“หลินหลานถิง หยุดเดี๋ยวนี้! ” เจิ้นหนานอ๋องมองหลานสาวของตนด้วยสายตาเกรี้ยวกราด หากเป็ไปได้เขาก็อยากจะเข้าไปหยิกเ้าเด็กที่ทั้งวันเอาแต่สร้างปัญหาคนนี้ให้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้เลยจริงๆ
หลินหลานถิงหันกายกลับมาสบประสานดวงตาเ็าของท่านตาตน ชั่วขณะนั้นนางก็รู้สึกราวกับอยู่ในโพรงน้ำแข็ง ร่างทั้งร่างสั่นเทาน้อยๆ “ท่านตา เป็นางที่ตีข้าก่อนนะเ้าคะ”
หวานหว่านสลัดหลุดจากเจิ้นหนานอ๋องด้วยแรงทั้งหมดที่มี ก่อนจะก้าวไปด้านหน้าแล้วพูดจาด้วยเสียงกราดเกรี้ยว “เหตุใดเ้าจึงไม่พูดออกมาด้วยเล่า เพราะสาเหตุใดเปิ่นจวิ้นจู่ถึงต้องตีเ้า? ตัวเ้านั้นเพื่อจะแช่น้ำครั้งหนึ่งกลับเด็ดดอกเหมยที่เพิ่งจะเบ่งบานได้ไม่กี่กิ่งจากต้นเหมยที่มีเพียงต้นเดียวในจวนหนิงอ๋องของข้าไปจนหมด ดอกเหมยเ่าั้ ข้าเฝ้ารอให้มันเบ่งบานมาั้แ่่เข้าฤดูหนาว กระทั่งวันนี้ที่ข้าได้ทราบข่าวว่าเบ่งบานแล้ว จึงได้เร่งรุดมาชม แต่ก็ยังเรียกได้ว่าช้าไป ข้ายังไม่ทันได้ชม เ้าก็นำดอกไม้เ่าั้ไปแช่น้ำอาบจนสิ้นแล้ว เ้าผู้นี้ ทำเกินไปแล้ว มารดาเ้าสั่งสอนเ้ามาเช่นนี้หรือ คนเป็แขกในบ้านข้าแท้ๆ แต่กลับไม่ถามก่อนก็เด็ดไปโดยพลการ นี่มันพฤติกรรมของขโมยชัดๆ หากไม่ใช่เพราะตัวข้าเองก็รู้จักเสด็จปู่เจิ้นหนานอ๋องอยู่แล้ว ก็คงสงสัยไปแล้วจริงๆ ว่าเสด็จปู่เจิ้นหนานอ๋องเองก็เป็คนเช่นนี้เช่นกัน เ้า ในฐานะที่เป็หลานสาวของเสด็จปู่เจิ้นหนานอ๋อง แต่ก็ยังกล้ากระทำเื่ต่ำช้าเช่นนี้ออกมา ด้วยเื่นี้ นับว่าทำให้ท่านผู้ชราต้องเสียหน้าแล้ว”
เจิ้นหนานอ๋องมองเด็กสาวตัวน้อยที่โกรธจัดจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม เป็ตอนนี้เองที่ผู้ชราถึงกับใจอ่อนยวบ เขาก้าวไปหาเด็กตัวน้อย คุกเข่าลงแล้วโอ๋เสียงเบา “เอาละ เื่นี้เสด็จปู่เจิ้นหนานอ๋องจักต้องช่วยเรียกร้องความยุติธรรมให้เ้าแน่”
เมื่อหวานหว่านได้ยินก็พยักหน้า กล่าวเสริม “เสด็จปู่เจิ้นหนานอ๋อง หากท่านพูดเช่นนี้ก็ย่อมต้องทำได้ด้วยนะเพคะ มิเช่นนั้นหวานหว่านจะโกรธแล้ว หวานหว่านจะโกรธท่าน กระทั่งวันหน้าก็จะไม่เล่นกับท่านอีก”
เจิ้นหนานอ๋องพยักหน้า “ได้ ได้ ต้องพูดได้ทำได้แน่นอน”
