ฝนตกลงมากว่าค่อนคืนทำให้ยังคงมีละอองฝนเกาะอยู่ตามชายคาบ้านของหลินลั่วหรานในตอนเช้าตรู่เมื่อคิดได้ว่าเมื่อฝนตกหนทางก็จะลื่น เธอจึงลังเลกับการตัดสินใจของพ่อตัวเอง
“พ่อ ฝนเพิ่งตกไปยังจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรอีกเหรอ? ลูกสาวก็ใช่ว่าจะเลี้ยงพ่อไม่ได้ไหมไม่ต้องลำบากแบบนี้ก็ได้”
ได้ยินดังนั้นผู้เป็แม่ก็พร่ำบ่นออกมา “ยังไม่รู้อีกเหรอว่าพ่อตัวเองเป็คนยังไง ให้สัญญากับคนอื่นเขาไว้แล้ว มีเหรอจะผิดสัญญาได้?”
เมื่อนึกถึงนิสัยดื้อรั้นของพ่อตัวเอง หลินลั่วหรานก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อวานตอนกินข้าว หลินลั่วหรานจัดการเล่าเื่เล่าทั้งหลายให้ฟังไปมากแล้วแต่เื่พื้นที่ลึกลับเป็เื่แปลกจนเกินไปอีกทั้งยังกังวลว่าจะหลุดไปถึงหูคนในหมู่บ้าน จึงบอกออกไปเพียงเธอมีโชคและมีวิธีดูก้อนหยกเท่านั้น
แม้แต่หยกพ่อกับแม่ของหลินลั่วหรานก็เพียงแค่เคยได้ยินมาเท่านั้นอย่าได้พูดถึงการพนันหยกเลย ดวงตาทั้งสองต่างเต็มไปด้วยความงุนงง อธิบายอยู่นานก่อนจะสรุปได้แค่เชื่อว่าตอนนี้หลินลั่วหรานไปได้เงินมานิดหน่อยหลินลั่วหรานอยากจะบอกพ่อกับแม่ของตัวเองเหลือเกินว่ายังมีเงินอยู่ในบัญชีกว่าห้าล้านหยวนแต่ก็กลัวว่าพ่อกับแม่ของตัวเองจะคิดว่าเธอบ้าไปเสียก่อน จึงตั้งใจว่าจะค่อยๆเป็ค่อยๆ ไป
แต่ว่าเมื่อเป็แบบนี้แล้วเธอก็ห้ามไม่ให้พ่อของเธอเข้าป่าไปไม่ได้
หมู่บ้านนี้อยู่ใกล้กับเทือกเขายาว และเพราะปริมาณน้ำฝนที่มากพอทำให้สามารถเก็บหน่อไม้ได้ในฤดูใบไม้ผลิ หน้าร้อนก็มีเห็ดเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงก็ยังสามารถเก็บสมุนไพรได้ อยู่ใกล้เขาก็หากินกับเขาเพราะแบบนั้นูเาและป่าไม้จึงเป็เสมือนโกดังของหมู่บ้านแห่งนี้ ทำเองใช้เองเพราะสิ่งนี้จึงทำให้หมู่บ้านหลี่ไม่ได้มีวิวัฒนาการอะไรใหม่ๆ มากนักจนออกจะดูปิดกั้นด้วยซ้ำไป
สมุนไพรมากมายที่เติบโตอยู่ภายในป่าลึกย่อมดีกว่าที่คนปลูกอยู่แล้ว ในทุกๆ ปีก็จะมีพ่อค้าเข้ามารับซื้อพ่อของเธอทำแบบนี้มาหลายปีแล้ว หรือแม้แต่หลินลั่วหรานเอง ตอนเด็กๆก็เคยทำอยู่ไม่น้อย เพราะแบบนั้นเธอถึงเข้าใจวิธีการเตรียมตัวเข้าป่าเป็อย่างดี
สองพ่อลูกต่างเปลี่ยนไปใส่รองเท้าบูตที่ทั้งสบายและยังกันลื่นผู้เป็พ่อพกมีดตัดฟืนเอาไว้เพื่อใช้เปิดทางและป้องกันตัวทั้งสองสะพายลังไม้ไผ่ไว้บนหลัง รวมทั้งพกข้าวปลาอาหารที่แม่เป็คนทำให้ไปเป็เสบียงเมื่อฟ้าเริ่มสางทั้งสองก็เริ่มออกเดินทาง
บริเวณนอกป่าเขาผู้คนสัญจรมากมายจนเกิดเป็เส้นทางเส้นเล็กทับซ้อนกัน แต่ในบริเวณที่มีคนผ่านไปมามากแบบนี้สมุนไพรก็โดนเก็บออกไปจนเกือบหมด สถานที่ที่พ่อลูกคู่นี้้าจะไปคือบริเวณป่าลึกที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้และหญ้าหนาม
ผู้เป็พ่อใช้มีดเปิดทางไปเรื่อยๆพร้อมทั้งหยุดเก็บสมุนไพรบางชนิดใส่ในลังด้านหลัง เดินมากว่าสองชั่วโมงกว่าทั้งสองคนก็เดินข้ามูเามาจนถึงป่าลึก
