เสียงชุนหงอุทานดังมาจากชั้นบน “คุณหนูที่นี่สวยมากเลยเ้าค่ะ”
กู้เจิงกับหม่าตงขึ้นไปชั้นบน ้ามีห้องหนังสือที่เปิดขึ้นพิเศษให้กับเหล่าหญิงสาว ภายในห้องเต็มไปด้วยของชิ้นเล็กชิ้นน้อย เช่นพวกหุ่นกระบอก ตุ๊กตาผ้า ล้วนเป็ของที่กู้เจิงออกแบบ
“หนังสือบนชั้นน้อยเกินไป หนังสือเก่าเอามาไว้ที่นี่ทั้งหมดแล้วหรือ?” ชั้นหนังสือของที่นี่ล้วนทำจนถึงยอด้า กู้เจิงยังให้เสิ่นกุ้ยติดตั้งบันไดไว้ด้วย แต่หนังสือบนชั้นกลับมีเพียงหยิบมือเท่านั้น
“หนังสือบางส่วนยังไม่ได้เอามาจัดวางขอรับ เหมือนที่คุณหนูเพิ่งพูดไป ส่วนใหญ่เป็หนังสือซ้ำๆ ”
“หนังสือสำคัญต้องเตรียมไว้หลายเล่มหน่อย บันทึกพงศาวดาร บันทึกภาพวาดูเาลำน้ำ ตำราเหรินอู้จื้อที่ข้าเพิ่งพูดถึงก็ใส่ให้เยอะขึ้น โดยเฉพาะสองเล่มหลัง” กู้เจิงรู้ว่าผู้ชายในยุคนี้แย่งชิงกันมีผลงานชื่อเสียงเป็ส่วนใหญ่ แต่แน่นอนว่าต้องมีอีกหลายคนที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปวันๆ และอยากเห็นโลกอันกว้างใหญ่ พวกหนังสือแปลกพิสดารน่าจะมีคนที่ชอบอ่าน เหมือนกันกับตัวนาง
“ขอรับ ข้าน้อยได้จดจำไว้แล้ว”
“จริงสิ เปิดรับสมัครนักเขียนด้วย” กู้เจิงพลันเกิดความคิดประหลาดขึ้นมา
“หา?”
“หมายถึงคนที่เขียนหนังสือโดยเฉพาะ ข้าจะจ้างไว้ใช้ประโยชน์” ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองของกู้เจิง ในยุคสมัยนี้การทำหนังสือยังไม่แพร่หลายนัก ถึงแม้แท่นพิมพ์ตัวอักษร* จะถูกคิดค้นขึ้นมาแล้ว แต่คนที่ไม่มีเงินก็ไม่มีกำลังในการทำหนังสือเองได้
(*เป็หนึ่งในสี่สิ่งประดิษฐ์ของจีน ซึ่ง ‘ปี้เซิง’ เป็ผู้คิดค้น โดยการแกะสลักอักษรแต่ละตัวลงบนดินเหนียวก่อนนำไปเผาให้แข็ง ตอนพิมพ์ให้จัดเรียงตัวอักษรตามที่้า ทาหมึกลงไปแล้ววางทาบลงบนกระดาษ)
“ได้ขอรับ จริงสิตอนบ่ายจะมีคนงานสองคนมา บ่ายนี้คุณหนูอยากแวะมาดูหน่อยไหมขอรับ?”
“ไม่ล่ะ เื่รับสมัครคนงานเ้าจัดการเอาเถอะ อีกอย่างนับแต่วันนี้ไปชุนหงจะรับคำสั่งจากเ้าด้วย"
“ขอรับ” ลุงหม่ารับคำ
ชุนหงได้ยินคุณหนูพูดถึงตัวเอง “คุณหนู ถ้าข้าต้องมาคอยรับคำสสั่งจากลุงหม่า แล้วใครจะคอยดูแลท่านกันล่ะเ้าคะ ข้าไม่วางใจเลย”
“นายหญิงให้สาวใช้สองคนแก่ข้ามิใช่หรือ? มีพวกนางคอยดูแลก็พอแล้ว” กู้เจิงจิ้มหน้าผากของชุนหง “เ้าน่ะ ขยันให้ได้ครึ่งของปาเม่ยหน่อย เื่ในมือข้า ล้วนต้องให้เ้ากับลุงหม่าเป็คนจัดการ”
“ข้าน้อยจะไม่ทำให้คุณหนูใหญ่ต้องผิดหวังอย่างแน่นอนขอรับ” หม่าตงรีบออกรับ
ชุนหงเองก็พยักหน้ารับเช่นกัน
เมื่อกลับมาถึงบ้านตระกูลเสิ่น กู้เจิงก็ตรงเข้าไปในห้องครัว นางพบ แม่สามีกำลังย่างเนื้ออยู่หน้าเตา กลิ่นหอมของเนื้อตลบอบอวลเต็มห้องครัวไปหมด
“ท่านแม่ย่างเนื้อวัวหรือเ้าคะ?” กู้เจิงไม่ได้กลิ่นเนื้อวัวมานานแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะนำวัวมาทำอาหาร เพราะวัวชาวบ้านมักจะใช้ในการทำนา
“บ้านที่อยู่หน้าตรอกฆ่าวัวไป ข้าเลยไปซื้อเนื้อมาทำเนื้อแห้งให้เ้า ่นี้เ้าควรต้องบำรุงสักหน่อย”
กู้เจิงซาบซึ้งใจ “ท่านแม่ ข้าไม่เป็ไรแล้วเ้าค่ะ”
“เ้ามีไข้สูงตั้งสามสี่วัน ศีรษะก็ได้รับาเ็ ไหนเลยจะหายได้ง่ายๆ เล่า?" นายหญิงเสิ่นกังวลว่าหากอาการของกู้เจิงทรุดลงไปอีกจะทำอย่างไร
“ข้าช่วยท่านเองเ้าค่ะ” กู้เจิงลงมือช่วยแม่สามีทำอาหาร
“ชุนหงเล่า?”
