อาจารย์เจิ้งพูดซ้ำอีกรอบ “ไม่มีใครอยากนั่งข้างนางหรือ? มานั่งตรงนี้หนึ่งคน” บัณฑิตหญิงบางคนหัวเราะเยาะ บางคนก็รู้สาเหตุแต่ไม่พูดอะไร บางคนก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น สรุปแล้วไม่มีใครอยากนั่งข้างนาง
เดิมทีการนั่งๆ ไปก่อนมันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่อาจารย์เจิ้งรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ไม่ได้รับการตอบสนอง ดังนั้นนางจึงถามคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขอให้บัณฑิตหญิงในแต่ละแถวมานั่งข้างเหอตังกุยหนึ่งคน แต่บัณฑิตหญิงก็ขัดคำสั่งของนาง ไม่มีใครขยับแม้แต่คนเดียว
หลัวป๋ายฉยงและลูกพี่ลูกน้องของนางหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็มีเด็กหญิงอีกจำนวนมากหัวเราะตาม ด้วยการใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากของตน และยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนโห่ร้องออกมา แต่ไม่ใช่โห่ร้องให้อาจารย์เจิ้งเพราะกฎข้อแรกของสำนักศึกษาเฉิงซวี่คือ ‘เคารพครูผู้สอน’
เผิงเจี้ยนที่นั่งฝั่งสำนักศึกษาชายมองดูเด็กสาวแก้มสีแดงสดอยู่หลายครั้ง ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่านางคือน้องสามของเขา พวกเขาไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว เขาคิดจะเข้าไปปกป้องนางทันที นี่... นางยังไม่ทันได้ล่วงเกินอะไรพวกเ้า เหตุใดถึงต้องให้นางอยู่เช่นนั้นคนเดียวด้วย? เผิงสือััได้ถึงความโกรธของน้องชายที่กำลังจะปะทุขึ้น เขาจึงจับตัวน้องชายเอาไว้และเตือนว่า “ถ้าเ้าไม่ทำตามกฎแล้วก่อเื่วุ่นวาย ข้าจะส่งจดหมายให้ทางจวนมารับเ้ากลับไป ยิ่งไปกว่านั้นเ้าช่วยอะไรนางไม่ได้ และนางก็ไม่้าความช่วยเหลือจากเ้าด้วย”
ในขณะเดียวกัน อาจารย์เจิ้งผู้ดื้อรั้นก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น นาง้าให้ใครสักคนไปนั่งข้างๆ เหอตังกุยแต่เหล่าบัณฑิตหญิงพวกนี้กลับไม่ไว้หน้านางแม้แต่น้อย ทันใดนั้น เกือบทุกคนในลานกว้างแห่งนี้ต่างก็ให้ความสนใจกับเื่นี้อย่างพร้อมเพรียง
อาจารย์ใหญ่ป๋ายขมวดคิ้วพลางคิดว่า ‘พิธีเปิดเรียนวันแรกมันสำคัญมากเพียงใด แต่ดูสิ นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้น? วันนี้มีแขกพิเศษมากมายมาที่นี่ อย่าให้แขกคนสำคัญอย่างซุนเหยียนปิน นักพรตเต๋าที่มาใหม่และคุณชายต้วนหัวเราะเอาได้’ ต้วนเสี่ยวโหลวที่นั่งอยู่บนแท่นพิธีคิดในใจว่า ‘ผู้ที่ถูกผู้คนหัวเราะเยาะและโห่ร้องนั้นคือน้องเหอของเขาหรือไม่? เหตุการณ์เช่นนี้ หากตนเข้าไปช่วยมันจะเหมาะสมหรือไม่?’
