล้วะโลงไปอย่างสบายๆ
ลมที่ตีเข้าหน้าในระหว่างลอยอยู่กลางอากาศทำให้เธอรู้สึกแสบร้อน แต่ก็เป็ระยะสั้นๆ เท่านั้นหลินลั่วหรานก็ลอยละล่องลงมายังก้อนหินใหญ่ราวกับใบไม้
หินก้อนใหญ่ขนาดสามฟุตก้อนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็ส่วนหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาจากตัวูเาเท่านั้นเมื่อหลินลั่วหรานลงไปยืน ก็ไม่ได้สั่นไหวเลยแม้แต่น้อยทำให้รู้ได้ว่าบริเวณที่เหลือคงเกาะอยู่ภายในตัวของูเา
เมื่อเข้ามาใกล้ กลิ่นของดอกไม้ประหลาดก็ยิ่งรุนแรงขึ้นกลิ่นของมันฉุนจนทำให้รู้สึกคันขึ้นมาที่จมูก ราวกับกำลังยืนอยู่บนกองฝ้าย
ในขณะนั้นหลินลั่วหรานก็รู้สึกได้ว่าดอกไม้นี้เหมือนว่าจะมีฤทธิ์ในการสะกดใจคน จึงต้องรีบทำด้วยความรวดเร็วเธอกลัวว่าจะมีพิษ จึงไม่กล้าใช้มือเก็บขึ้นมาโดยตรง เธอนำเถาวัลย์มาใช้แทนเชือกเถาวัลย์ถูกขว้างออกไปพร้อมกับลมแรงก่อนจะไปตกกระทบอยู่บนก้อนหินจนเกิดเสียงราวกับกระทบโลหะขึ้น
เดิมทีดอกไม้ต้นนั้นก็อาศัยดินที่อยู่บนก้อนหินเติบโตขึ้นจึงไม่อาจหยั่งรากลึก หลินลั่วหรานใช้แรงขยับหินอยู่ไม่นาน ดินโคลนเ่าั้ก็ถูกแรงสั่นะเืทำให้สั่นคลอนเธอใช้เถาวัลย์มัดเป็วงกลม ก่อนจะขยับมือออกแรงขว้างออกไปบริเวณรากของต้นดอกไม้เพียงเธอกระตุกมืออีกครั้ง ก็สามารถนำดอกไม้นั้นออกมาจากก้อนหินได้สำเร็จ
หลินลั่วหรานใช้แรงดึงอีกครั้งเถาวัลย์ก็กลับมายังอ้อมอกของเธอ พร้อมกับต้นพืชสีดำที่ลอยตามมาเธอยังคงไม่กล้าเข้าไปเก็บ เธอนึกความปรารถนาขึ้นในใจก่อนที่เ้าต้นพืชจะถูกเธอเก็บเข้าพื้นที่ลึกลับไป
หลินลั่วหรานถอนหายใจออกมาความสามารถของเธอในตอนนี้ไม่ใช่พวกฝึกหัดอีกต่อไปแล้ว แต่เป็ปรมาจารย์แล้วต่างหากที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะกับการตรวจสอบดอกไม้ประหลาดหลินลั่วหรานนึกถึงเสียงกระทบของโลหะในตอนที่ขว้างเถาวัลย์ออกไปขึ้นมาก็คิดว่าหินใหญ่ก้อนนี้คงจะมีบางอย่างที่ผิดแปลก จึงอยากจะเอากลับไปด้วย
หลินลั่วหรานลองะโอยู่บนก้อนหินใหญ่แต่ไม่ว่าอย่างไรก้อนหินก็ไร้การขยับเขยื้อน คงเป็เพราะบริเวณที่อยู่ด้านในของตัวูเาคงจะใหญ่มากในเวลานี้เธอก็ไม่มีเครื่องมืออะไร หากจะเอาออกมาคงยากเกินไป
หลินลั่วหรานลังเลอยู่ชั่วครู่เมื่อนึกถึงว่าผู้เป็พ่อจะกังวลขึ้นมาหากไม่พบเธอในที่นัดหมายจึงตัดสินใจว่าจะกลับมาจัดการหากมีโอกาสแทน
เธอขว้างเถาวัลย์ออกไป ก่อนจะสูดลมหายใจพร้อมกับะโขึ้น ก่อนที่เธอจะกลับมาอยู่บนยอดเขาอีกครั้ง
หลินลั่วหรานกลัวว่าพ่อจะกังวลตอนลงเขาจึงต้องรีบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ผู้คนมักพูดต่อกันมาว่าขึ้นเขาย่อมง่ายกว่าลง แต่ด้วยความเป็ห่วงพ่อ เธอจึงพยายามะโข้ามผ่านป่าเขาลงมาอย่างสุดความสามารถเมื่อใกล้จะถึงบริเวณลาดเขา เธอก็หยุดลงเพื่อจัดการเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยก่อนจะพบว่าตามเสื้อผ้าของตัวเอง ถูกกิ่งไม้ใบหญ้าเกี่ยวจนเป็รูอยู่ไม่น้อย
กลับไปแล้วแม่คงจะต้องบ่นแน่ๆหลินลั่วหรานคิดขึ้น พร้อมกับส่งเสียงเรียกผู้เป็พ่อ
“รอนานไหมพ่อ? พอดีเมื่อกี้เจอลิงในป่า ก็เลยเผลอวิ่งตามไปไกลเลย...” หลินลั่วหรานสร้างเื่โกหกขึ้นมา เพราะเธอคงไม่สามารถบอกพ่อออกไปได้ว่าไปเก็บดอกไม้ที่หน้าผามา ใช่ไหมล่ะ? แบบนั้นคงทำให้พ่อเป็ห่วงตายเลย!
