ิัและกล้ามเนื้อทุกอณูของหลินหยางกำลังสั่นไหวเบาๆ อยู่ภายใต้ก้อนพลังงานสีแดงที่ห่อหุ้มอยู่ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทั้งแสบทั้งร้อนเ็ปราวกับถูกไฟเผา แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็ผลดีกับร่างกายอย่างมหาศาล
นี่คือข้อดีของร่างสถิตภูตอัคคีไม่จำเป็ต้องกินยาเข้าไป แต่ใช้วิธีดูดกลืนพลังงานธาตุไฟจากโอสถเข้าสู่ร่างกายโดยตรงทำให้ได้รับประโยชน์จากยาอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อเทียบกับวิธีการกินแล้วผลลัพธ์ที่ได้นั้นต่างกันหลายสิบเท่า
ยาเพลิงเมฆาหนึ่งเม็ด สามารถเพิ่มพลังให้กับหลินหยางได้ประมาณสามสิบกว่าจินใช้แค่สามเม็ดก็สามารถเพิ่งพลังได้มากถึงสี่ร้อยจินแต่สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้สามารถรับยาได้สูงสุดเพียงแค่สองเม็ดต่อวันเท่านั้น่เวลาสามวัน นอกจากเวลาที่ถูกใช้ไปกับการฝึกฝนวิชาพลังเทพอัคคีแล้ว เวลาที่เหลือสำหรับหลินหยางนั้นล้วนมีค่าทั้งสิ้น
หลินหยางพยายามอดทนต่อความเ็ปดุจไฟเผาที่เกิดขึ้นไม่มีความคิดที่จะหนีเลยแม้แต่น้อย ต่อให้ร่างกายเขาจะเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ไหลหลั่งออกมาเป็จำนวนมากในเวลาสั้นๆแต่ความเ็ปเพียงแค่นี้ เมื่อเทียบกับความแค้นที่เขามีแล้วความเ็ปนี่มันกลายเป็เื่เล็กๆ ไปเลย
ลูกผู้ดีอย่างเวินโฮ่วนั้นไม่อยู่ในสายตาของหลินหยางเลยแม้แต่น้อยทุกสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้ ทั้งหมดมีไว้เพื่อทำให้ไอ้โฉดชั่วจอมเ้าเล่ห์อย่างเฉินเฉาเกอต้องสยบอยู่แทบเท้าของเขา
เข้ามาเลยความเ็ปทั้งหลาย จงเข้ามาให้มากกว่านี้อีก!
..................................
่เวลาสามวันผ่านไปราวกับพลิกหน้ากระดาษ
หลินหยางปิดตัวเองอยู่แต่ในห้องนอกจากเวินชิงชิงที่แอบแวบเข้ามาดูด้วยความเป็ห่วงแล้ว คนอื่นๆ ต่างก็คิดว่าหลินหยางหวาดกลัวมากจนขังตัวเองอยู่แต่ในห้องก่อนหน้านี้ที่ทำเป็เก่งก็แค่อวดดีไปอย่างนั้น
ไม่มีใครคิดเลยว่าเด็กอายุแค่สิบกว่าขวบอย่างหลินหยางจะมีโอกาสชนะจอมยุทธ์ระดับชุ่ยถี่ขั้นกลางอย่างเวินโฮ่วได้
ในคืนก่อนวันประลองนั้นเองณ บริเวณระเบียงของห้องๆ หนึ่งในภัตตาคาร ‘หอดึงดาว’เวินโฮ่วกำลังดื่มสุราชั้นดีอย่างสะใจและประสานมือทำท่าคารวะให้กับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของตน
“ฮ่าฮ่าฮ่า สหายโอวหยาง ท่านวางใจเถอะ ข้ารับปากแล้วว่าข้าจะดูแลน้องสาวเป็อย่างดีไม่มีทางเกิดเื่อะไรขึ้นหรอกพรุ่งนี้ข้าจะอัดเ้าเด็กนั่นให้เละต่อหน้าฝูงชนเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!”
คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเวินโฮ่ว คือคุณชายรูปงามผู้หนึ่งที่มีผมยาวสลวยมีคิ้วที่เรียวยาว ริมฝีปากบาง รอบตัวเขามีบรรยากาศที่ดูพิเศษไม่เหมือนใคร ดูอิสระเสรีไม่ยึดติดกับสิ่งใด ดูสูงสง่ากว่าเวินโฮ่วไม่ต่ำกว่าหนึ่งขั้นโดยเฉพาะรอยยิ้มที่ประดับอยู่ตรงมุมปากนั้นราวกับว่าสามารถสยบโลกทั้งใบให้ตกอยู่ภายใต้กำมือของเขาได้
ชายหนุ่มผมยาวมองดูเวินโฮ่วที่เริ่มมีสีแดงอ่อนๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันเป็ผลมาจากฤทธิ์ของสุรา เขายิ้มบางๆ พลางยกไหเหล้าขึ้นรินใส่จอกเหล้าของเวินโฮ่วจนเต็มแล้วส่งให้เวินโฮ่วดื่มอีกครั้ง“สหายเวินท่านเกรงใจไปแล้ว อย่างไรพรุ่งนี้ท่านก็ปรานีเขาคนนั้นหน่อยแล้วกันอย่าทำร้ายเขาหนักเกินไปละ ข้าเกรงว่าน้องชิงชิงจะทนดูไม่ไหว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! สหายโอวหยางท่านช่างจิตใจดีมีเมตตายิ่งนัก รู้จักเป็ห่วงผู้อื่นด้วยน้องเขยอย่างท่าน ข้าขอจองไว้เลย!” เวินโฮ่วดื่มสุราชั้นดีในจอกเหล้าเข้าไปโดยที่เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นแววตาเย็นะเืบนใบหน้าของคุณชายโอวหยางเลย
..................................
ในขณะเดียวกันภายในเรือนไม้นั้น หลินหยางค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วถอนหายใจยาวเหยียดออกมา
“พลังเทพอัคคีฝึกจนสำเร็จถึงขั้นเริ่มต้นแล้ว เวลากำลังดีเลย!”
เขาค่อยๆ พยุงตัวขึ้นยืนจากนั้นก็ค่อยรีดเร้นพลังออกมาภายใต้ท้องฟ้ายามวิกาลสีดำมืด แล้วก็ชกออกทันทีภายในเรือนไม้เล็กๆ นั้นพลันปรากฏเสียงดังสนั่นราวสายฟ้าฟาดขึ้น ฟังจากเสียงก็สามารถรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่อยู่เหนือระดับชุ่ยถี่ขั้นต้นไปไกลโขแล้ว
“อืมไม่เลวเลย!”
มุมปากของหลินหยางปรากฏรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจขึ้นเขาเปลี่ยนเสื้อที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อออก จากนั้นก็เอนตัวลงนอนบนเตียง
คนส่วนใหญ่คงคิดกันไปแล้วว่าเด็กหนุ่มที่ดูฉลาดหลักแหลม และฝีปากกล้าอย่างหลินหยาง อย่างไรก็คงไม่มีทางรอดพ้นจากอุปสรรคที่รอเขาอยู่ในวันพรุ่งนี้ไปได้แน่แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ตัวหลินหยางเองกลับไม่ได้ใส่ใจเื่ที่เขาต้องประลองกับเวินโฮ่วเลยภายในหัวเขาตอนนี้กำลังคิดว่า
ตระกูลเวินนี่เป็ตระกูลเก่าที่สืบทอดวิชาหลอมยามายาวนาน...ข้าใช้วิชาหลอมยาแทรกซึมเข้าไปได้
วิชาหลอมยาอย่างนั้นหรือ...
บนใบหน้าหลินหยางปรากฏรอยยิ้มที่เป็ธรรมชาติขึ้น
..................................
วันต่อมาวันที่มีการประลองตามที่นัดหมายไว้ก็ได้มาถึงแล้ว
เวินโฮ่วมาถึงเรือนไม้ที่หลินหยางอาศัยอยู่ั้แ่เช้าเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่า หลินหยางกำลังนั่งรออยู่บนเตียงด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็น ไม่มีท่าทีที่แสดงถึงความหวาดกลัวใดๆปรากฏให้เห็นเลย
เวินชิงชิงดูไม่ออกว่าตอนนี้หลินหยางมีระดับพลังอยู่มากแค่ไหนแล้วภายในใจจึงเต็มไปด้วยความกังวล ซึ่งคนที่พาหลินหยางกลับมาที่คฤหาสน์แห่งนี้ก็คือตัวนางเองดังนั้นเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะมากจะน้อยนางก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบอยู่เหมือนกันถ้าหลินหยางาเ็สาหัสขึ้นมา นางเองก็จะรู้สึกไม่ดีไปด้วย
ดังนั้น ตัวนางในตอนนี้จึงไม่มีท่าทีหยิ่งยโสเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้วอีกทั้งยังแสดงความเป็ห่วงกับหลินหยางด้วย “หลินอี้เ้า...เตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”
หลินหยางลืมตาขึ้นยิ้มตอบไปว่า “เื่แค่นี้เอง กับคนอย่างพี่ชายท่านน่ะ ไม่จำเป็ต้องเตรียมตัวหรอก”
เอาอีกแล้ว!