เหอตังกุยนิ่งสงบราวกับไม่สะทกสะท้านใดๆ นางก้มศีรษะลงและยอมรับเสียงหัวเราะจากผู้คนที่ไร้ความปรานี เพียงคิดในใจว่า เหตุใดพวกเขาเ่าั้ถึงได้หัวเราะเยาะนาง ปิ่นปักผมและชุดของนางเป็ของชั้นดีที่บ่าวรับใช้ของเหล่าไท่ไท่มอบให้ ใบหน้าของนางห้วยฮวาก็เป็ผู้ทาสีชาดให้ การแต่งหน้าของสตรีเกือบร้อยคนก็แดงกว่านางไม่รู้ว่าเท่าไร เห็นหน้าเพียงครั้งแรกนางจะแยกแยะความผิดปกติได้อย่างไร? มีเพียงไม่กี่คนในนี้ที่รู้จักนาง คนพวกนั้นจะมั่นใจได้อย่างไรว่าพวกนางกำลังหัวเราะให้กับคนที่ด้อยกว่านาง?
ในขณะที่สถานการณ์กำลังวุ่นวายนั้น เหอตังกุยอยากจะพูดหรือทำอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็มีเด็กผู้หญิงตัวอ้วนซึ่งศีรษะของนางประดับไปด้วยดอกไม้รีบวิ่งมานั่งข้างๆ นาง ร่างกายกลมและดูกำยำของนางแทบทำให้เหอตังกุยล้มลงพื้น
“ข้าขอโทษ” สาวน้อยร่างอวบเอ่ยขอโทษทันที “เมื่อครู่นี้ข้าไม่ได้ยิน ไม่อย่างนั้นข้าจะมานั่งข้างเ้านานแล้ว ข้าชื่อเลี่ยวชิงเอ๋อร์ เป็ครั้งแรกที่ข้ามาเมืองหยางโจว ข้ายังไม่รู้จักถนนในเมืองนี้และยังไม่คุ้นเคยที่นี่มากนัก ช่วยแนะนำข้าด้วยนะ”
เหอตังกุยพยายามทำให้ร่างบางของตนนั่งได้อย่างมั่นคง พยักหน้าและกำลังจะเอ่ยว่าไม่เป็ไร จู่ๆ สาวน้อยร่างอวบก็ยื่นสำลีสองก้อนให้นางดูและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดังกังวาน “ข้าไม่ได้ยินจริงๆ ข้าไม่ได้โกหกเ้า เ้าดูสิ เมื่อครู่นี้ข้าใช้เ้านี่ปิดหูสองข้างเอาไว้ ทำเช่นนี้ข้าก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย”
หลังจากสิ้นประโยคนั้น เด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ก็หยุดพูด และทุกคนในลานกว้างก็หันมามองพวกนาง เลี่ยวชิงเอ๋อร์เอ่ยกับเหอตังกุยอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินเสียงคนจอแจเกี่ยวกับเื่เลือกบุรุษสตรีที่งดงามอะไรพวกนั้น อย่างต้วนเสี่ยวโหลวผู้รูปงาม กวนโม่ผู้สง่า เผิงสือผู้มีคิ้วโค้งงามเหมือนดาบมีดวงตาเหมือนดวงดาว เมิ่งเซวียนผู้ยอดเยี่ยมไร้ผู้ใดมาเทียบเคียง หลัวป๋ายเฉียนผู้เรียบร้อยมารยาทดี พวกนางพูดเสียงดังเหมือนผึ้งอยู่ข้างหูข้า ใครเป็ใครกันแน่ ข้าไม่รู้จักสักคน แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังหาบุรุษรูปงามไม่เจอสักคน อย่างน้อยก็ไม่มีใครสู้องครักษ์ส่วนตัวของข้าได้ เขามีร่างกายกำยำ ผิวสีน้ำตาล แขนของเขาดูแข็งแกร่ง บุคลิกภายนอกของเขาดูแข็งกร้าวแต่ภายในนั้นอ่อนโยน ในนิสัยป่าเถื่อนของเขาก็ยังมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ ในความเศร้าหมองยังแฝงความหดหู่ เขาเป็บุรุษที่สตรีทุกคนต้องชอบเมื่อได้เห็น เหมือนกับพี่ชายของข้า ตอนนี้ข้ากำลังพยายามจะได้หัวใจเขาอยู่”
เหอตังกุยจ้องไปที่สาวน้อยร่างอวบผู้นี้อย่างแปลกใจ ในขณะเดียวกันนางก็กวาดตามองไปรอบๆ ความเงียบงันเช่นนี้คืออันใดกัน
“แล้วเ้าเล่า…” เลี่ยวชิงเอ๋อร์หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาจากกล่องไม้ใบเล็ก พลางกล่าวว่า “นี่คือผ้าเช็ดหน้าแบบเปียกที่ใช้แล้วทิ้ง ข้าทำมันขึ้นมาเอง ่วัยรุ่นน้ำมันออกมาบนหน้าเยอะก็เลยจำเป็ต้องใช้” เลี่ยวชิงเอ๋อร์จับใบหน้าของเหอตังกุยเแล้วเช็ดแป้งสีแดงบนใบหน้าของนางออก
เหอตังกุยมองไปที่ผ้าเช็ดหน้าสีขาวนั้นอย่างร้อนใจ เมื่อเห็นว่าไม่มีคราบสีเหลืองอ่อนจากแป้งอิงอิงนางก็เบาใจ เลี่ยวชิงเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้มกว้างว่า “เมื่อครู่นี้ข้าเห็นเ้าเดินเข้ามาในลานกว้าง เ้าช้อนตามองไปทางแท่นพิธี เ้าดูสวยมาก จนทำให้ข้ารู้สึกว่าตัวเองสดชื่นเหมือนได้กินไอติม แม้ว่าเ้าจะใช้ผงปัดแก้มสีแดงมากเกินไป แต่ข้าก็มองออกว่าเ้าเป็สาวน้อยงดงามมากผู้หนึ่ง ดูงดงามกว่าพวกเด็กหญิงที่เหมือนโคมไฟพวกนั้นเสียอีก” ในขณะเดียวกันนางก็ชี้ไปที่ปิ่นปักผมหยกทองและเงินที่งดงามบนศีรษะของลูกพี่ลูกน้องของหลัวป๋ายฉยงและตัวหลัวป๋ายฉยงเอง หลังจากที่เลี่ยวชิงเอ๋อร์พูดเช่นนั้นทุกคนก็รู้สึกว่าพวกนางเหมือนกับโคมไฟจริงๆ
เผิงเจี้ยนที่อยู่ฝั่งสำนักศึกษาชายก็หยุดหัวเราะเพราะเผิงสือใช้มือตบมาที่เขาอย่างกะทันหัน ก่อนที่เผิงสือจะกระซิบว่า “อย่าหัวเราะออกมา” ทันทีหลังจากนั้นพวกของหลัวป๋ายฉยงก็มีสีหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว
เหอตังกุยไม่รู้ว่าสาวร่างอวบผู้นี้มาจากไหน ชั่วขณะนั้นนางไม่รู้ว่าควรเอ่ยตอบอย่างไรดี อย่างคำว่า “ใช่ ไม่เป็ไร ขอบคุณ” เหล่านี้หรือ?
