หลินหยางมองดูเวินโฮ่วด้วยสายตาเ็าพลังเทพอัคคีที่พลุ่งพล่าน อยู่ภายในตัวเขาค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ
สีหน้าเขายังคงเรียบเฉยราวกับว่าเมื่อครู่เขาเพียงแค่เตะหมาจรจัดทิ้งไปตัวหนึ่งเท่านั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเลย ถุงฟ้าดินที่วางอยู่บนพื้นยังดูน่าสนใจกว่าอีก
โอสถเพลิงเมฆาสองร้อยเม็ด...มากพอที่จะใช้ฝึกฝนได้ระยะหนึ่งเลย และยังมีตั๋วเงินอีกห้าพันเหลี่ยงซึ่งมันก็มากพอให้เขาไปซื้อวัตถุดิบสำคัญเพื่อใช้ในแผนการที่เขาวางเอาไว้หลังจากนี้อีกด้วย
แต่ในขณะที่เขากำลังก้มลงไปหมายจะเก็บถุงฟ้าดินอยู่นั้นก็มีขาข้างหนึ่งจงใจเหยียบลงไปบนถุงนั่น
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับใบหน้าอันมืดมนของครูฝึกหวังนั่น
“เ้าหนูเ้ากล้าลงมือทำร้ายคุณชายตระกูลเวินขนาดนี้ เ้ารู้หรือไม่ว่า คำว่าตายสะกดอย่างไร?”
สีหน้าของหลินหยางแข็งทื่อขึ้นมาทันทีแววตาคมกริบราวกับใบมีด จ้องมองเข้าไปในจิตใจของครูฝึกนั่นตรงๆ “ปล่อยซะ!”
แค่คำพูดเพียงสองคำแต่มันกลับเต็มไปด้วยพลังอันลี้ลับ กดดันจนครูฝึกหวังเผลอปล่อยเขาไปหลินหยางสามารถหยิบถุงนั่นขึ้นมาอยู่ในมือได้แล้ว จากนั้นจึงปัดๆ รอยเท้าที่อยู่บนถุงออก
“ถุงคุณภาพดีขนาดนี้เสียดายจริงๆ ที่มันต้องมาเปื้อนรอยเท้าหมาแบบนี้...”
“นี่เ้าพูดว่าอะไรนะ!!”ครูฝึกหวังเดิมทีก็กำลังอารมณ์ร้อนได้ที่อยู่แล้วเจออย่างนี้เข้าไปก็เดือดขึ้นมาทันที เขายกมือกำหมัดขึ้นเตรียมจะซัดเข้าใส่หลินหยางเพื่อแก้แค้นให้เวินโฮ่ว แต่มีเงาร่างสายหนึ่งเข้ามาแทรกไว้ก่อน
เวินชิงชิงตวาดด้วยเสียงแหลมสูง“อาจารย์หวัง ท่านพูดอะไรเอาไว้ท่านลืมไปแล้วหรืออย่างไร!”
“คุณหนู...”
ครูฝึกหวังสุดท้ายก็เป็คนที่อยู่ชนชั้นต่ำกว่าอยู่ต่อหน้าเวินชิงชิงก็ไม่กล้าหืออืออะไรอีก เขาก้มหัวลงพลางกล่าวว่า “ข้าน้อยผิดเองคุณหนูโปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย!”