เวินชิงชิงไม่ชอบท่าทางที่ดูไม่สนโลกแบบนี้ของหลินหยางที่สุด
เวินโฮ่วเป็ถึงยอดฝีมือระดับชุ่ยถี่ขั้นกลางเชียวนะพลังกายกว่าเจ็ดร้อยจินก็มากพอที่จะบดขยี้หลินหยางทิ้งได้ง่ายๆ อยู่แล้วแต่เ้าเด็กนี่มันกลับชอบแสดงท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจอะไรเลยแบบนี้
“เ้าอย่าอวดเก่งไปหน่อยเลย” เวินชิงชิงโมโหจนแก้มพอง “คราวนี้เวินโฮ่วมันไม่ปรานีเ้าแน่เดี๋ยวถ้าเ้าต้านไว้ไม่ไหวแล้วก็ให้วิ่งมาทางข้านะ ข้าจะปกป้องเ้าเอง อย่างมากเ้าก็แค่ออกไปจากคฤหาสน์นี่ก่อนรอท่านพ่อกลับมาเดี๋ยวข้าค่อยไปพาเ้ากลับมาก็ได้!”
หืม?
หลินหยางแอบดีใจคุณหนูนี่นิสัยไม่เลวเลย จิตใจก็ดีใช้ได้
แต่นี่ดูถูกความสามารถของเขาเกินไปหรือเปล่า
แต่เขาก็ยังคงยิ้มสบายๆไม่อธิบายอะไรเพิ่มอีก อีกเดี๋ยวค่อยใช้พลังแสดงให้เห็นเลยแล้วกัน
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเดินดังขึ้นมาจากภายนอกและตามมาด้วยเสียงะโของเวินโฮ่วที่ดังทะลุกำแพงเข้ามา “เด็กน้อยได้เวลาแล้ว ออกมารับความตายซะดีๆ!”
“เวลาที่นัดไว้คือตอนบ่ายไม่ใช่หรืออย่างไรทำไมมันถึงมาเช้าขนาดนี้” เวินชิงชิงลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าโกรธเคือง
“ฮ่าฮ่าคงกลัวว่าข้าจะหนีไปแล้ว หรือไม่ก็อยากจะจัดการข้าจนทนไม่ไหวแล้ว” กลับกลายเป็หลินหยางที่ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง ไม่ได้สนใจเื่นี้เลย “ไปเถอะ รีบประลองให้เสร็จ เื่จะได้จบเร็วๆ”
เวินชิงชิงถึงกับพูดไม่ออกอีกครั้งนางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าหลินหยางไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
เมื่อเปิดประตูออกหลินหยางก็ก้าวออกมา
ภายในสวนที่อยู่นอกบ้านนั้นมีคนยืนเกาะกลุ่มอยู่ประมาณสิบกว่าคน นอกจากเวินโฮ่วแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็ข้ารับใช้ของตระกูลเวินนอกจากนี้ยังมีเหล่าจอมยุทธ์ที่มีรูปร่างแข็งแรงอยู่ด้วยโดยหนึ่งในนั้นเป็คนที่มีรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน แววตาคมกริบดุจใบมีด ขมับกว้างสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเป็ผลลัพธ์ที่ได้มาจากการฝึกฝนอย่างหนัก
“ชุ่ยถี่ขั้นท้ายหรือ...”หลินหยางกระตุ้นพลังเนตรเพลิงสุพรรณขึ้น มองเห็นระดับพลังของคนผู้นั้นก็ต้องลอบตื่นตระหนก “นี่คงเป็ยอดฝีมือที่ตระกูลเวินเลี้ยงไว้สินะ”
เวินชิงชิงเองก็มองเห็นคนผู้นั้นด้วยเช่นกันจึงถามด้วยความสงสัยว่า “อาจารย์หวัง ท่านก็มาด้วยหรือ?”
