ใต้เงาทึบต้นไม้เขียว กลางวันแสงแดดกล้า บุปผาบนระเบียงโยกเบาตามสายธาราหลิ่วจิ้งยังเดินออกไปไม่พ้นลานบ้านนางจ้าวก็สั่งให้เยี่ยนสี่บ่าวข้างกายของนางเอาขนมที่หลิ่วจิ้งมอบให้ไปเททิ้งที่เรือนหลังให้หมด
ดอกกุหลาบเต็มต้นโชยกลิ่นหอม นานๆ ครั้งสวนดอกไม้จะสงบเช่นนี้หลิ่วจิ้งอดเดินให้ช้าลงไม่ได้ นับั้แ่นางมาถึงที่จวนแม่ทัพนางกลับไม่เคยมีเวลามาชมสีสันหลากหลายเต็มสวนเช่นนี้มาก่อนเลย
ยังไม่ทันกวาดตาดูให้ละเอียด ก็มีเสียงร้องไห้ดังเข้ามาในหูนางชะเง้อคอมอง เห็นสาวใช้คนหนึ่งนั่งหลบปาดน้ำตาอยู่ท่ามกลางดอกไม้ จึงให้อิ๋งเหอไปเรียกนางมาจนเดินเข้ามาใกล้จึงเพิ่งมองออกว่าสาวใช้คนนี้ก็คือเป่าจุ้ยเอ๋อร์สาวใช้ข้างกายของอาหนูจึงถามด้วยน้ำเสียงสงสัยว่า “เ้าไม่ไปคอยรับใช้ข้างกายอาหนูแล้วมาร้องไห้อันใดอยู่ที่นี่?”
“ฮูหยินไม่ทราบ บ่าวไม่ได้ทำงานข้างกายฮูหยินรองแล้วเ้าค่ะ”
“เอ๋?” ปกติแล้วหลิ่วจิ้งก็ไม่ได้สนใจเื่ในจวนเท่าใดนักหลายวันมานี้อาหนูเพิ่งจะถูกฮูหยินผู้เฒ่าปล่อยตัวออกมาจากศาลบรรพชนนางก็อยู่อย่างสงบเสงี่ยมนัก ตนเองจึงไม่ได้สังเกตเห็นคิดว่าเป็เพราะเื่ของนางจ้าวจึงพลอยทำให้นางถูกลงโทษไปด้วย
ไม่ทันรอให้หลิ่วจิ้งคิดไปมากมายเป่าจุ้ยเอ๋อร์ก็คุกเข่าฟุบตัวลงกับพื้นทั้งน้ำตานองหน้าราวกับบุปผาบอบบางตกลงในวารีเห็นแล้วหลิ่วจิ้งก็อดสงสารไม่ได้
“เ้าเป็อะไรไป? รีบลุกขึ้นมาพูดเถิดข้าไม่ชอบให้ผู้ใดไม่มีเื่อะไรก็มาคุกเข่าให้ข้า ข้ายัง้าจะมีชีวิตดีๆ อยู่นะ”
หลิ่วจิ้งว่าพลางให้อวี้จิ่นและอิ๋งเหอประคองเป่าจุ้ยเอ๋อร์ขึ้นมา
ปกติแล้วเป่าจุ้ยเอ๋อร์อยู่ข้างกายอาหนูจึงคุ้นเคยกับการถูกเ้านายตบตีดุด่าเวลานี้มาได้ยินคำพูดของหลิ่วจิ้งที่ไม่มีการว่างท่าเป็ฮูหยินแม้แต่น้อยรู้สึกเพียงว่าหลิ่วจิ้งไม่เหมือนกับอาหนู พลันรู้สึกใกล้ชิดกับนางขึ้นมาไม่น้อย
นางจึงเล่าความน้อยใจที่เปี่ยมอยู่เต็มอกออกมา“เดิมทีเป่าจุ้ยเอ๋อร์เป็สาวใช้ที่รับหน้าที่ปรนนิบัติรับใช้แล้วจะเคยทำงานหนักมาก่อนที่ใดกัน วันนั้นหลังจากที่ฮูหยินรองทำให้ฮูหยินจ้าวหมดสติไปฮูหยินผู้เฒ่าก็ตำหนินาง ฮูหยินบ้านข้าหวาดกลัวขึ้นมาจึงบอกว่าเป็ข้าที่ออกความคิดฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจึงลงโทษข้า เวลานี้ข้าทำงานอยู่ในห้องเก็บฟืนในเรือนหลังทุกวันต้องผ่าฟืนก่อไฟ ท่านดูสิเ้าค่ะ ข้าฝ่าฟืนจนมือเป็ตุ่มพองเืช้ำหนองแล้วเ้าค่ะ”เป่าจุ้ยเอ๋อร์ว่าพลางยื่นมือไปไปตรงหน้าหลิ่วจิ้ง
