เดม่อนฝึกเวทมนตร์อยู่ในห้องต้องประสงค์ทั้งบ่ายเต็มๆ
ก่อนจะเริ่ม เขาเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ตัวเขาจะสามารถทุ่มเทให้กับการฝึกเวทมนตร์ได้มากขนาดนี้
แม้แต่การร่ายเวทเดิมซ้ำๆ ที่ดูเหมือนน่าเบื่อสำหรับคนทั่วไป เขากลับรู้สึกเพลิดเพลินยิ่งกว่าสิ่งใด แค่เห็นแสงจากปลายไม้กายสิทธิ์วาบขึ้น เขาก็รู้สึกไม่มีวันเบื่อเลยจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยพร์ขั้นผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ ทุกครั้งที่ร่ายเวท เขาจะรู้สึกถึงแนวทางและวิธีในการปรับปรุงอยู่เสมอ และทุกครั้งที่ร่ายเวท เขาก็ััได้ถึงความก้าวหน้าของตัวเอง
ความรู้สึกนี้เหมือนเขากำลังเล่นเกม RPG ที่สามารถรู้สึกได้ทางร่างกาย และตอนนี้เขากำลังอัปเลเวลตัวเอง เพื่อจะไปปราบบอสใหญ่ในอนาคต ช่างเป็ความรู้สึกที่สุดยอดเกินบรรยาย
จนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น เดม่อนจึงยอมหยุดร่ายเวทอย่างไม่เต็มใจ และตอนนั้นเองเขาจึงได้สังเกตว่า ร่างกายและจิตใจของเขาอ่อนล้ากว่าที่คิด
“ดูเหมือนฉันจะตื่นเต้นเกินไปหน่อยแฮะ…”
เดม่อนส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องต้องประสงค์มุ่งหน้าไปยังห้องอาหารชั้นหนึ่ง
เขารับหนังสือพิมพ์ เดอะพรอเฟ็ต ฉบับเย็นจากนกฮูกเช่นเคย มื้อนี้ก็ยังเป็เนื้อย่างจานโต และเขาก็อ่านข่าวไป กินไปอย่างสบายใจ
“ทั้งบ่ายไม่เห็นหน้าเธอเลย หรือว่าเธอไปเล่นบ้ากับพวกนั้นด้วยเหรอ?”
เดม่อนเงยหน้าขึ้น เป็เฮอร์ไมโอนี่
“เปล่า เราแค่หาที่เงียบๆ อ่านหนังสือเฉยๆ น่ะ”
“เหรอ? แล้วเธออ่านอะไรเหรอ? เราเพิ่งอ่านเล่มหนึ่งชื่อ การเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของพืชเวทมนตร์ สนุกมากเลยล่ะ มีเื่แปลกๆ เกี่ยวกับพืชวิเศษเต็มไปหมด แล้วก็อีกเล่มนึง ลูกควิดดิชมหัศจรรย์ รู้ไหม เราเพิ่งรู้ว่าควิดดิชเป็ที่นิยมขนาดไหนในโลกพ่อมด...”
ทันทีที่พูดถึงหนังสือ เฮอร์ไมโอนี่ก็เข้าสู่โหมดพูดยาวรวดเดียวจบแบบไม่มีพัก
เดม่อนวางหนังสือพิมพ์ลง ฟังเธออย่างตั้งใจ พร้อมพยักหน้าตอบรับเป็ระยะ จนทำให้แก้มของเฮอร์ไมโอนี่เริ่มแดงอย่างเห็นได้ชัด
เธอเพิ่งรู้สึกตัวเป็ครั้งแรกว่า ตัวเองพูดเร็วมาก จนแทบไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นได้แทรกเลย ซึ่งก็ดูจะเสียมารยาทอยู่เหมือนกัน
“อ๊ะ... หรือว่าเราพูดมากไปเหรอ?”
เฮอร์ไมโอนี่หยุดชะงักทันที แล้วส่งสายตาให้เดม่อนเป็เชิงเชิญให้เขาพูดบ้าง แต่ทันใดนั้นเอง ร่างสี่ร่างก็วิ่งกรูเข้ามานั่งข้างเดม่อนทั้งสองฝั่ง พร้อมพลังงานล้นเหลือ
“เดม่อน! บ่ายนี้เธอหายไปไหนมาเนี่ย? รู้ไหม ในทะเลสาบดำมีหมึกั์ตัวใหญ่มาก!”
