“…ฉางกุ้ย ...ฉางกุ้ย บ้านพี่ชายเ้าเกิดเื่แล้ว รีบกลับไปดูหน่อยเถอะ”
บ้านท่านลุงเกิดเื่แล้ว!
เจินจูวางถาดในมือลง รีบวิ่งพุ่งมาถึงหน้าบ้านดึงประตูลานให้เปิดออก
พื้นเป็แอ่งที่เติมดินเข้าไปใหม่อยู่ไม่ไกลออกไป จ้าวต้าซานมาตามหาหูฉางกุ้ยที่กำลังปลูกข้าวโพดอยู่ กล่าวจบไม่กี่ประโยค สีหน้าของหูฉางกุ้ยก็ใจนซีดขาว
เจินจูหมุนกายไปปิดประตูลานให้เรียบร้อย แล้ววิ่งไปถึงข้างตัวพวกเขาด้วยความรวดเร็ว
“ท่านอาต้าซาน บ้านท่านลุงข้ามีอะไรหรือเ้าคะ?” เจินจูเดินเข้าไปใกล้พยุงหูฉางกุ้ยที่สีหน้าซีดขาวไว้
“วันนี้ท่านลุงเ้าถูกคนตีเข้าตอนอยู่ในเมือง าเ็ค่อนข้างรุนแรงเลย พวกเ้ารีบไปดูหน่อยเถอะ” จ้าวต้าซานวิ่งมาตลอดทางเพื่อแจ้งข่าวให้พวกเขาได้รับรู้ กำลังกล่าวอย่างหายใจหอบเล็กน้อย
“ถูกคนตีเข้า? ผู้ใดเป็คนตีเ้าคะ?” เจินจูใ ท่านลุงของนางครึ่งปีมานี้มักเข้าเมืองบ่อยๆ นับได้ว่าคลุกคลีกับผู้คนภายนอกจนชินแล้ว จัดการเื่ราวเอาตัวรอดได้มากกว่าผู้เป็บิดาของนาง ทำไมถึงขั้นถูกตีได้ล่ะ?
“าเ็… รุนแรงมากเลยหรือ?” คำพูดของหูฉางกุ้ยสั่นเทาเล็กน้อย รีบสาวเท้าไปทางบ้านเก่าของสกุลหู
“เอ่อ ถูกเหลียงหู่ผู้นั้นตีเข้า าเ็ค่อนข้างหนักเลย อาเจียนออกมาเป็เื ใบหน้าก็บวมด้วย” จ้าวต้าซานเดินไปด้วยพร้อมกับกล่าวและชูมือขึ้นมาทำท่าทางตื่นตัวไปด้วย
“เหลียงหู่? ทำไมท่านลุงถึงทะเลาะกับเขาขึ้นมาได้ล่ะเ้าคะ?” เจินจูตื่นตระหนก หูฉางหลินรู้ว่าเหลียงหู่เป็คนลักษณะอุปนิสัยอย่างไร ทำไมถึงวิวาทกับเขาขึ้นได้นะ
“นี่ข้าไม่ค่อยแน่ชัด ตอนข้าเห็นฉางหลิน ตัวของเขาาเ็จนล้มอยู่บนพื้น เหลียงหู่ก็จากไปแล้ว ชุ่ยจูติดตามฉางหลินอยู่ตลอด แต่นางเอาแต่ร้องไห้ ข้าเลยไม่ได้ถามให้ชัดเจน” วันนี้จ้าวต้าซานติดเกวียนของหูฉางหลินโดยสารไปในเมืองด้วยกัน ตอนหูฉางหลินโดนตี เขาอยู่ละแวกใกล้เคียงพอดี พอเขาเดินเข้าไปใกล้ถึงพบว่าเป็ฉางหลินที่โดนตี
“พี่รองก็อยู่ด้วยหรือเ้าคะ?” เจินจูขมวดคิ้ว นึกอะไรขึ้นได้
“ชุ่ยจูาเ็ไหม?” หูฉางกุ้ยใบหน้าซีด ถามทันทีทันใด
“น่าจะไม่ ดูเหมือนว่ายังดีอยู่” จ้าวต้าซานคิดถึงใบหน้าใจนขาวซีดของชุ่ยจู ทอดถอนใจพักหนึ่ง
ขณะที่พูดคุยกัน สามคนได้เข้ามาใกล้บ้านเก่าแล้ว เห็นเพียงประตูลานบ้านปิดแน่นสนิท ชาวบ้านที่ชื่นชอบร่วมชมเื่ของผู้อื่นก็รุมล้อมกันเป็กระจุก พากันแสดงความคิดเห็นไปต่างๆ นานา
“โธ่เอ๋ย คนล้วนเป็ลมไป ถูกหามลงจากเกวียนเลยล่ะ”
“ได้ยินว่าเป็เหลียงหู่ตี มีคนในหมู่บ้านเห็นเข้า”
“จุ๊ๆ าเ็รุนแรงนัก ส่วนบนของเสื้อล้วนเป็เืทั้งนั้น”
“ครั้งก่อนเื่ของจ้าวหงยู่ เป็ครอบครัวพวกเขาออกหน้านี่ เกรงว่าถูกแก้แค้นเข้าแล้วกระมัง?”
