เดิมทีหนีเจียเอ๋อร์มิได้อยากยุ่งเกี่ยวกับเื่ไร้สาระเหล่านี้ เพราะแค่ปัญหาของตัวเองก็ยังหาทางออกมิได้ แต่นางกำนัลสามคนนั้นเริ่มเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆ หลังไตร่ตรองครู่หนึ่ง นางจึงตัดสินใจเดินไปที่นั่น
โจวชิงหวาตามมาติดๆ โดยมิได้พูดอันใด
พอเข้ามาดูใกล้ๆ หนีเจียเอ๋อร์ก็ถึงกับใจสั่น
นางกำนัลสองคนถือเข็มปักผ้าไว้ในมือเล่มละข้าง พลางจิ้มไปตามเนื้อตัวของนางกำนัลน้อยอย่างระบายโทสะ ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่นั่งนิ่ง ไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลือ หรือตอบโต้ใดๆ
“ฮะแฮ่ม!” หนีเจียเอ๋อร์กระแอมไอ
พอเห็นพวกนางมองมาด้วยความตระหนก จึงเอ่ยถามยิ้มๆ “พวกเ้ากำลังเล่นอะไรกันอยู่หรือ? ดูน่าสนุกนัก!”
หญิงสาวแย้มรอยยิ้มอันงดงาม ทว่าประกายคมกริบในดวงตา กลับ ส่งผลให้ผู้มองขนลุกชัน
นางกำนัลผู้เป็หัวหน้าหันมามอง ด้วยไม่คิดว่าจะมีผู้ใดสอดมือเข้ามาช่วยเหลือคู่อริ
เมื่อสังเกตเห็นเสื้อผ้าเครื่องประดับที่หรูหราของอีกฝ่าย ก็เดาได้ว่าน่าจะเป็บุตรสาวของหนึ่งในขุนนางใหญ่สักคน ทั้งผู้ติดตามยังห้อยป้ายหยกพระราชทาน ย่อมมิใช่คนธรรมดาเป็แน่ นางจึงเก็บเข็มเอาไว้อย่างมิดชิด แล้วโค้งคำนับด้วยความนอบน้อม
หัวหน้านางกำนัลที่แต่งตัวดีกว่าผู้อื่น ก้าวออกมาข้างหน้า ก่อนตอบ “พวกเรามิได้ตั้งใจกลั่นแกล้งรังแกน้องรั่วสุ่ยนะเ้าคะ แต่ระหว่างทำความสะอาดยามเช้า นางเดินไม่ดูทางจนไปชนเข้ากับกุ้ยกงกง กงกงจึง้าสั่งสอนให้หลาบจำ มิฉะนั้น นางอาจจะวิ่งพล่านไปชนพระสนมหรือผู้สูงศักดิ์คนอื่นๆ ในวังเข้าสักวัน”
หนีเจียเอ๋อร์มองอีกฝ่าย พลางแสยะยิ้ม “เ้าสามารถรังแกผู้คนได้อย่างอาจหาญเช่นนี้เอง คิดว่าตนล้ำเลิศมากหรืออย่างไร? การเป็สตรีที่เติบโตในวัง คงช่วยขัดเกลาได้แค่ความสามารถสินะ ช่างน่าเสียดายนัก!!”
นางกำนัลใหญ่ก้มหน้าลง มิได้โต้เถียงหรือร้องขอความเมตตาแต่อย่างใด เช่นเดียวกับนางกำนัลอีกสองคนที่ก้มหน้าชิดอก เดาว่าพวกนางคงเป็ที่โปรดปรานของพระสนมคนใดคนหนึ่ง ถึงได้กล้าอวดเบ่งในอุทยานหลวงเช่นนี้
โจวชิงหวาขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนพูดเบาๆ “เช่นนั้น ก็พอแค่นี้เถอะ แยกย้ายได้แล้ว”
นางกำนัลร่างผอม รีบกล่าวกับนางกำนัลทั้งสามทันที “รั่วสุ่ยขอบคุณพี่สาวทั้งสามที่สั่งสอน ต่อไปข้าจะระมัดระวังวาจาและกิริยาให้มากขึ้น วันหน้าจะไม่สร้างปัญหาให้กุ้ยกงกงและเหล่าพี่สาวอีก”
สตรีทั้งสามหรี่ตาลง แล้วเอ่ยว่า “ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน”
จากนั้น พวกนางก็กล่าวลาโจวชิงหวาและหนีเจียเอ๋อร์ แล้วรีบเดินกลับไปยังตำหนักจาวเหอ
หนีเจียเอ๋อร์ถอนสายตากลับมามองรั่วสุ่ย นางกำนัลร่างบางอย่างเห็นใจ ขณะหันหลังกลับ ก็ได้ยินเสียงตุ้บจากทางด้านหลัง พอหันไปดู ก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังคุกเข่าคำนับให้พวกตนอยู่
“รั่วสุ่ยขอบพระคุณ ที่คุณหนูและคุณชายช่วยเหลือเ้าค่ะ”
หนีเจียเอ๋อร์เอื้อมมือไปจับแขนของหญิงสาว แล้วพยุงให้ลุกขึ้น “ข้ามิได้ทำอันใด คงไม่อาจรับคำขอบคุณได้ ลุกขึ้น เร็ว!”
จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงความเหนียวเหนอะหนะ นางจึงก้มลงไปมอง พบว่ามือเรียวของตน เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตสีแดงสด ทว่ารั่วสุ่ยสวมเสื้อผ้าสีน้ำเงินเข้ม จึงยากที่จะสังเกตเห็น
หญิงสาวไม่รอช้า รีบถกแขนเสื้อของอีกฝ่ายขึ้น ปรากฏว่าตามลำแขนผอมบาง เต็มไปด้วยาแทั้งเก่าใหม่ หนีเจียเอ๋อร์ถึงกับตะลึงงัน ไม่คิดว่ารั่วสุ่ยจะถูกกลั่นแกล้งมากมายถึงเพียงนี้
นางกำนัลน้อยมองไปที่รอบๆ อย่างลนลาน พยายามดึงแขนเสื้อลงมาปิด
หนีเจียเอ๋อร์สบตาโจวชิงหวาเงียบๆ
ชายหนุ่มจึงหยิบขวดยาจากแขนเสื้อออกมาเปิดจุก แล้วยื่นให้นาง จากนั้นก็เบนหน้าไปทางอื่น
หนีเจียเอ๋อร์รับขวดหยกขาวใบเล็กมา พลางบอกรั่วสุ่ยว่า “อาการาเ็เช่นนี้ หากไม่รักษาอย่างทันท่วงที อาจจะกลายเป็แผลเป็ได้ รับเอาไว้เถอะ”
หร่วนรั่วสุ่ยรู้สึกซาบซึ้ง แต่กลับโบกมือปฏิเสธที่จะรับไว้ “ขอบคุณในความเมตตา แต่บ่าวชินเสียแล้ว อีกไม่นานแผลก็หาย ท่านมอบยาราคาแพงให้บ่าวเช่นนี้ สิ้นเปลืองเกินไปเ้าค่ะ”
หนีเจียเอ๋อร์พูดไม่ออก... จะชินได้อย่างไร?
“ยามีไว้สำหรับผู้ป่วย ไม่สำคัญว่าเ้าจะเป็ผู้ใด” หญิงสาวยืนกรานหนักแน่น
หร่วนรั่วสุ่ยจึงค่อยๆ ยื่นมือออกมารับ พลางคิดว่าั้แ่จำความได้ ตนก็ปล่อยให้นางกำนัลในวังกลั่นแกล้งรังแกมาตลอด จนกระทั่งวันนี้ มีหญิงสาวแปลกหน้ายื่นมือเข้ามาช่วย นางจึงซาบซึ้งใจจนน้ำตาคลอ
หนีเจียเอ๋อร์ชำเลืองมอง “ทีโดนเข็มทิ่ม เ้าไม่รู้จักเจ็บ แต่กลับมาร้องให้เพราะทายาอย่างนั้นหรือ?”
หร่วนรั่วสุ่ยได้แต่ก้มหน้า
หลังทายาลงบนแขนทั้งสองข้างให้ หนีเจียเอ๋อร์ก็ยัดขวดยาใส่มือนาง “อย่ายอมให้ผู้อื่นรังแกอีก ยิ่งเ้าเงียบ พวกเขาก็ยิ่งได้ใจและกลั่นแกล้งหนักขึ้น เข้าใจหรือไม่?”
โจวชิงหวาหันกลับมา “ไปกันเถอะ พวกเราควรจะกลับได้แล้ว”
หร่วนรั่วสุ่ยคุกเข่าลงตรงหน้าหนีเจียเอ๋อร์อีกครั้ง ดวงตาของนางฉายแววแน่วแน่ “คุณหนู โปรดให้ข้าน้อยติดตามท่านเถอะ จากนี้ไปจนวันตาย รั่วสุ่ยจะรับใช้ท่าน ไม่ว่าท่านไปไหน ข้าก็จะไปด้วย ขอแค่ท่านเอ่ยปาก ต่อให้ต้องตาย รั่วสุ่ยก็ยอม”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หนีเจียเอ๋อร์ก็อดขมวดคิ้วมิได้ ความเฉยชาที่นางมีต่อรั่วสุ่ยในคราแรก เปลี่ยนเป็ความสงสาร
หญิงสาวถอนหายใจ “เด็กโง่ ดูแลตัวเองดี”
ที่ตนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ก็มิได้หวังสิ่งตอบแทนอยู่แล้ว หนีเจียเอ๋อร์จึงออกจากวังไปพร้อมโจวชิงหวา โดยไม่แม้แต่จะเปิดเผยชื่อตัวเองให้อีกฝ่ายทราบ
…
จวนสกุลหนี
ทันทีที่หนีเจียเอ๋อร์ก้าวเข้ามาในจวน บ่าวรับใช้ก็รีบเชิญนางไปที่ห้องโถงใหญ่
พบว่านายท่านหนีกำลังนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน จากนั้น เขาก็ถามเสียงเคร่งขรึม “ทำไมข้าไม่เห็นเพ่ยหราน แต่กลับเห็นชิงหวาเข้าวังไปกับเ้า?”