“แถมเป็มิตรสุดๆ! มันให้เราลูบหัวมันด้วยนะ!”
พวกเขาเล่าประสบการณ์่บ่ายกันอย่างตื่นเต้น เฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นว่าการสนทนาถูกขัดจังหวะ ก็ค่อยๆ เลิกพูดไป
เดม่อนหันไปส่งยิ้มขอโทษให้เธอ แล้วยื่นหนังสือพิมพ์ให้แทน เฮอร์ไมโอนี่ก็รับไปอย่างเข้าใจ ขณะเดียวกันเขาก็หันไปตอบกลุ่มเพื่อนที่กำลังวุ่นวายอยู่
“เราไปอ่านหนังสือในห้องสมุดมาน่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ที่เพิ่งรับหนังสือพิมพ์ก็ขมวดคิ้วทันที ก่อนจะยกหนังสือขึ้นมาบังใบหน้า
“เดม่อน! ให้ตายเถอะ!” รอนร้องลั่น “รู้ไหมว่าตอนนี้มีเด็กปีหนึ่งผู้หญิงตั้งเท่าไรที่พูดถึงเธอ? เธอไม่ออกไปทำความรู้จักกับใครเลย กลับไปหมกตัวในห้องสมุดเนี่ยนะ?”
“พูดดีแล้วล่ะ ไอ้รอน แต่ขอแก้ไขนิดนึง”
“ไม่ใช่แค่ปีหนึ่งนะ ปีสามเองก็สนใจเ้าชายแห่งการดวลของเราด้วยเหมือนกัน”
แฝดผมแดงที่หน้าตาเหมือนรอนเปี๊ยบสองคนเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม
“โถ่โว้ย! บอกแล้วอย่าเรียกเราว่าแบบนั้น!”
รอนโวยวายเสียงดัง ในขณะที่แฮร์รี่เริ่มสนใจชื่อ “เ้าชายแห่งการดวล” เข้าให้แล้ว
“ยินดีที่ได้รู้จัก เ้าชายแห่งการดวล เราชื่อจอร์จ วีสลีย์”
“เราเฟร็ด วีสลีย์ อย่างที่เห็น”
“เราเป็พี่ชายของเ้ารอนคนนี้แหละ”
ทั้งคู่พูดสลับกันอย่างสนุกสนาน พร้อมกับมองเดม่อนด้วยสายตาเ้าเล่ห์เหมือนมีแผนอะไรบางอย่าง
“ยินดีเช่นกัน แต่ช่วยอย่าเรียกฉันแบบนั้นจะดีกว่านะ”
เดม่อนยิ้มตอบอย่างสุภาพ แต่ชัดเจนว่าไม่ได้ปลื้มกับฉายานั้นนัก
“ว่าแต่ พี่สาวปีสามก็พูดถึงเดม่อนด้วยเหรอ? หรือว่าที่เกิดบนรถไฟวันนั้นมันดังขนาดนั้นเลย?” ไซมัสถามขึ้น
“เปล่าหรอก ความจริงแล้วที่พวกเขาคุยกันคือ”
“ทำไมเดม่อน ไวต์ ถึงไม่ถูกคัดไปบ้านสลิธีริน”
“เพื่อนเอ๋ย วันแรกในห้องนั่งเล่นบ้านสลิธีรินนี่แทบจะวุ่นวายเพราะเื่นี้เลยนะ”
“แต่สุดท้าย พวกเขาก็สรุปว่าเป็ความเสียหายของเธอ ไม่ใช่ของพวกเขา”
สองพี่น้องกล่าวพร้อมยิ้มเ้าเล่ห์ จ้องดูปฏิกิริยาของเดม่อนเหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง
“งั้นเหรอ?” เดม่อนที่กินใกล้หมดแล้ว วางมีดส้อมลงแล้วพูดเรียบๆ ว่า “ตอนแรกหมวกคัดสรรก็คิดจะส่งฉันไปสลิธีรินนะ แต่ฉันปฏิเสธเอง”
“ทำไมล่ะ?”
