เ่ิูตัดสินใจแล้ว เขาไม่รอช้ารีบลงมือทันที
เด็กหนุ่มกระตุ้นกำลังภายใน จากนั้นก็ตวัดมือวาดหมัดจู่โจม
ตูม!
สะพานหินที่ซ่อนตัวทะลุเป็รูกลวงโบ๋
โขดหินน้อยใหญ่แตกกระจาย ฝุ่นควันฟุ้งตลบไปทั่ว
ตอนนั้นเองที่เ่ิูกระโจนจากใต้สะพานขึ้นมา เท้าไม่แตะพื้น เงื้อฝ่ามือดั่งฟ้าฟาด เสียงเพี้ยะๆๆๆ ดังติดต่อกัน โจมตีด้วยฝ่ามือในพริบตา พลทหารกรมบรรพตทมิฬบนสะพานตั้งตัวไม่ทัน โดนฟาดหัวไปเต็มรัก เสียงขึ้นจมูกดังระงม ทั้งสี่ไม่มีโอกาสจะเอ่ยคำใด ร่างกายพลันอ่อนยวบแล้วล้มคะมำลงไป
เ่ิูแค่ตบให้สลบเท่านั้น ไม่ได้้าให้ถึงชีวิต
“ใครวะ?”
บนสะพาน เหลือเพียงทหารบรรพตทมิฬคนสุดท้ายที่ยังเหลือรอด เขาอ้าปากอุทานลั่นอย่างตระหนก
เสียงนั่น เป็ของเซี่ยโหวอู่ไม่ผิดแน่
เ่ิูหัวเราะเย็น ก่อนเยื้องกรายเข้าไปใกล้
เซี่ยโหวอู่รู้สึกว่าเสียงหัวเราะนั่นช่างคุ้นหู เหมือนว่าเคยพบเจอที่ไหนมาก่อน แต่ในยามฉุกละหุกคงไม่มีเวลาให้คิดหนัก เขาถือหอกตัดขวางตั้งรับการโจมตีของคู่ต่อสู้
เ่ิูยังคงวาดหมัดออกไปทีเดียว
ตึง!
เสียงกัมปนาทยามหอกที่หลอมจากเหล็กกล้าถูกหมัดจนบิดเบี้ยว
กำปั้นขยี้หอกที่ครวญครางไม่ได้ศัพท์ แรงทะลุจนหมัดปะทะเซี่ยโหวอู่
ตัวหอกแตกร้าว
เซี่ยโหวอู่ิญญาแทบหลุดจากร่าง เขารู้สึกถึงแรงหมัดล้นทะลัก จู่โจมเข้ามาประทับอก จากนั้นก็กระจายเหมือนูเาไฟะเิ ทุกส่วนถูกทำลายจนสิ้นเค้า เขาได้ยินแม้แต่เสียงอวัยวะภายในแหลกละเอียดอย่างน่ากลัว
เสียงพญามัจจุราชใกล้เข้ามา
เซี่ยโหวอู่เบิกตากว้าง
“เ้า...” เขารู้ตัวเ่ิูจนได้
บัดนั้นเองที่เซี่ยโหวอู่สิ้นความชังและคลุ้มคลั่ง กลายเป็กลัวลนลานยิ่งกว่าใดทั้งมวล มาปะทะกับเ่ิูเอาตอนนี้ หรือจะเป็โองการ์? คราวนี้ไม่เหมือนในสมรภูมิหุบเขาปัดป้อง ถ้าตายก็คือตายจริง ไม่มีโอกาสฟื้นคืนชีพ
“เ้าควรจะได้ตายนานแล้ว คราวนี้ใครจะช่วยเ้าได้?” เ่ิูเงื้อหมัดะเิพลังรอบสอง
“เ้า...เ้ากล้าฆ่าข้า เ้า...” เขาคำรามอย่างดุร้าย ใบหน้ามีแต่ความร้ายกาจ ตัวลอยเหมือนว่าวกระดาษโดนตัดโครง กระแทกเข้ากับกำแพงหิน กระอักเืกระฉูดอย่างบ้าคลั่ง เขาหมดสติไปในทันที
เ่ิูเงื้อแขน คมดาบตัดโซ่ตรวนบนตัวบุรุษชุดดำจนแหลกลาญ
“มากับข้าเร็ว” เ่ิูยื่นมือประคองเขา
ใครจะรู้ว่าบุรุษชุดดำที่ได้าเ็สาหัสและรู้ตัวเ่ิู จะถอยหลังให้แล้วส่ายหน้า
เ่ิูชะงัก
ชายอาภรณ์ดำเผยยิ้มขม แต่กลับส่ายหน้าอย่างมาดมั่นยามเอ่ย “คุณชายท่านรีบไปเถอะขอรับ พวกเขาเห็นหน้าผู้น้อยแล้ว รู้ว่าผู้น้อยหน้าค่าตาเป็เช่นไร นครลู่ิในตอนนี้ อาณาทะเลระทมลงมา จะถูกกองทัพสืบเสาะจนหมด สุดท้ายก็ต้องถูกจับได้อย่างแน่นอน ท่านอย่าข้องเกี่ยวกับข้าเลย ไม่เช่นนั้นแล้วจะกลายเป็ยุ่งยากเอาได้นะขอรับ...”
