เดิมทีนึกว่าหั่วอี้ออกไปวันนั้น ตกค่ำเขาก็จะกลับมาแต่หารู้ไม่ว่ากลับถูกกษัตริย์แห่งชางอี้ส่งตัวไปปราบปรามความไม่สงบทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือแม้แต่จวนแม่ทัพเขาก็ยังไม่ได้กลับมา หากแต่ต้องรีบเร่งนำทหารออกเดินทางไป
เดิมทีเป็การจากลาชั่วคราวหลังแต่งงานใหม่ ทว่าแม้แต่คืนเข้าหอหลิ่วจิ้งและเขาก็ยังไม่เคยมีมาก่อน คิดถึงตรงนี้ หลิ่วจิ้งจึงถอนใจลึกๆ หนหนึ่งพลิกดูสมุดบัญชีที่พ่อบ้านหวังสั่งให้คนนำมาส่งให้ไปเรื่อยเปื่อย
พ่อบ้านหวังเป็คนละเอียดมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ปกติยามหั่วอี้ไม่อยู่ในจวนเื่งานในบ้านทั้งใหญ่น้อยล้วนเป็เขาช่วยจัดการดูแลเมื่อหลิ่วจิ้งตรวจดูสมุดบัญชีก็เห็นว่าจดบันทึกได้อย่างชัดเจนเป็ระเบียบรายรับรายจ่ายมีที่มามีหลักฐานนางจึงเกิดความคิดว่าน่าจะหว่านล้อมพ่อบ้านหวังผู้นี้เอาไว้ไม่แน่ว่าอาจใช้การได้ในภายภาคหน้า
จึงหันไปบอกกับอวี้จิ่นที่อยู่ข้างๆ ว่า“เ้าไปบอกให้พ่อบ้านหวังเบิกเงินสักร้อยตำลึงเงินจากคลังเก็บของมาทีบอกว่าข้าเห็นว่าเขาทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยอยู่ทุกวันจึงมอบเงินนี้ให้เขาเป็รางวัล”
อวี้จิ่นรับคำสั่ง ไม่กล้ารั้งรอรีบออกไปทันที
รอจนอวี้จิ่นออกไปแล้วหลิ่วจิ้งจึงสั่งให้อิ๋งเหอเก็บสมุดบัญชีเสียเห็นว่าแสงจันทร์ข้างนอกห้องสดใสดังสายน้ำ นางพลันลุกขึ้นมาบิดี้เีถอนหายใจเบาๆ
ไม่ได้พบกันหลายวัน นางกลับรู้สึกคิดถึงหั่วอี้ขึ้นมาได้หลายวันก่อนหากเขาอยู่ในจวนเกรงว่าคงไม่เกิดเื่ต่างๆ ขึ้นงานในเรือนที่เขามอบให้นางก่อนไป หลายวันมานี้นางศึกษาจนเข้าใจหลายเื่แล้วเพียงแต่ขุนนางซื่อสัตย์ยังยากตัดสินเื่ในบ้าน [1] นับประสาอะไรกับตนเองที่เพิ่งจะออกเรือนมาได้เพียงครึ่งทางความยากที่มีจึงยิ่งยากเข้าไปอีก ไม่ได้การตอนเขากลับมานางจะต้องคุยกับเขาให้ละเอียดถี่ถ้วนสักรอบ
“ฮูหยินคิดถึงท่านแม่ทัพหรือเ้าคะ?” อิ๋งเหอััใกล้ชิดกับหลิ่วจิ้งมาหลายวันจึงสนิทสนมกับนางมากขึ้น วิธีการพูดจาจึงผ่อนคลายลงไม่น้อย
“เ้านี่เป็สาวใช้ที่ปากคอคมคายเหลือเกินนะถึงขั้นกล้าพูดจาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงกับข้าเสียแล้ว ข้าจะไปคิดถึงเขาทำไมกัน?” หลิ่วจิ้งถูกอิ๋งเหอมองความในใจออก ใบหน้าพลันแดงระเรือขึ้นมาน้อยๆเหมือนตัวลอยขึ้นจากพื้นดินดังเมฆาหลากสี
“เดิมทีสามีภรรยาคำนึงถึงกันก็เป็เื่ปกติอยู่แล้วไยฮูหยินต้องปากไม่ตรงกับใจด้วยเล่าเ้าคะ?!”