“หึ หลินอี้พวกเราไปกันเถอะ”
อันที่จริงเวินชิงชิงในตอนนี้อารมณ์ดีมากถึงนางจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าหลินหยางเอาชนะมาได้อย่างไร แต่การที่สามารถจัดการเ้าคนน่ารังเกียจอย่างเวินโฮ่วได้นับเป็เื่ที่น่ายินดีเื่หนึ่งเลย นางพาทั้งอวิ๋นเอ๋อร์และหลินหยางกลับไปยังสวนของนางเอง
ลูกสมุนที่เหลือกำลังวุ่นวายอยู่กับการดูแลรักษาเวินโฮ่วแต่ละคนมีท่าทางเหมือนกับไก่ชนที่เพิ่งแพ้ศึกมา ดูห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง
“นายน้อย!”ครูฝึกหวังเดินแหวกกลุ่มลูกสมุนเข้าไป “พวกเ้าหลีกไปข้าจะทำแผลให้นายน้อย”
พูดจบก็หยิบเอาขวดยารักษาาแชั้นดีออกมาใช้เพื่อห้ามเืและบรรเทาอาการปวดแต่ถึงอย่างไร จมูกของเวินโฮ่วก็ถูกขยี้จนแหลกเละอย่างสิ้นเชิงจากนี้ไปมันจะฟื้นฟูจนกลับมาเป็เหมือนเดิมได้หรือไม่นั้น คงยากที่จะตอบได้
“อาจารย์หวังข้าอยากให้เ้าเด็กนั่นตาย!!” เวินโฮ่วกำหมัดแน่นอย่างเอาเป็เอาตาย
“ขอรับนายน้อย ท่านวางใจเถิด ข้าจะคอยติดตามเ้าหนูนั่นตลอดเวลา เมื่อโอกาสมาถึงข้าจะเด็ดหัวมันมาให้ท่านเอง” ครูฝึกหวังประกาศคำสาบานสุดโเี้ไว้แล้ว!
..................................
ตัดกลับไปที่คฤหาสน์รอยยิ้มของหลินหยางในตอนนี้เริ่มมีกลิ่นอายที่ทั้งสูงส่งและลึกลับยากจะเข้าใจแฝงอยู่ด้วย
สายตาที่เวินชิงชิงและอวิ๋นเอ๋อร์มองดูหลินหยางนั้นเปลี่ยนไปแล้ว
“เ้านี่นะถึงกับแกล้งเป็หมูเพื่อกินเสือเลยหรือ!” ในที่สุดเวินชิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม“ขนาดเวินโฮ่วยังถูกจัดการลงในหนึ่งกระบวนท่าตกลงแล้วเ้ามีความสามารถมากแค่ไหนกัน?”
“แค่ดวงดีเท่านั้น”หลินหยางทำท่าทางเหยาะแหยะแบบเดิมอีกแล้ว
ที่เขาสามารถชนะการประลองในครั้งนี้ได้ในหนึ่งกระบวนท่านั้นเป็เพราะว่าเขามียอดวิชาสุดมหัศจรรย์อย่างพลังเทพอัคคีอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น หลินหยางยังอาศัยความประมาทของเวินโฮ่วและจังหวะออกกระบวนท่าที่เหมาะสมด้วย
หากไม่มีปัจจัยเหล่านี้ด้วยพลังระดับชุ่ยถี่ขั้นต้นอย่างเขา ต่อให้มีไพ่ตายที่สุดยอดแค่ไหนก็คงจะเอาชนะไม่ได้ง่ายๆ แบบนี้หรอก
“เชอะไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก” เวินชิงชิงจ้องมองหลินหยางด้วยสายตาหงุดหงิด“แค่เ้าชนะเวินโฮ่วได้แค่นี้ ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย ในเมืองอวิ๋นเฉิงยังมีคนที่เก่งกว่าเ้าอยู่อีกเยอะ”
ไม่รู้ว่าเวินชิงชิงเป็อะไรถึงนางจะไม่ชอบท่าทีที่หลินหยางแสดงออกมา แต่นางที่เป็ถึงลูกคุณหนูของตระกูลผู้ดีอันใหญ่โตนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยาง กลับรู้สึกว่านางเป็เพียงคนธรรมดาเท่านั้น
อีกฝ่ายมีบรรยากาศที่ดูเหนือธรรมชาติอยู่รอบตัวให้ความรู้สึกสูงค่ากว่าตัวนางมากนัก
แต่คำพูดของเวินชิงชิงก็ไปสะกิดความคิดของหลินหยางเข้า
ใช่แล้วฝีมือระดับเวินโฮ่วนั้น เทียบกับเหล่าหนุ่มสาวที่อยู่ในเมืองอวิ๋นเฉิงด้วยกันแล้วระดับความสามารถอย่างมากที่สุดก็อยู่แค่ระดับกลางเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงใครอื่นแค่ไอ้ชาติชั่วอย่างเฉินเฉาเกอนั่น ทั้งที่มีอายุเท่ากับหลินหยาง แต่กลับมีความสามารถระดับชุ่ยถี่ขั้นท้ายไปนานแล้วแค่ก้าวเดียวก็สามารถขึ้นไปสู่ระดับเซียนเทียนได้แล้ว
เหนือกว่าเฉินเฉาเกอก็ยังมีสี่ัน้อยแห่งเมืองอวิ๋นเฉิงในตำนานแต่ละคนล้วนแข็งแกร่งกว่าเฉินเฉาเกอหลายเท่า!
