เข้าเมืองมณฑล?
เขตอันชิ่งคือเขตการปกครองของเมืองเฟิ่งเสียน
เมืองเฟิ่งเสียนอยู่ใกล้กับเมืองมณฑล ‘ซางตู’
ซางตูเป็เมืองหลักประจำมณฑล ระยะห่างจากเขตอันชิ่งไม่ได้ไกลเป็พิเศษทว่าถ้าผู้คนในตัวเมืองไม่มีธุระจะไม่เข้าเมืองมณฑลเท่าไรนักเวลาเกษตรกรขายผลผลิตก็มักจะขายที่ย่านการค้าในชนบทคนไปขายของในตัวเมืองนั้นมีน้อย ไม่ต้องพูดถึงไปถึงเมืองมณฑล
หากพูดจากจุดนี้ก็ไม่รู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไปเอาความกล้ามากจากไหนกัน
“ฉันว่าขายไข่ไก่ในเขตอันชิ่งยังทำได้อีกหลายวันนะทำไมเธอรีบไปซางตูเช่นนี้?”
โจวเฉิงเองก็กล้ามากเขาไม่มีความเห็นต่อการกระทำของเซี่ยเสี่ยวหลาน เพียงแต่ไม่เข้าใจวิธีการของเธอ
เซี่ยเสี่ยวหลานชอบที่จะพูดคุยกับคนฉลาดหลักแหลมคนคนแรกที่เธอสื่อสารด้วยโดยไร้อุปสรรคหลังจากเกิดใหม่คือหลิวหย่งคนที่สองก็คือโจวเฉิงนั่นเองโจวเฉิงไม่ได้คิดว่าธุรกิจค้าไข่ไก่เก็งกำไรจะสามารถทำในเขตอันชิ่งไปได้ตลอดเขายังให้ดุลยพินิจของตนเองว่า ‘ยังทำได้อีกหลายวัน’ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่ปิดบัง
“ไปซางตูดูลาดเลาสถานการณ์ของตลาดน่ะ วันนี้ฉันนำของอย่างอื่นมาด้วยในเขตอันชิ่งขายไม่ค่อยดี”
โจวเฉิงรับจักรยานของเธอมา เมียงมองในตะกร้าไม้ไผ่ด้านหลังฝั่งหนึ่งคือไข่ไก่ที่มีฟางคลุมไว้อีงฝั่งหนึ่งของตะกร้ากลับปูด้วยผ้าใบพลาสติกกันน้ำ ข้างในมีของกำลังถูกกักเอาไว้แต่ยังดิ้นไปดิ้นมาได้
“ปลาไหล?”
โจวเฉิงเดาะลิ้นสื่อความชื่นชม “ของดีนะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานต้องเลือกเฟ้นอย่างละเอียดลออแน่นอนปลาไหลในตะกร้าแต่ละตัวล้วนมีความหนาเท่านิ้วหัวแม่มือของผู้ชายถึงฤดูที่คุณภาพเนื้อจะสมบูรณ์พอดี เป็วัตถุดิบที่อยู่ในระดับเดียวกับปลาชิงตัวโตราว 20 ชั่ง
ถ้าได้พบฝีมือและการปรุงดีๆ เข้าปลาไหลนี้อร่อยยิ่งกว่าปลาชิงเสียอีก
“ของแบบนี้ในเขตอันชิ่งขายไม่ค่อยได้ ทำไมเธอ...”
คำพูดของโจวเฉิงกล่าวได้ครึ่งเดียวและไม่จบ
ที่เขาอยากพูดคือทำไมเธอถึงเลือกแต่ธุรกิจที่ยุ่งยากกันนะ ขายไข่ไก่เก็งกำไรก็เหนื่อยพอแล้วตอนนี้ยังจะขายสัตว์น้ำ ล้วนไม่ใช่งานเบาแรงทั้งนั้นแต่พอคิดถึงเื่ราวที่ได้สอบถามมาเมื่อวานเซี่ยเสี่ยวหลานถูกไล่ออกจากบ้านคงไม่มีเงินติดตัวสักเฟินเดียวนอกจากมีลุงคอยช่วยเหลือแล้ว ตระกูลเซี่ยก็หวังให้เธอไปตายเสียเหลือเกิน ธุรกิจที่เบาแรง้าทั้งเงินทุนและเครือข่ายคนเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นไม่มีสักอย่าง
เขาครุ่นคิดถึงตรงนี้ก็ไม่สบายใจเอาเสียเลย
มิใช่ว่าเชื่อข่าวลือพวกนั้นแต่เหมือนกับครั้งแรกที่เห็นาแอยู่บนหน้าผากของเซี่ยเสี่ยวหลานนึกดูว่าเธอบอบบางถึงเพียงนั้น จะทนลำบากเช่นนี้ได้อย่างไร?
