“เขาคือหวังฟ่านองครักษ์ลานนอกจวนเ้าค่ะ เมื่อคืนพวกเราต่างก็พบเขาขณะบ่าวรับใช้ในเรือนช่วยกันดับไฟในป่าไผ่ขม ตอนเขาตายยังสวมชุดเกราะที่ใส่ขณะช่วยดับไฟอยู่เลย” เมื่อผู่กงอิ๋งกล่าวจบก็นึกบางอย่างออกกะทันหัน จึงหยิบปิ่นหยกฝังดอกเหมยออกจากแขนเสื้อก่อนยื่นให้หลี่มามา “มามา ท่านเป็ผู้ดูแลเื่ของหายในสวน ข้าเก็บสิ่งนี้ได้ ขอมอบให้ท่านเ้าค่ะ”
“เ้าพบสิ่งนี้ใกล้ผีดิบหรือไม่?” เนี่ยชุนขมวดคิ้วเอ่ยถาม
ผู่กงอิ๋งโบกมือกล่าว “พบในศาลาหยวนหยางเ้าค่ะ ห่างจากผีดิบมิใช่น้อย”
เหอตังกุยสนใจคำพูดของพวกเขาทั้งเื่อีกาและผีดิบ คนร้ายกาจแบบใดทำให้ตระกูลหลัวที่สงบสุขดุจทะเลสาบมายาวนานเกิดเหตุการณ์น่าหวาดกลัวบ่อย ๆ เช่นนี้? แม้หนิงยวนและเฟิงหยางตัวปลอมจะสามารถทำเื่เหล่านี้ได้ โดยเฉพาะหนิงยวนที่เคยเข้าป่าไผ่ขม แต่ทั้งสองก็ไม่ได้ชั่วร้ายถึงเพียงนั้น... เหอตังกุยมองหนิงยวนพลางนึกภาพอีกฝ่ายฉีกร่างอีกาอย่างไร้ความปรานี ขณะเดียวกันหนิงยวนก็จ้องมองเหอตังกุยเช่นกัน ความรู้สึกคุ้นเคยฉายชัดในแววตาของเขา ทำให้นางอดตกอยู่ในภวังค์ไม่ได้...
ทันใดนั้นกลิ่นดอกเบญจมาศเย็นะเืแสนแปลกประหลาดก็โชยเตะจมูกเหอตังกุย
“ฮ่า ๆ ๆ พี่สามฟื้นแล้วหรือ? โชคดีจริง ๆ ” หลัวไป๋เส่าฉีกยิ้มเผยฟันขาวราวหิมะก่อนปีนขึ้นตั่งยาวพลางกระแอมเบา ๆ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมา “นี่ หน้าผากของเ้ามีเหงื่อ ให้ข้าช่วยเช็ดเถิด”
เหอตังกุยเบิกตากว้างทันที ผ้าเช็ดหน้า...มีกลิ่นแป้งเตียวซานเย่า เมื่อเหอตังกุยมองหลัวไป๋เส่าที่ใกล้เข้ามาพร้อมรอยยิ้มก็ร้อนใจไม่น้อย ทว่าตอนนี้เนี่ยชุนและหนิงยวนจับมือนางไว้ การเตะหลัวไป๋เส่าต่อหน้าธารกำนัลย่อมเป็ไปไม่ได้ นางจึงตัดสินใจลุกขึ้นนั่งแล้วอาเจียนลงพื้นตรงกลางระหว่างเนี่ยชุนและหนิงยวน
เหล่าไท่ไท่พลันเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง “์ เสี่ยวอี้ เ้าเป็อะไร?”
