แม้เสี่ยวเฉียวเยว่จะทำเื่ขายหน้าอย่างใหญ่หลวงต่อหน้าพี่ชายตัวน้อย แต่ไม่ช้านางก็สลัดพี่ชายสุดหล่อออกไปจากสมอง ช่วยไม่ได้ คนหล่อไม่อาจบริโภคเป็อาหารได้ หนำซ้ำการพบกันครั้งแรกนางก็ทำเื่ขายหน้าแล้ว จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่พบพี่ชายสุดหล่อคนนี้อีกต่อไป
ยามเช้าตรู่ ไท่ไท่สามกำลังเปลี่ยนอาภรณ์ตัวน้อยที่เหมาะสมให้นาง ก็ได้ยินเสียงร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญดังมาจากข้างนอก
เสี่ยวเฉียวเยว่กระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที ดวงตาเบิกกว้าง อยากดูว่ามีเื่อะไรเกิดขึ้น เสียงนี้ชัดเจนว่าเป็ท่านป้ารอง
เป็ไปตามคาด ไท่ไท่รองเดินเข้ามาด้วยสีหน้าได้รับความไม่เป็ธรรมอย่างยิ่งยวด "น้องสะใภ้สาม เ้าต้องให้คำอธิบายแก่ข้า ไม่ว่าอย่างไรเื่ครานี้ เ้าต้องอยู่ข้างข้า"
ประหนึ่งว่าคนที่มักเสียดสีประชดประชันไท่ไท่สามอยู่เสมอมิใช่นาง
ไท่ไท่สามเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "พี่สะใภ้รองเกิดอะไรขึ้นอีกเล่า ให้คำอธิบายแก่ท่านอันใด เข้าข้างท่านอันใด? ถ้อยคำที่ไร้ต้นสายปลายเหตุเยี่ยงนี้ ข้าก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนเช่นกัน"
ท่าทางของไท่ไท่รองแสดงถึงความชอกช้ำใจอย่างยิ่งยวด เพียงแต่เป็ฟ้าคะนองไร้ฝน มีน้ำตาเพียงไม่กี่หยด "น้องสะใภ้สาม เ้าพูดมา พี่รองของเ้าจะยกสาวใช้ชื่อหรูอี้ในเรือนของพวกเ้าขึ้นเป็อนุ เื่นี้ควรจะทำอย่างไรดี? เ้าต้องให้คำอธิบายแก่ข้า อยู่ดีๆ เหตุใดถึงปล่อยให้สาวใช้ในเรือนมายั่วยวนนายท่านรอง ผู้รู้ย่อมว่าสาวใช้คนนี้มีนิสัยส่วนตัวไม่ดี ผู้ไม่รู้อาจคิดว่าน้องสะใภ้สามควบคุมบ่าวไม่เป็ ภายในเรือนถึงมีคนที่ไม่รู้จักกฎเกณฑ์เช่นนี้
ในถ้อยวาจาเต็มไปด้วยการเสียดสีประชดประชัน ไม่ว่าเวลาไหนก็มักเป็เช่นนี้เสมอ
แท้จริงแล้วไท่ไท่รองรู้สึกขัดหูขัดตาน้องสะใภ้สามคนนี้ สตรีที่ถอนหมั้นจากตระกูลอื่นอย่างนางเหตุใดถึงเป็ที่นิยมชมชอบของเหล่าคุณชายทั้งหลาย เป็แก้วตาดวงใจของคุณชายสาม ก็แค่ชาติตระกูลดีหน่อย ฐานะทางบ้านร่ำรวยเป็เศรษฐี แล้วก็อาศัยว่าบิดาของตนเป็อาจารย์ของฮ่องเต้เท่านั้นเอง
"น้องสะใภ้ ใครๆ ล้วนกล่าวว่าเ้ามีความรู้ความสามารถที่สุด ไหนเ้าพูดมาซิ ในเมื่อมีความรู้ความสามารถ แล้วนี่อะไร? เหตุใดคนในเรือนถึงทำเยี่ยงนี้?"