หวานหว่านพออกพอใจ นางเข้าไปช่วยประคองเอ้อนีขึ้นมา พูดเสียงเบา “เอ้อนี เหตุใดเ้าถึงโง่เพียงนี้ นางหวดแส้ใส่ เหตุใดจึงไม่หลบหลีก ไม่ว่าอย่างไรจะยอมให้นางทำร้ายเช่นนี้มิได้ แม้นางจะเป็คุณหนูรองจวนเจิ้นหนานอ๋อง แต่ตัวเ้าก็หาใช่คนที่จะถูกใครมารังแกได้ หลายปีมานี้มารดาข้าเลี้ยงดูเ้าดั่งคุณหนูคนหนึ่งในจวนอ๋อง มิหนำซ้ำยังให้คำมั่นไว้ว่า ในวันหน้าเมื่อเ้าโตขึ้น นางจะช่วยเ้าหาชายจากตระกูลดีๆ ให้เ้าได้แต่งออกไปอย่างเอิกเกริกสมเกียรติ ดังนั้น หากใบหน้างดงามดวงนี้ของเ้าถูกหวดจนเสียโฉมขึ้นมา ข้าจักต้องฆ่านังสารเลวนั่นแน่”
ตอนที่อวิ๋นซีมาถึงก็บังเอิญได้ยินคำพูดของบุตรสาว นางเดินเข้าไปดูเอ้อนีที่ถูกประคองให้ลุกขึ้น ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนไป “เตี๋ยอี พาจวิ้นจู่น้อยและเอ้อนีกลับไปก่อน และให้ต้านีเอ๋อร์มาช่วยตรวจดูาแให้เอ้อนีด้วย ไม่ว่าอย่างไรแผลบนร่างก็จำต้องรักษาให้ดี”
รอจนหวานหว่านและเอ้อนีถูกพาตัวไป อวิ๋นซีถึงได้หันกลับมามองเจิ้นหนานอ๋องแล้วพูดต่อ “เสด็จอา เื่นี้ ท่านเห็นเป็ประการใด? ”
หลังจากที่เจิ้นหนานอ๋องเห็นอวิ๋นซีปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ในใจก็ยิ่งแทบอยากจะเข้าไปบีบหลานสาวของตนแรงๆ ให้ตายในทันที คนช่างเป็จอมสร้างปัญหาจริงๆ “อาซี ที่นี่คือบ้านเ้า จะอย่างไรก็ต้องยึดตามกฎระเบียบของจวนหนิงอ๋อง เ้าว่ามาเถิดว่าจะลงโทษนางเช่นไร”
อวิ๋นซีตอบเรียบๆ “เื่นี้ถือเป็เื่ในบ้านของเสด็จอา อาซีไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย ขอเสด็จอาโปรดตัดสินใจเถิดเพคะ อีกทั้ง อาซีจะได้ดูด้วยว่า ท่านอ๋องเทพแห่งาที่ยามอยู่ในสนามรบห้าวหาญองอาจ ไม่ว่าจะเื่ส่วนตัวหรือส่วนรวมก็สามารถแบ่งแยกได้อย่างชัดเจนผู้นั้น จะจัดการกับคนที่ก่อเื่อย่างไร? ”
คำกล่าวสั้นๆ นี้ ทำให้เื่ในจวนที่เดิมทีควรจะเป็เพียงเื่เล็กๆ นางกลับสามารถนำไปเปรียบเทียบถึงเื่ราวบนสนามรบ หากว่าครั้งนี้เจิ้นหนานอ๋องที่แบ่งแยกบุญคุณความแค้นชัดเจนมาโดยตลอดไม่อาจจัดการกับปัญหานี้ให้ดีได้ ไม่แน่ว่าหากพรุ่งนี้มีคนร่ำลือออกไปจักต้องส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงอันดีงามที่สั่งสมมานานของเจิ้นหนานอ๋องแน่ อีกทั้ง หวานหว่านยังเป็หลานสาวที่ฮ่องเต้โปรดปรานมากที่สุด หากอยู่ในวังก็ย่อมไม่มีใครกล้าทำให้นางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ทว่าตอนนี้หลินหลานถิงที่พักอยู่ในจวนอ๋อง ในฐานะแขกผู้หนึ่งกลับอุกอาจรังแกเ้าบ้าน ด้วยเื่นี้ หากพูดออกไป แน่นอนว่าผู้คนทั่วหล้าย่อมผูกโยงไปถึงการอบรมสั่งสอนของเจิ้นหนานอ๋องเป็แน่