ไม่รู้ว่า ไอ้เลวนั่นพออยู่ในราชสำนักจะได้รับโอกาสดีๆอะไรเพิ่มขึ้นอีกบ้าง...
หลินหยางเก็บความคิดนั้นเอาไว้ตอนนี้เขาสามารถอาศัยอยู่ในตระกูลเวินได้แล้วแต่นี่ก็ยังเป็แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนี้เขายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำเพื่อสร้างฐานะในตระกูลให้กับตัวเองให้ได้
เขาค่อยๆ หยิบเอาขวดเล็กๆสองขวดจากถุงฟ้าดินออกมา ข้างในขวดบรรจุไว้ด้วยยาเพลิงเมฆาสี่สิบเม็ดเขาเอามันวางไว้ที่ด้านหน้าของเวินชิงชิง
สาวน้อยคิ้วขมวดเป็ปม “หลินอี้นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”
หลินหยางยิ้มตอบ “ข้าไม่ชอบติดค้างบุญคุณใครยาเพลิงเมฆาที่ได้มาก่อนหน้านี้ ข้าขอคืนให้ แถมข้ายังช่วยจัดการเ้าเวินโฮ่วที่เ้ารังเกียจนั่นให้ด้วยเท่ากับว่าข้าใช้หนี้คืนหมดแล้ว ถ้าไม่มีเื่อะไรอีกแล้ว ข้าก็คงต้องขอลา”
เวินชิงชิงอึ้งไปชั่วครู่นางไม่คิดว่าหลินหยางจะรีบไปขนาดนี้
“ไม่ได้เ้าต้องอยู่ก่อน!” เวินชิงชิงรีบรั้งตัวเขาไว้
“ทำไมเล่า?”หลินหยางทำสีหน้างุนงง
“เอ่อ...”
เวินชิงชิงยังไม่ทันได้เตรียมคำอธิบายสำหรับเื่นี้เอาไว้เลยเพราะว่าเื่ราวมันใหญ่โตและสำคัญมาก ตัวนางเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจจึงต้องรอให้พ่อของนางกลับมาอธิบาย
“เอาเป็ว่าข้าเป็คนช่วยชีวิตเ้า ผู้มีบุญคุณของเ้าจะให้เ้าอยู่ที่นี่ไปก่อนครึ่งเดือน รอให้พ่อข้ากลับมาก่อนเมื่อถึงเวลานั้นเ้าจะเข้าใจเหตุผลเอง” เวินชิงชิงบังคับหลินหยางให้อยู่ต่อแบบดื้อๆ
หลินหยางกลอกตาไปมาเอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียงยานคราง “ให้อยู่ต่อ มันก็ได้อยู่หรอก... แค่ว่า...”
หลินหยางพูดไป สายตาก็จ้องไปที่ยาเพลิงเมฆาที่วางไว้บนโต๊ะเมื่อครู่นี้ความหมายนั้นชัดเจนมาก อยากให้อยู่ต่อก็ต้องมีของตอบแทน!
เวินชิงชิงเข้าใจความหมายแล้วสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังก่อนหน้านี้ บัดนี้เปลี่ยนเป็สีดำคร่ำเครียด “เ้าโจรโลภมากถ้าไม่มีผลประโยชน์ให้ เ้าจะไม่คุยดีๆ ด้วยเลยใช่ไหม!”