“ข้าสบายดีเ้าค่ะ” เหอตังกุยอาเจียนก่อนเอ่ยตอบ “จู่ ๆ ก็อยากอาเจียน ประเดี๋ยวคงดีขึ้นเ้าค่ะ” เนี่ยชุนและหนิงยวนที่กำลังถ่ายทอดลมปราณรู้สึกแปลกใจยิ่งนักจึงนั่งลงพร้อมกันเพื่อดูอาการเหอตังกุย แม้นางจะทำเสียงโอ้กอ้ากไม่หยุด แต่กลับไม่มีอะไรออกจากปากแม้แต่น้อย
หลัวไป๋เส่าคิดไม่ถึงว่าเหอตังกุยจะหลบผ้าเช็ดหน้าที่ถูกยื่นไปกลางอากาศ ขณะเดียวกันหลัวไปเส่าก็ตกตะลึงจนลืมเก็บผ้าเช็ดหน้า เหล่าไท่ไท่ก็ร้อนใจจนศีรษะเหงื่อออกจึงหยิบผ้านั้นเช็ดหน้า หลัวไป๋เส่าร้องะโพลันแย่งผ้าเช็ดหน้าคืน แย่แล้ว ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมี “ผงพิษผสม” จำนวนมาก ทว่าสายเกินไปเสียแล้ว เหล่าไท่ไท่ใช้มันเช็ดหน้าผากและแก้มของนาง ทันใดนั้นหลัวไป๋เส่าก็รีบลุกจากตั่งไปยกถังน้ำอย่างเร็วที่สุดเพื่อแก้ไขความผิดพลาดของตน “ท่านย่า เครื่องสำอางท่านเลอะหมดแล้วเ้าค่ะ รีบล้างหน้าเถิดนะเ้าคะ” นางรีบสาดน้ำใส่หน้าเหล่าไท่ไท่ทันที ทำให้เสื้อผ้าของเหล่าไท่ไท่เปียกชื้น จากนั้นหลัวไป๋เส่าก็กรีดร้องไม่หยุด
สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนในห้องได้ในทันที ไม่ว่าจะเป็หลัวไป๋เฉียน เฟิงจิ่วกู หยางมามา ฮวามามาและมามาคนอื่นต่างกรูเข้ามาจนตั่งยาวเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด
ขณะเดียวกันเหอตังกุยก็หยุดอาเจียนพลันเงยหน้าถามเนี่ยชุนและหนิงยวน “เพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่น พวกเราไปรักษาตรงนั้นได้หรือไม่เ้าคะ” กล่าวจบก็ะโลงจากตั่ง นำพวกเขาไปที่ห้องน้ำชา เฟิงหยางตัวปลอมที่คอยคุ้มกันหนิงยวนก็ติดตามไปด้วยเสมือนหางสัตว์
ด้านเหล่าไท่ไท่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง จู่ ๆ หลัวไป๋เส่าก็เบิกตากว้างพลางกรีดร้องไม่หยุด
ที่แท้ก่อนหลัวไป๋เส่าััยาพิษเตียวซานเย่าก็จะใช้แป้งจากผงมันสำปะหลัง ผงมะละกอและผงหวงเหลียนทามือเพื่อป้องกัน ทว่านางเผลอล้างแป้งออกด้วยความตื่นตระหนก ขณะหยิบยาแก้พิษบริเวณอกเสื้อก็จับโดนผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมสีขาวที่มี “ผงพิษผสม” ผืนนั้น เมื่อสะบัดผ้าเช็ดหน้า ขวดยาแก้พิษเต็มขวดก็ร่วงลงถังที่เต็มไปด้วยน้ำเกิดเสียงดัง “จ๋อม”
สิ่งที่เรียกว่า “ผงพิษผสม” นั้นหมายถึงการรวมกันของผงยาเตียวซานเย่า ผงยาทำให้เรอ ผงทำให้หาวและผงทำให้จาม เป็ของขวัญที่หลัวไป๋เส่าเตรียมให้เหอตังกุย ในบรรดาผงทั้งสี่ มีเพียงผงยาทำให้เรอเท่านั้นที่มียาแก้พิษ แต่สำหรับผงอีกสามชนิด...ไม่ว่าจะััผ่านิัหรือสูดเข้าโพรงจมูก ผลลัพธ์ก็เหมือนกันทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้น ผลของมันจะกำเริบสามชั่วยามเป็เวลาสี่วัน สิ่งที่ทำให้หลัวไป๋เส่าคลั่งคือยาแก้พิษสำหรับผงเรอซึ่งมีฤทธิ์ยาวนานที่สุดทั้งขวดตกถังน้ำสกปรกเสียแล้ว
“เสียวเส่า เ้าเป็อะไร?”
