ในสายตาของเขา ด้วยสติปัญญาและความสามารถของนาง หากเป็เพียงนางกำนัลคนหนึ่งในวังหลวง เป็เื่น่าเสียดายเกินไป!
ความรู้สึกส่วนตัวของเขาปรารถนาให้นางไปจากวังหลวง...
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินเช่นนั้นดวงตาจึงทอประกายเจิดจ้าแต่ก็หม่นวูบลงอย่างรวดเร็ว หากนางเป็เพียงนางกำนัลจริงๆ นางอาจจะไม่ยอมพลาดโอกาสเช่นนี้ น่าเสียดายที่นางเป็ฮองเฮา สำนักศึกษาออกหน้าให้นางลาออกจากการเป็ฮองเฮาได้หรือ นี่มันเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้ด้วยซ้ำ!
เนิ่นนานท่านผู้าุโจึงได้สติกลับมา เขามีสีหน้าราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ “ชิงเซียว เมื่อสักครู่เ้าพูดอะไรนะ นางเป็นางกำนัลหรือ เ้าแน่ใจหรือไม่ ว่านางเป็เพียงนางกำนัลคนหนึ่งเท่านั้น”
ท่านผู้าุโรู้สึกว่าทัศนคติทั้งสามด้านในชีวิต[1]ของตนแทบจะถูกทำลายลงอยู่แล้ว!
ผู้ที่ท่องจำตำราแพทย์จำนวนหลายชั้นหนังสือได้ภายในคืนเดียวปานเทพเซียนเช่นนี้ เป็เพียงนางกำนัลตัวเล็กๆ คนหนึ่งในวังหลวง...ช่างเป็การใช้คนไม่เหมาะสมกับงานเกินไปแล้ว!
มู่ชิงเซียวพยักหน้า “นางเป็เพียงนางกำนัลคนหนึ่งจริงๆ ขอรับ”
ท่านผู้าุโยังคงไม่เชื่อ เขาเบิกตากลมโตมองดูเฟิ่งเฉี่ยน
เฟิ่งเฉี่ยนใช้มือปิดปาก พยักหน้าอย่างร้อนตัว
ท่านผู้าุโตบหน้าผากตนเองแรงๆ ก่อนทอดถอนใจ “ในอดีตอาจารย์ใหญ่ของพวกเรามักจะเสียดายอยู่เสมอ เขาบอกว่าฝ่าาแคว้นเป่ยเยียนของพวกเราเป็ผู้มีพร์ที่ยากจะพบในรอบหนึ่งร้อยปี หากสามารถเข้าศึกษาในสำนักศึกษาเทียนหงได้ จะต้องทำให้ชื่อเสียงของสำนักศึกษาเทียนหงของพวกเราระบือไกลแน่นอน ตอนนั้นข้าผู้าุโยังไม่ค่อยเชื่อนัก ตอนนี้ข้าผู้าุโเชื่อแล้ว...กระทั่งนางกำนัลตัวเล็กๆ คนหนึ่งในมือของเขาก็ยังมีสติปัญญาไม่สามัญเช่นนี้ แค่คิดก็รู้ว่าฝ่าาของพวกเรานั้นเป็อัจฉริยะระดับใดของใต้หล้า!”
เฟิ่งเฉี่ยนมุมปากกระตุก นางเกือบจะอาเจียนเป็เื อยู่ดีๆ ทำไมจึงเอานางไปเกี่ยวข้องกับเซวียนหยวนเช่อได้นะ
แววตาของท่านผู้าุโเปล่งประกาย “แม่นางเฟิง เข้ามาเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหงเถิด! ข้าผู้าุโจะเป็ผู้แนะนำเ้าเอง!”
มู่ชิงเซียวมองนางด้วยความยินดี “ใช่แล้ว แม่นางเฟิง มาเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเถิด! ต่อไปพวกเราก็เป็ศิษย์พี่ศิษย์น้องกันแล้ว”
เห็นสายตาเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังและจริงใจของคนทั้งคู่แล้ว เฟิ่งเฉี่ยนหวั่นไหวอยู่บ้าง ประการแรก ที่จริงนางอยากจะศึกษาอาชีพทั้งสามที่เป็ที่นิยมของใต้หล้า การเข้าไปเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหงเป็ทางเลือกที่ดียิ่งของนางอย่างไร้ข้อกังขา ประการที่สอง ช้าเร็วนางก็ต้องไปจากวังหลวงอยู่ดี หลังออกจากวังหลวงแล้วนางจะไปที่ใด นางยังไม่ได้ใคร่ครวญให้รอบคอบ หากนางเข้ามาเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหงนางย่อมไม่ต้องกังวลอันใดอีก
แต่เซวียนหยวนเช่อจะเห็นด้วยหรือไม่
นางตัดสินใจเองไม่ได้
ตรองดูแล้วนางจึงกล่าวว่า “เื่นี้ต้องให้ข้ากลับไปปรึกษาคนที่บ้านก่อน หากตัดสินใจได้แล้วจะให้คำตอบท่านอีกครั้ง”
ท่านผู้าุโเห็นว่ายังพอมีโอกาส เขายกมือขึ้นลูบเคราและกล่าวว่า “ได้ จำเป็ต้องปรึกษาหารือ แต่อย่าให้ข้าผู้าุโรอนานเกินไปนะ!”