เวินชิงชิงโยนขวดยาเพลิงเมฆาที่วางอยู่บนโต๊ะใส่หลินหยางดังปักเดินหน้าเข้าหาหลินหยางด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว “คนอย่างข้าไม่สนใจแค่ยาพวกนี้หรอกขอแค่เ้าสามารถช่วยเหลือตระกูลเวินได้จริง ชีวิตที่เหลือของเ้าจะได้อยู่อย่างหรูหราสุขสบายไปทั้งชาติแน่หึ!”
ปัง
ประตูถูกกระแทกอย่างแรงอีกรอบแล้ว
หลังจากที่ประตูปิดลงหลินหยางก็หุบยิ้ม
เขาจงใจทำท่าทางเหมือนคนละโมบโลภมากเพราะเขา้าสร้างระยะห่างระหว่างเขากับเวินชิงชิง รวมไปถึงตระกูลเวินด้วย
ก่อนหน้านี้หลินหยางเคยประสบกับเหตุการณ์การถูกหักหลังอันแสนเ็ปมาแล้วจักรพรรดิฟ้าหลี่หั่วเองก็ไม่ได้สนใจเื่ของความรู้สึกมานานแล้วด้วยภายในใจของหลินหยางในตอนนี้ จึงมีแต่เื่การแก้แค้นเพียงอย่างเดียวส่วนความจริงใจเล็กๆ ที่แฝงมาในคำพูดของเวินชิงชิงนั้น เขาก็คงต้องจำใจเมินทิ้งไป
ด้วยลักษณะนิสัยของหลินหยางในปัจจุบันนั้นเขาจะไม่ยอมฝากความเชื่อใจไว้ที่ใครหรือตระกูลไหนอีก ในแผนการที่เขาวางไว้เขาไม่มีความคิดที่จะเอาชีวิตของตัวเองไปฝากไว้กับตระกูลเวินเลยแม้แต่น้อยสิ่งที่เขา้า คือการยึดครองอำนาจของตระกูลเวินเอาไว้อย่างสมบูรณ์!
เขาจะเปลี่ยนตระกูลเวินให้กลายเป็ฐานอำนาจหลักในการก่อการปฏิวัติขึ้นเขาจะสร้างตระกูลเวินนี่ให้แข็งแกร่งมากขึ้นมากจนสามารถต่อกรกับอำนาจอันยิ่งใหญ่ของเฉินเฉาเกอได้ และหลินหยางที่ได้รับความทรงจำและประสบการณ์ของจักรพรรดิฟ้ามานั้นแค่อาณาจักรเล็กๆ อย่างอาณาจักรชูอวิ๋นนี้ ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย
เขาไม่ได้ฆ่าเฉินเฉาเกอเพียงเพื่อชิงเอาแค่ตำแหน่งเ้าชายกลับมาเท่านั้นตำแหน่งเ้าชายเดิมทีก็เป็ของเขาอยู่แล้วเขาแค่ได้สิ่งที่ควรจะเป็ของเขากลับคืนมาแค่นั้นเองหลินหยางที่ได้สืบทอดรับเอาความทรงจำของจักรพรรดิฟ้ามาเป็ของตัวเองนั้นมันทำให้วิสัยทัศน์ของเขากว้างไกลขึ้นมากโลกทัศน์ของเขาอยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจของคนธรรมดาไปนานแล้ว
จักรพรรดิฟ้าหลีหั่วเคยเป็ผู้ที่ทำให้ฟ้าดินสั่นะเื ปกครองทุกสรรพสิ่งหลินหยางเองก็ตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับนั้นเช่นกัน เขาอยากจะลองัักับความรู้สึกของการได้ยึดครองทั้งโลกและ์เอาไว้ภายในกำมือของเขา
แต่นั่นยังเป็เื่ที่อยู่ไกลตัวเขามากเกินไปตอนนี้ต้องให้ความสนใจกับแผนการล้างแค้นก่อนเป็อันดัแรกหลินหยางต้องเตรียมความพร้อมสองเื่
เื่แรกคือเขาต้องเพิ่มระดับความสามารถให้สูงขึ้นก่อน
แผนการขั้นสุดท้ายของหลินหยางคือการลงมือสังหารเฉินเฉาเกอเ้าโจรสวะนั่นด้วยมือของเขาเองซึ่งเขาต้องเพิ่มระดับความสามารถมากขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่หยุดเพราะเฉินเฉาเกอที่ตอนนี้ได้เข้าไปอยู่ในวังหลวงนั้น มันต้องกำลังเสพสุขอยู่กับทรัพย์สมบัติและของวิเศษจำนวนมากมายมหาศาลเป็แน่ความเร็วในการเติบโตของมันจะต้องสูงจนไม่น่าเชื่อแน่นอนดังนั้นตัวเขาเองก็ต้องไล่ตามให้ทัน ห้ามถอยหลังเด็ดขาด