เซี่ยเสี่ยวหลานยิ้มแต่ไม่ซักถามวาจาที่ยังกล่าวไม่จบของโจวเฉิง
“รับซื้อไข่ไก่ก็คือรับอยู่นั่นแหละรับซื้อปลาไหลไปด้วยเลยก็ไม่ยุ่งยากมากขึ้นเท่าไร ปลาไหลพวกนี้รวบรวมจากสองสามวันที่ผ่านมาเมื่อวานมีคนส่งปลาไหลมา 20 ชั่งฉันจะเอาเข้ามณฑลไปลองดูสักหน่อย”
“เธอรู้ทางไปเมืองมณฑลใช่หรือไม่?”
โจวเฉิงแทงโดนจุดตายของเซี่ยเสี่ยวหลานโดยไม่ตั้งตัว
‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ คือหญิงสาวจากชนบทผู้ไม่เคยพบโลกธุรกิจไปสถานที่ที่ไกลที่สุดก็คือเขตอันชิ่ง ยังไม่เคยไปซางตู้จริงๆ ด้วยซ้ำ
“ใต้จมูกมีหนึ่งปากนะ ฉันถามทางไปได้”
ป้ายบอกทางในตอนนี้ไม่ครบถ้วนเหมือนยุคหลังจากนี้แต่ถ้าหาทิศทางหลักถูกแล้วค่อยถามคนต่อไปเรื่อยๆ ก็ย่อมได้
โจวเฉิงไม่รู้ควรพูดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานโง่หรือกล้าดี
ทำไมตอนนี้ผู้คนถึงไม่อยากเดินทางไกลหรือ? การคมนาคมไม่สะดวกสบาย ยังไม่มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจขนาดนั้นและยังมีอีกเหตุผลคือถนนหนทางไม่ค่อยเรียบอย่างเช่นพวกเขาเดินทางจากปักกิ่งถึงเซี่ยงไฮ้ เดินทางไกลไม่เคยมีผู้คนร่วมถนนเลยพวกดักปล้นมีอยู่เต็มไปหมด หากคนนึงแค่ผล็อยหลับไปอาจไม่เหลือทั้งคนทั้งรถทว่าฤดูร้อนปีนี้เริ่มดำเนินการปราบปรามในแต่ละพื้นที่อย่างต่อเนื่องระบบความปลอดภัยจึงดีขึ้นมาก...แค่โจวเฉิงคิดว่าอีกหน่อยเซี่ยเสี่ยวหลานจะไปกลับหมู่บ้านชีจิ่งกับซางตูทุกวันก็ไม่อยากวางใจลาจากเขตอันชิ่งไป
“ไปเถอะ ฉันรู้ทาง วันนี้ฉันพาเธอไปเอง”
“พี่โจว พี่ไม่มีธุระของตัวเองต้องไปจัดการหรือ? รบกวนพี่เกินไปแล้ว”
โจวเฉิงเบิกตาพูดเื่โกหก “คังเหว่ยไปหาญาติแถวๆ นี้น่ะ เขาขับรถไปด้วยวันนี้ไปไหนไม่ได้ก็ไปซางตูเป็เพื่อนเธอสักหน เขตอันชิ่งนี่เล็กเสียเหลือเกินน่าเบื่อ”
เขาลากเสียงยาวในขณะที่กล่าวว่าเขตอันชิ่งน่าเบื่อราวกับน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายของคุณชายใหญ่จริงๆ
เซี่ยเสี่ยวหลานหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก [1] โจวเฉิงได้แย่งจักรยานไปจากมือเธอแล้ว
“ขึ้นมาสิ ฉันขนเธอไปเอง”
โจวเฉิงตบๆ ที่คานตรงส่วนหน้าของจักรยานเซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าอิริยาบถแบบนั้นในทางปฏิบัติเหมือนกับนั่งอยู่ในอ้อมกอดของโจวเฉิงเลยตะบี้ตะบันโบกมือปฏิเสธ
“ฉันนั่งด้านหลังก็ได้!”
