“อ๊า!” นางกำนัลนางนั้นไม่ทันได้ป้องกันตัวพลันร้องขึ้นมาด้วยความเ็ปกะทันหันหน้าผากของนางปรากฏให้เห็นเหงื่อเย็นในชั่วพริบตาข้อมือของนางตกอยู่ในมือของหลินชิงเวยทั้งยังขยับไม่ได้ นางส่งเสียงร้องไปพร้อมกับหยดน้ำตาอันไม่รักดีที่ไหลพรากลงมาไม่หยุด
จ้าวซือหลันสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “เ้ากำลังทำอะไร!”
หลินชิงเวยยกยิ้มมุมปาก มองไปทางจ้าวซือหลันด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ทั้งๆที่ดวงตาเห็นประจักษ์อยู่ในสายตา ทว่ากลับทำให้จ้าวซือหลันหนาวเหน็บไปถึงหัวใจนางกล่าวว่า “ข้าก็แค่สะกิดกระดูกข้อมือของนางเท่านั้นเอง อย่างไรเล่าเ้าไม่เห็นด้วย? เช่นนั้นข้าสะกิดข้อมืออีกข้างของนางด้วยก็แล้วกัน”พูดแล้วหลินชิงเวยก็จับมืออีกข้างของนางกำนัลผู้นั้น นางกำนัลนางนั้นดิ้นรนไม่หลุดได้แต่ร่ำไห้เสียงดังเพื่ออ้อนวอนให้จ้าวซือหลันช่วยเหลือนาง ทว่าจ้าวซือหลันคิดไม่ถึงว่าหลินชิงเวยจะลงมือทันทีที่มาถึงขณะนั้นตัวนางเองก็ถูกทำให้ตื่นตระหนกใเช่นกัน หลินชิงเวยจับมือของนางกำนัลนางนั้นแล้วหันไปมองใบหน้าของซินหรูที่แดงก่ำด้วยฝ่ามือของนางจึงกล่าวขึ้นอย่างดุดันว่า “เ้าใช้มือข้างนี้ตีนางเช่นกัน?เช่นนี้ดูท่าแล้วมือข้างนี้ของเ้าย่อมไม่มีประโยชน์ใช้สอยอันใดแล้ว”
พูดแล้วก็ได้ยินเสียง กึก ดังขึ้นครั้งหนึ่ง
“อ๊า!” นางกำนัลส่งเสียงร้องด้วยความเ็ปอยู่บนพื้น
เมื่อหลินชิงเวยหันกลับมามองจ้าวซือหลันอีกครั้ง ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้มติดอยู่“ตีสุนัขก็ยังต้องดูเ้านายใช่หรือไม่?”
จ้าวซือหลันใช้มือค้ำลงบนโต๊ะหินในศาลาเพื่อประคองร่างของตน นางพูดด้วยท่าทีที่พยายามแสดงออกถึงความแข็งกร้าว“หลินชิงเวย เ้า เ้าช่างกล้าหาญเทียมฟ้า! เ้าเป็เพียงนางสนมที่ถูกทอดทิ้งคนหนึ่งในตำหนักเย็นหลบหนีออกมาจากตำหนักเย็นแล้วไม่ว่า ถึงกับกล้ามาทำร้ายสาวใช้ของเปิ่นกง!”
“กล้าหาญเทียมฟ้า?” หลินชิงเวยย่างกรายเข้าไปหาจ้าวซือหลันทีละก้าว “เ้ายังไม่เคยเห็นเวลาที่ความกล้าหาญของข้าสูงเทียมฟ้า แต่ข้าไม่รังเกียจที่จะให้เ้าได้ประจักษ์ในเวลานี้สักครั้ง”
ทันทีที่มาถึงก็เห็นซินหรูถูกตบตีจนอยู่ในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้นางถูกทำให้มีโทสะแล้วจริงๆ
“เ้า เ้า เ้าคิดจะทำอะไร?”จ้าวซือหลันถูกหลินชิงเวยทำให้ตื่นตระหนกเสียแล้ว
ทุกย่างก้าวที่หลินชิงเวยก้าวขึ้นไปข้างหน้านางก็ถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าวอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้ กระทั่งถูกบีบให้ถอยไปอยู่ริมศาลาหลินชิงเวยยังคงไม่หยุดเดินเข้ามา
นางกำนัลด้านหลังร้องะโลั่น “เหนียงๆ ระวังเพคะ!”