ตอนนี้เป็่ฤดูใบไม้ร่วงอากาศแห้งดังนั้นเื่ไฟป่าจึงไม่ใช่เื่ล้อเล่นพ่อของหลินลั่วหรานดับบุหรี่ในมือลงด้วยความตั้งใจ ก่อนจะหยิบอาหารกลางวันออกมา
อาหารที่ผู้เป็แม่จัดเตรียมมาให้ประกอบไปด้วยเนื้อและอาหารบางอย่างที่เหลือจากเมื่อวาน หากเป็ตามปกติแล้วผู้เป็พ่อก็จะกินทั้งเย็นๆ แบบนั้น แต่เพราะว่าตอนนี้หลินลั่วหรานอยู่ด้วยผู้เป็พ่อย่อมห่วงใยลูกเสมอ เขาจึงเก็บรวบรวมกิ่งไม้ใบไม้ เพื่อใช้ในการก่อไฟอุ่นอาหาร
ปิกนิกเป็เื่น่าสนุกก็จริง แต่ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากเก็บดอกไม้ประหลาดที่ส่งกลิ่นหอมหวานออกมาแล้วเธอก็รู้สึกว่าไม่สามารถมองข้ามเื่เล็กๆ น้อยๆ ได้
เพราะแบบนี้จึงรีบออกจากที่นี่ไปจะดีกว่าหลินลั่วหรานจึงบอกกับผู้เป็พ่อว่าอยากจะััประสบการณ์ชีวิตกับพ่อบ้างจึงงอแงไม่ให้ผู้เป็พ่ออุ่นอาหาร เห็นแบบนั้นผู้เป็พ่อก็จะทำอะไรได้จึงได้แต่นำข้าวแบ่งให้ผู้เป็ลูก ก่อนจะกินไปพร้อมก้าวเดินกลับบ้านไปด้วย
ตลอดทางนอกจากสมุนไพรหาได้ยากที่หลินลั่วหรานเก็บมา หรือจะเป็สมุนไพรทั่วไปที่ช่วยพ่อเก็บมาก็ถูกบรรจุอยู่เต็มลังไม้ไผ่บนหลังของทั้งคู่ หรือแม้แต่ถุงที่พ่อนำติดตัวมาด้วย
.......
หลังจากสองพ่อลูกลงจากเขามาเกือบชั่วโมงบริเวณพุ่มไม้ที่ทั้งสองเคยพักอยู่มาก่อนก็ส่งเสียงเบาๆ ออกมาก่อนที่เรือนร่างหยาบกระด้างสีแดงจะโผล่ออกมาจากพุ่มไม้นั่น
พุ่มไม้และกองหญ้าบดบังร่างของมันเอาไว้แต่ส่วนที่โผล่ออกมาก็สามารถเห็นลวดลายสลับซับซ้อนบนร่างสีแดงได้ชัดเจน
เมื่อเคลื่อนตัวมาจนถึงยอดเขาพุ่มไม้ที่มีเริ่มลดน้อยลง ส่วนหัวรูปทรงสามเหลี่ยมถึงได้ปรากฏออกมางูสีแดงขนาดเท่าขาของคนทั่วไป ขยับตัวเลื้อย ทิ้งกลิ่นคาวไว้บนใบไม้หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีใบไม้เ่าั้ก็เหี่ยวเฉาลง!
ยิ่งเข้าใกล้ยอดเขามากเท่าไรงูั์สีแดงก็ยิ่งดูไม่สงบใจ ก่อนจะค่อยๆ เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานนักงูั์สีแดงก็เคลื่อนตัวมาถึงบริเวณหน้าผาที่หลินลั่วหรานเคยเหยียบย่ำมันก้มลงมองไปยังด้านล่าง
ดินโคลนกระจายอยู่บนก้อนหินใหญ่ดอกไม้ประหลาดที่ใช้ในการเพิ่มพลังหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เปลวไฟลุกโชนอยู่ในดวงตาของงูั์สีแดงไม่มีกลิ่นผิดแปลกใดๆ หลงเหลืออยู่ในอากาศ จนทำให้มันไม่อาจจะตามหาอะไรได้!
งูั์แลบลิ้นออกมาก่อนจะยกหัวยกหางลื่นไหลไปบนก้อนหินใหญ่ หินแตกสลายกระจายเป็ผงปลิวว่อนไปทั่วต้นไม้ขนาดหนึ่งคนโอบถูกมันรัดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหักออกเป็สองท่อน!
ในเวลาเดียวกันนั้นหลินลั่วหรานที่ห่างออกจากูเาลูกนั้นไปไกลก็รีบพาพ่อของตัวเองตรงดิ่งลงจากเขาด้วยความว่องไว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้