หลิ่วจิ้งเห็นว่าเป็ดังคำนางจริงๆนิ้วงามดังหยกบนมือทั้งคู่มีตุ่มพองเืหลายตุ่ม เห็นแล้วน่าเวทนานัก
จึงปลอบโยนไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ลำบากเ้าแล้ว”ด้วยกลัวว่าเสียงของตนจะดังเกินไป ในขณะที่ช่วยบ่งตุ่มพองเืนั้นให้แตกและจะทำให้เป่าจุ้ยเอ๋อร์ต้องเจ็บ
“รับผิดแทนนาย เป่าจุ้ยเอ๋อร์ก็ทนรับแล้วก็ผู้ใดให้พวกเรากินของของเขา เป็เพียงชีวิตต่ำต้อยชีวิตหนึ่งแต่คิดไม่ถึงว่าฮูหยินจ้าวกลับไม่ยอมเลิกราจึงขายพวกป้าหลิวที่อยู่ในห้องเก็บฟืนไปจนหมด จงใจกลั่นแกล้งรังแกข้าเช้าวันนี้ข้าไปช่วยงานที่ห้องครัวก็ยังไปบอกกับพ่อบ้านหวังว่าข้าแอบี้เีไม่ทำงานจนข้าถูกพ่อบ้านหวังด่าว่ายกใหญ่ ทั้งยังถูกหักเงินค่าแรงครึ่งเดือน ฮูหยินเ้าคะข้าถูกปรักปรำเ้าค่ะ!”
เป่าจุ้ยเอ๋อร์พูดพลางร้องไห้โฮขึ้นมาอีกครั้ง
หลิ่วจิ้งจับต้นชนปลายฟังจนเข้าใจคิดว่าตอนที่เห็นพ่อบ้านหวังเมื่อเช้านี้ เขาต้องกำลังตำหนิเป่าจุ้ยเอ๋อร์อยู่แน่ๆแอบคิดดีใจที่ตอนนั้นตนเองเดินอ้อมไป จึงไม่ได้หาเื่เดือดร้อนใส่ตัว
แต่เป่าจุ้ยเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้าร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจหลิ่วจิ้งจึงอดใจอ่อนไม่ได้ คิดดูดีๆ นางจ้าวก็เอาเื่ตั้งครรภ์มาอ้างแล้วหาเื่รังแกผู้คนจนเกินไปแต่หากตนเองขืนออกหน้าก็คงไม่แคล้วเป็คนยุ่งไม่เข้าเื่คิดหน้าคิดหลังไตร่ตรองดูแล้วมิสู้ผลักเรือไปตามน้ำด้วยการส่งเป่าจุ้ยเอ๋อร์ออกนอกจวนไปเสียดีกว่าเพื่อมิให้วันหลังถูกคนในจวนรังแกเอาอีก
ตัดสินใจได้แล้ว หลิ่วจิ้งจึงปลอบเป่าจุ้ยเอ๋อร์ไปอีกสองสามคำถามว่า “ถ้าข้าส่งเ้าออกไปจากจวนแม่ทัพ เ้าจะยอมหรือไม่?”
“ฮูหยินอย่าไล่เป่าจุ้ยเอ๋อร์ไปเลยนะเ้าคะถัดขึ้นไปเป่าจุ้ยเอ๋อร์ยังมีแม่ ถัดลงมายังมีน้องชายอายุน้อย หากออกไปจากจวนแม่ทัพแล้วข้าจะเลี้ยงดูพวกเขาเช่นใดเ้าคะ!”เป่าจุ้ยเอ๋อร์นึกว่าคำพูดของตนทำให้หลิ่วจิ้งรำคาญได้ยินดังนั้นจึงใจนหน้าถอดสี ลงไปคุกเข่าฟุบกับพื้นอีกครั้ง
“บอกแล้วว่าไม่ให้คุกเข่า เหตุใดจึงคุกเข่าอีกแล้ว?” ปากว่าไปพลาง ดวงตางามลดลงมามองเป่าจุ้ยเอ๋อร์ นางอธิบายอย่างอดทนว่า“ข้าหาได้จะขับไล่เ้าออกไป แต่จะให้เงินและส่งเ้าออกไป แต่เื่นี้ฟ้ารู้ ดินรู้เ้ารู้ ข้ารู้ เ้าเอาเงินออกจากจวนไปแต่งงานก็ดี หรือจะทำการค้าเล็กน้อยก็ดีอย่างน้อยก็ยังมีอิสระกว่ามารับใช้คนอยู่ที่นี่มิใช่หรือ?”