อาจารย์หวังผู้นี้คือหนึ่งในผู้ฝึกสอนวรยุทธ์ของตระกูลเวินพละกำลังของผู้ที่อยู่ระดับชุ่ยถี่ขั้นท้ายจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งพันสองร้อยจินความสามารถอยู่ในระดับเดียวกับเหล่าที่ปรึกษานอกผู้าุโของตระกูลเวินเมื่อคนผู้นั้นได้ยินคำถามของเวินชิงชิงจึงยิ้มเรียบๆ ตอบกลับมาว่า “คุณชายสามให้ข้าน้อยมาเป็ประจักษ์พยานขอรับคุณหนูโปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการประลองในครั้งนี้แน่นอน”
หึ!
เวินชิงชิงกระแทกเสียงใส่หนึ่งทีแล้วก็ไม่พูดจาอีก
เวินโฮ่วคันไม้คันมืออยากจัดการกับหลินหยางมานานแล้วพอเห็นหลินหยางเดินออกมาเขาก็อยากที่จะพุ่งเข้าไปหักจมูกของหลินหยางเสียเดี๋ยวนั้นเลย
เขากล่าวด้วยรอยยิ้มเ็า“เป็อย่างไรบ้างเ้าหนู เวลาสามวันที่ผ่านมาเตรียมตัวรับเท้าของข้าหรือยัง? ข้ายังให้โอกาสเ้าได้อีกครั้งนะแค่เ้าคุกเข่าลงไปกราบที่เท้าข้าดีๆ สักสามครั้งหลังจากนั้นก็มุดออกไปจากที่นี่ผ่านช่องหมาเดิน ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายเ้า ตกลงไหม?”
ฮ่าฮ่าฮ่า!
เหล่าลูกสมุนที่อยู่ล้อมรอบเวินโฮ่วต่างพากันหัวเราะชอบใจในสายตาของพวกมัน การประลองในครั้งนี้ก็เหมือนกับการเล่นสนุกของนายน้อยของพวกมันเท่านั้นหลินหยางก็แค่ลูกไก่ในกำมือ ไม่มีทางรอดไปได้
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือหลินหยางมองดูท่าทางอวดดีของกลุ่มคนเ่าั้ด้วยสีหน้าเ็าจากนั้นก็เอ่ยคำพูดออกมาเบาๆ ว่า “ยังไม่ถึงเวลา ตอนบ่ายค่อยมาใหม่”
กล่าวจบก็หันหลังกลับเข้าไปในเรือนไม้ทันที
แม่มันสิ!
มีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรือ!
เวินโฮ่วรู้สึกเหมือนกับว่าความคึกคะนองของเขามันหายไปในอากาศหมดแล้ว เขาโมโหจนกระทืบเท้าลงพื้นตะคอกด้วยเสียงอันดังว่า “หยุดนะ เ้าเด็กเวร จะตอนเช้าหรือตอนบ่ายผลมันก็เหมือนกันเ้าอย่าคิดที่จะถ่วงเวลากับข้านะ!”
หลินหยางส่ายหัวพลางยิ้มอ่อนๆ“จะประลองก่อนเวลาก็ได้ เพิ่มยาเพลิงเมฆามาอีกร้อยเม็ด”
เ้าเด็กเวร!!
เวินโฮ่วจะกระอักเือยู่แล้ว
แม้แต่เวินชิงชิงเองก็ยังตาเหลือก
เ้าเด็กนี่มันทาสเงินชัดๆไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เคยลืมคิดที่จะตักตวงผลประโยชน์ไว้เลย
“เ้า...บัง! อาจ!”
เวินโฮ่วเพิ่งเคยรู้สึกหัวหมุนกับการรังแกคนเป็ครั้งแรกเขากัดฟันปลดเอาถุงผ้าไหมที่ผูกอยู่ตรงเอวออกมา มันคืออุปกรณ์ที่ใช้จัดเก็บสัมภาระของโลกใบนี้- กระเป๋าฟ้าดิน เขาขว้างมันลงต่อหน้าหลินหยาง
“ข้างในมียาเพลิงเมฆาอยู่สองร้อยเม็ดตั๋วเงินห้าพันเหลี่ยง ข้าโยนไว้ตรงนี้แล้ว ถ้าแน่จริงก็เข้ามาเอาอย่างนี้คงเริ่มได้แล้วใช่หรือไม่!”