ไท่ไท่สามไม่รีบร้อนไม่เอ้อระเหย เพียงยิ้มแล้วกล่าวว่า "พี่สะใภ้รองไยจึงกล่าวเช่นนี้ ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเื่นี้มีเื่ราวเป็มาอย่างไร พูดถึงหรูอี้คนนี้ก่อน นางเพิ่งมาทำงานที่เรือนของข้ายังไม่ถึงหนึ่งเดือนดี ก่อนหน้านี้ก็เป็คนสนิทของพี่สะใภ้รอง อยู่ดีๆ ท่านก็ยัดเยียดนางให้ข้า เพียงไม่ถึงเดือนก็ก่อเื่ทำนองนี้ หากจะโทษว่าคนของเรือนข้าไร้กฎเกณฑ์ คำกล่าวหานี้ข้าไม่ยอมรับ"
ไท่ไท่สามเว้นจังหวะ แล้วเอ่ยเสียงเบา "อยู่กับพี่สะใภ้รองมาหลายปียังมิอาจเรียนรู้ มาอยู่กับข้าไม่ถึงเดือน การปลูกฝังจิตสำนึกย่อมมีข้อจำกัด"
แต่ไหนแต่ไรมาไท่ไท่สามหาใช่คนที่จะปล่อยให้ผู้อื่นรังแกได้ วาจาซ่อนเข็มในปุยนุ่นเยี่ยงนี้ไท่ไท่รองไหนเลยจะฟังไม่ออก นางขึ้นเสียงทันควัน "น้องสะใภ้สามหมายความเช่นไร เ้าจะบอกว่าข้าตั้งใจส่งคนมาที่เรือนของเ้าทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่านางไม่ดีกระนั้นหรือ?"
ไท่ไท่สามกล่าวเนิบๆ "พี่สะใภ้รองคิดมากไปหรือไม่"
แม้กระนั้น เสี่ยวเฉียวเยว่ก็ยังผงกศีรษะน้อยๆ ไม่หยุด นางมองคนนี้ที มองคนนั้นที ปากก็ร้องอ้อแอ้ ชูกำปั้นน้อยโบกไปมา "อูลาอี๊หย่าเฮย"
มารดานางพูดตรงๆ ไม่ได้ แต่นางพูดได้!
เพียงแต่ภาษาของซาลาเปาน้อยที่ยังพูดไม่เป็ออกจะน่ารำคาญอยู่บ้าง
นางส่ายก้นดุ๊กดิ๊กคลานเข้าไปตรงหน้าไท่ไท่สาม แล้วหันมาโวยวายภาษาทารกใส่ไท่ไท่รอง หัวคิ้วน้อยๆ มุ่นขมวด ทำราวกับจะสู้ตายกับนาง
ไท่ไท่รองกวาดตามองนางปราดหนึ่งอย่างไม่แยแส ต้องบอกว่าแม่นางน้อยที่นางเกลียดที่สุดในจวนนี้ก็คือคนที่อยู่ตรงหน้านางตอนนี้
คราก่อนเอาของสกปรกมาป้ายเสื้อผ้าของนาง ครานี้ก็ยังจะมาร้องอ้อแอ้ขู่นาง ช่างน่ารำคาญเสียจริง "หากน้องสะใภ้สามรู้ความเหมาะสม ก็คงไม่ให้ยายหนูเจ็ดทำท่าทางแบบนี้"
โยนประทัดมาใส่เสี่ยวเฉียวเยว่อีกแล้ว
เสี่ยวเฉียวเยว่ตกตะลึง หลังจากนั้นก็แค่นเสียงฮึ่มๆ "อู๋ย่า!"