เป่าจุ้ยเอ๋อร์ไม่คิดมาก่อนว่าหลิ่วจิ้งจะช่วยตนถึงเพียงนี้ตาโตใสแจ๋วทั้งคู่เบิกกว้าง จ้องมองหลิ่วจิ้งที่อยู่ตรงหน้าประหนึ่งนางเป็เทพธิดาทันใดนั้นแม้แต่คำว่าขอบคุณนางก็ยังตื้นตันจนพูดออกมาไม่ได้
อวี้จิ่นและอิ๋งเหอสองคนก็ยังไม่คิดว่าหลิ่วจิ้งจะช่วยเหลือสาวใช้ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆกับตนเลยถึงเพียงนี้ เมื่อนึกย้อนกลับไปก็คิดว่าปกติแล้วหลิ่วจิ้งทำการต่างๆก็ไม่ได้มีกฎเคร่งครัดใดๆ อยู่แล้ว จึงคิดว่าไม่ใช่เื่น่าแปลกใจอะไร
“หากเ้าไม่คัดค้านข้าก็จะถือว่าเ้าตกลงนะ”
เป่าจุ้ยเอ๋อร์ถูกขายมาเป็บ่าวของอาหนูั้แ่เล็กมีหรือจะเคยคิดว่าจะได้มีวันที่ตนจะเป็อิสระอีกครั้งหวังแต่ว่าเมื่อปรนนิบัติเ้านายเป็อย่างดีสักวันหนึ่งนายตนก็จะมีเมตตาหาจัดหาคนดีๆ ให้นางได้แต่งงานด้วยเวลานี้นางสามารถลิขิตชีวิตตนเองได้ เป่าจุ้ยเอ๋อร์ยินดีจนลืมเื่ทุกข์ร้อนไปหมดแม้แต่แผนการในภายภาคหน้านางก็ยังวางเอาไว้แล้วว่าเมื่อได้เงินไปจะเปิดร้านขายของเล็กๆ
“ข้าน้อยมิกล้าคัดค้าน ขอบคุณฮูหยิน! ขอบคุณฮูหยินเ้าค่ะ!”เป่าจุ้ยเอ๋อร์ว่าพลางโขกหัวให้หลิ่วจิ้งสองครั้ง
หลิ่วจิ้งเห็นว่าเป่าจุ้ยเอ๋อร์หยุดร้องไห้และเปลี่ยนมามีสีหน้ายิ้มแย้มนางคิดในใจว่าบางครั้งเื่นี้ตนอาจทำไปโดยไม่คิดให้รอบคอบทุกด้านแต่ก็นับว่าได้สร้างบุญกุศล ทว่าพอนึกย้อนกลับมาก็ยังรู้สึกเป็ห่วงเพราะไม่ว่าอย่างไร เป่าจุ้ยเอ๋อร์ก็เป็คนของอาหนู จึงสั่งความไปอีกว่า“อย่างไรเ้าก็เป็คนที่อาหนูพาเข้ามาดีชั่วก่อนจะไปก็ไปบอกกล่าวกับอาหนูสักคำเถิดเพียงแต่อย่าบอกว่าข้าเป็คนปล่อยเ้าไปเล่าบอกแต่ว่าเ้าทำความผิดถูกไล่ออกจากจวนเป็พอแล้ว จากนั้นเ้าค่อยมาหาข้าข้าจะจัดการให้เ้าออกจากจวน”
เป่าจุ้ยเอ๋อร์พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะรีบไปที่เรือนของอาหนู
รอจนเป่าจุ้ยเอ๋อร์ไปไกลแล้วหลิ่วจิ้งจึงสั่งความให้อวี้จิ่นกลับไปเตรียมเงินให้เพียงพอรอให้เป่าจุ้ยเอ๋อร์มาเอา ส่วนตนเองก็พาอิ๋งเหอเดินไปที่เรือนหลัง
พ่อบ้านหวังมองเห็นหลิ่วจิ้งพาอิ๋งเหอเดินมาทางนี้แต่ไกลท่าทีรีบร้อนคล้ายว่ามีธุระบางอย่าง จึงรีบออกไปต้อนรับ
หลิ่วจิ้งก็มองเห็นพ่อบ้านหวัง จึงเดินช้าลงโดยไม่รู้ตัวใคร่ครวญว่าจะควรบอกกล่าวเื่ที่นางให้เป่าจุ้ยเอ๋อร์ออกไปจากจวนอย่างไรดี
พ่อบ้านหวังเป็พ่อบ้านชราในจวนแม่ทัพย่อมรู้จักการสังเกตคำพูดและสีหน้า เมื่อเห็นหลิ่วจิ้งมีท่าทีอึกอักจึงเป็ฝ่ายเอ่ยถามว่า “ฮูหยินมาหาบ่าวเพราะมีเื่ใดหรือขอรับ?”