จ้าวซือหลันเข้าใจว่านางกำนัลให้นางระวังหลินชิงเวยที่อยู่เบื้องหน้านางร่างของนางจึงถอยไปด้านหลังอีกอย่างมั่นใจ ถอยหลังก้าวนี้ดียิ่งนัก นางไม่ได้ระวังเลยว่าเวลานี้ได้เหยียบอยู่บนริมศาลาแล้วร่างของนางสูญเสียการทรงตัวหงายไปทางด้านหลัง เสียง ตูมดังขึ้นเมื่อนางตกลงไปในสระมรกตด้านนอกของศาลา
สระมรกตอันกว้างใหญ่และใสราวกับกระจก จ้าวซือหลันที่ตกลงไปในน้ำกลายเป็จุดศูนย์กลางของสระมรกตชั่วพริบตาส่งผลให้เกิดระลอกคลื่นของผิวน้ำเป็ชั้นๆ ทันที
จ้าวซือหลันตกน้ำกำลังดิ้นรนอยู่ในน้ำเสื้อผ้าอาภรณ์และทรงผมอันงดงามล้วนเปียกชุ่มไปหมด นางร้องะโขณะที่ผลุบๆ โผล่ๆ“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...”
หลินชิงเวยยืนอยู่ริมขอบศาลานั่นเองหลุบตามองนางด้วยสายตาแน่วนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งดวงตาคู่นั้นเ็าไร้ซึ่งความอบอุ่นอ่อนโยน
นางหันกายกลับมาที่ข้างเสา อุ้มซินหรูขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากศาลา
ซินหรูรู้สึกตัวตื่นขึ้นในอ้อมกอดของหลินชิงเวย ดวงตาเบิกกว้าง น้ำตาเม็ดโตๆไหลลงมาไม่หยุดเปียกชุ่มเสื้อผ้าของหลินชิงเวย
หลินชิงเวยถาม “เจ็บหรือไม่?”
มุมปากของซินหรูยังมีร่องรอยของเืติดอยู่ ทว่ากลับส่ายหน้า“ไม่เจ็บ...ข้าไม่เจ็บ...”
“ครั้งนี้เป็พี่สาวที่ทำไม่ถูกต่อไปพี่สาวไม่มีทางทิ้งเ้าเอาไว้คนเดียว”
รอกระทั่งนางเดินออกจากศาลาไปเมื่อเงยหน้าขึ้นมองกลับมองไม่เห็นร่างของเซียวเยี่ยนเมื่อสักครู่นางยังคิดอยู่ในใจว่านางไม่จำเป็ต้องหวาดกลัวอย่างไรก็มีเซ่อเจิ้งอ๋องหนุนหลังนางอยู่ด้วยนางยังมีประโยชน์ต่อเขา
ทว่าเวลานี้นางกลับไม่รู้ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจากไปเงียบๆ ั้แ่เมื่อใด
พูดให้ถึงที่สุดแล้ว เซียวเยี่ยนเป็เพียงท่านอ๋องคนหนึ่ง เื่ราวที่เกิดขึ้นในส่วนของตำหนักในเช่นนี้เขาไหนเลยจะเข้ามาก้าวก่ายได้ดังนั้นนางยังคงต้องพึ่งพาตนเองการจะมีชีวิตอยู่รอดในตำหนักในแห่งนี้ แต่ละก้าวที่เดินไปข้างหน้าล้วนต้องพึ่งพาอาศัยตนเองเท่านั้น