พร้อมกับแสดงท่าทางฉุนเฉียว
ไท่ไท่รองย่อมไม่เก็บนางมาใส่ใจ กล่าวขึ้นอีกครั้งทันที "น้องสะใภ้สาม เ้าอย่ามาเล่นลิ้นกับข้าดีกว่า วันนี้เ้าต้องให้คำอธิบาย มิเช่นนั้นข้าไม่จบกับเ้าแน่"
นางแค่นเสียงเยาะ พูดแล้วก็น่าโมโห หรูอี้นางจิ้งจอกผู้นี้เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ เดิมทีนางเห็นหรูอี้ไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ตอนนั้นคิดว่าหากให้นางอยู่ในเรือนของตนเองต่อไปคงจะไม่เหมาะสม ไม่สู้ไล่นางออกไปเสีย เรือนของไท่ไท่สามมักทำเป็สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียวกันดีนัก หากให้หรูอี้มายั่วยวนน้องสาม ก็น่าจะสนุก
เดิมทีคิดจะรอชมละคร แต่ไม่นึกว่านางสาวใช้หน้าตายนั่นจะย้อนกลับมายั่วยวนสามีของตนเอง ทำให้นางโมโหแทบอกแตกตาย
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ครั้งนี้นางต้องทำให้ภรรยาของน้องสามให้คำอธิบายแก่ตนเองให้ได้
หากนางไม่จัดการหรูอี้ ก็เท่ากับให้ท้ายสาวใช้ที่ยั่วยวนนายท่าน ไม่เข้มงวดในการอบรมบ่าว แล้วก็ยังพูดอะไรที่ไม่น่าฟังอีกมากมาย
แต่ถ้าหากนางจัดการ ถึงเวลาก็สามารถยัดเยียดความเป็สตรีใจคอโหดร้ายให้นางได้ ไม่ว่าจะลงเอยแบบไหนก็อย่าหวังว่าจะจบลงด้วยดี
"เ้าพูดมา ควรจะจัดการอย่างไรกับหรูอี้ เ้าต้องให้คำอธิบายแก่ข้า"
พูดฉอดๆ ขู่เข็ญบีบบังคับ
ไท่ไท่สามย่อมรู้ความคิดของไท่ไท่รอง จึงเอ่ยว่า "เื่นี้ข้าจัดการได้เสียที่ไหน พี่สะใภ้คือผู้มีอำนาจจัดการทุกอย่างในจวน เื่ครานี้เกี่ยวพันถึงพี่รอง ข้าเป็เพียงน้องสะใภ้ ทั้งยังไม่รู้ว่าเื่ราวแท้จริงเป็เช่นไร ย่อมไม่กล้าจัดการส่งเดช ต้องฟังความคิดเห็นของพี่สะใภ้ใหญ่ก่อน"
ไท่ไท่รองโต้กลับทันควัน "วันนี้พี่สะใภ้ใหญ่มีธุระไม่อยู่ในจวน นางไม่อยู่ก็แก้ไขสิ่งใดไม่ได้เลยหรือ อีกอย่างเื่นี้เดิมทีก็เป็เื่ของเรือนเ้า"
นางจงใจก่อเื่วันนี้ เพราะพี่สะใภ้ใหญ่ไม่อยู่นี่แหละ
ไท่ไท่สามคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม "ข้ากลับคิดว่าเื่นี้เป็เื่ภายในของพี่สะใภ้รองมากกว่า พี่สะใภ้ใหญ่ไม่อยู่ ก็ยังมีท่านแม่ หรือพี่สะใภ้รองคิดว่าการให้คนเป็สะใภ้อย่างข้าจัดการเื่ส่วนตัวของพี่รองเป็สิ่งที่เหมาะสม? แม้ว่าหรูอี้จะเป็คนของเรือนสาม แต่เพิ่งมาเพียง่สั้นๆ ข้าไม่กล้าจัดการส่งเดช ใครจะรู้ว่าสถานการณ์แท้จริงเป็เช่นไร พี่สะใภ้รองว่าถูกต้องหรือไม่?"
"เ้า!"
ไท่ไท่รองผลุนผลันลุกขึ้นอย่างขุ่นเคือง "ความหมายของเ้าคือจะไม่รับผิดชอบใช่หรือไม่?"