“ตรงนั้นกระแทกหน่อยนะ เธอนั่งดีๆ เสียล่ะ”
โจวเฉิงทำหน้าเป็การเป็งาน ราวกับไม่มีความคิดจะเอาเปรียบเซี่ยเสี่ยวหลานทำให้เธอเข้าใจผิดว่าตนคิดมากไปหรือไม่?
สองฝั่งที่นั่งซ้อนท้ายล้วนมีตะกร้าใบโตเท้าของเธอจึงทำได้เพียงงอเท้าขึ้นพอจักรยานกระแทกเล็กน้อยเซี่ยเสี่ยวหลานก็เกือบหงายหลังร่วงลงไปเธอกอดเอวของโจวเฉิงไว้แน่นด้วยสัญชาตญาณ
ในปลายฤดูร้อนเช่นนี้ โจวเฉิงสวมเพียงเสื้อตัวเดียวเมื่อมือของเซี่ยเสี่ยวหลานแนบเข้ามาเขาสามารถััได้ถึงความนุ่มนวลนั่นผ่านเสื้อผ้า
“เธอจับให้แน่นนะ!”
ถึงไม่เห็นสีหน้า ทว่าความชื่นบานในน้ำเสียงนั้นปกปิดไม่อยู่
เซี่ยเสี่ยวหลานได้แต่เม้มริมฝีปากมักมีความรู้สึกไปเองว่าโดนหนุ่มน้อยแทะโลมอยู่ตลอด
สองคนมาถึงซางตูในสองชั่วโมงให้หลังโจวเฉิงยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้าก็ไปอยู่รอเซี่ยเสี่ยวหลานั้แ่เช้าจนตอนนี้ท้องร้องโครกครากด้วยความหิวมาตั้งนานแล้ว เมื่อวานอาหารเย็นของบ้านหลิวนั้นหรูหราทีเดียวแต่ก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานจะออกจากบ้านกลับกินแค่ข้าวที่เหลืออยู่เพื่อรองท้องเท่านั้น
“ไปเถอะ ไปกินข้าวกันก่อน”
ถนนของซางตูกว้างกว่าของเขตอันชิ่งตึกรามบ้านช่องสองฝั่งถนนก็สูงกว่าในตัวเมืองเช่นกัน รวมพื้นที่ทั้งหมดแล้วใหญ่กว่ามากเวลาเพียงนิดเดียวมิอาจตระเวนได้จนทั่ว อีกอย่างซางตูคึกคักกว่าในเขตอันชิ่งผู้คนที่ค้าขายเล็กๆ ในอันชิ่งยังดูกระมิดกระเมี้ยนกว่าเหล่าร้านค้าเร่ในเมืองซางตูที่แข็งแกร่งไม่สะทกสะท้านใดๆ
มีถนนสายหนึ่งที่ค้าขายแต่ของกิน
บะหมี่เนื้อแพะ น้ำแกงลูกชิ้น โจ๊กถั่ว หูล่าทัง [2] ก้วนทังเปาจื่อ [3] ไป๋จี๋โม๋ [4] รวมถึงอาหารโดดเด่นอีกหลายชนิดนั้นระยิบระยับละลานตาไปหมดอีกทั้งยังมีบะหมี่เส้นสด ข้าวต้ม น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋เหล่านี้ที่พบได้บ่อยทั่วไปของกินมากมายทั่วประเทศ ที่นี่ล้วนมีขายทั้งหมด!