ตอนนี้ลังไม้ไผ่บนหลังของผู้เป็พ่อบรรจุสมุนไพรไปกว่าครึ่งแต่ของหลินลั่วหรานกลับมีอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นแถมยังเป็พวกของที่หาได้อยู่ทั่วไปอีกต่างหาก
เห็นแบบนั้น พ่อของหลินลั่วหรานก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะที่ให้มาด้วยก็แค่เพราะอยากให้ดีใจเท่านั้นไม่ได้หวังว่าเธอจะต้องเก็บอะไรได้
แต่ความจริงสิ่งที่หลินลั่วหรานเก็บมามันไม่ได้น้อยอย่างที่เห็น
สมุนไพรทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักถูกเธอแอบเก็บเข้าไปในพื้นที่ลึกลับมาตลอดทางของที่รู้จักไม่ต้องพูดถึงอายุคือสิ่งที่คนอื่นใช้ตัดสินฤทธิ์ยาและราคาของสมุนไพรเหล่านี้แต่คนที่มีพื้นที่ลึกลับใช้โกงได้แบบหลินลั่วหรานนั้นมันก็กลายเป็เพียงเื่เล็กๆ
ส่วนพวกที่ไม่รู้จักก็หลบไม่พ้นดวงตาที่สามารถมองเห็นพลัง ได้อย่างทะลุปรุโปร่งของหลินลั่วหรานต้นไม้ใบหญ้าที่หลินลั่วหรานเก็บมาพวกนั้น แม้ในสายตาของผู้อื่นจะดูธรรมดาทั่วไปแต่ในสายตาของหลินลั่วหรานนั้น มันกลับเต็มไปด้วยพลัง
ตอนนี้ทั้งสองพ่อลูกได้เดินมาจนถึงหุบเขาของูเาลูกที่สองหากยังเดินต่อไปเกรงว่าจะไม่สามารถกลับไปได้ทันเวลาหากจะค้างคืนในป่าโดยไม่ได้เตรียมตัวมานั้นอันตรายมากผู้เป็พ่อจึงเสนอให้แยกย้ายกัน โดยที่ไม่ให้ไปไกลกว่านี้เกิน 500 เมตรและให้หลินลั่วหรานทำสัญลักษณ์เอาไว้ตลอดทางหลังจากนี้สองชั่วโมงไม่ว่าจะเก็บได้เท่าไร ก็ให้กลับมาที่เดิม
ผู้เป็พ่อยื่นมีดตัดฟืนมาให้ลูกสาวเอาไว้ป้องกันตัวจนหลินลั่วหรานต้องโชว์ทุบหินด้วยมือเปล่าให้ดู ผู้เป็พ่อถึงได้ยอม แต่ในความจริงแล้วหลายปีที่ผ่านมาอย่าว่าแต่สัตว์ตัวใหญ่เลย แม้แต่บรรดานกแมลง ต่างก็โดนคนจับไปจนเกือบหมดแล้วูเาที่นี่ก็ไม่ใชู่เาเพ็กตูที่จะมีหมีอะไรแบบนั้น
ที่จริงั้แ่เข้ามาในป่าหลินลั่วหรานก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมามาก ราวกับร่างกาย้าจะรวมเป็หนึ่งเข้ากับธรรมชาติเธอคิดว่าคงเป็เพราะพื้นที่ลึกลับ และร่างกายของเธอในตอนนี้เมื่อแยกกันกับพ่อแล้ว เธอจึงอยากจะเดินหาเข้าไปให้ลึกมากขึ้นเสียหน่อย
แม้ว่าจะเป็ห่วงพ่อ จึงไม่ได้ขอเอามีดตัดฝืนมาแต่เมื่อเจอกับพุ่มหนามและหญ้ารก อีกทั้งยังมีต้นไม้สลับทับซ้อนมากมายหลินลั่วหรานจึงเก็บกิ่งไม้แห้งขึ้นมาใช้ในการจัดการเส้นทาง ก่อนจะเดินหน้าต่อไป
เพียงแต่การทำแบบนี้ทำให้ทุกอย่างล่าช้าไปหมดเมื่อนึกถึงสภาพร่างกายของเธอในตอนนี้ เธอจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลองะโขึ้นตัวของเธอเด้งขึ้นมาราวกับติดสปริงเอาไว้ใต้เท้า เพียงครู่เดียวเธอก็ขึ้นมายืนอยู่บนกิ่งไม้ที่สูงขึ้นมาจากพื้นกว่าหนึ่งเมตร แม้ว่าจะมึนงงแต่ด้วยร่างกายที่ถูกปรับมาเป็อย่างดีทำให้เธอสามารถยืนได้อย่างมั่นคงในเวลาสั้นๆ
ในใจของหลินลั่วหรานดีใจขึ้นมาแม้ว่าตอนแรกจะยังมึนๆ งงๆ ทุกๆ ก้าวะโเต็มไปด้วยความระมัดระวังแต่หลังจากเธอคุ้นชินแล้วเพียงแค่ใช้ปลายเท้าเหยียบระหว่างกิ่งต้นไม้ก็สามารถะโออกไปได้