เจิ้นหนานอ๋องมองอวิ๋นซีไปทีหนึ่ง ยิ้มอย่างปลงๆ ในสายตาของเด็กคนนี้ยังคิดว่าจะสามารถใช้ชื่อเสียงของเขามาข่มขู่ตัวเขาได้อยู่อีกหรือ เพราะหากอยู่ในแดนใต้ จวนเจิ้นหนานอ๋องของเขาก็ไร้ซึ่งชื่อเสียงใดๆ โดยสมบูรณ์แล้ว เนื่องจากลูกสาว และหลานสาวที่แสนโอหังและอวดดีนี้
เขาหันมองหลินหลานถิงผู้เป็หลานสาวแท้ๆ ไปทีหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ ชิงแส้ในมือของนางมา และในตอนนี้เองที่ทุกคนล้วนคิดไม่ถึง จู่ๆ แส้ในมือของเจิ้นหนานอ๋องก็โบกสะบัดออกไป ตวัดกระทบร่างของหลินหลานถิงอย่างรุนแรง
แรงที่ชายชราส่งออกไปนั้นอาจเรียกได้ว่าแรงมากถึงขนาดที่อวิ๋นซีได้เห็นแล้วก็ยังอดใมิได้ กระทั่งเสื้อกันลมที่หลินหลานถิงคลุมไว้ด้านนอกก็ยังถูกหวดเสียจนเป็ขาดวิ่น อย่างไรก็ตาม คนตีไปได้เพียงครั้ง หลินหลานถิงที่คิดจะขอร้องอ้อนวอนให้เห็นใจกลับพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว นางล้มลงไปบนพื้น ร้องไห้ด้วยความเ็ปแสนสาหัส ก่อนจะะโออกมา “ท่านตา อย่าตีอีกเลย ถิงเอ๋อร์ผิดไปแล้ว”
เจิ้นหนานอ๋องมองท่าทางของหลานสาว แค่นเสียงเ็า กล่าวว่า “ผิดไปแล้วงั้นหรือ ประโยคนี้ของเ้า ไม่รู้ว่าพูดมากี่ครั้งกี่หนแล้ว วันนี้ข้าไม่เชื่อเ้าอีกแล้ว” พูดจบ เขาก็สะบัดแส้ลงไปบนร่างของหลินหลานถิงต่อ
ส่วนอวิ๋นซีนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองเจิ้นหนานอ๋องหวดหลินหลานถิงด้วยแส้ครั้งแล้วครั้งเล่า และในตอนที่เขาหวดครั้งที่ห้านั้น ด้านนอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าของคนเดินเข้ามา นางเห็นผิงถิงจวิ้นจู่และหลินหรงเว่ยมุ่งหน้ามายังเรือนนี้ ขณะที่คนทั้งสอง เมื่อเห็นบิดาของตนลงมือตีบุตรสาว ทั้งยังเป็การฟาดแบบตั้งใจจะให้ตายอีกด้วย ผู้เป็มารดาเยี่ยงผิงถิงจวิ้นจู่จะยินยอมได้อย่างไร นางไม่แม้แต่จะคิดก็ก้าวเข้ามาด้วย้าจะแย่งแส้มาจากบิดาตน
เดิมทีเจิ้นหนานอ๋องเองก็ถือโทษลูกสาวคนนี้อยู่ ทว่า เมื่อได้เห็นท่าทางของนางในตอนนี้ ในใจก็ให้รู้สึกเสียใจยิ่ง อันที่จริงคงเป็เขาที่ผิดเอง ในอดีตไม่ควรมอบบุตรสาวให้พระชายาที่ตายไปแล้วของตนคนนั้นอบรมเลี้ยงดูเลย เพราะคนเลี้ยงนางออกมาอย่างสำคัญตนผิด ไม่รู้จักกฎเกณฑ์ใดๆ ทั้งยังไร้ยางอาย