หลิ่วจิ้งจึงเลี่ยงพูดเื่หนักแต่พูดเื่เบาๆ ก่อนว่า“เช้าวันนี้ข้าเห็นพ่อบ้านหวังกำลังสั่งสอนบ่าว คิดว่าพ่อบ้านหวังเป็คนดูแลเื่ภายในบ้านรู้วิธีการจัดการเื่ต่างๆ อย่างเหมาะสมเสมอมาจะต้องมีขอบเขตของตนเป็แน่จึงไม่ได้ไปสอบถามใดๆ ”
พ่อบ้านหวังฟังออกว่ามีความหมายซ่อนอยู่ในคำพูดของหลิ่วจิ้งซึ่งความหมายในคำพูดนั้นจะต้องเป็การที่ตนเองทำเื่ผิดพลาดที่ใดสักแห่งอดจะเหงื่อตกอยู่ในใจไม่ได้
“ตอนเที่ยงข้าได้พบกับเป่าจุ้ยเอ๋อร์ในลานบ้านนางร้องห่มร้องไห้เสียใจจนน่าเวทนานัก พ่อบ้านหวังเป็คนใจกว้างเห็นแล้วเกรงว่าจะต้องใจอ่อนเป็แน่”หลิ่วจิ้งพูดไปก็เห็นว่าพ่อบ้านหวังมองนางด้วยความเคารพยำเกรงจึงเอ่ยต่อไปว่า“บ่าวไพร่ทำผิดต้องทำโทษก็เป็ไปตามกฎของสกุลอยู่แล้วข้าไม่ควรยุ่งไม่เข้าเื่ให้ขัดต่อกฎเกณฑ์ภายในบ้าน กลัวแต่จะมีคนวางอำนาจรังแกคนจงใจทำลายกฎเกณฑ์ทำให้บ่าวทั้งเรือนกลับต้องพบเจอภัยร้ายแฝงยามทำงาน”
“ฮูหยินกล่าวถูกต้องแล้วขอรับ” พ่อบ้านหวังเป็คนหลักแหลมเวลานี้จึงฟังเข้าใจแล้ว และไม่กล้าพูดอะไรมาก
“เดิมทีเื่ของเป่าจุ้ยเอ๋อร์ข้าไม่ควรก้าวก่ายแต่สาวใช้คนนั้นร้องไห้น่ารำคาญนัก ในเมื่อทำผิดก็ไม่จำเป็ต้องเก็บเอาไว้ข้าจะไล่นางออกไป พ่อบ้านหวังคิดว่าข้าทำเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่?”
“สาวใช้คนนั้นมือไม้เงอะงะ ทำให้ฮูหยินเดือดร้อนใจไล่ไปเสียย่อมต้องถูกต้องแล้วขอรับ”พ่อบ้านหวังผลักเรือไปตามน้ำและไม่ไปถามให้มากความ
หลิ่วจิ้งเห็นว่าตระเตรียมกับพ่อบ้านหวังทางนี้เรียบร้อยแล้วจึงไม่อยู่ต่อ หลังจากพูดเื่อื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องอีกไม่กี่คำก็พาอิ๋งเหอจากไป
จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้เสียเวลาเท่าใดจึงพาอวี้จิ่นและอิ๋งเหอเดินออกไปข้างนอก
_____________________________