“เสด็จอาอย่าลืมสิ นี่คือศึกเป็ตายที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามแทรกแซง” จ้าวเยี่ยกล่าวด้วยสีหน้าปกติ แต่ในสายตาของเซิ่งอ๋องกลับดูเืเย็น
“ไม่ได้ ข้ามิอาจทนดูซิงเอ๋อร์ตายบนเวทีประลองเช่นนี้ได้!” เซิ่งอ๋องเผยสีหน้าดูไม่ได้ บัดนี้มีหรือเขาจะสนใจสัญญาก่อนหน้านี้ เขาแค่ต้องช่วยบุตรตัวเองก็เท่านั้น
“หลานทราบดีว่าเสด็จอาอยากช่วยน้องซิง แต่ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าหากท่านทำเช่นนี้ วันหน้าผู้อื่นจะคิดเช่นไรกับราชวงศ์ข้า ในฐานะที่เป็เชื้อพระวงศ์ การทรยศประชาชนจะมีผลกระทบต่อราชวงศ์มากเพียงใด?” จ้าวเยี่ยกล่าว เขาไม่คิดห้ามเซิ่งอ๋อง แต่ใช้ราชวงศ์มาอ้างแทน ซึ่งวิธีนี้เรียกได้ว่าร้ายกาจมาก และเป็ไปตามคาด เมื่อเซิ่งอ๋องได้ยินคำพูดของจ้าวเยี่ยก็เผยสีหน้าไม่สู้ดี จากนั้นสายตาของเขาเลื่อนไปมองจ้าวหยางก่อนจะพูดขึ้นว่า “ซิงเอ๋อร์ถูกตัดแขน การประลองไม่จำเป็ต้องดำเนินต่อไปแล้ว ข้าวอนขอให้หยุดการประลองนี้!”
จ้าวหยางหน้าเปลี่ยนสี เขาเองก็หวังว่าจ้าวเยี่ยจะพลิกเหตุร้ายให้กลายเป็ดี แต่คำพูดของเ้ารองโหดร้ายมาก ถึงกับใช้ราชวงศ์ออกมาอ้าง ทำให้เขาแทรกแซงไม่ได้เช่นกัน
“ปัง!”
บนเวทีประลอง พลังฝ่ามือของเย่เฟิงโจมตีไปที่ร่างจ้าวซิง ก่อนร่างจ้าวซิงจะถูกซัดกระเด็นออกไปและต้องกระอักเื ส่งผลให้ได้แผลเพิ่มทั้งที่เพิ่งถูกตัดแขนไปหนึ่งข้าง แต่เย่เฟิงไม่ได้สนใจมากขนาดนั้น เขากับจ้าวซิงตกลงกันว่าครั้งนี้คือศึกเป็ตาย ไม่เขาตายก็เย่เฟิงจักต้องตาย หากผู้แพ้คือเขา เช่นนั้นเขาเชื่อว่าจ้าวซิงจะใช้วิธีที่โเี้ที่สุดในการฆ่าเขา ดังนั้นคนที่้าฆ่าเขา เขาก็ไม่มีความจำเป็ต้องปรานีแต่อย่างใด
เขาเดินออกมา พลันร่างกายเป็แสงดาว ก่อนจะไปเยือนเบื้องหน้าจ้าวซิงในพริบตา พร้อมปล่อยกระบวนท่าสังหารโจมตีทันที แต่ใน่วิกฤต จู่ ๆ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 คนหนึ่งจากจวนเซิ่งอ๋องกลับเข้ามาแทรกแซงโดยมาขวางที่ด้านหน้าจ้าวซิงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวาดฝ่ามือปะทะกับการโจมตีของเย่เฟิง ทำเย่เฟิงถลาไปข้างหลังหลายก้าวพร้อมเืไหลออกมุมปาก
“เ้าคนทราม กล้าดียังไงมาทำร้ายท่านอ๋องเล็ก วันนี้เ้าต้องตาย!” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 คนนั้นแสยะยิ้ม จากนั้นวาดฝ่ามือโจมตีเย่เฟิงอีกครั้ง ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 พลังโจมตีของเขาย่อมแข็งแกร่งจนถึงขั้นที่สามารถฆ่าเย่เฟิงได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่พลังที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่จะต่อต้านได้เลย
เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ คนของจวนเซิ่งอ๋องเลวทรามมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 เช่นนี้ เขาจะนิ่งดูดายได้อย่างไร? ทันใดนั้นไอมารสีดำพวยพุ่งออกจากร่าง วิชากลมารถูกปลดปล่อย จากนั้นฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังมารพุ่งโจมตีผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น