“แต่ว่า...”
เ่ิูยังคงไม่ยอม
ชายผู้นี้ได้รับมอบหมายให้พาเขาไปพบกับหวังเจี้ยนหรูและเด็กน้อย นั่นก็บอกได้ชัดแล้วว่าเขาต้องเป็คนที่นางไว้ใจมาก หากเป็ไปได้ เ่ิูก็อยากช่วยเขาแน่อยู่แล้ว
“คุณชายท่านควรไป อย่ามาตัวมาเสี่ยงอันตรายเลยขอรับ” ชายอาภรณ์ดำก้าวถอยหลังอีกสองก้าว “ผู้น้อยจะสละชีวิต หากมิใช่เพราะนายท่านข้าคงตายไปนานแล้ว ตอนนี้ข้าจักคืนชีวิตให้นายท่าน...คุณชาย รีบไปเถอะ นายท่านจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว คุณหนูไม่เป็อันตรายแน่นอน ท่านอย่าได้กังวลอีกเลย”
เอ่ยพลางเอื้อมมือหยิบดาบยาวที่ตกอยู่ข้างตัว เสียดดาบไวเหมือนฟ้าแลบ เสียบใบหน้าตัวเองอย่างไม่ปรานี
เ่ิูตื่นตระหนก
เห็นเขากรีดดาบลอกหนังหน้าตัวเองออกมาจนหมด เนื้อแดงๆ ฉ่ำโลหิต ให้ตายก็ไม่มีวันล่วงรู้หน้าตาที่แท้จริงของเขา บุรุษชุดดำหัวเราะร่า เขาแทงดาบทะลุอกตัวเอง จากนั้นจึงหันหลังะโลงแม่น้ำใต้สะพานหิน
เ่ิูเงียบงัน
เขารู้ว่าบุรุษคนนั้นกรีดหน้าตัวเองเพราะกลัวว่าตัวจะตาย แต่หากถูกสืบประวัติจนพบเมื่อไร ครอบครัวที่รักต้องพลอยโดนลูกหลงไปด้วย ดังนั้นจึงฆ่าตัวตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด
เป็ชายชาตรีที่ภักดีเข้มแข็งอะไรอย่างนี้
เ่ิูะเืใจยิ่งนัก
ทันใดนั้นเองที่เสียงฝีเท้าแว่วมาจากที่ไกลๆ พลทหารแกล้วกล้าแห่งกรมบรรพตทมิฬวิ่งรี่เข้ามาจำนวนมาก
เ่ิูทอดถอนใจ ก่อนหันกายถอยทัพไปอีกทาง
เมื่อเดินผ่านศพของเซี่ยโหวอู่ เขาก็ใจเต้น กลัวว่าเ้านี่จะแกล้งตาย จึงรีบวิ่งไปเตะหินก้อนหนึ่งออกมา กระตุ้นกำลังภายในจนหินเป็ดั่งธนูโก่งยิง ทุบหัวศพจนเหลวแหลก เมื่อยืนยันแน่ว่าตายจริง เ่ิูถึงรีบหลบซ่อนอย่างรวดเร็วในม่านหมอกไกลออกมา
ทหารเกราะดำปิดบังใบหน้าหลายสิบคนรุดมาถึงสะพานหินอย่างฉับไว
...
...