“เ้าเด็กน้อยนี่พูดจามีหลักมีเกณฑ์เสียจริงอย่างกับเ้าเคยพบเจอมากับตัวเช่นนั้น!” หลิ่วจิ้งพูดไปโดยไม่ได้ตั้งใจแต่อิ๋งเหอกลับฟังเสียเป็จริงเป็จังใบหน้าที่สงบดังผิวน้ำกลับว้าวุ่นดังมีคลื่นซัด เอ่ยทั้งใบหน้าเอียงอายว่า“ฮูหยินพูดจาส่งเดชนะเ้าคะ ข้าก็เพียงเคยเห็นบิดามารดาของข้าต่างยกสำรับเสมอคิ้ว [2] เคารพกันประหนึ่งแขกคนสำคัญ รักใคร่กันยิ่งนักจึงคิดว่าสามีภรรยาทั่วหล้าควรเป็ดังนี้เท่านั้นเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งได้ยินอิ๋งเหอพูดมาดังนี้ จึงพึมพำเบาๆ ว่า “สามีภรรยารึ?” จริงสินะ ตอนนี้ตนเองเป็ภรรยาของหั่วอี้แล้ว แต่แม้จะเป็ดังนี้ ในสักวันตนเองก็ยังต้องจากที่นี่ไปอยู่ดี!
อิ๋งเหอเห็นหลิ่วจิ้งใจลอยไม่พูดนึกว่าตนเองพูดจาผิดไปจึงไม่กล้าพูดมากอีก
ข้างนอกห้อง นกขมิ้นร้องอ่อนโยน แมลงร่ำเรไร ลมอ่อนโชยมาบางครา พากิ่งเขียวเต็มต้นส่งเสียง ‘ซ่าๆ’
“ฮูหยินเ้าค่ะ ท่านแม่ทัพให้คนส่งจดหมายมาเ้าค่ะ!”ยังไม่ทันสิ้นเสียง อวี้จิ่นก็พุ่งเข้ามาในห้องพลางยื่นจดหมายให้หลิ่วจิ้ง
หลิ่วจิ้งยากจะปิดบังความยินดีในอกได้ นางรีบรับจดหมายมาอย่างแทบทนรอไม่ไหวค่อยๆ แกะอย่างประณีตแล้วเปิดออกอ่านแต่ดวงตากลับชะงักนิ่งและมีความกังวลฉาบขึ้นมาชั้นหนึ่ง
“ฮูหยินเ้าค่ะ ท่านแม่ทัพว่าอย่างไรเ้าคะ?” อวี้จิ่นมองออกว่าหลิ่วจิ้งมีสีหน้าไม่สู้ดีจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
จดหมายถึงนางไม่ยาวอันดับแรกบอกว่าตนเองสบายดีให้หลิ่วจิ้งไม่ต้องเป็ห่วงเมื่อจัดการเื่ทางนี้เสร็จก็จะรีบกลับทันทีประการต่อมาก็บอกว่านางจ้าวตั้งครรภ์ ขอให้หลิ่วจิ้งคอยดูแลนางให้มาก
สั้นๆ ไม่กี่บรรทัด ไม่มีตัวอักษรใดที่เอ่ยถึงหวงฝู่จิ้งแต่นี่ก็เป็วิธีในแบบของเขา หลิ่วจิ้งส่ายหน้า เอ่ยอย่างซังกะตายว่า“ฮูหยินผู้เฒ่าวานคนนำข่าวที่นางจ้าวตั้งครรภ์ไปแจ้งเขา เขากลับดีนักกลับวานคนเอาจดหมายมาให้ข้าเพื่อบอกให้ข้าดูแลนางจ้าวให้ดียามนี้นางจ้าวยังต้องให้ข้าดูแลด้วยรึ? สั่งความเกินความจำเป็จริงๆ!”
ว่ามาดังนี้ นางจึงเขียนตอบต่อท้ายลงบนกระดาษจดหมายไปส่งๆคำหนึ่งว่า “รับทราบ” ให้อวี้จิ่นเอาซองจดหมายใหม่มาใส่ ก่อนจะให้คนนำออกไปส่ง
“ฮูหยินท่านกินน้ำส้มหรือเ้าคะ?” อิ๋งเหอลองถามอย่างระวัง
“หึงหวงอันใดกันเล่า?”
“ข้าว่าฮูหยินควรดีใจมากกว่านะเ้าคะ!”