หนีเจียเอ๋อร์ก้มศีรษะลง แล้วตอบเสียงเรียบ ไม่มีการถ่อมตนหรือเอาแต่ใจ เพียงเอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ท่านพ่อ ประการแรกคือ ข้าหาได้ชอบพอสวีเพ่ยหราน หากเขามาที่เรือนของข้า อาจจะถูกติฉินนินทาได้ ประการที่สอง เขาเป็ผู้ต้องสงสัยวางยาพิษคนในครอบครัวเรา ข้าจึงชิงชังรังเกียจ ไม่อยากให้เขาย่างกรายเข้ามาใกล้”
หนีเจียเอ๋อร์ที่เป็เช่นนี้ สร้างความฉงนให้นายท่านหนีเป็อย่างยิ่ง ราวกับหญิงสาวเมื่อก่อนหน้านี้ เป็เพียงภาพลวงตาเท่านั้น
“อย่ากล่าวหาว่าสวีเพ่ยหรานเป็คนวางยาพิษ ในเมื่อผลการตรวจสอบเป็ที่ประจักษ์แล้ว ว่าพวกเ้าแค่กินอาหารผิดสำแดง เหตุใดยังโทษเขาอีก” นายท่านหนีกล่าว เสียงของเขาอ่อนลง ขณะพยายามเกลี้ยกล่อมบุตรสาว “เสี่ยวเอ๋อร์ เ้าเป็ลูกสาวข้า ข้าย่อมไม่คิดร้ายต่อเ้าแน่ หวังว่าเ้าจะลองพิจารณาเื่การแต่งงานกับสวีเพ่ยหรานอีกครั้ง”
หนีเจียเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาสีเข้มของนางเปล่งประกาย ไม่ต่างจากดวงดาวบนท้องฟ้า วาจาที่กล่าวก็หนักแน่น ไร้ซึ่งความลังเล “ท่านพ่อ ไม่ว่าเื่ใดข้าล้วนเชื่อฟังท่าน แต่คราวนี้ข้าขอยืนกราน ว่าชั่วชีวิตนี้ ไม่คิดจะแต่งงานกับสวีเพ่ยหราน”
คำพูดของนางทำให้นายท่านหนีไม่สบอารมณ์ จนสูญเสียความเยือกเย็นของหัวหน้าตระกูล เขาตวาดกร้าว “ช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดี พวกเ้า ส่งคุณหนูรองกลับไป กักบริเวณลงโทษด้วยการคัดตำราเจ็ดวัน เพื่อทบทวนความผิด”
เื่ดีไม่เป็ที่ชื่นชม แต่เื่ไม่ดีกลับแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หนีเจียเอ๋อร์จะกลับถึงเรือน ข่าวก็รู้ไปถึงหูหนีจวิ้นหว่านแล้ว
หลิวอวี้ลุกลี้ลุกลน พลางประจบสอพลอ “คุณหนู ข้าได้ยินว่านายท่านโมโหจนหน้ามืด หากมิใช่เว่ยอี๋เหนียงขอร้องเอาไว้ คงจะพลั้งมือตบหน้าคุณหนูรองไปแล้ว ตอนนี้นางถูกลงโทษกักบริเวณให้คัดตำราเจ็ดวัน”
เมื่อสองวันก่อน ที่นายท่าน เว่ยอี๋เหนียง และคุณหนูรองไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน สร้างความโมโหให้สวีซื่อและหนีจวิ้นหว่านเป็อย่างยิ่ง จนต้องมาลงกับบ่าวรับใช้ ทรมานผู้คนรอบตัวด้วยวิธีการต่างๆ นานาตลอดทั้งวัน แน่นอนว่าหลิวอวี้ก็มิได้รับการละเว้น ดังนั้น เมื่อนางมาแจ้งข่าวของคุณหนูรองกับผู้เป็นาย จึงอดมิได้ที่จะต่อเติมเสริมแต่งให้เกินจริง
พอได้ยินเช่นนั้น โทสะของหนีจวิ้นหว่านก็บรรเทาลงเล็กน้อย นางทำทีเป็ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปาก เพื่อซ่อนรอยยิ้มสาแก่ใจ “ไปดูกันเถอะ”
ทันทีที่หญิงสาวหันหลัง ท่าทีเยินยอของสาวใช้อย่างหลิวอวี้ ก็หายไปพลัน และก้าวตามเ้านายไปด้วยความสงบเสงี่ยม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้