เซี่ยเสี่ยวหลานสูดลมหายใจหนึ่งเฮือกอวัยวะภายในกำลังร่ำร้องด้วยความหิวโหย
เธอเองโชคชะตาไม่ดีนัก ชาติก่อนอายุยังน้อยต้องพยายามในการทำงานอาหารเช้าได้กินบ้างไม่กินบ้าง ทานเพียงเพื่อประทังความหิวเท่านั้นไม่ใส่ใจถึงคุณภาพและรสชาติแม้แต่น้อย พอมีเงินทองหน้าที่การงานยิ่งยุ่งมากขึ้น อีกทั้งเธอเองก็เข้าสู่่อายุที่การเผาผลาญเริ่มช้าลงเพราะจะรักษารูปร่าง ทุกเช้าเธอจึงดื่มแค่กาแฟแก้วเดียว... แต่ตอนนี้เธอกลายเป็ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ที่อยากกินแต่ดันไม่มีเงินไปเสียแล้ว
สถานการณ์คึกคักเช่นนี้กระตุ้นความรู้สึกของเซี่ยเสี่ยวหลานทีเดียวขณะที่เธอหมกมุ่นฝ่าฟันในยุค 80 นั้นก็ควรดีกับตนเองเสียหน่อยไม่ใช่หรือ?
“พี่โจว พี่อยากกินอะไร เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”
โจวเฉิงเห็นเธออารมณ์ดี พอยิ้มแย้มแล้วช่างสวยเป็พิเศษจริงๆดวงตาคู่นั้นมีประกายแวววับน่าประทับใจ มองมาที่คนแล้วสะท้อนความรักและความอ่อนโยนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะอารมณ์ดียิ่งขึ้นไปอีก
“เธอจะมีเงินเท่าไรกัน? ใจกว้างซี้ซั้วเกินไปแล้ว! คนปักกิ่งอย่างพวกเราไม่ยินดีให้หญิงสาวเลี้ยงอาหารหรอกนะวันนั้นที่เธอเลี้ยงบะหมี่ทำเอาคังเหว่ยใแย่เลย”
โจวเฉิงพูดพลางดันเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าไปในร้านน้ำแกงเนื้อลาแห่งหนึ่ง
“กินเนื้อลาไหม? ่นี้กินเนื้อแพะจะร้อน [5] เกินไป กินน้ำแกงเนื้อลาสักชาม แล้วก็กินก้วนทังเปาจื่อสักเข่งทั้งยังสอบถามเถ้าแก่ในเื่สถานการณ์ในซางตูได้อีกด้วย”
เนื้อัของ์ชั้นฟ้า เนื้อลาของโลกมนุษย์ [6]
เซี่ยเสี่ยวหลานมิได้เกี่ยงงอนเช่นนั้น นอกจากพวกงูหนูแมลงแล้วอาหารทั่วไปเธอก็กล้ากินทั้งนั้น
ชาติก่อนเธอเคยมาติดต่องานที่ซางตูและเคยกินน้ำแกงเนื้อลาอยู่หลายครั้งแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่รสชาติอร่อยเท่านี้เลย น้ำแกงเนื้อลาที่ร้อนระอุไม่คาวไม่แห้งพอควานตะเกียบลงไปก็เป็เนื้อลา ขึ้นฉ่ายกับหัวหอมที่ลอยอยู่้านั้นมีรสชาติเข้มข้นมากในอนาคตแม้แต่ของตกแต่งอาหารอย่างหัวหอมและขึ้นฉ่ายนั้นก็ปลูกในเรือนกระจกทั้งหมดรสชาติที่ได้ไม่เข้มข้นเลยสักนิดเดียว
เซี่ยเสี่ยวหลานกินน้ำแกงเนื้อลาชามโตไปหนึ่งชามและจัดการก้วนทังเปาจื่ออีกหนึ่งเข่ง
โจวเฉิงกินจุมากกว่าเธอ เขากินน้ำแกงหนึ่งชามและซาลาเปาสองเข่งและยังสั่งบะหมี่เนื้อแพะจากร้านด้านข้างมาอีกหนึ่งที่ ท้องอิ่มก่อน ตอนสอบถามข้อมูลก็ง่ายขึ้นแล้วเมื่อได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานขายไข่ไก่และปลาไหล เถ้าแก่ร้านน้ำแกงเนื้อลาก็ยิ้มให้
“เธอเดินไปปลายถนน ร้านนั้นขายบะหมี่ปลาไหล ่ค้าขายดีมากไม่ว่าวันไหนก็ต้องใช้ปลาไหลสิบกว่าชั่งต่อวันออกจากถนนเส้นนี้เลี้ยวขวาไปไม่ไกลก็คือตลาดสินค้าเกษตร”
เขตอันชิ่งเล็กเท่าฝ่ามือ ต่อให้มีคนงานจากโรงงานถึงสองแห่งก็ไม่มีกำลังในการบริโภคมากเท่าไรนัก
แต่ว่าซางตูนั้นไม่เหมือนกัน
โจวเฉิงเข็นจักรยานเซี่ยเสี่ยวหลานไปถามเถ้าแก่ร้านว่า้าปลาไหลหรือไม่ด้วยตนเองพอพิจารณาปลาไหลในตะกร้าของเธอแล้ว ยังไม่ทันกะพริบตาก็ตัดสินใจซื้อทันทีด้วยจำนวน 15 ชั่ง เนื้อหมูราคา 1.4 หยวนต่อชั่ง ส่วนปลาไหลคือ 1.1 หยวนต่อชั่งจะมีสักกี่คนในตัวเมืองอันชิ่งที่ทำใจนำเงินซื้อเนื้อหมูไปซื้อปลาไหลกินได้?