“ไปกันเถอะ ที่นี่น่าเบื่อมาก ถึงอย่างไรก็ไม่ได้พูดเกี่ยวกับเื่ทำมาค้าขาย ฟังก็เหมือนไม่ได้ฟัง เ้าไปเดินรอบๆ เป็เพื่อนข้าดีกว่า ข้ารู้ทางดี” เลี่ยวชิงเอ๋อร์จับมือของเหอตังกุยและออกไปจากสถานที่นั้น เหอตังกุยปฏิเสธในตอนแรก แต่สุดท้ายนางก็ปล่อยให้เลี่ยวชิงเอ๋อร์จูงมือของตนเดินไป
ใช่ นางพูดถูก เดิมทีนางก็ไม่ได้เต็มใจที่จะมาเรียนในสำนักศึกษานี้แต่แรก และการเป็จุดสนใจก็ไม่ใช่เื่ที่นางอยากให้เกิดขึ้น นางไม่ได้อยากนั่งฟังพิธีเปิดเรียนท่ามกลางคำนินทาและสายตาเยาะเย้ย ในเมื่อนางไม่เต็มใจ ไยไม่หนีไปจากที่นี่เล่า? การเดินหนีไปคือสิ่งที่นางเต็มใจ
ด้วยวิธีนี้ นางจึงถูกสาวน้อยแปลกหน้าจูงมือเดินไปตลอดทาง จนกระทั่งอีกฝ่ายหยุดเดินอย่างกะทันหัน ส่วนนางนั้นก็ไม่ทันระวังชนเข้ากับแผงอกที่มีกลิ่นหอมของดอกไม้จางๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็สายตาที่เต็มไปด้วยความรักของต้วนเสี่ยวโหลว
"เ้าเป็ใคร? จะจับพวกข้ากลับไปใช่หรือไม่?” ดวงตากลมโตจับจ้องไปที่บุรุษรูปงามสวมชุดหัวฝูและสวมกวานหยกบนศีรษะ
“ต้วน... ซื่อจื่อ?” เหอตังกุยเอ่ยถามหยั่งเชิง เขาสูญเสียความทรงจำไปแล้วไม่ใช่หรือ
ต้วนเสี่ยวโหลวรู้สึกหงุดหงิดกับคำสามคำเมื่อครู่นี้ ดังนั้นแม้จะยืนอยู่กันสามคน แต่ต้วนเสี่ยวโหลวกลับไม่สนใจคนแปลกหน้า เขาจับมือของเหอตังกุยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ข้าคิดถึงเ้าทุกวันคืน ข้าคิดถึงเ้าทุก่ลมหายใจ เ้าบอกว่าเ้า้า ‘เดิมพันดวงดาว’ กับข้า เ้าบอกว่าครึ่งปีต่อมาหากมีฝนดาวตกที่สะพานดาวสาวทอผ้า นั่นเป็สิ่งที่ยืนยันได้ว่าข้ากับเ้าไม่มีวาสนาต่อกัน ข้ารับเดิมพันกับเ้า เพราะข้าเชื่อว่าพวกเราเกิดมาเพื่อกันและกันและมีวาสนาต่อกัน แต่ข้าได้ยินจากฉีเซวียนยวี่นักดูดาวของหอชินเทียน เขาคาดการณ์ว่าหลังจากผ่านไปครึ่งปีจะมีฝนดาวตกในพื้นที่ทางตอนใต้ ข้าไม่เชื่อว่ามันจะมีเื่บังเอิญอะไรขนาดนั้น แต่ข้าก็ไม่ยอมให้โชคชะตาของเ้ากับข้าถูกตัดสินด้วยเื่ดวงดาวที่ไร้สาระนั่น ดังนั้นข้าจึงมาหาเ้า”
เมื่อเห็นต้วนเสี่ยวโหลว เหอตังกุยก็ไม่รู้จะพูดอะไร ขอโทษหรือ? เ้าไม่มีวาสนาต่อข้าหรือ? ลาก่อนหรือ? อย่าเจอกันอีกเลยงั้นหรือ?