นางแสดงความเกรี้ยวกราดอยู่หลายส่วน
ไท่ไท่สามได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ น้ำเสียงก็ค่อยๆ แข็งขึ้น "พี่สะใภ้รองคิดจะขู่เข็ญข้าหรือ ข้าบอกตอนไหนว่าจะไม่รับผิดชอบ เพียงแต่เื่นี้ต้องรายงานให้ผู้าุโทราบก่อน ข้าย่อมจะเชื่อฟังท่านแม่"
ไท่ไท่สามหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อย แล้วเอ่ยต่อ "ไยพี่สะใภ้รองต้องใจร้อนเช่นนี้ด้วยเล่า?"
"อูว่ะ อี๋ยายายา!" เสี่ยวเฉียวเยว่โบกมือไปมาพลางยิงฟันใส่ไท่ไท่รอง คนผู้นี้น่ารำคาญจริงๆ
ไท่ไท่สาม "เด็กดี ไม่กลัวนะ"
"น้องสะใภ้สาม! เ้า..."
"พี่สะใภ้รอง้าสิ่งใด จึงมาหาเื่ถึงเรือนข้า?" ซูซานหลางเข้าประตูมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพียงแต่รอยยิ้มไม่ไปถึงก้นบึ้งดวงตา
เขาเอื้อมมือไปอุ้มซาลาเปาน้อยอ้วนกลมของตนขึ้นมา เสี่ยวเฉียวเยว่พูดอ้อแอ้ไม่หยุด มือเล็กจ้อยโบกไปมา ราวกับกำลังฟ้องบิดา
ซูซางหลางหัวเราะ พลางตบๆ ปลอบประโลมนาง "เด็กดี บิดารู้ว่ามารดาเ้าได้รับความไม่เป็ธรรม"
เขามองไท่ไท่รอง แล้วเอ่ยว่า "พี่สะใภ้รองมารังแกอาอิ่งของข้าได้อย่างไร เรือนสามของพวกเราไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเื่ใดมาโดยตลอด ไม่ว่าเื่ไหนก็ยังมีมารดากับพี่สะใภ้ใหญ่ ท่านมาข่มขู่พวกเราเยี่ยงนี้ คิดจะใช้ฐานะพี่สะใภ้มารังแกผู้อื่นหรืออย่างไร หรือว่ามีสิ่งใดที่ให้ผู้อื่นรู้ไม่ได้ ถึงต้องรีบร้อนจัดการหรูอี้ ท่านจะพยายามยัดเยียดหรูอี้มาที่เรือนของพวกเราให้ได้ พวกเราจำต้องฝืนใจรับ แต่ยังไม่ถึงหนึ่งเดือนเกิดเื่งามหน้า พี่สะใภ้กลับมาหาพวกเรา ข้าจะไปรายงานท่านแม่ ให้ท่านสอบสวนเื่นี้ให้กระจ่าง แล้วมาคอยดูกันว่ามีอะไรเื้ัที่พวกเรายังไม่รู้อีกบ้าง"
คำพูดประโยคเดียวกัน แต่ระหว่างซูซานหลางเป็คนพูดกับไท่ไท่สามเป็คนพูด ย่อมให้ผลลัพธ์ต่างกัน
ยิ่งไปกว่านั้นซูซานหลางยังพูดตรงมากอีกด้วย
ไท่ไท่รองมีปฏิกิริยาทันที "น้องสามพูดไม่ถูก เหตุใดถึงกลายเป็ข้ารังแกผู้อื่นไปได้ หรือว่าสาวใช้ของพวกเ้า..."
"พี่สะใภ้รองโปรดระวังคำพูด นั่นไม่ใช่สาวใช้ของพวกเราแต่เป็สาวใช้ของท่าน สายสนกลในเป็เช่นไร รอให้ท่านแม่สอบสวนอย่างละเอียดดูเถอะ"
เขาหยุดเว้น่ไปครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มพลางกล่าวว่า "ข้าส่งคนไปที่เรือนของท่านแม่แล้ว ท่านบอกว่าจะจัดการเอง หากพี่สะใภ้รองรีบร้อนนัก ก็ไปดูเองเถิด"
ซูซานหลางค่อนข้างจะรับพี่สะใภ้รองคนนี้ไม่ได้
ไท่ไท่รองได้ยินเช่นนั้น สีหน้าพลันตื่นตระหนก แต่พยายามข่มกลั้นไว้ "เมื่อเป็เช่นนี้ น้องสามก็น่าจะบอกแต่แรก ข้าจะได้ไม่ต้องมาตอแยทางนี้ อีกอย่างน้องสามเป็บุรุษ เข้ามาเกี่ยวข้องกับเื่ภายในเหย้าเรือนดูจะ..."