เหล่าไท่ไท่โมโหยิ่งนัก เหตุใดวันนี้ทุกคนจึงผิดปกติกันหมด ต่งซินหลันที่เคยอ่อนโยนกลับกลายเป็คนปากร้าย คุณชายเว่ยกอดหนูเสมือนสมบัติอันล้ำค่า คุณชายจูไม่ได้กินพุทราพิษและแกงรังนกแต่กลับถูกวางยาพิษ เสี่ยวอี้ปวดหัวและอาเจียน ตอนนี้เสียวเส่าก็เดือดดาลเหมือนคนบ้า แย่งผ้าเช็ดหน้าไปยังไม่พอ ยังสาดน้ำใส่หน้านางอีก ทั้งยังกรีดร้องสะบัดมือไปมาเช่นคนเสียสติ
หลัวไป๋เส่าไม่ทันเอ่ยตอบ ผงเตียวซานเย่าก็ออกฤทธิ์ เหล่าไท่ไท่เริ่มเกาใบหน้า ยิ่งเกาเท่าไร ใบหน้าก็ยิ่งแดงและคันมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งเหล่าไท่ไท่ก็ไม่ได้ทำงานมาหลายปี แม้แต่กินข้าวก็ยังมีคนป้อน นางจึงไว้เล็บยาวที่แข็งแรงและแวววาวทั้งสิบนิ้ว เกาเพียงไม่กี่ครั้งก็เกิดรอยแดงน่าหวาดกลัวบนแก้ม ทันใดนั้นหยางมามาก็เข้าใจก่อนรีบกดมือนางพลางเอ่ย “อย่าเกาเ้าค่ะ เหล่าไท่ไท่ได้รับพิษจากผงยาเตียวซานเย่า ห้ามใช้เล็บเกาเด็ดขาดเ้าค่ะ หากเป็แผลจะเสียโฉมนะเ้าคะ”
เหล่าไท่ไท่เบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจ “ข้าถูก...ผงยาเตียวซานเย่าหรือ? นี่มันผง...ฮ้าว...คันกระนั้นหรือ? จะเป็ไปได้อย่างไร ฮัดชิ่ว”
ขณะเดียวกันหลัวไป๋เส่าก็ทั้งหาวและจาม “ฮ้าว...ฮัดชิ่ว ฮือ ๆ ๆ ท่านยาย โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าเพียง...เอ่อ...ข้าเพียงเล่นกับพี่สามเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าท่านจะหยิบผ้าเช็ดหน้าไป...ฮ้าว...ข้าไม่รู้ว่าผงยาจะรุนแรงเช่นนี้ ทำอย่างไรดี? ข้าก็ถูกพิษเช่นกัน ฮัดชิ่ว”
ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นถูกทาด้วยยาพิษหรือ? เดิมทีต้องเป็เหอตังกุยที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น หนิงยวนขมวดคิ้วมองใบหน้านิ่งสงบของเหอตังกุยก่อนเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “นี่ เ้าไม่โกรธเลยหรือ?” เมื่อครู่สตรีชั่วร้ายผู้นั้นก็จะเข้ามาตบนาง แต่เหตุใดนางไม่หลบ? เด็กสามขวบผู้นั้นเคยผลักนางตกเขา เหตุใดนางไม่โกรธ? เหตุใดนางไม่ต่อสู้เพื่อตัวเอง? เหตุใดจึงนิ่งสงบราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น?