“น้องเหอ วันนั้นข้าเห็นเ้าในห้องโถงซินหรง แม้ว่าตอนนั้นข้าจะดีใจแทบบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปเอ่ยทักทายเ้าได้ เพราะเ้าจะเป็ว่าที่ชายาของข้า ข้ากลัวว่าคนอื่นจะรู้เื่ความสัมพันธ์ของพวกเรา หากพูดออกไปรังแต่จะทำให้เ้าเสียหาย ตอนที่ข้าเห็นเ้าสวมชุดที่ข้าให้เป็ของขวัญ ข้าก็รู้ว่าเ้ามีข้าอยู่ในใจ ข้าดีใจจนอยากจะชักดาบออกมาร่ายรำ แต่วันนั้นข้าหงุดหงิดที่งานเลี้ยงนี้ใช้เวลามากเกินไป ข้าอยากคุยกับเ้าจริงๆ ข้าอยากจะพุ่งเข้าไปกอดเ้าท่ามกลางสายตาของผู้คนแล้วบอกเ้าว่าข้าทุกข์ใจมากเพียงใดที่ไม่ได้พบเ้า เมื่อข้าได้ยินว่าเ้าถูกม้าของกวนป๋ายเหยียบ ข้าก็ร้อนใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ข้าอยากจะเข้าไปตรวจดูอาการาเ็ของเ้าทันที ข้าอยากจะดูว่าร่างกายของเ้าซูบผอมไปมากเพียงใดในระยะเวลาครึ่งเดือนที่เราไม่ได้พบกัน ตอนที่ข้าเข้าใจผิดคิดว่าเ้าตายไปแล้ว ชั่วขณะนั้นข้าคิดเพียงว่าอยากกอดเ้าไปสรวง์พร้อมๆ กัน เพื่อไม่ให้เ้าอยู่อย่างโดดเดี่ยว เมื่อข้ารู้ว่าเ้าถูกนักฆ่าที่ไม่รู้ที่มาที่ไปจับตัวไป ข้าก็เหมือนกับถูกคนพรากิญญาออกไปจากร่าง ในใจของข้าเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นบีบแน่นเอาไว้ และอีกไม่กี่อึดใจหัวใจของข้าก็เหมือนจะะเิออกมาก็ไม่ปาน เมื่อข้ารู้ว่าเ้าได้รับการช่วยเหลือและปลอดภัย หัวใจที่แตกสลายของข้าก็ฟื้นตัวทันที มันเหมือนกับว่าหัวใจของข้าเชื่อมโยงกับเ้า...”
“ฮัดชิ้ว…” เสียงจามดังขัดจังหวะคำสารภาพที่จริงจังของต้วนเสี่ยวโหลว เลี่ยวชิงเอ๋อร์ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก พูดพลางโบกมือไปมา “ขอโทษๆ เ้าพูดต่อๆ”
“ตอนแรกข้าไม่รู้ว่าข้าชอบเ้าจริงๆ หรือไม่ ข้าไม่รู้ว่าตัวเองชอบเ้าที่ตรงไหน ข้าไม่รู้ว่าความชอบนั้นมันจะเพิ่มมากขึ้นขนาดนี้ และข้าก็กลัวว่าข้าจะพลาดความรักครั้งแรกของข้าไป ข้าจึงขอร้องให้ลู่เจียงเป่ยเป็พ่อสื่อให้ แต่กลับถูกเ้าปฏิเสธ ข้าเริ่มรู้ใจของตัวเองมากขึ้น ข้ารู้ว่าตัวเองชอบเ้ามาตลอด ข้าอยากยกย่องเ้า อยากปกป้องเ้าตลอดไป อยากดูแลเ้าให้มากที่สุดเท่าที่ข้าจะสามารถทำได้ หลังจากที่ข้ากลับไปเมืองหลวงข้าก็เริ่มคิดถึงเ้า ข้าพบว่าข้าชอบกลิ่นผมของเ้า ชอบกลิ่นของเ้า ชอบแววตาของเ้า ชอบน้ำเสียงของเ้า ชอบทั้งตอนที่เ้ายิ้มและไม่ยิ้ม เ้าก็เหมือนกับเงาที่สองของข้า เมื่อข้าหันกลับไปเ้าก็จะยืนอยู่ใกล้ๆ ข้าเสมอ มองข้าด้วยสายตาเ็า เ้าใช้เพียงสายตานั้นมองมาที่ข้า ข้าอยากวิ่งตามเ้าโดยไม่ต้องสนใจสิ่งใด ในฝันของข้าหลายครั้ง ข้าจะพบว่าเ้าสวมใส่ชุดแต่งงานมงคลสีแดงโบกมือให้ข้าแล้วพูดกับข้าว่า ‘ข้าได้พบสามีของข้าแล้ว ข้าเองก็ขอให้เ้าได้พบกับชายาของเ้าเช่นกัน’ ชั่วขณะนั้นสิ่งที่บีบรัดหัวใจของข้าให้เ็ปก็คือความรักที่ข้ามีต่อเ้า น้องเหอ ข้ารักเ้า ข้าสงสารเ้า ข้าอยากทะนุถนอมเ้า ข้าเข้าใจเ้า ข้าอดทนรอเ้าเติบโตได้ เ้าอย่าได้แต่งงานกับชายอื่น เ้าเป็ชายาของข้าได้หรือไม่?”