“ตูม!!!” สองการโจมตีเข้าปะทะกัน ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว เย่เฟิงเซถอยหลังไปอีกครั้งพร้อมกระอักเื ตบะของทั้งสองฝ่ายห่างกันมากเกินไป หากเย่เฟิงไม่สำแดงวิชากลมาร เกรงว่าเขาคงถูกการโจมตีนี้ของอีกฝ่ายฆ่าตายไปแล้ว
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 คนนั้นเหยียดยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาก็พลันจางหายในนาทีต่อมา เขารู้สึกว่ามีไอมารลามขึ้นตามแขน ก่อนจะเข้าสู่ร่างกายทีละนิด ทำให้เขาตัวแข็งทื่อ อยากขยับตัวแต่ก็ทำไม่สำเร็จ แม้ความรู้สึกนี้จะชั่วคราว แต่เย่เฟิงก็ฉวยโอกาสนี้ ก้าวออกมาพร้อมพลังดาราโคจรรอบกาย ก่อนเงาร่างจะกลายเป็แสงดาวพุ่งเข้าหาผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น
“หมอนี่บ้าไปแล้วหรือ? ไม่นึกว่าจะเป็ฝ่ายจู่โจมอีกฝ่ายก่อน” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็คิดว่าเย่เฟิงรนหาที่ตาย
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 คนนั้นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะโคจรเคล็ดวิชาเพื่อโจมตีเย่เฟิงอีกครั้ง แต่เขากลับพบว่าเย่เฟิงไม่ได้เข้าประชิดตัวอย่างที่ตนคิดไว้ แต่ทะยานผ่านร่างเขาไปดุจดาวตก
“ท่าไม่ดีแล้ว!” ในที่สุดผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 คนนั้นก็ตอบสนอง ทว่าเป้าหมายของเย่เฟิงไม่ใช่เขา แต่เป็จ้าวซิงอ๋องเล็กที่อยู่ด้านหลังเขา จากนั้นเขาหมุนตัวไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับสายเกินไป พลันเห็นแสงวาบที่ด้านหน้า นาทีนี้เองศีรษะของจ้าวซิงถูกตัด เืพุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุ
บรรยากาศพลันเงียบกริบ ไร้ซึ่งเสียงใด ๆ
ขณะที่ผู้คนมองศพจ้าวซิงนอนจมกองเืต่างก็อดกลั้นหายใจไม่ได้ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเงาร่างชายหนุ่มที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น
“ฆ่า เขาฆ่าจริง ๆ แม้ผู้ฝึกยุทธ์จากจวนเซิ่งอ๋องจะหยุดยั้งไว้ แต่เย่เฟิงก็ยังคงฆ่าจ้าวซิงอ๋องเล็กโดยการบั่นศีรษะ ช่างกล้ายิ่งนัก!”
พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบกริบ ผู้คนออกจากสภาวะใ และมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“เ้ากล้าดียังไงถึงได้ฆ่าเขา?” เซิ่งอ๋องะเิโทสะขณะมองบุตรชายของตนที่ถูกบั่นศีรษะ จากนั้นพลังปราณปะทุออกจากร่างเขา ก่อนจะพุ่งไปกดทับเย่เฟิงหมายบดขยี้ร่างอีกฝ่าย
“นี่คือศึกเป็ตาย การที่ถูกข้าฆ่า ทำได้เพียงบอกว่าเขานั้นไร้ความสามารถ แล้วจะมาโทษข้าได้อย่างไร? จวนเซิ่งอ๋องเองก็เลวทรามไม่แพ้กัน ไม่นึกว่าจะให้คนแทรกแซงโดยการส่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 มาฆ่าข้า หรือจวนเซิ่งอ๋องยอมรับไม่ได้?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น แม้เผชิญหน้ากับเซิ่งอ๋องที่กำลังพิโรธ แต่เขาก็ยังคงไร้ความเกรงกลัวใด ๆ
“เลวทราม?” ไอสังหารปะทุออกจากร่างเซิ่งอ๋อง “ในเมื่อเ้าพูดเช่นนี้ งั้นวันนี้ข้าก็จะเลวทรามให้ถึงที่สุด!”
