ร้านบะหมี่ปลาไหลหนึ่งแห่ง ต่อให้หนึ่งวันใช้ปลาไหลถึง 20 ชั่ง เซี่ยเสี่ยวหลานเข้ามณฑลหนึ่งครั้งใช้เวลาสองชั่วโมงกว่า เธอจะยอมไปกลับโดยใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมง เพื่อจะนำปลาไหล 20 ชั่งมาซางตูเท่านั้นเองหรือ?
ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไรนัก เธอขายไข่ไก่ในอันชิ่งสามารถหาเงินได้ถึง 10 กว่าหยวนต่อวันอย่างไรก็ไม่ควรเดินทางไกลกว่าเดิมแต่เงินน้อยลงเกือบครึ่ง
ทว่าหากทุกครั้งที่เธอมาซางตูสามารถขายปลาไหลได้ถึงร้อยกว่าชั่งขึ้นไปแม้สองวันเข้าซางตูหนึ่งครั้ง หนึ่งเดือนต้องได้ถึงหลักสี่ถึงห้าร้อยหยวนแน่นอนเอาเถอะ สี่ห้าร้อยหยวนต่อเดือนก็ไม่ได้มีอะไรให้ภูมิใจนักเก็บเงินแบบไม่กินไม่ดื่มสองเดือนยังซื้อโรเล็กซ์บนข้อมือข้องโจวเฉิงเรือนเดียวไม่ได้เลย
เซี่ยเสี่ยวหลานพินิจเมืองซางตูในปี 83 ภายในใจรู้สึกโลภยิ่งนัก
ทุกที่ล้วนคือโอการทางการค้า น่าเสียดายที่เธอมีต้นทุนน้อยนิดไม่เพียงแต่ในซางตูเท่านั้น ตอนนี้ประเทศจีนได้เป่าแตร [1] แห่งการปฏิรูปทางเศรษฐกิจแล้ว หากมีความกล้าดั่งโจวเฉิงที่ขนสินค้าเถื่อนเช่นนี้ไม่รู้ว่าจะสามารถสะสมความมั่งคั่งสุทธิอย่างเงียบเชียบไว้เท่าไรเซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดีว่าตนเองล้าหลัง แต่ตัวเธอเต็มไปด้วยมีจิติญญาในการต่อสู้
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปถามทีละร้านสิซางตูมีแค่ร้านขายบะหมี่ปลาไหลที่เดียวหรือ? ร้านบะหมี่ไม่รับ ยังมีภัตตาคารอีก!”
แผลบนหน้าผากเธอนั้นดีขึ้นอีกหน่อยแล้วราวกับฝังดอกไม้ตูมสีชมพูไว้ตรงนั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานผิวขาวเหลือแสนฝ่าแสงแดดแผดเผาไปโน่นมานี่ทุกวันก็ไม่เห็นว่าผิวจะเกรียมแดดขึ้นเลยสุ้มเสียงของเธอนั้นอ่อนโยน แม้จะพูดจาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่เพียงใดพอโจวเฉิงได้ฟังแล้วกลับรู้สึกเหมือนโดนออดอ้อน โจวเฉิงอารมณ์เบิกบานเห็นได้ชัดว่าไม่ชื่นชมธุรกิจเล็กน้อยที่ได้เงินเหมาเช่นนี้ ทว่ากลับได้รับอิทธิพลจากเซี่ยเสี่ยวหลานเสียแล้ว
“เช่นนั้นก็ลองดู”
ด้วยความกระตือรือร้นส่วนนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลาน แม้ไร้คนช่วยเหลือ แต่ไม่ช้าก็เร็วเธอจะต้องหลุดพ้นจากหมู่บ้านต้าเหอที่เธอมีชื่อเสียงไม่พึงปรารถนาอยู่ได้เป็แน่
ได้เดินบนถนนซางตูกับคนสวยเก่งกระฉับกระเฉงอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วโจวเฉิงรู้สึกสบายไปทุกอณูรูขุมขน แม้ที่จริงแล้วจะไม่เคยแม้แต่จูงมือกันอารมณ์กระวนกระวายกลางใจเขาแทบจะหลากล้นออกมาจากอกแล้ว... นี่เป็ความรู้สึกที่ได้ััเป็ครั้งแรกหลังจากใช้ชีวิตมา 20 ปี!