เขาหันมากำชับกับมู่ชิงเซียวอีกว่า “ชิงเซียว เื่นี้มอบให้เ้าไปจัดการ! หากเ้าทำล้มเหลว ข้าผู้าุโจะเอาเื่กับเ้า!”
มู่ชิงเซียวยิ้มขม ทว่าเขายังคงพยักหน้ารับปาก เขาปรารถนาให้เื่นี้เป็จริงยิ่งกว่าผู้ใด
รถม้าคันหนึ่งมุ่งหน้าสู่ถนนหลวงท่ามกลางท้องฟ้าในเวลารุ่งอรุณ ในรถม้า เฟิ่งเฉี่ยนนอนหลับสะลึมสะลือ แม้นางจะอ่านตำราแพทย์ทั้งหมดของหอตำราแล้ว ทว่านางยังคงหาวิธีการรักษาที่ถูกต้องไม่ได้ จึงได้แต่กลับไปตั้งหลักที่จวนสกุลมู่
หนึ่งชั่วยามให้หลัง พวกเขากลับมาถึงจวนสกุลมู่ เห็นแต่ไกลว่ามู่ชิงหว่านนำองครักษ์หลายคนมายืนรออยู่ด้านนอกประตู ดูเหมือนมายืนรอคน
“น้องหญิงสาม เ้ามาทำอะไรที่นี่” มู่ชิงเซียวหยุดรถม้า
มู่ชิงหว่านก้าวเข้ามาถามว่า “พี่รอง เฟิ่งเฉี่ยนเล่า”
“หาข้ามีเื่อันใดหรือ”
ผ้าม่านรถม้าถูกเลิกขึ้น เฟิ่งเฉี่ยนเดินลงมาจากรถม้า เท้าเพิ่งจะแตะพื้นก็เห็นมู่ชิงหว่านยกมือขวาขึ้นโบกและออกคำสั่ง “เด็กๆ จับกุมตัวเฟิ่งเฉี่ยน!”
เฟิ่งเฉี่ยนตกตะลึง ยังไม่ทันได้ตั้งสติก็มีองครักษ์สองคนก้าวเข้ามา
มู่ชิงเซียวเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงะโลงมาจากรถม้าทันที เขายืนขวางด้านหน้าเฟิ่งเฉี่ยน “น้องหญิงสาม เกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดต้องจับกุมแม่นางเฟิงหรือ”
มู่ชิงหว่านพูดอย่างฉุนเฉียว “พี่รอง ท่านรีบเข้าไปดูท่านปู่เถิด! ครั้งนี้ ท่านก็ปกป้องนางไม่ได้!”
“ท่านปู่...” มู่ชิงเซียวหัวใจสะดุด เขารีบวิ่งเข้าไปในจวน
เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้วเล็กน้อย ระหว่างที่นางยังตกอยู่ในความคิดของตนก็ถูกองครักษ์สองคนหิ้วปีกซ้ายและขวา
“พวกเ้าจะทำอะไรกัน”
“เฟิ่งเฉี่ยน ครั้งนี้เ้าตายแน่!” มู่ชิงหว่านพูดเสียงเย็น “ไป พานางไปห้องท่านปู่!”
เฟิ่งเฉี่ยนรับรู้ได้ถึงลางร้าย
นางมิได้ดิ้นรนต่อสู้ ด้วย้ารู้เช่นกันว่าเกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่
เดินเข้าไปในห้องของมู่ไท่ฟู่ เฟิ่งเฉี่ยนได้กลิ่นของเสีย และยังมีกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ นางขมวดคิ้ว นี่ดูเหมือน...
เมื่อนางเห็นไท่ฟู่ นางแน่ใจว่าการคาดเดาของนางถูกต้อง ไท่ฟู่ต้องพิษ!
