เป่าจุ้ยเอ๋อร์ทำตามที่หลิ่วจิ้งบอก นางปาดน้ำตาจนแห้งเอาน้ำในสระมาลูบเพื่อจัดผมเผ้าให้เรียบร้อย หลังจากนั้นจึงค่อยเดินไปที่เรือนของอาหนู
นับั้แ่วันที่กลับมาจากเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าอาหนูก็อารมณ์ไม่ดีมาโดยตลอด แต่ก็ยังเกรงกลัวนางจ้าวหลายวันมานี้จึงไม่ได้ออกไปจากเรือนเลยเวลานี้เห็นเป่าจุ้ยเอ๋อร์มาจึงเกิดความสงสัยขึ้นอีกว่าเหตุใดสาวใช้ผู้นี้จึงได้วิ่งกลับมา?
แม้เป่าจุ้ยเอ๋อร์จะพยายามปกปิดแต่อาหนูเป็คนสายตาแหลมคมเฉลียวฉลาดเมื่อเห็นว่าเป่าจุ้ยเอ๋อร์ตาบวมแดงก็เดาได้ว่าสาวใช้คนนี้จะต้องถูกคนรังแกมาเพียงแต่ตอนนี้ตนเองเป็เหมือนแผ่นน้ำแข็งเปราะบางเป็ดอกไม้ป่าริมตลิ่งสั่นคลอนเจียนร่วง คุ้มกะลาหัวตัวเองยังแสนยากแล้วจะมีปัญญาไปปกป้องนางได้อย่างไร?
คิดไปดังนี้ อาหนูก็ยิ่งเห็นว่านางจ้าวเป็เช่นหนามยอกอก!
พอเป่าจุ้ยเอ๋อร์เข้ามาในห้องก็เห็นอาหนูมีสีหน้าไม่สู้ดีรู้ว่าวันนี้อาหนูก็ได้รับความกระทบกระเทือนใจไม่น้อยเช่นกัน นางคารวะอย่างนอบน้อมค่อยๆ เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “เป่าจุ้ยเอ๋อร์ทำงานไม่ได้ความจนถูกลงโทษทำให้ฮูหยินเสียหน้าตอนนี้ข้าถูกไล่ออกจากจวนแม่ทัพแล้วเ้าค่ะ เห็นแก่ที่ฮูหยินเคยเมตตาเป่าจุ้ยเอ๋อร์มาหลายปีเป่าจุ้ยเอ๋อร์จึงมาลาฮูหยินเ้าค่ะ”
เป่าจุ้ยเอ๋อร์เอ่ยถึงเื่ที่ถูกข่มเหงว่าแล้วก็สะอื้นขึ้นมาอีกครั้ง
เดิมทีอาหนูก็กำลังสะกดอารมณ์ของตนเองอยู่พอเป่าจุ้ยเอ๋อร์ร้องไห้นางจึงยิ่งร้อนรนว้าวุ่นใจเข้าไปอีกเดิมทีเป่าจุ้ยเอ๋อร์ก็เป็สาวใช้ข้างกายตน ปกติทำงานคล่องแคล่วต่อให้ทำผิดก็ไม่มีวันเป็ความผิดใหญ่โตไปได้ แต่ตอนนี้กลับถูกไล่ออกจากจวนแม่ทัพ หากมิใช่ว่ามีคนชักใยอยู่เื้ัจงใจหักหน้าตนแล้วจะเป็อื่นใดไปได้? คิดได้ดังนี้อาหนูยิ่งรู้สึกว่าเสียหน้านัก สีหน้าเย็นเฉียบดังมีน้ำค้างแข็งบางๆหนึ่งชั้นฉาบอยู่ แววตาเย็นะเืดังน้ำแข็ง “ข่มเหงกันเกินไปแล้ว!”