นอกจากนี้การที่หลินหยางต้องรีบฝึกฝนเพิ่มความสามารถของตัวเองนั้น ไม่ใช่เพียงเพื่อจัดการกับเฉินเฉาเกอเพียงอย่างเดียวแต่เพื่อที่จะสามารถปกป้องตัวเองได้ด้วย... คนอื่นอาจจะไม่ทันสังเกตแต่หลินหยางสามารถััได้ถึงจิตสังหารของครูฝึกหวังนั่นได้อย่างชัดเจน
เมื่อโดนยอดฝีมือระดับชุ่ยถี่ขั้นท้ายหมายหัวของตัวเองไว้โดยที่ไม่รู้ว่าจะโดนมันลงมือลอบสังหารเมื่อไหร่ ตัวเขาเองจึงต้องเร่งฝึกฝนเพื่อเพิ่มความสามารถให้ตัวเองด้วย
อีกเื่ก็คือแผนการเข้ายึดอำนาจตระกูลเวินให้มาอยู่ในกำมือของหลินหยาง
จากคำกล่าวของเวินชิงชิงผู้นำตระกูลคนปัจจุบันอย่างเวินติ่งเทียนนั้น จะใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนกว่าจะกลับมาถึงที่นี่ซึ่งเวลานั้น จะเป็เวลาที่หลินหยางสามารถสร้างฐานอำนาจของตัวเองขึ้นในตระกูลเวินได้
หลินหยางต้องจัดเตรียมของขวัญให้เวินติ่งเทียนด้วย ต้องเป็ของขวัญที่สามารถยืนยันได้ว่าหลินหยางมีความสามารถในศาสตร์การช่างที่สูงมากพอที่จะเป็ประโยชน์ให้กับระกูลเวินได้
ตระกูลเวิน เป็ตระกูลเก่าแก่ที่สืบทอดศาสตร์ในด้านการช่างมาอย่างยาวนานแต่เมื่อพูดถึงศาสร์การช่างแล้วเกรงว่าต่อให้เอาคนทั่วทั้งอาจักรชูอวิ๋นจวิ้นมาเปรียบเทียบกับจักรพรรดิฟ้าในอดีตก็ยังเทียบไม่ได้แม้แต่ขนเส้นเดียว
จักรพรรดิฟ้าหลีหั่วเป็ตัวตนอันสูงส่งที่สามารถควบคุมไฟได้ ตัวเขาที่มีพลังร่างสถิตภูตอัคคีเมื่ออยู่ในสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับไฟ เขาจะมีพลังในการจินตนาการสร้างสรรค์และความสามารถในการคิดวิเคราะห์เหนือคนทั่วไป
พอมันมาอยู่กับหลินหยางแล้วถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถระลึกถึงความทรงจำที่เกี่ยวกับศาสตร์การช่างขั้นสูงของจักรพรรดิฟ้าได้ทั้งหมดแต่นั่นมันก็มากเกินพอที่จะเอาไปใช้สยบแค่ตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลเวินแล้ว
สิ่งที่ทำให้หลินหยางปวดหัวอยู่ตอนนี้มันดันเป็เื่ที่วิชาการช่างที่อยู่ในหัวเขาตอนนี้มันก้าวหน้าไปไกลโขแล้วจากความเข้าใจของเขานั้น มันพัฒนาทิ้งห่างไปไกลกว่าวิชาการช่างระดับที่สูงที่สุดของอาณาจักรชูอวิ๋นอย่างไม่เห็นฝุ่นหลินหยางจึงต้องเลือกเอาวิชาส่วนที่ล้าหลังที่สุดมาใช้แต่นั้นก็มากพอให้ตระกูลเวินยอมรับใหตัวหลินหยางแล้วซึ่งมันจะทำให้เขามีฐานอำนาจในตระกูลเวินที่มั่นคงในระดับหนึ่งเลย
ส่วนวิชาการช่างที่หลินหยางจะเอามาใช้นั้นเขาเลือกไว้ั้แ่ครั้งแรกที่เริ่มวางแผนแล้วเขาจะสร้างของที่ผู้คนทั่วอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้นไม่เคยรู้จักมาก่อน!