"ข้ารักอาอิ่ง ทนดูไม่ได้ที่ใครยกเื่ยิบย่อยเยี่ยงนี้มาสร้างปัญหาให้นาง"
ไท่ไท่รองมองซูซานหลางผู้หล่อเหลารักใคร่ห่วงใยภรรยาอย่างลึกซึ้ง ก็กัดฟันจนแทบป่นทั้งปาก อยากจะเอาตนเองเข้าไปแทนที่เสียให้ได้
แต่ไม่นานก็เอ่ยว่า "น้องสามช่างรักและทะนุถนอมน้องสะใภ้สามยิ่งนัก"
จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อเดินกระแทกเท้าออกไป ไม่แม้แต่จะกล่าวคำอำลา
เห็นนางไปแล้ว เฉียวเยว่ก็ปรบมือหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
ไท่ไท่สามกล่าวขึ้นว่า "ไยต้องไปล่วงเกินนาง"
ซูซานหลางตอบ "ยิ่งเ้าพูดจาดี นางยิ่งได้คืบจะเอาศอก ยายหนูของพวกเรายังรู้ว่านางไม่ได้มีเจตนาดี"
เขาแตะๆ ใบหน้าของเฉียวเยว่ แล้วเอ่ยว่า "ยายหนูของพวกเรารู้จักปกป้องมารดาใช่หรือไม่?"
ใบหน้าของเขาแฝงรอยยิ้ม
เฉียวเยว่ฉีกยิ้มอย่างน่าเอ็นดู แต่ไม่ระวังทำน้ำลายไหลยืดออกมา
ซูซานหลางมุ่นคิ้ว "สตรีที่ดีไม่ควรฉีกยิ้มกว้างเยี่ยงนี้ มันดูไม่สุภาพ"
แม้ว่าจะเป็การตำหนิ แต่ดวงตากลับฉายแววยิ้ม คนปากกับใจไม่ตรงกัน เฉียวเยว่ไม่สนใจหรอก
ถึงบางครานางจะควบคุมตนเองไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่มักเป็พฤติกรรมของทารก กับหัวใจที่เปราะบางเอามากๆ แต่นางไม่ใช่คนโง่
ไม่รู้อย่างไร นางรู้สึกว่าท่านป้ารองคนนี้ชอบบิดาของนาง
มิเช่นนั้นแล้วไยต้องกัดฟันมองมารดาของนาง ราวกับไม่อยากเห็นนางได้ดี
แต่เมื่อมองบิดาของนาง กลับแสดงท่าเหมือนว่าอยากจะให้ตนเองเป็คนที่ได้รับความรักใคร่ห่วงใยคนนั้นแทน
เฉียวเยว่มองเห็นความจริงทุกอย่าง ดวงตาทั้งสองแทบจะลุกเป็ไฟ คนผู้นี้ไม่มีเจตนาดี
ปากน้อยๆ ของนางยื่นออกมา เฝ้าปรารถนาว่าบิดามารดาจะมองออกเช่นเดียวกัน
แต่หลังจากใช้สมองได้ครู่หนึ่ง นางก็เริ่มอ่อนเพลีย ไม่ช้าก็หลับปุ๋ย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ตอนที่นางตื่น ก็ได้ยินหมัวมัวกำลังคุยอยู่กับมารดาของนาง ถึงประโยคที่ว่า "จัดเตรียมหรูอี้เข้ามาเพื่อยั่วยวนนายท่านสาม"
เสี่ยวเฉียวเยว่หัวเราะหึๆ
ท่านป้ารองของนางช่างน่ารังเกียจเป็ที่สุด