ทว่าโอกาสข้างหน้ายังอีกยาวไกล นางต้องหาโอกาสจนได้...
เมื่อเงยหน้าขึ้นพลันเห็นสายตาของเฟิ่งเฉี่ยนที่มองมา หนังตาของนางกระตุกรับรู้ได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดี
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า สัญชาตญาณของนางนั้นแม่นยำถูกต้อง!
เฟิ่งเฉี่ยนจับจ้องนางแล้วพูดเนิบๆ “แม้ข้าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองแล้ว ทว่าใบไม้ทองคำของคุณหนูหลันกลับยังหาไม่พบ ดังนั้นทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนตกเป็ผู้ต้องสงสัยทั้งสิ้น! เพื่อเป็การพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของทุกคน ก่อนหน้าที่จะหาใบไม้ทองคำพบ ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามไปจากหอตำรา!”
นางจงใจเว้นจังหวะ “คุณหนูหลัน เ้าคิดว่าอย่างไรเล่า”
แววตาหลันเยว่หรูไหววูบ โพรงจมูกบานออกเล็กน้อย เหงื่อขนาดเท่าเมล็ดถั่วผุดขึ้นเต็มหน้าผาก
ใบไม้ทองคำสูญหาย เดิมทีก็เป็เื่ที่นางกุขึ้นมาเพื่อหลอกทุกคน ต่อให้พลิกหอตำราขึ้นตีลังกาชี้ฟ้าก็ไม่มีทางหาพบ!
ตอนนี้จะทำอย่างไรดี
เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไร พลันมีดวงหน้าของคนผู้หนึ่งแนบเข้ามาใกล้ ทำให้นางใจนสะดุ้งโหยง นางถึงกับก้าวถอยหลังและเกือบจะยืนไม่อยู่
เฟิ่งเฉี่ยนเอามือทั้งคู่ไพล่ไว้ด้านหลังขณะมองนางยิ้มๆ “เอ๊ะ? เหตุใดคุณหนูหลันจึงเหงื่อแตกท่วมตัวเล่า คงไม่ได้เป็เพราะจริงๆ แล้วไม่มีเื่ใบไม้ทองคำสูญหายอะไรนั่นหรอกนะ ดังนั้นเ้าจึงกินปูนร้อนท้อง?”
เส้นเืสีเขียวข้างขมับของหลันเยว่หรูเต้นตุบๆ “จะ...จะเป็ไปได้อย่างไร ข้าแน่ใจว่าข้าทำใบไม้ทองคำสูญหายไปสามใบ เพราะข้าร้อนใจ ใช่แล้ว เป็เพราะข้าร้อนใจ ดังนั้นจึงเหงื่อออก”
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็ประสานดวงตาเข้ากับดวงตาระแวงสงสัยของเฟิ่งเฉี่ยน นางแสร้งแสดงท่าทีไม่หวั่นไหวทว่าในใจนั้นลนลาน
“อ้อ เป็เช่นนี้นี่เอง!” เฟิ่งเฉี่ยนจงใจลากเสียงยาวแล้วหันหน้ามาพูดกับคนทั้งหมด “ทุกคนยังมัวตกตะลึงอะไรกันอยู่อีกเล่า รีบช่วยคุณหนูหลันหาใบไม้ทองคำเร็วเข้า! หาใบไม้ทองคำพบเร็วเท่าใด ก็จะได้กลับไปนอนเร็วขึ้น”
ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็พากันเฮโลแยกย้ายกันออกไปค้นหาใบไม้ทองคำ
หลังจากรอให้ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว เฟิ่งเฉี่ยนเดินเข้าไปหยุดข้างกายหลันเยว่หรูแล้วกระซิบข้างหูนาง “หลุมพรางที่เ้าจงใจขุดเอาไว้ เชิญเ้าะโลงไปเอง! นี่เขาเรียกว่าทำอะไรก็ได้สิ่งนั้นตอบแทน!”
“ข้าไม่รู้ว่าเ้ากำลังพูดอะไรอยู่” หลันเยว่หรูพูดทั้งขบฟันแน่น
“เชิญเ้าเสแสร้งเป็ผู้ถูกกระทำต่อไปเถิด! อย่างไรคืนนี้ข้าก็ไม่คิดจะกลับไปอยู่แล้ว ข้ามีเวลาอยู่เป็เพื่อนเ้าตลอดทั้งคืน สำหรับคนอื่นๆ นั้น...” เฟิ่งเฉี่ยนตบไหล่นางและยกยิ้ม “เ้าดูแลตัวเองให้ดีก็แล้วกัน!”
ดวงตาอันน่ากลัวของหลันเยว่หรูที่มองตามเงาร่างด้านหลังของเฟิ่งเฉี่ยนไปนั้น เหมือนดวงตาของเสือดาวที่เตรียมจะกระโจนเข้ามาขย้ำคนได้ตลอดเวลา!