สิบห้านาทีต่อมา
เ่ิูลี้ออกมาจากสมรภูมิอลหม่านรอบด้านแดนม่านหมอกได้สำเร็จ
ประสบการณ์การเข่นฆ่าและขวักไขว่ไปมาจากสมรภูมิหุบเขาปัดป้องทำให้เขามีสัญชาตญาณว่องไวเหมือนสัตว์ป่า สำแดงประโยชน์สำคัญที่แท้จริงออกมา ระหว่างทางกลับเมื่อพบเจอทหารบรรพตทมิฬล้อมปราบหรือขัดขวาง เด็กหนุ่มเป็ต้องสลัดให้หลุดทุกทีไป
ศึกบนอากาศยังคงดำเนินต่อไป
เฉินจิ่วซิงและยอดฝีมือหลายสิบคนในลู่ิโอบล้อมหวังเจี้ยนหรูเอาไว้
นี่ต่างหากคือการต่อสู้ตัดสินแพ้ชนะที่แท้จริง
ประกายกระบี่ดั่งสายฟ้า แหวกผ่าเวหาไม่ได้หยุด
ขวานั์ของเฉินจิ่วซิงนั้น ฟันออกไปเมื่อไร คมขวานอักขระปราณจักตัดนภา แต่ละคราเสมือนมหาสมุทรโหยหวน กลิ้งกลอกเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทรงพลังอย่างยิ่ง เ่ิูกะหยาบๆ ได้ว่าพลังของคนๆ นี้อย่างน้อยต้องระดับอาณาน้ำพุิญญาสามสิบตาเข้าไปแล้ว สมกับที่เป็หนึ่งในสี่ยอดแม่ทัพ แข็งแกร่งยิ่งนัก
แต่ถึงจะเป็เช่นนั้น บวกผู้แข็งแกร่งอาณาน้ำพุิญญาอีกหลายสิบคนเข้าไปด้วย เฉินจิ่วซิงก็ยังเป็รองอยู่ดี
หวังเจี้ยนหรูถืออะไรอยู่ในมือขวาเล่า ยามสะบัดทีถึงได้เป็ไอกระบี่แหวกเวหา ประกายล้วนแวววาวดุจดาวตก แม้ไอดาบจะไม่ทรงพลังมหาศาลเช่นคมขวานปราณ แต่เจิดจรัสยิ่งกว่า ขโมยความสว่างแห่งสุริยันและจันทรา พริบตาเดียวกลับฟันคมขวานปราณได้แล้ว
เ่ิูถอยออกมานอกเขตพันเมตร นั่งอยู่ในโรงน้ำชาปะปนอยู่กับฝูงชน เด็กหนุ่มมองการต่อสู้บนฟ้าอย่างจดจ่อ
คนรอบข้างคุยจอแจ ถกประเด็นเื่ที่เกิดขึ้นในเมืองวันนี้
“ยินข่าวมาว่าเครือการค้าชิงหลัวเกิดหญิงมารอับแสงขึ้นคนหนึ่งหรือ?”
“ใช่แล้ว เห็นอิสตรีใช้กระบี่บนฟ้านั่นไหม พลังแกร่งกล้าเชียวล่ะ เขาว่าปกป้องหญิงมารอับแสงคนนั้นสุดชีวิตเลยนี่นะ!”
“เหมือนหญิงมารอับแสงคนนี้จะเป็ศิษย์สำนักกวางขาวด้วยนะ”
“หวังว่าทหารจะกำจัดนังมารคนนี้ได้ไวๆ ไม่งั้นล่ะก็ ข้าเคยได้ยินมาว่าหญิงมารอับแสงจะพาคำสาปมาด้วย คนทั้งเมืองจะเคราะห์ร้ายกันหมด”
บนโลกที่วรยุทธ์เฟื่องฟูนี้ มีคนกลัวตายมากมาย แต่คนไม่กลัวตายและชอบเสาะหาความบันเทิงนั้นมีมากกว่า ไม่ใช่แค่ที่โรงน้ำชานี้แห่งเดียวเท่านั้น ทุกที่ซึ่งอยู่ห่างจากรัศมีทำลายล้างล้วนมีแต่คน โดยเฉพาะยอดฝีมือ พวกเขามองศึกดั่งเทพเซียนห้ำหั่นกันบนฟ้าเป็ตาเดียว
เหมือนว่าคนประเภทเฉินจิ่วซิงจะไม่เคยสู้สุดฝีมือมานานมากแล้ว ต่อให้เป็นักยุทธ์มากมายในเมืองยังหาดูการต่อสู้ะเืฟ้าดินเช่นนี้ได้ยากยิ่ง ต่างคนต่างก็จ้องมองอย่างเลื่อนลอย
เ่ิูผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อย เขาแฝงตัวอยู่กับผู้คน ไม่เอื้อนเอ่ยอะไร
จนถึงตอนนี้ ศึกบนนภาผ่านมาตกครึ่งชั่วโมงแล้ว
เ่ิูรู้สึกว่ามีบางอย่างทะแม่งๆ แต่มองรูปการณ์แล้วก็พูดไม่ออกอยู่ดี
ฉับพลันก็มีเื่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นบนเวหา...