มีชั่วขณะหนึ่งที่นางอยากพยักหน้าและตอบตกลงว่าข้าอยากแต่งงานกับเ้า แต่นาง... จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?
"ไม่ได้" ทันใดนั้นหลิงเมี่ยวอี้ก็รีบวิ่งเข้ามาและพูดว่า“พี่เสี่ยวโหลวท่านห้ามชอบนางเด็ดขาด นางเป็สตรีชั่วช้า เหยียบเรือสองแคม ทั้งยังคบชู้สู่ชายกับพี่เขยของข้า พี่เขยของข้าก็ชอบนางเช่นกัน”
ต้วนเสี่ยวโหลวมองไปที่หลิงเมี่ยวอี้ด้วยความประหลาดใจ “เกาเจวี๋ย? เมี่ยวอี้เ้าอย่าพูดจาเหลวไหล”
เลี่ยวชิงเอ๋อร์เช็ดน้ำตาแล้วบ่นพึมพำว่า “เกาเจวี๋ย? บุรุษที่เยือกเย็นดั่งูเาน้ำแข็งที่ข้าหลงรักน่ะหรือ”
เหอตังกุยมองไปทางซ้ายด้วยความประหลาดใจ นางพูดเสียงต่ำว่า “ปรมาจารย์น้อย? เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? เ้า... อันที่จริงข้า... เ้ามานานหรือยัง?”
เมิ่งเซวียนดูเหมือนจะยิ้ม แต่บางครั้งก็ดูเหมือนไม่ได้ยิ้ม เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่นานหรอก ได้ยินเพียงนิดเดียว”
“ท่านลุง ท่านเป็ใครอีกเล่า?” เลี่ยวชิงเอ๋อร์มองไปที่พุ่มหญ้าซึ่งขึ้นอย่างหนาทึบ และเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ เขาดูเหมือนเฒ่าทารกจิงแปะทง
ไป๋หยางไป่ที่มีกองหญ้าอยู่บนหัวลุกขึ้นมาโบกมือให้เหอตังกุยพลางยิ้มและพูดว่า “ท่านเทพหญิง เอ่อ... ท่านอาจารย์ รับการคารวะจากข้าด้วยขอรับ ความจริงแล้วข้าก็เพิ่งจะมาได้ไม่นาน ได้ยินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” แค่เล็กน้อย เล็กน้อยจริงๆ
“ข้าออกมาดูว่าเ้าเป็อะไรหรือไม่” เมิ่งเซวียนเอ่ย “ในเมื่อไม่ได้เป็อะไร เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อน” เมื่อสิ้นประโยคเขาก็หันไปทางด้านซ้ายและเดินจากไป
“ข้าขอตัวเช่นกัน ข้าเองก็ไม่มีเื่อะไร” ไป๋หยางไป่เลี้ยวซ้ายไปทางตรงกันข้ามและวิ่งจากไป
หลิงเมี่ยวอี้ร้องไห้ราวกับสายฝน เงยหน้าะโบอกต้วนเสี่ยวโหลวว่า “ท่านชอบนาง ท่านจะเสียใจทีหลัง ข้าไม่อยากให้ท่านชอบนาง พี่เสี่ยวโหลว นางไม่คู่ควรกับท่านเลยสักนิด” เมื่อสิ้นประโยคนางก็วิ่งหนีไป