เวลานี้ “ผู้ถ่ายทอดลมปราณเจินชี่ทั้งสาม” ย้ายไปยังห้องน้ำชาเรียบร้อยแล้ว
เหอตังกุยไม่ตอบคำถามของหนิงยวนแต่กลับหันมองเนี่ยชุน “ท่านลุงเนี่ย ท่านเป็กังวลกับผีดิบตนนั้นใช่หรือไม่ ข้าเห็นท่านมองนอกหน้าต่างั้แ่ได้ยินเื่นี้” แม้แต่เสียงร้องของเหล่าไท่ไท่และหลัวไป๋เส่าก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเนี่ยชุนได้ซึ่งถือเป็สิ่งที่ทำได้ยากนัก เท่าที่เหอตังกุยรู้ เนี่ยชุนและหลัวตู้จ้งปู่ของนางเคยทำข้อตกลงกัน หนึ่งในข้อตกลงนั้นคือหากเขาอาศัยในตระกูลหลัวเป็เวลาสิบปี จะต้องช่วยแบ่งเบาความทุกข์ใจของเหล่าไท่ไท่เป็เวลาสิบปีเช่นกัน
เนี่ยชุนพยักหน้าเลื่อนลอย จิตใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หวังฟ่านถูกเกิ่งปิ่งซิ่วดูดเืด้วยเคล็ดวิชาเหมียวชื่อ...เขาไม่รู้ว่าเกิ่งปิ่งซิ่วยังรักษาตัวในถ้ำของป่าไผ่ขมหรือไม่ ควรจัดการเื่นี้อย่างไรดี? การสังหารเกิ่งปิ่งซิ่วที่ได้รับาเ็นั้นไม่ใช่เื่ยาก แต่เกิ่งปิ่งซิ่วเคยช่วยชีวิตเขา ทั้งยังเป็ผู้มีบุญคุณ... เขานึกถึงศิษย์พี่ร่วมสำนักที่เคยพาตนเดินทางในเส้นทางบนหุบเขาสองร้อยลี้เพื่อไปงานวัดในวัยเด็กและคำพูดของอาจารย์ก่อนตาย…แต่หากเขาพลาดโอกาสนี้ก็จะไม่มีโอกาสได้สังหารเกิ่งปิ่งซิ่วปีศาจแห่งอู่ฉูไฮ่อีก เพราะวรยุทธ์ของเขาเทียบวรยุทธ์ของเกิ่งปิ่งซิ่วไม่ได้แม้แต่นิด เขาควรคว้าโอกาสนี้ดีหรือไม่?
เฟิงหยางตัวปลอมเห็นว่าคุณชายของเขากำลังพูดคุยกับเหอตังกุยแต่กลับถูกนางเมินเฉย เขาจึงเข้าไปแก้ปัญหาความลำบากใจให้คุณชายโดยเอ่ยอย่างสุภาพ “องค์…เอ่อ...น้องหนิง เ้าอยากดื่มชาอะไร ข้าจะไปชงให้”
หนิงยวนโบกมือด้วยท่าทีรำคาญ “ไม่ดื่ม เ้าออกไปก่อน เอ่อ…เ้าไปพักก่อนเถอะ ข้าไม่อยากดื่มชา”
“หากไม่อยากดื่มชา เช่นนั้นน้องหนิงอยากกินอะไร ข้าจะขอให้พ่อครัวทำให้ เ้าป่วยเช่นนี้จะอดอาหารได้อย่างไร” เฟิงหยางตัวปลอมก้มหน้าก่อนจ้องเหอตังกุยพลางคิดในใจ “เดิมทีเ้านายของตนได้รับาเ็ภายใน ตนถ่ายทอดพลังลมปราณให้แต่อาการของเขาก็ยังไม่หายดี ทว่าสาวน้อยผู้นี้กลับทำท่าราวจะกินเขา หลังรักษาอาการป่วยของนางเมื่อวาน คุณชายก็อาเจียนเป็เื นอนพักฟื้นตลอดคืน วันนี้นางยังจับมือของคุณชายให้ถ่ายทอดลมปราณเจินชี่ไม่หยุดอีก”