เป่าจุ้ยเอ๋อร์ติดตามอาหนูมาหลายปี นางจึงเข้าใจอุปนิสัยของอาหนูหากจะบอกว่านางมีความแค้นที่ต้องชำระ มิสู้บอกว่านางเป็คนก่อเื่จนลุกลามเมื่อเห็นว่าเวลานี้อาหนูขัดเคืองใจ จึงไม่กล้าพูดมากอีกด้วยกลัวว่าหากพูดมากไปก็จะทำให้ฮูหยินที่หวังดีช่วยเหลือตนต้องพลอยลำบากไปด้วยคิดแต่ว่าอย่างไรเสียอาหนูก็ไม่ถูกกับฮูหยินจ้าวมานานหลายปีเมื่อเวลานี้นางจ้าวตั้งท้อง จึงเป็โอกาสให้นางวางอำนาจบาตรใหญ่ ดังนั้นต่อให้อาหนูกำแหงอีกสักเท่าใดก็จะไม่กล้าก่อเื่ขึ้นมาอีกใน่เวลานี้คิดไปเป่าจุ้ยเอ๋อร์จึงไม่กล้าอยู่ต่อ พูดคำปลอบโยนสองสามคำก็จากไปอย่างรีบร้อน
อาหนูเห็นว่าเวลานี้แม้แต่สาวใช้คนหนึ่งก็ยังต้องกลับมาแสดงความเวทนาตนความแค้นในใจดังคลื่นั์โหมกระหน่ำ แทบอยากจะฉีกเนื้อนั่งชั่วจ้าวออกเป็ชิ้นๆเสียจริงๆ !
คิดไปดังนี้ สองมือในแขนเสื้อของอาหนูก็กำหมัดแน่นขึ้นมา น้ำมันทาเล็บสีแดงสดตอกลึกฝังเข้าไปในฝ่ามือนาง
“ฮูหยินเ้าค่ะ บ่าวมีวิธีหนึ่งไม่ทราบว่าควรพูดหรือไม่?”เห็นอาหนูไม่พอใจ จื่อเซียวเอ่ยอย่างระมัดระวัง
ปกติแล้วจื่อเซียวเป็คนทำงานระมัดระวังแม้จะไม่คล่องแคล่วเช่นเป่าจุ้ยเอ๋อร์ แต่ก็คิดการรอบคอบกว่าเป่าจุ้ยเอ๋อร์เวลานี้มีเื่จะพูด จะต้องขบคิดมาเป็อย่างดีแล้วอาหนูผ่อนคลายสีหน้าลง กล่าวว่า“มีเื่ใดเ้าก็ลองพูดออกมาให้ข้าฟัง”
“ฮูหยินเ้าค่ะแม้ว่าปกติแล้วท่านแม่ทัพจะปฏิบัติต่อท่านต่างกับผู้อื่น รักใคร่เอาใจยิ่งนักแต่เื่ที่เวลานี้ฮูหยินจ้าวตั้งครรภ์และกลายเป็ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ผู้เดียวก็มิใช่ว่าจะเป็เช่นนี้ชั่วชีวิตหากเวลานี้ท่านยังขืนจะไปมีความแค้นกับนางก็เกรงว่าจะเป็การเอาไข่กระทบหินนะเ้าค่ะ!”
เสียงของจื่อเซียวเป็ดังแสงอาทิตย์แรกหลังฝนทำให้เมฆดำที่สุมในอกของอาหนูสลายไปดวงตาส่องประกาย น้ำเสียงก็มีความยินดีขึ้นมาหลายส่วน
“ได้ยินเ้าว่ามาดังนี้ข้าก็คิดวิธีออกแล้ว!”
หลังจากเผชิญเื่ถูกวางยาในศาลบรรพชนมามิใช่ว่านางจะไม่รู้อยู่แก่ใจว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจตนาจะปกป้องนางจ้าวชีวิตของตนเองเมื่อเทียบกับธูปเทียนในบ้านสกุลหั่วแล้วก็ช่างต่ำต้อยดังเศษหญ้า
“คำโบราณว่าไว้ดีนัก ผู้คนยิ่งเติมฟืน ไฟยิ่งแรงมิสู้ฮูหยินลองไปดูทางองค์หญิงต้าเหว่ยบางทีอาจมีวิธีดับเพลิงโอหังของฮูหยินจ้าวได้นะเ้าคะ”
จื่อเซียวรู้ดีว่าอาหนูมีความริษยาอยู่เต็มอกกลัวว่าตนเองไม่ได้พูดให้ชัดเจนก็จะทำให้นางเข้าใจผิดจะนึกเอาได้ว่าตนเองหมายถึงฐานะของนางไม่สูงส่งเช่นองค์หญิงต้าเว่ยจึงรีบบอกอีกว่า “วันนั้นองค์หญิงต้าเหว่ยช่วยขอร้องให้ฮูหยินก็นับว่าเป็การแสดงไมตรีต่อให้ฮูหยินคับอกคับใจเพียงใดก็ควรไปหานางสักหน่อย เพื่อมิให้คนเขาเข้าใจผิดว่าฮูหยินจงใจเป็ปรปักษ์กับนางนะเ้าคะ”
