ซินหรูอยู่ในศาลาหลังนั้นเช่นกัน เพียงแต่ยามนี้กำลังถูกนางกำนัลคนสนิทของจ้าวกุ้ยเหรินกดให้คุกเข่าอยู่บนพื้นนางกำลังกล่าวอย่างเคียดแค้นชิงชังว่า “นางคนต่ำช้าไม่รู้ดีชั่ว สถานที่แห่งนี้ใช่สถานที่ที่เ้าจะมานั่งได้หรือหากทำให้อาภรณ์ของเปิ่นกงแปดเปื้อนสกปรกเล่า! ตบปากนางแรงๆเดี๋ยวนี้!”
ซินหรูถูกนางกำนัลท่าทางดุร้ายโเี้เปี่ยมประสบการณ์คนหนึ่งที่จับไว้ทั้งซ้ายและขวาศีรษะของนางหันไปทางซ้ายและขวาตามแรงตบตีของนางกำนัลราวกับถูกตีจนสูญสิ้นสติสัมปชัญญะ แม้กระทั่งเรี่ยวแรงดิ้นรนสักครึ่งส่วนก็ไม่มีนางกำนัลตบตีอย่างเหี้ยมโหดส่งผลให้แก้มทั้งสองข้างของซินหรูบวมเป่งขึ้นมาทันทีมุมปากของนางถูกตีจนแตกปริ โลหิตสีแดงสดไหลออกจากมุมปากย้อยมาถึงปลายคางหยดเืนั้นหยดลงบนเสื้อผ้าของที่เก่าคร่ำคร่าของนาง
จ้าวซือหลันผู้นี้มีนิสัยดูถูกดูแคลนบ่าวไพร่ชั้นต่ำเหล่านี้มาโดยตลอดอีกทั้งเสื้อผ้าที่อยู่บนกายของซินหรูนั้นมิใช่กระโปรงของนางกำนัลทั่วไปในวังแต่เป็เสื้อผ้าเก่าๆ ของตำหนักเย็น นางยิ่งกระทำการอย่างได้ใจเห็นซินหรูถูกตีจนเป็เช่นนั้นยังมิอาจทำให้ความขุ่นเคืองในใจของนางคลายลงได้จึงยกเท้าขึ้นถีบหน้าผากของซินหรู ให้ศีรษะของนางชนเข้ากับเสาต้นหนึ่งในศาลาอย่างจัง
หน้าผากของซินหรูแตกในชั่วพริบตา เืไหลออกมาทันที
จ้าวซือหลันยังคงผรุสวาทด่าทออย่างชิงชัง“เ้าสุนัขต่ำเช้านี้ทำให้สถานที่ของเปิ่นกงแปดเปื้อน!”
เมื่อหลินชิงเวยเดินไปถึงข้างศาลา ทันทีที่เห็นซินหรูถูกตบตีอยู่ในศาลาใบหน้าของนางไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ รอยยิ้มและแววตาขี้เล่นสูญสลายไปจากดวงตาทั้งคู่กลายเป็เ็าดุจน้ำแข็งเข้ามาแทนที่นางยกเท้าขึ้นหมายจะก้าวเข้าไปทว่ากลับถูกนางกำนัลด้านนอกขวางเอาไว้
นางกำนัลในวังต่างสังเกตฐานะของนางกำนัลด้วยกันจากเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่เมื่อพบว่าหลินชิงเวยแต่งกายเช่นเดียวกับซินหรู สวมกระโปรงผ้าฝ้ายแน่นอนว่าฐานะก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าใดนัก
นางกำนัลกล่าวอย่างไม่เกรงใจ “ข้างในคือจ้าวกุ้ยเหรินเ้าเป็สิ่งของอะไรกัน เ้าเข้าไปไม่ได้!”
“ข้าเป็สิ่งของอะไร?” หลินชิงเวยหันกลับมายิ้มแต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา“ข้าเป็พี่สาวของสุนัขต่ำช้า”
นางกำนัลตื่นตะลึง ต่อมานางถูกหลินชิงเวยปัดมือออก “หลีกไป!”
พวกนางยังคิดจะขัดขวางแต่กลับพบว่าหลังมือที่ถูกหลินชิงเวยปัดออกนั้นเกิดอาการชาไปทั้งแถบต่อมาความรู้สึกชานั้นลุกลามมาทั้งแขนส่งผลให้แขนทั้งข้างหมดความรู้สึก นางกำนัลนางนั้นมองหลินชิงเวยด้วยความรู้สึกทั้งตื่นตระหนกทั้งโกรธแค้นทว่ากลับจนปัญญาที่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองหลินชิงเวยเดินเข้าไปในศาลา
จ้าวซือหลันหันหน้ากลับไปมองทันทีที่มีคนบุกเข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็หลินชิงเวยนางตกตะลึงในคราแรก ต่อมาจึงคลี่ยิ้มบางๆ “อุ๊ย นี่มิใช่พี่ชิงเวยหรือ?เ้ามิใช่ทำผิดกฎของตำหนักในจึงถูกส่งเข้าไปอยู่ในตำหนักเย็นหรอกหรือวันนี้ไฉนจึงออกมาได้? เ้าคงมิได้แอบลักลอบออกมากระมัง?” นางมองหลินชิงเวยขึ้นๆลงๆ อย่างประเมินในที ดวงตานั้นเปี่ยมไปด้วยความดูแคลน
หลินชิงเวยมิได้เหลือบตามองนางแม้แต่แวบเดียวสายตาของนางตกลงบนร่างของซินหรู นางกำนัลนางนั้นเห็นนางเข้ามายังคิดจะตบลงไปบนใบหน้าของซินหรูอีก เพียงแต่ครั้งนี้กลับมิอาจตบลงไปดังใจคิดนางกำนัลนางนั้นถูกหลินชิงเวยยุดข้อมือเอาไว้ นางเงยหน้าขึ้นมองจึงปะทะเข้ากับดวงตาอันเย็นเยียบของหลินชิงเวยนางยังไม่ทันได้ใหลินชิงเวยกลับหรี่ตาลงกล่าวว่า “ถูกต้อง ข้าออกมาแล้วนางเป็คนที่เ้านึกอยากจะตีก็ตีได้หรือ ไม่ถามเสียบ้างว่าข้าเห็นด้วยหรือไม่”
นางกำนัลบิดข้อมือของตน จนใจที่แม้รูปร่างของหลินชิงเวยจะบอบบางทว่ามือของนางกลับมีเรี่ยวแรงมหาศาล
จ้าวซือหลันกล่าวขึ้นว่า “เ้าพูดถึงคนต่ำช้าผู้นี้หรือศาลาหลังนี้เป็สถานที่ที่เปิ่นกงมาเป็ประจำวันนี้มาถึงกลับเห็นนางนั่งอยู่ในศาลา ไม่ดูเสียบ้างว่าตนเองมีฐานะอันใด ถึงกับกล้ามาทำให้สถานที่ของเปิ่นกงแปดเปื้อนเ้าว่านางสมควรถูกตีหรือไม่? ต่อให้เปิ่นกงตีนางจนตาย นางก็สมควรตาย!” จากนั้นจึงยกยิ้มมุมปาก “อย่างไรเล่า หรือคนต่ำช้าผู้นี้เป็คนของพี่ชิงเวย?”
ให้ตายสิ