ทั้งสองเดินมาถึงตลาดสินค้าเกษตรด้วยกัน
ซางตูมีพื้นที่มาก ตอนใต้กับตอนเหนือล้วนมีตลาดสินค้าเกษตรขนาดใหญ่ที่พวกเซี่ยเสี่ยวหลานมาคือฝั่งตอนใต้
ตอนนี้เป็เวลา 10 นาฬิกา คนที่มาซื้ออาหารเช้ากลับกันไปแล้วแต่คนที่ยังมาตลาดสินค้าเกษตรในเวลาแบบนี้เป็คนที่ไม่บกพร่องเื่เงินและมีเวลาว่างเซี่ยเสี่ยวหลาน้าลูกค้าเช่นนี้นี่แหละ!
ทั้งสองคนตั้งแผงได้สะดวกตามคาด โจวเฉิงคอยดูแผงส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานใช้ความรวดเร็วดุจแสงในการเดินทั่วตลาด
ตลาดสินค้าเกษตรไม่ได้ขายเพียงอาหาร ยังมีแผงขายเสื้อผ้าอยู่อีกแห่งหนึ่งด้วย
หญิงสาวจำนวนหนึ่งเลือกสรรสินค้าอยู่ที่แผงพวกเธอไม่ชอบที่เสื้อผ้าดูล้าสมัย เ้าของแผงจึงถลึงตาโต “ของฉันมาจากหยางเฉิง [2] ทั้งนั้น ทั้งถูกและสวยกว่าในห้างสรรพสินค้าพวกเธอยังจะเื่มากอีก!”
เ้าของแผงดึงกระโปรงลายดอกไม้คืนมา บ่นเสียจนเหล่าหญิงสาวอับอายพวกเธอจึงทิ้งเสื้อผ้าเสียดื้อๆ แล้วหันหลังจากไป
พวกเธอเดินไปพลางแสดงความคิดเห็นไปพลาง
“เสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้าแพงเกินไปแล้วครั้งก่อนอยากซื้อเสื้อโค้ทสักตัว โอ้พระเ้า พวกเธอทายสิว่าเท่าไรกัน? ตั้ง 128 หยวน!”
“ซางตูอุตส่าห์ใหญ่ออกขนาดนี้ นอกจากห้างสรรพสินค้าก็มีแค่ของแผงลอยอันหนึ่งแพงอีกอันก็คุณภาพแย่ ไม่มีที่ทันสมัยและราคาถูกเลยหรือ”
“ไปเถอะๆ ใครจะไปซื้อเสื้อผ้าห่วยๆ ของเขากัน”
พูดโดยไม่ใส่ใจ แต่ฟังแล้วน่าสนใจ
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ว่าเสื้อผ้าขายส่งที่หยางเฉิงนั้นราคาถูกเอามากสายตาของเธอไม่สามารถดูออกได้ว่าทันสมัยเพียงใดแต่อย่างน้อยก็ดีกว่าคนตั้งแผงในตลาดสินค้าเกษตรแน่ ไปหยางเฉิงเพื่อเลือกเสื้อผ้าสมัยนิยมกลับมาขายในซางตูลู่ทางการค้าขายต้องไม่เลวแน่นอน