เดิมทีอาหนูก็คิดจะใช้วิธียืมมีดฆ่าคนอยู่แล้วแต่ติดที่หาเหตุผลไปหาหลิ่วจิ้งไม่ได้จื่อเซียวเตือนนางในตอนนี้ก็เหมือนกับที่ตนคิดไว้พอดีจึงสั่งให้คนมาช่วยแปรงผมแต่งตัวให้ตนในทันใดนางมองคนในกระจกที่ทาแป้งเขียนคิ้วจนงดงาม สดใสดังสาลี่ผลท้อ คิ้วผีเสื้อ [1] ตาบุปผา มีประกายยามจับจ้องนางลุกขึ้นอย่างพอใจ ก่อนจะเดินไปที่เรือนของหลิ่วจิ้ง
หลังจากหลิ่วจิ้งออกมาจากเรือนหลังก็หยุดอยู่ในสวนดอกไม้พักใหญ่ในขณะที่กำลังเบิกบานสบายใจอยู่นั้น กลับเห็นแมวที่มีดวงตานกเป็ดน้ำขนยาวตัวหนึ่งกำลังก้มกินของบางอย่างอยู่ใต้ดอกไม้นางเกิดอยากเล่นกับมันจึงค่อยๆ ย่องเข้าหาอย่างแ่เบา
แต่คิดไม่ถึงว่าแมวตัวนั้นไหวตัวรวดเร็วนักหลิ่วจิ้งยังไม่ทันเดินเข้าไปถึงสองก้าวเลยมันก็หันหน้ามุดเข้าไปในกอดอกไม้และหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเอาไว้เพียงซากอาหารที่มันกัดกินไปแล้วเท่านั้น
หลิ่วจิ้งตั้งใจดูเห็นว่าสิ่งที่เ้าแมวตัวนี้กินอย่างเอร็ดอร่อยนั้นไม่ใช่ของอื่นใดหากแต่เป็ขนมหยกน้ำแข็งที่ตนเองสั่งให้อวี้จิ่นทำให้นางจ้าวเมื่อเช้านี้เดิมทีเพราะขนมชนิดนี้ใช้กลีบดอกเหมยห่อผิวชั้นนอก ใช้ไข่ไก่เป็ไส้จึงบางเบากินทานแล้วสบายปากนัก หลิ่วจิ้งกลัวว่านางจ้าวจะกินแล้วไม่คุ้นเคยจึงใส่น้ำปลาลงไปมากหน่อยทำให้มีกลิ่นคาวปลาที่เ้าแมวตัวนี้น่าจะชอบ
“ฮูหยินเ้าคะนี่มิใช่ของว่างที่ข้าทำไปส่งฮูหยินจ้าวเมื่อตอนรุ่งสางหรือเ้าคะ?…” อิ๋งเหอตาไวจึงจำได้เช่นกันนางเอ่ยอย่างมีน้ำโหว่า “เหตุใดนางจึงได้สิ้นเปลืองนัก ถึงกับเอาให้แมวกิน?” ของว่างนี้เป็นางและอวี้จิ่นตื่นมาทำั้แ่ฟ้ายังไม่สว่างทำอย่างลำบากมาตลอดเช้า นางย่อมรู้สึกไม่พอใจ
เวลานี้ไม่ว่านางจ้าวทำสิ่งใดก็ล้วนระมัดระวังตัวนักทั้งยังไม่ออกประตูใหญ่ไม่ใกล้ประตูรองแม้แต่แมลงวันสักตัวก็ยังบินเข้าไปภายในห้องไม่ได้ แล้วจะปล่อยให้มีแมวเข้าไปขโมยของกินได้อย่างไรกลัวแต่นางจ้าวจะระแวงเกินไปคิดว่าหลิ่วจิ้งใส่ยาพิษไว้ในของว่างด้วย้าทำร้ายนางจึงได้โยนของว่างทิ้งไปเสีย ก่อนจะถูกแมวเก็บไปกิน
เมื่อคิดถึงเื่ที่อาหนูถูกคนวางยาในศาลบรรพชนคาดว่านางจ้าวคงจะเป็คนใจบาปคนนั้นเป็แน่ และคิดว่านางแอบซ่อนความชั่วร้ายเอาไว้วันหน้าตนเองต้องคอยระวังให้มากเป็ดี
หลิ่วจิ้งหันหน้ามาเห็นอิ๋งเหอมีสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่อาจบอกเื่นี้กับนางให้ชัดเจนได้ จึงได้แต่ปลอบโยนว่า“ของว่างนี้รสดีนัก นางจะตัดใจเอาไปให้แมวกินได้อย่างไร? คงเพราะแมวตัวนั้นได้กลิ่นหอมของน้ำปลาดึงดูดเข้าให้! จึงขโมยกินเสียเองกระมัง!”