“ยังอยู่ที่หอสมุดเ้าค่ะ ข้าให้นางเรียนการจัดการร้านค้าและหอสมุดกับลุงหม่า ต่อไปนางต้องไปเรียนทุกเช้า ตอนเย็นถึงจะกลับมาเ้าค่ะ”
“ดีแล้วๆ” นายหญิงเสิ่นเห็นด้วย “หอสมุดกำหนดวันเปิดแล้วหรือ?”
“ลุงหม่าเลือกวันแล้วเ้าค่ะ”
นายหญิงเสิ่นพยักหน้ารับรู้ “จริงสิ วันมะรืนนี้จะเป็วันอายุครบรอบเดือนของลูกคนที่สองบ้านตงเถียน พรุ่งนี้ตอนบ่ายพวกเราจะไปช่วยงาน ถ้าเ้าว่างก็แวะมากินข้าวสักมื้อก็พอ”
“พวกเราต้องมอบของขวัญให้พวกเขาไหมเ้าคะ?” กู้เจิงถามอย่างสงสัย
“สามีข้าบอกว่าจะห่อซองแดงให้เด็กคนนั้นอีก ตอนข้าคลอดอาเยี่ยน ตระกูลเสิ่นก็รวบรวมเงินทั้งหมดมาซื้อโสมร้อยปีให้ข้า หากไม่มีโสมต้นนี้ เกรงว่าข้ากับอาเยี่ยนจะผ่านพ้นไปไม่ได้” นายหญิงเสิ่นยิ้มบางๆ
“ได้เ้าค่ะ งั้นพวกเราก็ให้อันใหญ่หน่อย”
เมื่อเสิ่นเยี่ยนกลับมาตอนเย็น กู้เจิงจึงเล่าความคืบหน้าของหอสมุดให้เขาฟัง เื่เปิดหอสมุดนางย่อมต้องแจ้งให้ตวนอ๋องและองค์รัชทายาททราบด้วย
“หนังสือพิมพ์หรือ?” เสิ่นเยี่ยนมองภรรยาด้วยความสนใจ
“ใช่เ้าค่ะ มันเป็สิ่งที่จะทำให้ทุกคนได้รับรู้ข่าวสารบ้านเมือง” กู้เจิงเกิดความคิดขึ้นตอนที่บอกให้ลุงหม่าเปิดรับสมัครนักเขียน แต่เื่นี้นางยังต้องคิดให้รอบคอบอีกนิด
“หนังสือแบบที่เ้าว่า ข้าว่ามันน่าจะเรียกว่า ‘หนังสือทำเนียบ’” เสิ่นเยี่ยนหยิบหนังสือจากมุมโต๊ะมาให้กู้เจิงดู “เป็แบบนี้”
“นี่ไม่ใช่หนังสือที่ท่านอ่านทุกวันหรอกหรือเ้าคะ?” กู้เจิงเห็นว่าบนปกเขียนว่า ‘หนังสือทำเนียบ’ จริงๆ บันทึกในนั้นล้วนเป็ข่าวใหญ่ของราชสำนัก เช่น เื่ที่เสี่ยนอ๋องสิ้นพระชนม์ก็เขียนไว้
“หนังสือทำเนียบมีหน้าที่ส่งข่าวจากราชสำนักไปยังทุกเขต ทุกอำเภอ และทุกหมู่บ้าน” งานที่เสิ่นเยี่ยนทำในสำนักราชเลขาก็คืองานประเภทนี้
“ท่านพี่ หนังสือพิมพ์ที่ข้าพูดถึงไม่ได้มีไว้สำหรับเ้าหน้าที่ทางการอ่านเท่านั้น แต่มีไว้สำหรับประชาชนทั่วไปด้วย ในนั้นอาจมีข่าวจากทางรัฐ หรือชีวิตของเหล่าคุณชายคุณหนู เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าเหล่าชนชั้นสูงใช้ชีวิตยังไง รวมถึงข่าวการค้าต่างๆ ด้วยเ้าค่ะ”
“เหลวไหล ทำไมคนเราถึงต้องให้ชาวบ้านรู้ถึงชีวิตความเป็อยู่ด้วย?” เสิ่นเยี่ยนมองนางด้วยสายตาเ็า
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะเ้าคะ? ” กู้เจิงเถียงไม่ยอมแพ้
“เ้าตั้งใจทำหอสมุดไปก็ดีแล้ว อย่าคิดเหลวไหลอีกเลย”