“หื้ม? หมายความว่าอย่างไร?” หลิ่วจิ้งรู้ว่าอิ๋งเหอหัวไวมีไหวพริบคำพูดนี้นางย่อมมีเหตุผลของนาง
“เื่ของทายาทสืบสกุลเป็เื่ใหญ่การที่ฝากฝังนางจ้าวกับฮูหยิน ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่าท่านแม่ทัพเชื่อมั่นในตัวฮูหยินเห็นฮูหยินเป็คนใกล้ชิดรู้ใจ หากฝากฝังแก่ผู้อื่นเกรงว่าคนผู้นั้นจะมิได้มีใจมีคุณธรรมเสมอฮูหยินนะเ้าคะ” อิ๋งเหอพูดจาจริงจังแม้เสียงจะไม่ดังทว่าแต่ละคำก็พูดเข้าไปจนถึงส่วนลึกในใจหลิ่วจิ้ง
“เ้าพูดมาชัดเจนนัก แล้วข้าจะไม่เข้าใจได้อย่างไร”นางจึงไม่ไปคิดอะไรมากมายอีก หวังเพียงให้หั่วอี้ได้กลับมาในเร็ววันหาไม่แล้วจะยิ่งมีเื่มีราวมากขึ้นไปอีก เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงคิดแต่ว่าเช้าวันพรุ่งจะไปเยี่ยมนางจ้าวสักหน่อยนับั้แ่วันที่ได้พบนางที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ได้พบนางมาหลายวันมากแล้ว
คิดได้ดังนี้จึงสั่งให้อิ๋งเหอตระเตรียมขนมของว่างเพื่อไปเยี่ยมนางจ้าวแต่เช้าวันพรุ่ง ก่อนจะรีบเข้านอนเสีย
วันรุ่งขึ้นหลิ่วจิ้งตื่นมาั้แ่ฟ้าสาง ตามที่ได้เตรียมการเอาไว้แม้แต่การนอนซึ่งเป็สิ่งที่นางรักที่สุดนางก็ยังเอาไปซ่อนไว้ไกลๆ ก่อน
นางทานอาหารเช้าอย่างไม่รีบร้อนเกินไปได้ยินเสียงนกร้องดังจากนอกหน้าต่าง เมื่อฟ้าค่อยๆ สว่างจึงสั่งให้อวี้จิ่นและอิ๋งเหอนำขนมของว่างเดินออกเรือนไป
เพิ่งจะพ้นประตูเรือนก็เห็นพ่อบ้านหวังกำลังสั่งสอนบ่าวไพร่อยู่ในสวนดอกไม้แม้ไม่รู้ว่าเป็เื่ใด แต่เมื่อคิดว่าพ่อบ้านหวังเป็คนรู้หน้าที่อยู่แล้วหลิ่วจิ้งจึงคิดจะแอบี้เี นางเร่งเดินอ้อมไปอย่างรวดเร็วอย่างกับใต้ฝ่าเท้าทาน้ำมันเอาไว้
แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเพราะวานนี้พ่อบ้านหวังได้รับเงินรางวัลมาจากหลิ่วจิ้งทั้งยังรู้ว่าความโปรดปรานที่ท่านแม่ทัพมีต่อหลิ่วจิ้งนั้นแตกต่างจากผู้อื่นเขาย่อมให้ความเคารพหลิ่วจิ้งมากกว่าผู้ใด เวลานี้เขากำลังอบรมบ่าวไพร่อยู่จึงคิดว่าจะรายงานกับหลิ่วจิ้งที่กำลังเดินเข้ามาใกล้แต่กลับเห็นว่าหลิ่วจิ้งเดินอ้อมไป จงใจจะหลบเลี่ยงแล้วเขาจะไม่เข้าใจการแสดงออกของนางได้อย่างไร จึงเลิกความคิดนั้นเสียหันไปสั่งสอนบ่าวต่อไป คิดว่าพอจัดการเสร็จแล้วก็จะไปรายงานกับหลิ่วจิ้งในภายหลัง
เมื่อถึงเรือนของนางจ้าว เป็ดังที่คิดไว้จริงๆว่านางจ้าวเพิ่งจะตื่นนอน จึงเอาของว่างที่นำมามอบให้บ่าวในเรือนส่วนนางก็นั่งรออยู่นอกห้อง ผ่านไปเป็เวลาราวหนึ่งถ้วยชา นางจ้าวจึงค่อยๆเดินยุรยาตรเข้ามา