“เ้าแมวตะกละ! เ้าแมวตะกละ!เ้าดูสิล้วนเพราะพวกเ้าฝีมือดีน่ะสิ!”
อิ๋งเหออายุยังน้อยเมื่อถูกหลิ่วจิ้งชมเอาเช่นนี้จึงไม่โกรธอีกแล้วกลับเป็อวี้จิ่นที่แค่นเสียงหึเย็นเฉียบเป็น้ำแข็งบอกว่า “เห็นชัดๆอยู่ว่าเป็นางระแวงไปเอง ตุ๊กแกกินปูนร้อนท้อง จึงไม่กล้ากินเองต่างหาก!วันหน้าไม่ต้องให้ข้าวุ่นวายปรนนิบัตินางอีกแล้วนะเ้าคะ!”
หลิ่วจิ้งก็ไม่ได้ไปถือสาหาความนาง เพียงยิ้มเงียบๆ“จะไปปรนนิบัตินางทำสิ่งใด พวกเ้าสนใจทำให้ข้ากินเป็พอแล้ว!”
“พี่หญิงจะทานอะไรหรือเ้าคะ? ได้ยินว่าแคว้นต้าเว่ยกว้างใหญ่สรรพสิ่งหลายหลากอาหารอุดมสมบูรณ์ไม่ทราบว่าน้องจะมีวาสนาได้ชิมสักหน่อยหรือไม่?”
หลิ่วจิ้งหันมองตามเสียง เป็อาหนูที่ไม่ได้เห็นมาหลายวันนั่นเองนางคิดว่าตนเองเพิ่งจะส่งบ่าวไปก็มาเจอกับนายอีก วันนี้มีวาสนากับนางจริงๆเมื่อดูให้ละเอียด เห็นนางแต่งตัวแต่งหน้าชุดใหญ่ ทั้งยังเป็ฝ่ายเข้ามาสนทนากับตนเกรงว่าก่อนเป่าจุ้ยเอ๋อร์จะไป คงจะพูดบางสิ่งที่ไปกระตุ้นนางเข้านางจึงได้มาหาตนเป็พิเศษ
ในเมื่อตามตอแยไม่เลิกเช่นนี้ หลิ่วจิ้งจึงไม่อาจสงวนท่าทีได้อีกต่อไปนางปั้นหน้ายิ้มแย้ม เอ่ยอย่างเกรงใจว่า “มีของน่ากินอันใดกันเพียงแค่ไปเจอแมวตัวหนึ่งกำลังกินบางอย่างใต้ดอกไม้ เห็นมันกินอย่างเอร็ดอร่อยจึงอดคิดถึงอาหารเลิศรสที่บ้านไม่ได้เท่านั้น”
อาหนูหรือจะฟังเจตนาผลักไสของหลิ่วจิ้งไม่ออกกลับคิดว่าแม้นางต้องเอาหน้าร้อนไปนาบก้นเย็นเพื่อประจบหลิ่วจิ้งก็เป็หนึ่งในวิธีที่นางวางแผนไว้อยู่แล้ว จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสีย“ที่พี่หญิงเห็นนั้น เป็แมวตัวโตขนยาวสีขาวตาดังนกเป็ดน้ำใช่หรือไม่เ้าคะ?”
“ใช่แล้ว!”
“แมวตัวนั้นเป็ท่านแม่ทัพนำกลับมาจากต่างแคว้นและมอบให้ฮูหยินผู้เฒ่าเลี้ยงเ้าค่ะฮูหยินผู้เฒ่าเลี้ยงมันไว้ข้างกาย รักใคร่มันหนักหนา ทุกวันให้มันกินปลาสดๆกินดีเสียยิ่งกว่าคนอีกนะเ้าคะ!มีของใดอร่อยนักจนมันทิ้งของดีแล้ววิ่งมาขโมยกินถึงที่นี่กัน? ”
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] คิ้วผีเสื้อ เป็วิธีการเขียนคิ้วโบราณ เขียนคิ้วให้หนา สั้นและเชิดปลายขึ้นสูง เหมือนหงอนที่เป็แผงหนาของผีเสื้อกลางคืน