“ไม่ใช่ ได้ยินว่าเหลียงหู่มองบุตรสาวคนรองสกุลหูเข้า แน่นอนว่าฉางหลินไม่ยอม นี่ไม่ใช่ว่าเลยวิวาทกันขึ้นหรือ”
“…”
การคาดเดาแต่ละอย่างของชาวบ้านแว่วเข้ามาในหู สีหน้าของเจินจูยิ่งเคร่งขรึมขึ้น
ผู้ที่เปิดประตูลานบ้านให้พวกเขาเป็หวังซื่อ
รอบดวงตาบวมแดง สีหน้าอึมครึม หลังจากเอียงกายให้พวกเขาเข้าไปแล้ว จึงพลิกฝ่ามือปิดประตูลานบ้านลง
“ท่านแม่! ท่านพี่… เป็อย่างไรบ้าง? ไม่เป็ไรใช่หรือไม่?”
หูฉางกุ้ยประคองหวังซื่อไว้แล้วถามด้วยความกังวลใจเสียงสั่น
“เฮ้อ! ท่านหมอหลินกำลังตรวจอยู่ บอกว่าาเ็ภายใน สถานการณ์ไม่ค่อยดี” ในคำพูดของหวังซื่อมีความสะอื้นไห้เล็กน้อย ฉางหลินพาชุ่ยจูออกจากบ้านไปซื้อของแต่เช้าตรู่อย่างอารมณ์ดี ผู้ใดจะคิดว่าจะถูกคนตีจนต้องหามกลับมาได้
ร้ายแรงเพียงนี้? เจินจูสีหน้าอึมครึม ดีเลยนี่เ้าเหลียงหู่ บัญชีแค้นครั้งก่อนยังไม่ได้สะสาง ครั้งนี้เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างแล้ว
ในห้องโถง จ้าวสี่เหวินกับพานซื่อทั่วทั้งใบหน้าทุกข์ใจและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด สำหรับพวกเขาแล้ว นี่ล้วนเป็การเข้ามาพัวพันกับจ้าวหงยู่บุตรสาวของพวกเขา จึงทำให้เหลียงหู่แค้นใจหูฉางหลินเข้า
บนเตียงอิฐขนาดใหญ่ของห้องหลัก หูฉางหลินใบหน้าบวมเป่งครึ่งซีกกำลังนอนอยู่ ในปากยังพ่นเืคั่งออกมาหนึ่งก้อน ท่านหมอชราหลินขมวดคิ้วแน่น หน้าอกของหูฉางหลินถูกคนเตะเข้าอย่างจัง ระหว่างหน้าอกและหน้าท้องมีร่องรอยช้ำสีดำม่วง
“โธ่เอ๋ย… เหลียง เหลียงหู่ชั่วร้ายเกินไปแล้วจริงๆ เตะเช่นนี้้าชีวิตของฉางหลินเลยนี่… เหล่าหลิน เ้าต้องช่วยฉางหลินนะ” หูเฉวียนฝูมองรอยแผลทั่วทั้งกายของบุตรชายคนโตด้วยความเศร้าเสียใจอย่างมาก
ท่านหมอชราหลินหมุนกายมาตบเขาเบาๆ แล้วกล่าวปลอบ “พี่ชายหู ไม่เป็ไร แม้อวัยวะภายในได้รับาเ็ แต่ร่างกายฉางหลินแข็งแรงสุขภาพดีมาตลอด เอาใจใส่รักษาพักหนึ่งน่าจะไม่เป็อะไร ข้าจะสั่งสมุนไพรหนึ่งวันให้เขาก่อน ต้มแล้วให้เขาดื่มลงไป พรุ่งนี้ข้าจะมาตรวจอีกทีแล้วค่อยสั่งสมุนไพรหลังจากนั้นให้เขา อีกอย่างหนึ่ง ข้าจะสั่งยาขี้ผึ้งสลายเืคั่งกับลดอาการบวมให้อีกหน่อย พวกท่านทาให้เขาด้วย”
หูเฉวียนฝูเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ตอบรับติดต่อกันหลายครั้ง
เมื่อท่านหมอออกมาจากห้องหลัก ทุกคนเข้ามารุมล้อมท่านหมอชราหลิน แย่งกันสอบถามสภาพอาการาเ็ของหูฉางหลิน
หลังท่านหมออธิบายหนึ่งครั้ง หวังซื่อหยิบเงินออกมาทันที ให้หูฉางกุ้ยตามท่านหมอกลับไปเอาสมุนไพร
ได้ยินว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต ทุกคนต่างพากันผ่อนลมหายใจออกมา
พานซื่อกุมมือของหวังซื่อไว้ ทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความละอาย เอาแต่กล่าวว่าครอบครัวนางดึงฉางหลินเข้ามาพัวพัน ต้องขอโทษสกุลหูด้วย จ้าวสี่เหวินก็โค้งกายแสดงความรู้สึกผิดและเสียใจด้วยใบหน้าโศกเศร้ากับเื่นี้ แม้คิดจะขว้างความสัมพันธ์กับเหลียงหู่ทิ้งไปให้หมดสิ้นอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงที่เหลียงหู่เคยเป็ลูกเขยของสกุลจ้าวก็ไม่อาจกำจัดทิ้งไปได้