ลำแสงหนึ่งมุ่งตรงจากทิศตะวันตก ชัชวาลเหมือนดวงตะวันมาเยือน กลายเป็แสงดาวแน่นขนัดเหมือนแต้มหยาดฝน ม้วนตัวเข้าหาหวังเจี้ยนหรู
เ่ิูมองอย่างละเอียด มันเป็จุดแสงสีเขียวอะไรสักอย่าง
เป็แสงดาบสีเขียวนับไม่หวาดไม่ไหวเข่นฆ่าหวังเจี้ยนหรูดุจลมแรงและพายุฝน
มีผู้แข็งแกร่งปรากฏตัวขึ้นอีกแล้ว
ผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของกองพลทิศประจิม แม่ทัพเฉียนหยวน
คนรอบทิศชักตื่นเต้น
แม่ทัพกองพลผู้พลังแข็งแกร่งและทรงสิทธิ์ทั้งสอง อำนาจบาตรใหญ่ เป็บุคคลสำคัญอย่างแน่แท้ สำหรับชาวบ้านตาดำๆ ในลู่ิแล้ว คนเหล่านี้คือเทพัที่เห็นหัวไม่เห็นหาง สองคนนี้ต่อสู้กับศัตรูคนเดียวกัน เป็เื่มงคลที่ไม่เคยพบเคยเจอมาสิบกว่าปีแล้ว
แต่เ่ิูชักเป็ห่วงขึ้นมา
เขาอาจเป็คนเดียวในบรรดาทั้งหมดที่หวังให้หวังเจี้ยนหรูและ่เี่ิหนีไปอย่างปลอดภัย
ผ่านไปครู่หนึ่ง ความกังวลของเ่ิูก็บรรเทาลงบ้าง
แม่ทัพทิศประจิมเฉียนหยวนสำแดงพลังกล้าแกร่ง แสงดาบกลายเป็สายฝน ไอสีเขียวแอบแฝงพลังประหลาดน่ากลัว กำลังปราณล้นปรี่ ไม่ได้ด้อยไปว่าแม่ทัพทิศทักษิณเฉินจิ่วซิง แต่เื่น่าแปลกก็คือ แม้เฉียนหยวนจะร่วมแรงช่วย กลับเหมือนไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ หวังเจี้ยนหรูยังคงยับยั้งเหล่ายอดฝีมือของสำนักกวางขาวไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
“แปลกจริง หวังเจี้ยนหรูชำนาญเพลงกระบี่ ทำไมนางถึงไม่ตีฝ่าวงล้อมออกมาล่ะ?” เ่ิูแปลกใจ
ครืนๆ!
ตามการะเิของลำแสงปราณั์สองสาย ทิศทางอุดรและบูรพาก็มีผู้แข็งแกร่งปรากฏกายขึ้นมาอีก ดั่งสายรุ้งเยือนฟากฟ้า หวีดร้องเข้ามา เพิ่มกำลังโจมตีขึ้นอีกแรงในบัดดล
สุดยอดแม่ทัพเพิ่มมาอีกสอง
หมู่ชนผู้สังเกตการณ์รอบด้านฮือฮากันอุตลุด
สี่สุดยอดแม่ทัพสำแดงเดชพร้อมกัน!
“เหอะๆ สวะสี่ชิ้นออกมาแล้วใช่ไหม?” น้ำเสียงของหวังเจี้ยนหรู ในเสียงหัวเราะมีความยโสและดูถูก “ฉินอิ๋ง เ้าเมืองเช่นเ้ายังไม่ยอมโผล่หน้ามาอีกหรือ? กล้าลงมือกับข้า แต่ใจปลาซิวไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับข้า ส่งเ้าพวกแมงหวี่แมงวันมาตายงั้นหรือ?”
สุ้มเสียงเงียบลง
แสงกระบี่ะเิจากมือขวาของหวังเจี้ยนหรู
กระบี่นี้บดบังความงดงามของใต้หล้าจนหมดสิ้น
ไม่ว่าจะคมขวานปราณของเฉินจิ่วซิง ไอกระบี่เขียวเต็มฟ้าของเฉียนหยวนหรือพลังจู่โจมของแม่ทัพอีกสองและผู้แข็งแกร่งวรยุทธ์อีกหลายสิบคน เมื่อไอดาบนี้วาดลงมา ราวกับความร้อนผ่าวละลายหิมะขาว กำจัดจนสะอาดหมดจด ที่ใดก็ตามที่กระบี่วาดไป ท้องนภาเหมือนถูกตัดขาด กลุ่มเมฆแตกซ่านไม่เป็ท่า หลืบสีครามแล่นผ่านนครลู่ิ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้