แผนการก็กำหนดขึ้นมาอย่างชัดเจนแล้วเป้าหมายก็ชัดเจนแล้ว หลินหยางจึงรีบหยิบเอายาเพลิงเมฆาขึ้นมาหนึ่งเม็ด แล้วจึงเริ่มฝึกฝนอย่างหนักขึ้นอีกครั้ง
ปัจจุบันหลินหยางมีพละกำลังอยู่ที่ประมาณสี่ร้อยจินแต่ครูฝึกหวังนั่นเป็ยอดฝีมือระดับชุ่ยถี่ขั้นท้ายมีพละกำลังประมาณหนึ่งพันสองร้อยจิน ถ้าต้องประลองกับมันเขาจำเป็ต้องเพิ่มพละกำลังของตัวเองขึ้นอีกอย่างน้อยสองร้อยจิน เมื่อรวมเข้ากับพลังเทพอัคคีด้วยแล้วเขาจะสามารถะเิพลังโจมตีออกมาได้มากถึงหนึ่งพันสองร้อยจิน
แต่แค่นั้นมันยังไม่พอ
ครูฝึกหวังไม่ใช่แค่เด็กอวดดีเหมือนเ้าเวินโฮ่วนั่นประสบการณ์การต่อสู้ของมันจะต้องสูงมากแน่ๆวิชาเทพอัคคีเองก็สามารถใช้ได้เพียงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้นถ้าต้องเจอกับผู้มีประสบการณ์อย่างมัน คงยากที่จะออกท่าให้โดนได้ในครั้งเดียว
ดังนั้นหลินหยางต้องฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นจนไปถึงระดับชุ่ยถี่ขั้นกลางและต้องเพิ่มพละกำลังให้ถึงเจ็ดร้อยจินก่อนมันถึงจะมากพอที่จะใช้เป็หอกอันแหลมคมในการต่อกรกับศัตรู
นอกจากนี้หลินหยางยังต้องยกระดับพลังเทพอัคคีขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น ถ้าหากสามารถเพิ่มระดับพลังเทพอัคคีไปถึงระดับเชี่ยวชาญได้แล้วเขาจะสามารถใช้หนึ่งในพลังสายป้องกันของเคล็ดวิชาเทพอัคคี - เกราะเพลิงคุ้มกายความสามารถของมันคือเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้กับร่างกายขึ้นหนึ่งเท่าซึ่งมันจะช่วยให้หลินหยางเสมือนมีโล่อันแข็งแกร่งที่จะใช้ในการป้องกันการโจมตีจากศัตรูได้
ต้องมีทั้งหอกและโล่เหล่านี้เป็อาวุธก่อนหลินหยางถึงจะนับได้ว่า เขามีความสามารถมากพอที่จะป้องกันตัวเองได้แล้ว
เมื่อวางเป้าหมายได้แล้วต่อไปก็ต้องลงมือฝึกฝนอย่างเข้มงวด!!