หนิงยวนเห็นท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องของสาวน้อยผู้นั้นก็คิดว่านางคงเดาได้ว่าเฟิงหยางเป็ลูกน้องของเขาจากท่าทีที่เขาปฏิบัติต่อเฟิงหยาง หนิงยวนผลักเฟิงหยางตัวปลอมก่อนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าบอกว่าไม่อยากกิน หากเ้าอยากกินก็ไปกิน ไม่ต้องบอกข้า”
หนิงยวนไม่ยอมรับน้ำใจ ทว่าเฟิงหยางตัวปลอมไม่เพียงไม่โกรธ ซ้ำยังโค้งคำนับโดยไม่รู้ตัวก่อนถอยกลับไปที่มุมห้องแล้วนั่งลงเงียบ ๆ
เหอตังกุยรู้ว่าพวกเขาสองคนเป็นายบ่าว นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้นอกจากบ่าวรับใช้สองคนของเฟิงหยาง ก็ยังมีบ่าวรับใช้อีกคนที่เรียกหนิงยวนว่า “นายท่าน” แต่เมื่อพวกเขามาถึงจวนตระกูลหลัว เฟิงหยางก็ถูกแทนที่ด้วยอีกคน บ่าวรับใช้ของเฟิงหยางที่ชื่อเฟิงเหยียนและเฟิงอวี้ล้วนอยู่ที่นั่น แต่คนรับใช้ของหนิงยวนกลับหายตัวไป ที่แท้เขาก็ปลอมตัวเป็เฟิงหยางนี่เอง ไม่รู้ว่าเฟิงหยางตัวจริงหายตัวไปทำอะไร ส่งเพื่อนมาที่ตระกูลหลัวแต่เขากลับไม่ปรากฏตัว ทั้งยังทำใบหน้าปลอมให้เหมือนตัวเอง ช่างไม่สมเหตุสมผลเสียเลย เขา้าปกปิดอะไรบางอย่างเป็แน่
เหอตังกุยขมวดคิ้วพลางส่ายศีรษะ เท่าที่นางรู้ แม้จะมีหลายคนที่เชี่ยวชาญทักษะการปลอมตัว...นางก็นับเป็หนึ่งในนั้น ทว่ามีเพียงไป๋หยางไป่เท่านั้นที่สามารถเลียนแบบใบหน้าจริงและสร้างผิวปลอมให้คล้ายกันได้อย่างยอดเยี่ยมและมหัศจรรย์ แม้หนิงยวน้าปลอมเป็ลู่เจียงเป่ยแต่ก็สามารถสร้างความคล้ายคลึงของใบหน้าได้เพียงครึ่งเดียว ตอนนี้มีความเป็ไปได้สามประการ ประการแรก มีอีกคนที่เชี่ยวชาญทักษะปลอมตัวพอ ๆ กับไป๋หยางไป่และมีส่วนช่วยพวกเขาทำหน้าปลอมของเฟิงหยาง ประการที่สอง หนิงยวนและเฟิงหยางรู้จักไป๋หยางไป่และขอร้องให้เขาสร้างหน้าปลอม ข้อนี้เป็ไปได้มากที่สุดเพราะไป๋หยางไป่ปรากฏตัวที่เมืองตู้เอ๋อร์เมื่อไม่กี่วันก่อน หากตอนนี้เขามาที่เมืองหยางโจวก็ไม่น่าแปลกใจ ประการที่สาม...ใบหน้าของเฟิงหยางตัวจริงก็เป็ของปลอมเช่นกัน เพียงถอดมันออกแล้วมอบให้เฟิงหยางตัวปลอม หากเป็เช่นนี้พวกเขาไม่จำเป็ต้องสร้างใบหน้าใหม่ด้วยซ้ำ
หนิงยวนไม่สบายใจเล็กน้อยพลางจ้องมองสาวน้อยที่กำลังครุ่นคิดบางอย่างก่อนเอ่ยอย่างไม่พอใจ “นี่ เ้าคิดอะไรอยู่? ข้าถามเ้าอยู่นะ”