ราคาค้าส่งกับค้าปลีกของเครื่องแต่งกายก็ไม่ใช่กำไรแค่หนึ่งเหมาสองเหมาแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานจดจำเื่นี้ไว้ในใจทั้งยังสืบเสาะไปทั่วตลาดสินค้าเกษตรเมื่อจดจำราคาสินค้าแต่ละชนิดได้โดยประมาณหนึ่งแล้วเธอถึงวิ่งกลับไปที่แผงชั่วคราวของเธอกับโจวเฉิง ในตลาดสินค้าเกษตรสามารถตั้งแผงลอยได้ตามสบายขอแค่ไม่ขวางทางและส่งค่าบำรุงตลาดนิดหน่อยย่อมใช้ได้ แผงใหญ่จ่ายเยอะแผงเล็กก็จ่ายน้อยลง เซี่ยเสี่ยวหลานจะถกเถียงกับคนอื่นเื่แบบนี้ไปทำไมใช้ที่ของคนอื่นหาเงินทอง จ่ายค่าบำรุงนั้นถูกต้องเหมาะสมแล้ว
ขณะจ่ายเงินด้วยความกระตือรือร้นนั้นโจวเฉิงก็ริเริ่มธุรกิจแล้ว
ไม่รู้เขาไปยืมกระดาษกับปากกามาจากที่ไหน เขียนไว้ว่าไข่ไก่ 0.15 หยวนต่อใบและปลาไหล 1.2 หยวนต่อชั่ง
ตัวหนังสือของโจวเฉิงเหมือนกับรูปลักษณ์ของเขา ดูแล้วช่างน่ามอง
คนมากมายเข้าล้อมรอบตัวโจวเฉิงและไม่รู้เช่นกันว่าเหล่าพี่สาว้าซื้อไข่ไก่จริงๆ หรือเพียง้าแทะโลมโจวเฉิงกันแน่
“คนอื่นเขาขายไข่ไก่เป็ชั่งกันทั้งนั้น ทำไมเธอขายเป็ใบเล่า?”
“ปลาไหลแพงจังเลย! วันนี้เนื้อหมูแค่หนึ่งหยวนสี่เหมาเองเพิ่มอีกสองเหมาฉันซื้อเนื้อติดมันหนึ่งชั่งได้เลยนะ!”
“พ่อหนุ่ม ฟังเธอพูดแล้วไม่ใช่คนซางตูนี่ มีคู่หมายแล้วหรือยัง?”
โจวเฉิงไม่อดทนพอจะจัดการกับผู้หญิงทั้งกลุ่มจริงๆเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาก็ยกนิ้วชี้ไปทางเธอ
“คนรักของผมกลับมาแล้ว เธอเป็คนขาย ผมมาช่วยเธอเฝ้าแผงเท่านั้น”
เซี่ยเสี่ยวหลานถลึงตาจ้องเขาไปหนึ่งที
พี่สาวที่อยากจะแนะนำคู่หมายให้โจวเฉิงผิดหวังอย่างสุดซึ้ง “คนหนุ่มสาวอย่างพวกเธอก็ชอบหน้าตาแบบนี้กันต้องหน้ากลมสิถึงจะมีวาสนา!”
เซี่ยเสี่ยวหลานโดนสวมหมวก [3] ‘ไร้วาสนา’ อีกใบแล้ว น้ำเสียงก็เลยเ็าเสียหน่อย “พี่สาว ยังจะซื้อไข่ไก่อยู่หรือไม่? พี่สาวดูสิว่าไข่ไก่ของฉันใบใหญ่ทั้งนั้นถ้าพี่สาวไม่อยากซื้อเป็ใบ อย่างนั้นก็คิดราคาหนึ่งหยวนห้าเหมาต่อชั่งแล้วกัน”
ไข่ไก่ใบใหญ่หนึ่งชั่งต้องไม่ถึง 10 ใบแน่ๆ
พี่สาวยังคงโต้แย้งต่อ “ไข่ไก่พวกนั้นมีทั้งใหญ่ทั้งเล็ก มีคนเลือกใบใหญ่ไปแล้วคนที่ซื้อไข่ไก่ใบเล็กก็ไม่ยุติธรรมน่ะสิ!”
เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นด้วยเป็อย่างยิ่ง “ดังนั้นต้องรีบซื้อจะได้เลือกใบใหญ่นะ!”