จากนั้นเซิ่งอ๋องหันไปมองผู้ฝึกยุทธ์จวนเซิ่งอ๋องสองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “พวกเ้าจงไปฆ่าคนผู้นี้ซะ แล้วข้าจะตกรางวัลให้!”
“ขอรับ เซิ่งอ๋อง!” ผู้ฝึกยุทธ์เ่าั้รับคำสั่ง ซึ่งพวกเขาแต่ละคนอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 ขึ้นไป หากร่วมมือกันจัดการเย่เฟิง มีหรือเย่เฟิงจะรอดชีวิตไปได้?
“ช้าก่อน!” ตอนนั้นเองมีเสียงเกรงขามดังขึ้น ก่อนทุกสายตาจะมองไปทางต้นเสียง พบว่าผู้พูดก็คือฉินเจิ้นถิงจากสำนักยุทธ์เทียนเสวียน
“ศิษย์สำนักข้าและบุตรท่านเห็นพ้องต้องกันกับศึกเป็ตายและต่อสู้อย่างยุติธรรม บัดนี้ท่านลงมือจัดการศิษย์ข้าเพื่อแก้แค้นให้บุตรท่าน นี่น่ะหรือเซิ่งอ๋องผู้เกรงขาม?” ฉินเจิ้นถิงกล่าวเสียงเย็น จากนั้นเห็นเขาสะบัดมือ จู่ ๆ หลายเงาร่างจากทางด้านหลังเขาทะยานขึ้นฟ้าไปเยือนเวทีประลอง เพื่อคุ้มกันเย่เฟิง คนเหล่านี้คือผู้าุโของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน และตบะล้วนอยู่ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูง
“เื่นี้ไม่เกี่ยวกับเ้าฉินเจิ้นถิง ข้าแค่แก้แค้นเพื่อลูกข้าก็เท่านั้น!” เซิ่งอ๋องเห็นฉินเจิ้นถิงเข้ามาเกี่ยวก็กล่าวเสียงเย็นเช่นนั้น
“เย่เฟิงคือศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้า เื่ของเขาย่อมเป็เื่ของสำนักเช่นกัน หากเซิ่งอ๋องยืนกรานจะจัดการเย่เฟิง เช่นนั้นก็เท่ากับเป็ศัตรูสำนักยุทธ์เทียนเสวียน” ฉินเจิ้นถิงกล่าว
เซิ่งอ๋องชะงักไปเล็กน้อย ท่าทีของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนทำเขาเกินคาดมาก ในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ ไม่คิดว่าสำนักยุทธ์เทียนเสวียนจะตั้งตัวเป็ศัตรูกับเขาเซิ่งอ๋องเพื่อปกป้องศิษย์ขั้นรวมชี่เพียงคนเดียว นี่ถือเป็การพิสูจน์ท่าทีของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนได้อย่างชัดเจนแล้ว
ภายใต้การคุ้มครองจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูงหลายสิบคน เซิ่งอ๋องรู้ว่าหากวันนี้ยืนกรานจะฆ่าเย่เฟิง เกรงว่าคงจะยากเสียแล้ว
“ดี ดีมาก ข้าไม่อยากมีเื่กับพวกเ้า แต่ยังไงบัญชีนี้ข้าจักต้องชำระอย่างแน่นอน!” เซิ่งอ๋องกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาเกลียดเย่เฟิงเข้ากระดูกดำ หากมีโอกาสเมื่อใดเขาจะบดขยี้เย่เฟิงให้แหลก ในฐานะผู้ใหญ่ เซิ่งอ๋องย่อมรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรใน่เวลาสำคัญ ตราบใดที่เย่เฟิงอยู่ในอาณาจักรจ้าว เซิ่งอ๋องแน่ใจว่าจะสามารถคร่าชีวิตเย่เฟิงได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อน
ศพจ้าวซิงถูกโยกย้าย บรรยากาศเงียบเชียบ นาทีนี้ทุกคนต่างมองเย่เฟิงโดยไร้ท่าทีดูถูก เขาฆ่าบุตรของเซิ่งอ๋องต่อหน้าต่อตาผู้คน ช่างใจกล้ายิ่งนัก
“คนผู้นี้จะยั่วยุไม่ได้!” หลายคนผุดความคิดนี้ขึ้นในใจขณะมองเย่เฟิง ซึ่งความแข็งแกร่งของเย่เฟิงนั้นได้ทิ้งความประทับใจให้กับพวกเขาอย่างลึกซึ้ง อยู่เพียงขั้นรวมชี่ที่ 8 แต่สังหารจ้าวซิงที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 พลังต่อสู้เช่นนี้เรียกได้ว่าผิดมนุษย์มนา
จบศึกนี้เย่เฟิงก็ได้เข้าสองอันดับแรกของงานชุมนุมหวงปั่ง จากนั้นประลองกับผู้ชนะระหว่างโอวหยางเจินหรือไม่ก็ฉวนเถี่ยจู้เพื่อชิงอันดับที่ 1 ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ใดคิดว่า เย่เฟิงจะมาถึงจุดนี้ได้และกลายเป็จุดสนใจของเหล่าผู้คน
“หมอนี่อวดดีมาก!”