“เสด็จพ่อ ท่านต้องชิงชังลูกมากสักเพียงไรถึงได้คิดจะตีเราสองแม่ลูกให้ตาย หรือท่านคิดว่า หากพวกเราตาย เ้าลูกทรพีคนนั้นของท่านจะกลับมาอย่างนั้นหรือ? ข้าจะบอกท่านให้ ต่อให้ท่านจะโกรธแค้นเราสองแม่ลูก รวมถึงเสด็จแม่ที่สิ้นไปแล้ว เ้าคนทรพีนั่นก็ไม่มีทางกลับมาหาท่านแน่” ผิงถิงจวิ้นจู่ตอกกลับอย่างเต็มที่ ถึงอย่างไรบุตรสาวผู้เป็ดังยอดดวงใจของนางก็ถูกคนตีจนน่าอนาถ ยามนี้นางจึงไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
หลินหรงเว่ยเองก็คุกเข่าลงบนพื้น เขาขอร้อง “เสด็จพ่อ ถิงเอ๋อร์ก่อเื่ใดขึ้นถึงได้ทำให้ท่านกริ้วเพียงนี้ ทว่าอย่างไรเสด็จพ่อผู้ใจกว้าง ขอได้โปรดละเว้นโทษถิงเอ๋อร์สักครั้งเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
เจิ้นหนานอ๋องจ้องมองครอบครัวนี้รายคน แค่นเสียงเ็าพร้อมๆ กับเตะร่างหลินหรงเว่ยให้ถลาออกไปในครั้งเดียว “ละเว้นนางหรือ? พวกเ้าฝันไปเถอะ ตอนที่นางถือแส้ด้วยหมายจะตีจวิ้นจู่น้อยของจวนหนิงอ๋องนั้น นางเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าหากหวดลงไปเช่นนี้ เด็กน้อยคนนั้นจะเป็เช่นไร? ถึงกระนั้นต้นเหตุของเื่นี้ก็เป็นางที่ทำผิดก่อน นางไม่มีเอ่ยถามเ้าบ้านก็ไปเด็ดดอกเหมยในจวนหนิงอ๋องออกมาจนเกลี้ยง ตอนนี้ไม่เหลือแม้แต่ดอกเดียว ผู้อื่นจึงได้มาหานางเพื่อทวงความยุติธรรม แต่เป็นางที่จะทุบตี จะฆ่าแกง ทั้งยังะโด่าว่าว่าจวิ้นจู่น้อยเป็นังชั้นต่ำ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงเอ่ยถาม “พวกเ้าสามีภรรยาเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า ถ้าคำพูดเหล่านี้ของนางไปถึงพระกรรณของฝ่าาเข้า หากว่าฝ่าาทรงทราบว่าลูกสาวคนดีของพวกเ้าหมายจะปองร้ายหลานสาวที่พระองค์ทรงรักใคร่ยิ่ง ยามนั้น ต่อให้จะเป็พ่อก็คงมิอาจปกป้องนางได้”
หลินหรงเว่ยและผิงถิงจวิ้นจู่ได้รับฟังเื่ราวทั้งหมด ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดเสด็จพ่อของตนถึงต้องโกรธขนาดนี้ คิดว่าคงเป็เพราะลูกสาวของตนจะไปตีจวิ้นจู่สุดที่รักแห่งจวนหนิงอ๋องเข้า
“อีกประการ หลังจากที่จวิ้นจู่น้อยมาอยู่เมืองหลวงได้ไม่นาน คนก็ร้องขอจะไปเขาอู่ไถด้วยตนเอง นางไปอยู่บนป่าเขากับไทเฮาตั้งหลายเดือนเช่นนั้น ในสายพระเนตรของไทเฮา แน่นอนว่าย่อมต้องเห็นจวิ้นจู่น้อยผู้เป็หลานทวดเป็ที่ไว้วางพระทัยเสียยิ่งกว่าหลานย่า ยามปกติแค่คนหกล้มเล็กๆ น้อยๆ พระนางก็ยังทรงปวดพระทัยสงสารอยู่เป็นาน พวกเ้าลองคิดดูสิว่า หากเื่ในวันนี้ถูกไทเฮาล่วงรู้เข้า หลังจากนั้นจะเกิดคลื่นลมอันใดขึ้น” เจิ้นหนานอ๋องคิดว่าลูกสาวและหลานสาวของตนนั้นช่างเป็พวกสมองหมูโดยแท้