หลินลั่วหรานะโโบยบินไปในป่าใน่ที่ความเร็วสูง มองดูแล้วราวกับกำลังโบยบินเวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงกว่า ในที่สุดเธอก็ขึ้นมาจนถึงยอดเขาลูกที่สาม
ร่างกายของเธอในตอนนี้ไม่เพียงแต่เก็บพละกำลังจำนวนมากเอาไว้ แต่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ราวกับโบยบินจนน่าใ
แสงแดดแรกหลังฝนทั่วทั้งผืนป่าถูกหยาดฝนชำระล้างจนสิ้นความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ใน่ฤดูใบไม้ร่วงสาดส่องลงมา ป่าไม้ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มหมอกเมื่อมองลงไปจากยอดเขาแล้ว หุบเขากว่าครึ่งถูกกลืนกินไปด้วยเมฆหมอก มองโดยรวมแล้วต่างเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูด
ในูเาพืชพันธุ์เจริญเติบโตมากมายพลังที่ถูกสร้างออกมาจากพืชเ่าั้ ต่างพากันสลับสับเปลี่ยนกันไปแม้ว่าจะมีหมอกควันสีเทาอยู่บ้าง แต่ก็น้อยกว่าในเมืองมากสีเขียวมากมายหลายระดับสลับคละกันเด่นชัด มากขึ้นทีละชั้น และยังมีพลังเบาๆในบริเวณที่สลับแลกเปลี่ยนกัน
คนที่ฝึกวิชาในสมัยโบราณนั้น ต่างชอบูเาแม่น้ำและชอบไปฝึกในสถานที่เงียบสงบไร้ผู้คน เห็นแบบนี้แล้ว นอกจากเพื่อการฝึกแล้วพลังรอบข้างเองก็เป็สิ่งสำคัญที่ใช้ในการตัดสินใจในใจของหลินลั่วหรานเข้าใจความรู้สึกเ่าั้ขึ้นมาทันที เธอมักจะรู้สึกว่าเมื่อมองไปยังทิวทัศน์สวยงามเบื้องหน้าแล้วบางอย่างในร่างกายของเธอก็กระสับกระส่ายขึ้นมา แต่ราวกับถูกประตูที่มองไม่เห็นขวางเอาไว้เธอลังเลอยู่ภายนอกประตู แต่อย่างไรก็ไม่สามารถจะเข้าไปได้
หลินลั่วหรานก้มหัวใช้ความคิดสุดท้ายก็มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น เธอบรรจงลูบไล้ลงบนไข่มุกที่ข้อมือก่อนที่ไข่มุกจะเปล่งแสงสลัวๆ ราวกับดวงจันทร์น้อยๆ ออกมา แต่ภายใต้แสงอาทิตย์นี้ทำให้มันเบาบางจนแทบมองไม่เห็น อยู่ๆ หลินลั่วหรานก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมานั่นเป็เหมือนคลังเก็บบางอย่างในใจ แต่กลับรู้สึกเสียใจและช่วยไม่ได้เมื่อเธอไม่รู้ว่าจะเปิดออกอย่างไร
หลินลั่วหรานลูบไล้ไข่มุกในขณะที่ยืนอยู่บนยอดเขา ก่อนจะทอดสายตามองไปยังเมฆที่กำลังเคลื่อนตัวเปลี่ยนรูปร่างไปสายลมเบาๆ พัดพาเส้นผมให้ปลิวไสว จนเธอดูราวกับนาง์ที่ดูเหมือนว่าจะปล่อยตัวลอยละล่องไปตามลม
ความสุขในตอนที่ขึ้นมาถึงยอดเขาตอนนี้กลับถูกแทนที่ด้วยความเศร้าหมอง
หลินลั่วหรานจ้องมองไปยังไข่มุกบนข้อมือของตัวเองก่อนจะหัวเราะเยาะในความโลภของตัวเอง เธอมองทอดสายตาออกไปสุดลูกหูลูกตาชุดกันฝนสีแดงของผู้เป็พ่อเด่นขึ้นมาท่ามกลางสีเขียวของป่าไม้ เธอก้มลงมองนาฬิกาใกล้จะถึงเวลานัดหมายแล้ว
หลินลั่วหรานถอนหายใจออกมาจัดการเก็บความรู้สึกไม่ดีทั้งหลายลงไปไว้ในก้นบึ้งของจิตใจก่อนจะหมุนตัวกลับเตรียมจะลงจากเขา
ในขณะนั้นเองสายลมก็พัดผ่านนำพาเอากลิ่นหอมตามมาด้วย กลิ่นหอมจางๆ แต่กลับดูหอมหวานดึงดูดให้หลินลั่วหรานหยุดฝีเท้าของเธอลง