หลินหยางเริ่มดูดกลืนพลังธาตุไฟจากยาเพลิงเมฆาเข้ามาในร่างกายอีกครั้งถึงเขาจะต้องทนกับความเ็ปแสนสาหัสที่เกิดขึ้นแต่มันก็ทำให้การเติบโตของเขานั้นเป็ไปอย่างรวดเร็ว
..................................
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ในคฤหาสน์อันงดงามขนาดสองชั้นที่อยู่ท่ามกลางสิ่งก่อสร้างที่ดูหรูหรายิ่งใหญ่ในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองอวิ๋นเฉิงมีชายหนุ่มที่ดูสง่างามนั่งโบกพัดจีบในมือไหวๆกำลังฟังรายงานจากลูกสมุนคนหนึ่งของเขาอยู่
“หืม?แสดงว่าเวินโฮ่วโดนจัดการในหมัดเดียวอย่างนั้นหรือ?”
ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือคนที่สนทนาอยู่กับเวินโฮ่วในภัตตาคารเมื่อวันก่อนคุณชายตระกูลโอวหยาง โอวหยางเฟิง
เมื่อโอวหยางเฟิงได้ยินว่าเวินโฮ่วถูกเล่นงานจนใบหน้าแหลกเละเสียโฉมเขากลับไม่รู้สึกแปลกใจ แค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ เท่านั้น “เศษสวะอย่างมันผลจะออกมาเป็แบบนี้ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรหรอกแต่ไอเด็กที่เวินชิงชิงเก็บกลับมาด้วยนี่สิน่าแปลก...”
ลูกสมุนของเขารายงานกลับมาว่า“นายน้อยขอรับ ข้าน้อยลองตรวจสอบที่มาของเ้าเด็กนั่นดูแล้วแต่กลับหาที่มาของมันไม่ได้เลย...”
“หืม?”โอวหยางเฟิงหุบพัดในมือลง “หาไม่ได้ก็ไม่เป็ไร....ส่งข่าวให้คนของเราที่แฝงตัวอยู่ในตระกูลเวินเสีย ถ้าเ้าเด็กนั่นมันออกห่างจากตระกูลเวินเมื่อไหร่จงหาโอกาสกำจัดมันให้หายไปจากโลกนี้ซะ!”
“ขอรับ”ลูกสมุนรับคำสั่งแล้วจึงถอยออกไป
โอวหยางเฟิงที่นั่งอยู่ในห้องคนเดียวเทชาลงใส่ถ้วยชาของตัวเองแล้วก็ค่อยๆ ดื่มลงไป พลางพูดกับตัวเองว่า
“ได้ข่าวมาจากในราชสำนักแล้วคราวนี้ตระกูลเวินได้อับอายครั้งใหญ่แน่ ครึ่งเดือนหลังจากนี้ ข้ากับท่านพ่อก็จะเป็ที่พึ่งสุดท้ายที่พวกมันเหลือแล้วสิ่งที่พวกมันทำได้ มีแต่ต้องรีบเป็พันธมิตรกับเราผ่านวิธีการหมั้นเท่านั้น หึหึเมื่อเวลานั้นมาถึง ไม่ใช่แค่เวินชิงชิงเท่านั้นที่จะตกเป็ของข้า แม้แต่ตระกูลเวินทั้งหมดก็ต้องกลายเป็สมบัติของพวกเราตระกูลโอวหยางในอีกไม่นานแน่!”
โอวหยางเฟิงแม้จะอายุยังน้อยแต่น้ำเสียงและท่าทางการพูดกลับดูโเี้เ็า เขา้าจะฆ่าหลินหยางก็เพื่อทำให้แน่ใจว่า แผนการที่วางไว้จะไม่มีข้อผิดพลาดใดใดเกิดขึ้นเด็ดขาดถึงเขาจะสามารถทำได้ง่ายๆ เหมือนการบี้มดตัวหนึ่งทิ้งก็ตาม!
แต่เขาคงไม่คาดคิดว่าเ้ามดน้อยตัวนั้นนั่นแหละ ที่สุดท้ายแล้วมันจะกลายเป็ฝันร้ายที่น่าหวาดกลัวที่สุดในชีวิตของเขา