คนอื่นๆ กำลังยุ่งอยู่กับการตามหาใบไม้ทองคำ เฟิ่งเฉี่ยนอ่านตำราแพทย์ต่อไป
หนึ่งชั่วยามผ่านไป...
สองชั่วยามผ่านไป...
ทุกคนยิ่งรู้สึกง่วงนอนมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่ายังหาใบไม้ทองคำไม่พบเสียทีจึงเริ่มมีคนโอดครวญขึ้นมา
“ง่วงเหลือเกิน! ข้าอยากกลับไปนอน”
“ข้าก็ง่วง แต่ใบไม้ทองคำยังหาไม่พบ ทำอย่างไรดีเล่า”
“จริงๆ เลย นางทำใบไม้ทองคำหล่นหาย แต่กลับให้พวกเราต้องอดหลับอดนอนหาให้ อาศัยอะไรกัน”
“ข้าละสงสัยว่านางทำใบไม้ทองคำหล่นหายจริงๆ หรือเพียงแค่เสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น”
“...”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเข้าหูไม่หยุดหย่อน หลันเยว่หรูโมโหเสียจนร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม นางในตอนนี้ราวกับนั่งอยู่บนพรมเข็ม จะเดินหน้าก็ไม่ใช่ จะถอยหลังก็ไม่ใช่ นางร้อนใจและสับสนวุ่นวายใจกว่าใครๆ
เมื่อสักครู่นางพูดยืนยันแล้วยืนยันอีกว่า ใบไม้ทองคำหล่นหายในหอตำราแห่งนี้ มาบัดนี้หากนางเปลี่ยนคำพูดของตนเอง โดยบอกว่าใบไม้ทองคำไม่ได้สูญหายที่นี่ เช่นนั้นนางไม่เท่ากับตบปากของตนเองหรือ
ทว่าหากนางไม่เปลี่ยนคำพูดของตน ต่อให้ใช้เวลาค้นหาสามวันสามคืนก็ไม่มีบทสรุปอันใด ทุกคนคงได้แต่กล่าวโทษนางมากขึ้น นางเองก็ต้องถูกกักอยู่ที่นี่เช่นกัน
หากเป็ยามปกติก็ไม่กระไรนัก ทว่าประจวบเหมาะเหลือเกินที่เช้าวันรุ่งขึ้นจะมีการสอบที่สำคัญยิ่ง นางจะขาดสอบไม่ได้
ที่นี้จะทำอย่างไรดีเล่า
ท่านผู้าุโขมวดคิ้วมุ่น เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเ็าประดุจน้ำเข็ง “เยว่หรู เ้าพูดความจริงมา ตกลงเ้าได้ทำใบไม้ทองคำหล่นหายหรือไม่”
หลันเยว่หรูตะลึงงัน ตีให้ตายก็ไม่ยอมรับ “ผู้น้อยทำหล่นหายจริงๆ เ้าค่ะ!”
ท่านผู้าุโพูดด้วยน้ำเสียงเปี่ยมโทสะ “แล้วเหตุใดหากันมาทั้งคืนแล้วยังหาไม่พบ”
แววตาของหลันเยว่หรูไหววูบ นางกัดริมฝีปากของตนเองและกล่าวว่า “อาจ...อาจเป็เพราะผู้น้อยจำผิดก็เป็ได้ ใบไม้ทองคำไม่ได้หล่นหายในหอตำรา แต่หล่นหายที่อื่นเ้าค่ะ”
เมื่อนางพูดประโยคนี้ออกมา สายตาแค้นเคืองพุ่งตรงมาที่นางทันที
ดียิ่งนัก คำพูดของเ้าที่ว่าเ้าจำผิดเพียงแค่ประโยคเดียว ถึงกับทำให้ทุกคนต้องเสียแรงเปล่าๆ ตลอดทั้งคืน ช่างน่าโมโห!
กลุ่มคนที่เดิมทีมีความรู้สึกดีๆ กับหลันเยว่หรู ยามนี้เปลี่ยนทัศนคติมองนางด้วยแววตากล่าวโทษ
ท่านผู้าุโรู้สึกผิดหวังในตัวนางอย่างที่สุด เขาอ้าปากคิดจะอบรมสั่งสอนนางสักยก ทว่ากลับกลืนวาจาเ่าั้ลงท้องไปแล้วพูดกับทุกคนด้วยเสียงอันดังว่า “เวลาไม่เช้าแล้ว ทุกคนกลับไปเถิด!”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่แม้กระทั่งจะเงยหน้ามองเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างท่านผู้าุโและหลันเยว่หรู นางเพียงแต่คลี่ยิ้มบางๆ นางบรรลุวัตถุประสงค์ของนางแล้ว ไม่มีความจำเป็ต้องกัดหลันเยว่หรูเอาไว้ไม่ปล่อย
นางก้มหน้าลงอ่านตำราแพทย์บนชั้นวางหนังสือตัวสุดท้ายต่อไป
ครึ่งชั่วยามให้หลัง เฟิ่งเฉี่ยนอ่านตำราแพทย์บนชั้นวางหนังสือตัวสุดท้ายหมดทุกเล่มในที่สุด นางวางตำรากลับไปที่เดิมแล้วบิดี้เี
เหนื่อยเหลือเกิน! แม้จะเป็เพียงการอ่านตำรา แต่การต้องพลิกเปิดตำราบนชั้นวางหนังสือทุกตัวให้หมดทุกเล่มเป็งานที่สูญเสียพละกำลังไม่น้อยเช่นกัน อีกทั้งสมองยังต้องจดจำความรู้ใหม่ๆ ที่เพิ่งได้มาทำให้นางเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย!