เหอตังกุยยังคงไม่สนใจอีกฝ่ายพลางหันไปยิ้มให้เนี่ยชุนก่อนเอ่ย “ท่านลุงเนี่ย ในเมื่อท่านเป็ห่วงผีดิบตัวนั้น ข้าก็ไม่อยากทำให้ท่านต้องเสียเวลามากกว่านี้...พวกเราค่อยทำต่อวันอื่นเถิดเ้าค่ะ” ตอนนี้ด้านเหล่าไท่ไท่ก็เสียงดังวุ่นวายประหนึ่งตลาดผัก ส่งผลให้พวกเขาไม่มีสมาธิถ่ายทอดลมปราณ แม้พวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงโวยวายนั้น แต่ที่นี่ก็มีคนมากมาย ทางที่ดีควรหยุดชั่วคราวก่อน วันนี้ติดค้างไว้เท่านี้ วันหน้าค่อยทำต่อ เหอตังกุยคิดเช่นนี้ในใจ
เนี่ยชุนยังคงพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย ก่อนถอนมือพลางปรับลมหายใจ เขารู้แล้วว่าเกิ่งปิ่งซิ่วไม่ใช่ศิษย์พี่ในตอนนั้นของเขาอีกต่อไป ฆาตกรต้องรับผิดชอบสิ่งที่ก่อ ดังนั้นเนี่ยชุนจึงตัดสินใจจะล้างแค้นให้การตายของหวังฟ่าน
เหอตังกุยกังวลว่าครั้งต่อไปจะหาตัวเขาได้ยากจึงนัดหมายล่วงหน้า “หลังจากนี้สิบวัน ข้าจะรอท่านนอกป่าไผ่ขมตอนเที่ยงวันนะเ้าคะ”
“ป่าไผ่ขม?” เนี่ยชุนได้สติกลับมาทันที
“เ้าค่ะ” เหอตังกุยพยักหน้า “ข้าเคยได้ยินว่าขณะถ่ายทอดลมปราณเจินชี่ บรรยากาศจำเป็ต้องเงียบสงบ มิเช่นนั้นจะไม่เพียงส่งผลต่อคุณภาพของลมปราณเจินชี่ ซ้ำยังเสี่ยงอันตรายต่อผู้ถ่ายทอดลมปราณอีกด้วย สถานที่ที่เงียบที่สุดในจวนตระกูลหลัวคือป่าไผ่ขม จึงเหมาะจะไปที่นั่น” นางกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “เมื่อคืนมีอีกาตายนอกป่าไผ่ขม วันนี้หวังฟ่านที่เคยช่วยดับไฟในป่าไผ่ขมก็ตายอย่างอนาถ ดูเหมือนป่าไผ่ขมแห่งนั้นจะเป็สถานที่อันตรายยิ่งนัก ยามปกติข้าคงไม่กล้าไปที่นั่น แต่หากมียอดฝีมือสองคนอยู่เป็เพื่อน ความกล้าของข้าก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า ท่านลุงเนี่ยคิดเห็นอย่างไรเ้าคะ?”
“แล้วแต่เ้าเถอะ” เนี่ยชุนยืนขึ้นพร้อมเขย่าเสื้อผ้า ก่อนผลักหน้าต่างพลันะโหนีไป
หลังจากเนี่ยชุนออกไปไกลแล้ว หนิงยวนก็จ้องเหอตังกุยพลางเอ่ย “ฮึ ‘มียอดฝีมือสองคนอยู่เป็เพื่อน’ หมายความว่าอย่างไร ข้าไม่ได้รับปากจะไปป่าไผ่ขมกับเ้าเสียหน่อย ข้าไม่ไป ชายชุดแดงผู้นั้นชื่ออะไร? เป็ใครในตระกูลหลัว เขาเป็คนในยุทธภพเช่นกันหรือ? อยู่ในพรรคฉีหยางกงของพวกเ้าหรือไม่?”
เหอตังกุยเกาคางอย่างเกียจคร้าน “ข้าได้ยินว่านักพรตไป๋หยางไป่มาที่หยางโจว คุณชายหนิง พวกเ้าสองนายบ่าวเคยเจอเขาหรือไม่?”
“เ้า...เ้าว่าอะไร?” หนิงยวนและเฟิงหยางตัวปลอมดีดตัวลุกจากที่นั่งทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้