"เมี่ยวอี้ หยุดก่อน” ต้วนเสี่ยวโหลวะโอย่างร้อนใจ เขาเอ่ยขอโทษเหอตังกุย “ข้าขอโทษด้วยนะ เมี่ยวอี้เป็เพียงเด็กสาวที่ดื้อรั้น แต่นางก็ไม่ใช่คนเลว ข้าขอตัวไปดูนางก่อน นางออกจากบ้านไปนานแล้ว ข้าจะกลับมาหาเ้าอีก เ้ารอข้าก่อนนะ น้องเหอ ข้าไม่เสียใจสักนิดที่ข้าชอบเ้า และข้าก็จะไม่ปล่อยเ้าไปไหนตลอดชีวิตนี้ของข้า” เมื่อสิ้นประโยคเขาก็ปล่อยมือออกจากเหอตังกุยและวิ่งตามหลิงเมี่ยวอี้ไป
“นี่ เ้าเป็อันใดหรือไม่?” เลี่ยวชิงเอ๋อร์ตบไหล่ของนางเบาๆ และเอ่ยด้วยความเป็ห่วงว่า “สีหน้าของเ้าดูไม่ดีเลย จริงสิ เ้าชื่ออะไรหรือ? ข้าชื่อชิงเอ๋อร์ ไม่รู้ว่าเหตุใดข้าถึงได้รู้สึกดีกับเ้า พวกเราเป็เพื่อนกันได้หรือไม่?”
เหอตังกุยนั่งลงบนพื้นหญ้าอย่างช้าๆ สองแขนของนางโอบเข่าเอาไว้ ก่อนจะก้มหน้าลง ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นและทำให้นางไร้หนทางจะทำความเข้าใจ
เส้นด้ายแห่งกาลเวลาถูกพันผูกในช่องว่างกาลเวลาเดียวกันเป็ปมแน่นที่ยุ่งเหยิงจนนางไม่สามารถแก้ออกได้ ความรู้สึกที่เ็ปที่ไร้เรี่ยวแรงนี้ทำให้นางรู้สึกหมดหนทาง นางไม่ใช่ิญญาจากโลกอื่นที่ไร้ซึ่งความกังวลหรือ หัวใจของนางมิใช่ถูกทิ้งเอาไว้บนห้วงเวลาอื่นหรือ เหตุใดหน้าอกของนางถึงได้บีบแน่นเ็ปเช่นนี้ เหตุใดนางถึงทุกข์ทรมานเช่นนี้ ใครที่ทำให้หัวใจของนางเ็ป
เส้นด้ายที่แกะไม่ออก... ทั้งหมดนี้ก็ให้เวลาจัดการเถิด นางเป็เพียงผีที่ลอยไปตามสายลมเท่านั้น
...วันที่หนึ่งเดือนสิบปีที่ยี่สิบเจ็ดรัชสมัยหงอู่ราชวงศ์ิ ที่ลานกว้างแห่งสำนักศึกษาเฉิงซวี่ เศร้าระทม
ในตอนถัดไปเื่ราวจะเริ่มั้แ่วันที่สิบเจ็ดเดือนสิบสองปีที่สามสิบของรัชสมัยหงอู่ ในปีนั้นเหอตังกุยจะอายุสิบสามปีและกลายเป็เพื่อนสนิทกับเลี่ยวชิงเอ๋อร์ มันจะถูกเล่าย้อนกลับไปเพื่อให้ปมเปิดออกซึ่งได้แก่ ความรู้สึกซาบซึ้ง ความแค้น ความรักและความเกลียดชังใน่สามปี จะมีการเล่าเื่ราวเพิ่มเติมในเล่มตอนต่อไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้