บนเจดีย์เชื่อมฟ้าชั้นที่ 9 หลิงเอ๋อร์กะพริบตาปริบ ๆ พลางถอนใจยาว นางเห็นฉากดังกล่าวเมื่อครู่นี้แล้ว มิหนำซ้ำความอวดดีของเย่เฟิงยังทิ้งความประทับใจให้กับนางอย่างลึกซึ้งอีกด้วย
บนเวทีประลอง โอวหยางเจินและฉวนเถี่ยจู้ยังคงต่อสู้ไม่หยุด ทั้งสองคนต่างาเ็ สภาพก็ยังดูไม่ได้ มองปราดเดียวก็ดูออกแล้วว่าโอวหยางเจินกับฉวนเถี่ยจู้ที่ปลุกพลังสายเืมีฝีมือพอ ๆ กัน หากเป็เช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะตัดสินผู้แพ้ชนะได้ยาก
เป็ไปตามคาด จู่ ๆ โอวหยางเจินก็วางมือจากการต่อสู้ แล้วกล่าวกับฉวนเถี่ยจู้ว่า “พอเถอะ เ้ากับข้ามีฝีมือพอ ๆ กัน ขืนสู้กันต่อไปก็ไม่มีทางตัดสินแพ้ชนะ มิสู้สงบศึกชั่วคราว แล้วเ้ากับข้าผลัดกันสู้กับเย่เฟิง หากใครเอาชนะเย่เฟิงได้ก็เป็อันดับที่ 1 ของงานนี้ แต่ถ้าเ้ากับข้าเอาชนะเขาได้ ก็ค่อยมาตัดสินกันอีกที ”
“ก็ดี!” ฉวนเถี่ยจู้ฉีกยิ้มให้โอวหยางเจิน ท่าทีไร้พิษภัยของเขายากจะจินตนาการได้ว่าเป็คนบ้าระห่ำมากเพียงนี้ จากนั้นทั้งสองคนไขว้ขานั่งลงขัดสมาธิและเริ่มปรับลมหายใจ
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ตะลึงงัน โอวหยางเจินกับฉวนเถี่ยจู้ยังไม่ตัดสินผู้แพ้ชนะ แต่จะสู้กับเย่เฟิงก่อน นี่ช่างน่าสนใจมาก
เย่เฟิงเผยรอยยิ้มขมขื่น ในเมื่อทั้งสอง้าสู้กับเขาก่อน เช่นนั้นเขาก็มีแต่ต้องตกลง จากนั้นนำเม็ดยาออกจากแหวนมิติ ก่อนจะกลืนลงท้อง เริ่มกระบวนการรักษา ซึ่งจากการประมือสองครั้งเมื่อครู่นี้ทำให้เขาาเ็เช่นกัน แต่เขาก็ยังได้รู้ว่าช่องว่างระหว่างตัวเองกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 แตกต่างกันเพียงใด
บัดนี้เย่เฟิงสังหารจ้าวซิงก็เท่ากับว่าทำจวนเซิ่งอ๋องพิโรธ ั้แ่นี้เป็ต้นไป เย่เฟิงเชื่อว่าเซิ่งอ๋องต้องหาโอกาสฆ่าเขาอย่างไม่ลังเลแน่นอน ดังนั้นสิ่งที่เย่เฟิงต้องทำก็คือยกระดับพลังของตน หากเขาบรรลุขั้นยุทธ์แท้ได้ หนทางข้างหน้าเขาก็จะปกป้องตัวเองได้ แต่เขาในเวลานี้ยังอ่อนแอเกินไป
ศัตรูเ่าั้สามารถส่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูงมาฆ่าเขาตอนไหนก็ได้