กู้เจิงอ้าปากคิดจะโต้กลับ แต่คิดไปคิดมาก็ถูกของเขา เื่หอสมุดนางยังทำไม่สำเร็จเลย แล้วยังจะคิดหาเส้นทางสู่ความร่ำรวยอีกทางเสียแล้ว นางร้อนใจเกินไปหน่อย “ก็ได้เ้าค่ะ” ค่อยๆ เป็ค่อยๆ ไป
ตอนนี้เสิ่นเยี่ยนกลายเป็ขุนนางขั้นสอง ไม่ต้องลำบากเหมือนเมื่อก่อน เวลาทำงานมีห้าวันและลาพักได้หนึ่งวัน และไม่ต้องไปเตรียมงานให้ขุนนางใหญ่ทุกวันเหมือนตอนเป็ผู้ช่วยประจำสำนักราชเลขาอีกแล้ว แต่เขายังต้องไปประชุมในยามเหม่าทุกวัน
วันรุ่งขึ้น กู้เจิงตื่นแต่เช้า นางเห็นแม่สามีกำลังซาวข้าวอยู่ในห้องครัว จึงทักทายขึ้น
“ท่านแม่ อาหารเช้าวันนี้มีอะไรเ้าคะ?” กู้เจิงเข้าไปช่วยแม่สามี
“โจ๊กฟักทอง และไข่เป็ดเค็มที่เ้าชอบ”
นายท่านเสิ่นเดินออกมาจากห้องเก็บฟืนพอดี ในมือเขามีไข่เป็ดเค็มที่หุ้มด้วยโคลนสีเหลือง “หมักไว้เมื่อปีก่อน ไม่รู้ว่าดองนานเกินไปหรือเปล่า” พูดจบเขาก็เอาไข่ไปล้างในบ่อ
“พ่อเฒ่าเสิ่น ข้านับวันดูแล้ว เพิ่งจะสามสิบห้าวันเ้าค่ะ น่าจะกำลังพอดีเ้าค่ะ” ชุนหงหันไปพูดกับนายหญิงเสิ่นต่อ “ท่านป้าเสิ่น ข้าเตรียมไฟเรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ”
นายหญิงเสิ่นเข้าไปในห้องครัวแล้วเอาข้าวใส่ในหม้อต้ม
หลังจากกินข้าวเช้ากันเสร็จ กู้เจิงกับชุนหงก็เตรียมจะออกไปหอสมุดกัน แต่รถม้าของจวนกู้ได้มาจอดเทียบที่หน้าประตูบ้านตระกูลเสิ่นก่อน
“แม่เฒ่าฉิน” กู้เจิงทักทาย
แม่เฒ่าฉินมีสีหน้าเศร้าสลด นางกล่าวกับกู้เจิงว่า “คุณหนูใหญ่ บุตรของคุณหนูสามรักษาไว้ไม่ได้ นายหญิงจึงอยากให้ท่านไปอยู่คุยเล่นกับนางที่จวนตวนอ๋องเ้าค่ะ”
พอได้ยินข่าวร้ายั้แ่เช้าตรู่กู้เจิงก็รู้สึกเศร้าใจอยู่บ้าง นางรีบรับคำและไปแจ้งแก่แม่สามีว่าอาจจะไม่ได้กลับมากินมื้อเที่ยงและมื้อเย็น นางส่งชุนหงไปเรียนงานของหอสมุด ส่วนตัวเองก็ตามแม่เฒ่าฉินไปที่จวนตวนอ๋อง
บนรถม้าแม่เฒ่าฉินสะอึกสะอื้นมาตลอดทาง “ไม่ขอปิดบังคุณหนูใหญ่ หากเสียเด็กไปแล้วก็สามารถทำให้เกิดใหม่ได้ แต่หมอหลวงบอกว่า ร่างกายของคุณหนูสามได้รับาเ็มาก เกรงว่าต่อไปคงยากที่จะตั้งครรภ์ได้อีกเ้าค่ะ”
“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ?” กู้เจิงใ
“นายหญิงเองก็ไม่คิดว่าจะร้ายแรงขนาดนี้ แต่เื่นี้ตวนอ๋องยังไม่รู้ ส่วนทางหมอหลวงนายหญิงได้ให้เงินเพื่อปิดปากไปแล้วเ้าค่ะ”
ในเมื่อนายหญิงเว่ยซื่อ้าจะปิดบังเื่นี้แก่ตวนอ๋อง แล้วเหตุใดจึงต้องให้นางร่วมรับรู้ด้วยเล่า? กู้เจิงสงสัย