“ให้ฮูหยินรอนานแล้ว ชังแต่ร่างกายข้าไม่ได้ความเช้าตื่นมาก็เอาแต่อาเจียนแห้งๆ เสียหลายหน…”นางจ้าวว่าพลางจงใจโก่งคออาเจียนสองครั้ง ทั้งกริยาวาจาล้วนเป็ท่าทีอวดอ้าง
หลิ่วจิ้งเป็คนทนความเสแสร้งเช่นนี้ไม่ได้อยู่แล้วยามนี้มาเห็นนางจ้าวจงใจทำใส่ตน ย่อมไม่ยอมให้นางได้สมดังใจจึงแสร้งทำทีเป็ผู้รู้ขึ้นมา ยิ้มพลางว่า “ฮูหยินใหญ่กำลังตั้งครรภ์ตามหลักแล้วควรต้องพักผ่อนให้มาก”
ว่าพลางคิดถึงคำที่หั่วอี้กำชับขึ้นมาอยู่ในใจจึงเอ่ยอย่างเป็ห่วงว่า “วันนั้นฮูหยินใจนกระทบต่อครรภ์พักผ่อนมาหลายวันดีขึ้นบ้างแล้วหรือไม่? ข้าสั่งเป็การพิเศษให้อวี้จิ่นทำขนมของแคว้นต้าเว่ยของเราและให้ใส่ของบำรุงครรภ์ลงไปด้วยฮูหยินโปรดทานอย่างวางใจเ้าค่ะ”
หากไม่เอ่ยถึงเื่ในวันนั้นก็ยังดี แต่พอเอ่ยขึ้นมานางจ้าวก็โมโหจนขบเขี้ยวเคียวฟัน สีหน้าหนักอึ้งพลันก้มหน้าด่าทออาหนูยกหนึ่งซ้ำยังรู้สึกว่าหลิ่วจิ้งเป็พังพอนมาไหว้ปีใหม่ไก่ [3] จะต้องมาหาเพราะอยากเห็นเื่น่าขันของตนเป็แน่!
แต่จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าวันนั้นเป็หลิ่วจิ้งที่ช่วยชีวิตตนเอาไว้จึงเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนมามีรอยยิ้ม “ได้ยินบ่าวไพร่บอกว่าวันนั้นเป็ฮูหยินช่วยชีวิตข้าเอาไว้ข้ายังไม่ทันได้ไปขอบคุณที่เรือนท่านเลย!”
“เ้าและข้าล้วนเป็พี่น้อง ไยต้องเกรงใจเช่นนี้เล่า!วันนี้ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ ฮูหยินไม่รำคาญข้าก็ดีแล้ว” หลิ่วจิ้งพูดจบเห็นว่าสีหน้าของนางจ้าวมีเืฝาดแดงระเรื่อ เืลมไหวเวียนสะดวกคิดว่าคงไม่มีปัญหาใหญ่ใดอีก ดวงอาทิตย์นอกเรือนขึ้นมาเลยข้อไม้ไผ่ถึงสามกระบอกแล้วนางไม่อยากอยู่นานเกินไป จึงหยัดตัวขึ้นพูดต่อไปว่า “ท่านแม่ทัพเป็ห่วงฮูหยินจึงให้ข้ามาดู ข้าเห็นว่าร่างกายของฮูหยินไม่มีปัญหาใดก็วางใจแล้ว!”
พูดจบไม่ชักช้าลุกขึ้นยืนพาอวี้จิ่นกับอิ๋งเหอเดินออกไปนอกห้องทันที
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] ขุนนางซื่อสัตย์ยังยากตัดสินเื่ในบ้าน หมายถึงแม้แต่ขุนนางที่ซื่อสัตย์และเถรตรงที่สุดก็ยากจะแก้ปัญหาเื่ทะเลาะเบาะแว้งภายในบ้านอย่างเที่ยงธรรมได้ยิ่งถ้าเป็คนนอกก็ยิ่งยากจะตัดสินให้กระจ่าง
[2] ยกสำรับเสมอคิ้ว เป็สำนวนหมายถึง สามีภรรยาให้เกียรติกันและกัน(การยกสำหรับอาหารให้สูงขึ้นมาถึงคิ้ว แสดงถึงการให้ความเคารพอย่างสูง)
[3] พังพอนมาไหว้ปีใหม่ไก่ หมายถึง มาหาด้วยเจตนาไม่ดี มีประสงค์ร้าย