คำถามนี้เรียกความสนใจจากทุกคนได้ทันที
“เพราะว่า” เดม่อนยิ้มมุมปาก เหมือนคาดเดาได้อยู่แล้วว่าคำตอบจะทำให้เกิดอะไรขึ้น “มัลฟอยบอกว่าฉันเป็พวกเืสีโคลน แล้วคนที่ถูกเรียกแบบนั้นจะไปอยู่บ้านสลิธีรินได้ยังไงล่ะ ถึงจะสนใจมากแค่ไหน ฉันก็ปฏิเสธไป”
“เพราะเื่นี้เหรอเนี่ย” จอร์จยิ้มร้าย
“เฮ้! คำพูดแบบนั้นมันหยาบมากเลยนะ! อยากให้เราช่วยแก้แค้นมั้ย?” เฟร็ดมองเดม่อนด้วยสายตาวาววับ
“คิดจะเอาเื่นี้ไปแพร่ใช่ไหม?” เดม่อนมองฝาแฝดที่กำลังหัวเราะและพยักหน้า “ก็ได้ ยังไงมันก็เป็เื่จริงอยู่แล้ว”
“เยี่ยมเลย! เตรียมตัวไว้ได้เลย”
“อีกไม่กี่วัน ทั้งสลิธีริน”
“รวมถึงบ้านอื่นๆ ด้วย”
“จะต้องรู้เื่นี้กันหมดแน่!”
ฝาแฝดดูเหมือนคิดแผนสนุกอะไรออก ก่อนจะพรวดพราดวิ่งจากไปอย่างคึกคัก
“ให้ตายสิ! พวกเขามาที่นี่ทำไมกันแน่นะ!” รอนบ่นเสียงเครียด ไม่พอใจที่ถูกตั้งฉายาแล้วยังถูกทิ้งไว้คนเดียวอีก
“พวกเราก็แค่มาดูว่าวันแรกนายเป็ยังไง”
“ตอนนี้เห็นว่านายโอเคดี เราก็หมดห่วง”
“น้องรอนนนนน~~~”
เสียงฝาแฝดดังมาแต่ไกล ใบหน้าของรอนแดงก่ำ เขาหันมามองแฮร์รี่กับคนอื่น ก็พบว่า ทุกคนยกเว้นเดม่อน กำลังหัวเราะกลั้นอยู่
“พวกนายมันแย่จริงๆ!”
รอนพุ่งใส่แฮร์รี่ทันที ท่ามกลางเสียงโวยวายสนุกสนาน
ทางด้านเฮอร์ไมโอนี่ ที่กำลังใช้หนังสือพิมพ์บังหน้าอยู่ก็แอบยิ้มน้อยๆ พลางพึมพำเบาๆ ว่า
“พวกผู้ชายนี่ช่างเด็กจริงๆ…”
แต่ เดม่อน ไม่เข้าข่ายนั้น
เธอค่อยๆ ลดหนังสือพิมพ์ลง แล้วสบตาเข้ากับเดม่อนที่หันมาพอดี เธอไม่หลบตาแม้แต่น้อย ก่อนจะทำปากพูดว่า “Liar” (โกหก)
เธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้องสมุดทั้งวัน เพราะเธออยู่ที่นั่นเอง และเห็นเดม่อนแค่่แรกเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่เจออีกเลย นั่นหมายความว่า เขาโกหกทั้งเธอและเพื่อนๆ
และถ้าเขาโกหกเื่นี้ได้ ก็อาจโกหกเื่อื่นได้เช่นกัน
แต่ในเมื่อเดม่อนไม่ได้อยู่ในห้องสมุด และก็ไม่มีใครเจอเขาในสนามหรือที่ไหนๆ เลย... เขาหายไปอยู่ที่ไหนกัน?
เฮอร์ไมโอนี่คิดอยู่พักหนึ่งก็ยังหาคำตอบไม่ได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจวางเื่นี้ไว้ก่อน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของเธอตอนนี้ก็คือ “การรักษาความเป็เลิศ”
พรุ่งนี้ก็ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดแล้ว และจากระดับเวทของเดม่อน แม้แต่เธอเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้
(จบบท)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้