พี่สาวยังไม่ทันได้พูดอะไร คนอื่นๆ ก็เบียดเธอออกไปเสียแล้วพวกเธอแค่อยากจะเลือกใบใหญ่ คนมาทีหลังก็เลือกได้แต่ใบเล็กแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานเน้นย้ำหลักการสองอย่างซ้ำไปซ้ำมาคือหยิบเบา วางเบาและไม่อนุญาตให้เขย่าไข่จากนั้นจึงปล่อยให้พวกเธอเลือกได้เลย
เพื่อยอดขายแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานเคยรองรับอารมณ์ทุกรูปแบบมาก่อนแต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอเป็ลูกพลับเนื้อนิ่ม[4] เกลียดที่สินค้าไม่ดี เธอย่อมเข้าใจได้ แต่ถ้ามีคนมาโจมตีที่ตัวเธอนั้น เธอรับไม่ไหวเธอไม่ใส่ใจคนที่บอกว่าเธอไร้วาสนาผู้นั้นอีก หันไปตั้งใจต้อนรับลูกค้าจริงๆของเธอมากกว่า
“พี่... พี่ไม่ซื้อปลาไหลกลับไปหน่อยหรือ? ถึงแพงไปหน่อย แต่ปลาไหลใช้บำรุงร่างกายได้ดีมาก ฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาทำปลาไหลหม้อร้อนให้ครอบครัวได้บำรุงร่างกายเสียหน่อย เนื้อหมูอร่อยอยู่แล้ว ก็ควรจะเปลี่ยนรสชาติบ้างไม่ใช่หรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ฆ่าปลาไหลแน่
คนมาซื้ออาหารเวลานี้ล้วนหิ้วตะกร้ากับถือกระเป๋าผ้าถุงพลาสติกยังไม่ใช้กันทั่วไป ปลาไหลที่ฆ่าแล้วเก็บรักษายากคนกินเป็ล้วนรู้กันดีว่าปลาไหลต้องลงหม้อโดยที่ยังมีเือยู่ถึงจะบำรุงร่างกายคนได้
โจวเฉิงเองก็ช่วยเหลืออยู่ข้างๆ
เซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสะสวย จิตใจของเธอมีความแข็งแกร่งเธอกล้าทำธุรกิจด้วยตนเอง และกล้าใช้กรรไกรแทงตาของอันธพาลแต่ก็มิใช่ตะบี้ตะบันกระตือรือร้นเอาใจลูกค้าที่ซื้อของ ใครแตะต้องหลักการของเธอ เธอไม่ยอมถอยให้แม้แต่ชุ่น [5] เดียวแน่
แม้จะไม่ทันตลาดเช้า แต่ประชากรในซางตูมีอยู่เยอะแยะตลาดสินค้าเกษตรนั้นมีคนมาทั้งวัน ครั้งนี้เซี่ยเสี่ยวหลานนำไข่ไก่ 500 ใบและปลาไหลอีก 38 ชั่งมาซางตู คัดปลาไหลส่วนที่ร้านบะหมี่ปลาไหลซื้อไป 15 ชั่งออกแล้ว สินค้าที่เหลือใช้เวลาไม่ถึงสามชั่วโมงก็ขายจนหมดกำไรที่ได้จากปลาไหล 38 ชั่งมากกว่าไข่ไก่ 500 ใบเสียอีก เธอคิดว่าธุรกิจนี้ต้องไตร่ตรองให้ดีแล้วจริงๆ
“พี่โจว ถ้าพี่ไม่ยุ่ง ฉันอยากไปวนดูรอบซางตูสักหน่อย”
เชิงอรรถ
[1]吹响号角 เป่าแตร เปรียบเปรยว่า ก้าวไปในทิศทางที่เจริญยิ่งขึ้น
[2]羊城 หยางเฉิง คือชื่อเล่นของเมืองกว่างโจว
[3]扣帽子สวมหมวก หมายถึงการพยายามแปะป้ายเรียกคนอื่นด้วยชื่อที่ไม่ดี
[4]软柿子 ลูกพลับเนื้อนิ่มหมายถึง คนที่ดูอ่อนแอหรือตกอยู่ในสถานะที่ถูกรังแกได้ง่าย
[5]寸 ชุ่น คือหน่วยวัดความยาวดั้งเดิมของจีน เท่ากับประมาณ 3.3 เิเ