“อืม ก็พอได้อยู่”หลินหยางค่อยๆ หันกลับมาแล้วเดินเข้าหาเวินโฮ่วที่ตอนนี้โมโหจนใกล้จะะเิแล้ว “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าลีลาเลยจะประลองก็ประลอง รีบๆ เริ่มได้แล้ว พูดอะไรเยอะแยะมากความ เสียเวลาจริงๆ”
แม่มันเอ๊ยใครกันแน่ที่ทำให้เสียเวลา
“ไอ้เด็กเวรนี่ข้าจะฉีกปากเน่าๆ ของเ้าทิ้งซะ!!”
ในที่สุดเวินโฮ่วก็สามารถเริ่มประลองได้แล้วความโกรธที่เขาอัดอั้นไว้มานานหลายวัน ได้เวลาปลดปล่อยออกมาเสียทีคราวนี้ตัวเขาพุ่งเข้าหาหลินหยางอย่างดุดันราวกับหมาป่าที่กำลังหิวโหย
ท่าร่างดูปราดเปรียวพละกำลังบนฝ่ามือก็สูงมากจนน่าใ พละกำลังกว่าเจ็ดร้อยจินของจอมยุทธ์ระดับชุ่ยถี่ขั้นกลางกำลังจะะเิออกมาแล้วเสียงแหวกอากาศดังกระหึ่ม หมัดที่กำลังแหวกฝ่าอากาศอยู่นั้นดูคล้ายกับค้อนเหล็กกล้าที่กำลังจะฟาดเข้าใส่ใบหน้าของหลินหยางอย่างโเี้
นี่คือโชว์ที่จะแสดงการทำลายใบหน้าของหลินหยาง
“นายน้อยสู้สู้!”
พอเวินโฮ่วลงมือเหล่าลูกสมุนก็เริ่มส่งเสียงเชียร์ทันที
แม้แต่อาจารย์หวังที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนผู้นั้นตอนนี้ก็กำลังผงกหัวพลางมองดูเวินโฮ่วด้วยสีหน้าปลื้มปีติ คนที่สอนวรยุทธ์ให้เวินโฮ่วก็คือเขาเองความสามารถที่เวินโฮ่วแสดงออกมาให้เห็นนั้น ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังเลยแม้แต่น้อย
เพียงแต่ว่าเสียงเชียร์ทั้งสนามดังได้ไม่ถึงหนึ่งวินาที ก็ได้ยินเสียงดังตึงหลังจากนั้นผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นก็ต้องยืนอึ้งไปตามๆ กัน
เวินโฮ่วถูกซัดจนกระเด็นกลับมาแล้ว
แถมยังกระเด็นกลับมาด้วยท่าทางสุดแสนอุบาทว์โดยถูกหลินหยางอัดเข้าที่กลางใบหน้าอย่างจังเพียงหมัดเดียว
เหมือนจะได้ยินเสียงดั้งจมูกของเวินโฮ่วหักด้วยหลังจากนั้นก็มีทั้งเืสีแดงสด น้ำมูกสีขาว รวมไปถึงน้ำตาสีใสไหลออกมารวมกันราวกับเปิดโรงย้อมสีบนใบหน้าของเวินโฮ่ว คุณชายสามแห่งตระกูลเวินผู้สูงส่งคนนั้นประลองกับหลินหยางยังไม่ทันถึงหนึ่งกระบวนท่าก็ต้องลงไปนอนกองบนพื้นเหมือนกับหนอนน้อยน่าสงสาร
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!”
หลังจากนั้นสักพักเวินโฮ่วก็ะโเสียงดังลั่นเหมือนเสียงหมูที่โดนเชือดผู้คนในบริเวณนั้นถึงรู้สึกตัว รีบเข้าไปหามเขาออกมา
“นายน้อยนายน้อย ท่านเป็อะไรไหม!!”
กลุ่มคนเ่าั้รีบพยุงตัวเวินโฮ่วขึ้นใบหน้าที่เคยดูมีสง่าราศีนั่น ตอนนี้เละเทะจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม เ็ปจนร้องออกมาไม่เป็ภาษาที่พอจะฟังได้ พอจะจับเป็คำได้ประมาณว่า “อาจารย์ อาจารย์หวัง... แก้แก้แค้น...ฆ่า ฆ่ามัน!”