เมื่อหันกลับมาพลันเผชิญหน้ากับใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราและคิ้วขาวโพลนที่กำลังยิ้มให้นาง เฟิ่งเฉี่ยนราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น นางใจนส่งเสียงร้องดัง
“ท่านผู้าุโ ท่านมายืนข้างหลังข้าเงียบๆ ทำอันใด คนหลอกคน ใตายได้นะ!”
ท่านผู้าุโยังคงยิ้มเสมือนคุณยายจิ้งจอกในนิทานหนูน้อยหมวกแดง “ตำราบนชั้นวางหนังสือทั้งหมด เ้าล้วนท่องจำได้หมดแล้วหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า “อืม จำได้หมดแล้ว”
ท่านผู้าุโถูมือไปมา เขายิ้มเต็มที่จนดวงตากลายเป็ขีดเส้นเดียว “เ้าดูเถิด ตำราแพทย์เหล่านี้เป็ตำราที่ผู้าุโในอดีตของสำนักศึกษาได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจมากมายในการค้นหาข้อมูลและบันทึกรวบรวมเอาไว้ เวลานี้เ้าท่องจำพวกมันได้ทั้งหมดแล้ว ย่อมเท่ากับว่าเ้าได้รับการชี้แนะจากผู้าุโในอดีตเหล่านี้ ได้รับคำสั่งสอนจากพวกเขา ดังนั้น...แหะๆ เ้าควรจะ...อันใด แหะๆ...”
เฟิ่งเฉี่ยนก้าวถอยหลังมือทั้งสองข้างปกป้องหน้าอกของตนเอาไว้ “ท่านผู้าุโ นี่ไม่เหมาะสมกระมัง ประการแรก ช่องว่างระหว่างอายุมีมากเกินไป ประการที่สอง ท่านมิใช่บุรุษในแบบที่ข้าชมชอบ! ฝืนใจไปก็ไม่มีความสุข!”
ท่านผู้าุโตะลึงงัน เขาถลึงดวงตาทั้งคู่จนหนวดกระดิก ขณะเอ่ยทั้งโทสะว่า “เ้าเด็กบ้า เ้าคิดว่าข้าผู้าุโเป็คนอย่างไรกัน”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะฮิๆ “ท่านผู้าุโ หากท่านมีสิ่งใดจะพูดเชิญท่านพูดตามตรง ท่าทีเมื่อสักครู่ทำให้คนเข้าใจผิดเป็อื่นไป!”
ท่านผู้าุโปรับสีหน้าจริงจังกระแอมกระไอให้คอโล่ง “เช่นนั้นข้าผู้าุโก็จะพูดตรงๆ! เ้าอ่านตำราแพทย์ทั้งหมดของสำนักศึกษาเทียนหงแล้ว หากให้เ้าออกไปจากที่นี่ทั้งเช่นนี้ ข้าผู้าุโไม่รู้จะรายงานกับอาจารย์ใหญ่อย่างไร ดังนั้นข้าผู้าุโหวังเป็อย่างยิ่งว่าเ้าจะเข้ามาเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหง เมื่อเ้ามีฐานะเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหง เยี่ยงนี้แล้วตำราแพทย์ที่เ้าท่องจำไปทั้งหมดย่อมสมเหตุสมผล่”
“เข้าร่วมเป็ส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาเทียนหงหรือ” เฟิ่งเฉี่ยนตกตะลึงอยู่บ้าง
มู่ชิงเซียวได้ยินเช่นนั้นจึงพูดด้วยความยินดี “ข้อเสนอของท่านผู้าุโไม่เลวเลยขอรับ! ในแคว้นเป่ยเยียนของพวกเรามีกฎข้อหนึ่งที่ไม่ได้เขียนเป็ลายลักษณ์อักษร หากเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหงแล้ว ให้หลุดพ้นจากสถานะทาสได้ หากเ้าไม่คิดจะเป็นางกำนัลในวังหลวงต่อไป สำนักศึกษาสามารถออกหน้าช่วยเ้าไถ่ตัวได้ ให้เ้าได้รับอิสรภาพคืนมา!”