เห็นเพียงไท่ฟู่นอนราบอยู่บนเตียงไม่ได้สติ สีหน้าดำคล้ำ ริมฝีปากกลายเป็สีม่วง ข้างเตียงยังมีเศษอาหารที่อาเจียนออกมา นั่นก็คือที่มาของกลิ่นเน่าเหม็น
“ท่านปู่ ท่านปู่ ท่านเป็อะไรกัน” มู่ชิงเซียวคุกเข่าอยู่ข้างเตียงร้องเรียกอย่างร้อนใจ
สวบ!
กระบี่ยาวเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาพาดลงบนลำคอของเฟิ่งเฉี่ยน
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้หลบ นางหันไปมองและถามผู้ถือกระบี่ “มู่ฮูหยิน เกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่”
มู่ฮูหยินมีสีหน้าเยียบเย็นด้วยโทสะ “เ้ายังมีหน้ามาถามข้าว่าเกิดเื่อันใดขึ้นหรื ข้าควรถามเ้ามากกว่าว่าเหตุใดต้องวางยาพิษบิดาสามีของข้า”
“ข้าวางยาพิษหรือ” เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงัน
“แน่นอนว่าเป็เ้าที่วางยาพิษ!” มู่ฮูหยินยืนกราน “สองวันนี้บิดาสามีข้ากินอะไรไม่ได้ อาหารที่กินเข้าไปเพียงอย่างเดียวก็คือข้าวผัดไข่ที่เ้าเป็คนทำ ไม่ใช่เ้าวางยาพิษแล้วจะเป็ใครได้”
“ฮูหยิน เื่นี้ต้องเกิดความเข้าใจผิดแน่นอน”
“เข้าใจผิดหรือ” มู่ฮูหยินแค่นหัวเราะเสียงเย็น “หลายวันนี้ข้าเฝ้าบิดาสามีข้าไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว คนอื่นไม่มีทางมีโอกาสวางยาพิษ หากไม่ใช่เ้าวางยาพิษ หรือจะเป็ข้าที่วางยาพิษหรือ”
“มารดาของข้าจะเป็ผู้วางยาพิษได้อย่างไร” มู่ชิงหว่านกล่าว “เฟิ่งเฉี่ยน สกุลมู่ของเราทำผิดอะไรต่อเ้า เ้าถึงกับวางยาพิษท่านปู่ข้าเช่นนี้ จิตใจของเ้าชั่วร้ายเกินไปแล้ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนงุนงง นางเชื่อในคำพูดของมู่ฮูหยิน เห็นสายตาของพวกนางแม่ลูกแล้วไม่เหมือนคนจงใจใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น ปัญหาเกิดขึ้นตรงไหนกันแน่
“วันนั้นก่อนที่มู่ไท่ฟู่จะกินข้าวผัดไข่ ฝ่าาเองก็ได้เสวยเช่นกัน หากในข้าวมีพิษจริงๆ เหตุใดฝ่าาจึงไม่เป็อะไรเลย”
มู่ชิงหว่านกล่าวว่า “ท่านพี่เช่อออกจากจวนสกุลมู่ั้แ่เช้าตรู่ ต้องพิษหรือไม่ยังไม่มีใครรู้ หากเขาต้องพิษด้วย ต่อให้เ้ามีสิบหัวก็ไม่พอให้บั่นคอ!”
“อะไรนะ เขาไปแล้วหรือ” เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกเหมือนผีซ้ำด้ามพลอย สถานการณ์ตรงหน้านี้นางไม่อาจล้างมลทินให้ตนเองได้แล้ว
ขณะที่กำลังใคร่ครวญ ความรู้สึกเย็นวาบัับริเวณลำคอ มู่ฮูหยินพูดเสียงเย็นขณะพาดกระบี่ลงบนลำคอของนาง “รีบมอบยาถอนพิษออกมา! ขอเพียงเ้ามอบยาถอนพิษ ข้าจะเว้นโทษตายให้เ้า!”
มู่ชิงเซียวเพิ่งจะได้สติกลับมาจากความตื่นตระหนก เขาจับข้อมือของมารดาเอาไว้ “ท่านแม่ เื่นี้จะต้องเป็เื่เข้าใจผิด แม่นางเฟิงไม่มีทางวางยาพิษ! เมื่อคืนลูกอยู่กับนาง พวกเราไปอ่านตำราแพทย์ที่หอตำราทั้งคืน หากนาง้าวางยาพิษเพื่อทำร้ายท่านปู่จริงๆ เหตุใดจึงต้องไปอ่านตำราแพทย์ด้วยความยากลำบากและเสียเวลาด้วยเล่า แล้วเหตุใดจึงต้องกลับมารับผิดที่นี่”
[1] ทัศนคติทั้งสามด้าน ได้แก่ ทัศนคติต่อโลก ต่อชีวิต และต่อคุณค่า