แต่ก็เพราะซางตูเป็เมืองหลักของมณฑล บะหมี่หนึ่งชามราคา 7 เหมา เป็บะหมี่ที่ราดหน้าด้วยปลาไหลหนึ่งทัพพียังพอมีคนที่จ่ายได้สบายๆ
ปลาไหลเป็ของทำเงินได้ เซี่ยเสี่ยวหลานรับซื้อในหมู่บ้านด้วยราคา 8 เหมาต่อชั่ง ปลาไหลทุกหนึ่งชั่งได้กำไรเป็เงิน 3 เหมา อีกทั้งทนกระแทกมากกว่าไข่ไก่เซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจว่าจะหยุดธุรกิจไข่ไก่ไว้ในทันทีเปลี่ยนมาขายปลาไหลโดยเฉพาะ ก่อนถึงเดือนพฤศจิกายนธุรกิจนี้ยังสามารถทำเงินได้นานถึงสองเดือน
โจวเฉิงเห็นเธอตื่นเต้นจนคิ้วตายิ้มแย้ม จึงรีบบอกให้เธอใจเย็นลง
“เธอควรหาลูกค้ารายใหญ่ดีกว่านะร้านบะหมี่ปลาไหลที่เดียวไม่อาจกินสินค้าเธอทั้งหมดได้หรอก”
เชิงอรรถ
[1]哭笑不得 หัวเราะร้องไห้ไม่ออก หมายถึง กระอักกระอ่วน ไม่รู้จะทำอย่างไร
[2]胡辣汤 หูล่าทัง อาหารเช้าชนิดหนึ่ง เป็น้ำแกงที่ทำจากน้ำน้ำแกงกระดูกเนื้อวัว พริก พริกไทย เห็ดหูหนู วุ้นเส้น แป้งกวน ดอกไม้จีน และถั่วลิสง
[3]灌汤包子ก้วนทังเปาจื่อ เป็ติ่มซำชนิดหนึ่งที่มีเอกลักษณ์ของชาวฮั่นมีลักษณะคล้ายเสี่ยวหลงเปา แต่มีขนาดใหญ่กว่า
[4]白吉馍 ไป๋จี๋โม๋ เป็อาหารที่ทำจากแป้งนึ่งเป็ทรงคล้ายขนมปังผ่าตรงกลางแล้วใส่ไส้เข้าไป
[5]เนื้อแพะร้อน คือ ตามตำราแพทย์แผนจีนเนื้อแพะเป็เนื้อสัตว์ที่มีฤทธิ์ร้อน หากกินมากเกินไปจะทำความร้อนสะสมเกิดอาการไม่สบายตัวได้
[6]天上的龙肉,地上的驴肉 เนื้อัของ์ชั้นฟ้า เนื้อลาของโลกมนุษย์ หมายถึงบน์มีเนื้อั บนโลกก็มีเนื้อลา เนื่องจากัเป็สัตว์ในเทพนิยายไม่มีมนุษย์ผู้ใดมีโอกาสลิ้มรสเนื้อั คนจึงเปรียบเทียบเนื้อลาที่รสชาติดีและมีสารอาหารจำนวนมากว่าเป็หนึ่งในเนื้อสัตว์ที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งของโลกมนุษย์