หวังซื่อถอนใจเบาๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา นางเข้าใจอย่างละเอียดดีแล้วจากปากของชุ่ยจู เื่นี้แม้ต้นตอของเื่จะเกิดขึ้นเพราะสกุลจ้าว แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจโทษพวกเขาได้ พอกล่าวถึงเื่นี้ผู้ใดก็ไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับคนโเี้ไร้เหตุผลเช่นนี้หรอก
หวังซื่อส่ายหน้าไปทางพวกเขา “เื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเ้า ครอบครัวเ้าก็ถูกเหลียงหู่ทำร้ายไม่น้อย เขาน่ะเป็พวกคนอันธพาลที่มีอิทธิพลในท้องถิ่น อาศัยว่าตัวเองมีความสามารถนิดหน่อยก็กล้ากดขี่ชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเรา”
เื่นี้ควรจัดการอย่างไรดี? ไปคิดบัญชีกับเหลียงหู่? ผู้ใดจะเอาชนะเขาได้? ไปแล้วคาดว่าจะเพิ่มผู้ที่ได้รับาเ็กลับมามากกว่า
ไปร้องเรียนกับหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงผิง? เกรงว่าหัวหน้าหมู่บ้านของพวกเขาจะกลัวว่าไปยั่วให้เหลียงหู่หงุดหงิด มากกว่ากลัวพวกเขาอีกกระมัง
หรือจะไปร้องเรียนทางการ? แต่ได้ยินว่าเหลียงหู่คบหาเป็พี่น้องกับทหารในเมืองนี่
อีกอย่าง เื่นี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของชุ่ยจู ไม่เหมาะให้ทำการเอิกเกริกจริงๆ ขณะนี้ชุ่ยจูจะสิบสี่ปีแล้ว หากเกิดคำซุบซิบนินทาอะไรไม่ดีแพร่ออกไป เช่นนั้นเื่เกี่ยวกับการแต่งงานของชุ่ยจูก็จะลำบาก
หรือว่าทำได้เพียงเลิกแล้วกันไปเช่นนี้? หวังซื่อสมองเชื่องช้าลงเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มแน่นสนิทในปากขมฝาดรู้สึกเ็ปกลัดกลุ้มใจ
ฝ่ามือเย็นเฉียบถูกมือเล็กอ่อนโยนหนึ่งคู่กุมไว้เบาๆ อบอุ่นแต่มีพลัง “ท่านย่า ไม่ต้องกังวลใจ ไม่เป็ไรนะเ้าคะ ขอแค่คนไม่เป็ไรก็ดีแล้ว เื่อื่นวางไว้ด้านข้างก่อน ตอนนี้รักษาอาการาเ็ของท่านลุงให้หายดีเป็สิ่งสำคัญที่สุด”
ความสุขุมเยือกเย็นในดวงตาของเจินจู ปลอบโยนหัวใจที่สับสนและร้อนรนของหวังซื่อ นางกุมมือเล็กอันอบอุ่นของหลานสาวแน่น ราวกับสามารถรับพละกำลังในการประคับประคองจากร่างกายเล็กของนางได้
...หมู่บ้านเหลียงผิง มีูเาไป๋โถวเป็ูเาที่ไม่นับว่าสูงเกินไปแต่ชันมากเป็พิเศษ
ยามนี้บนเส้นทางูเาทอดยาวและคดเคี้ยว หนึ่งคนหนึ่งแมวเดินเลียบไปตามถนนเส้นเล็กช้าๆ
“ที่ดินผืนนี้ดีจัง ูเามีความลาดสูงและชัน เป็ที่ที่เหมาะให้กระทำการฆ่าคนอย่างไม่ต้องยำเกรงสิ่งใดนัก หึๆ” เสียงไพเราะของเด็กสาวจงใจกดเสียงต่ำลง หัวเราะอย่างเ้าเล่ห์
แมวดำที่เดินอยู่ข้างหน้าหันกลับมามองนางแวบหนึ่ง เหมือนมีความเย้ยหยัน
“แค่กๆ” เจินจูถูกเสียงหัวเราะที่ตนเองจงใจทำขึ้นสำลักเข้า
“หง่าว” เสี่ยวเฮยร้องหนึ่งทีอย่างรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น
“…”
ยังจะเดินต่อไปข้างหน้าได้สุขใจอยู่อีกหรือ? อย่าได้ถามว่าทำไมนางเข้าใจอารมณ์ของมัน เพราะแมวปีศาจตัวนั้น ความรู้สึกที่แสดงบนใบหน้าเกือบจะเหมือนคนอยู่แล้ว
นางมองบนไปทางมัน แล้วเดินไปข้างหน้าต่อ
ูเาไป๋โถว ข้างหน้าคือหมู่บ้านเหลียงผิง ข้างหลังคือเทือกเขาโกวจื่อ สองหมู่บ้านอยู่ใกล้กันมาก ถ้ามาจากหมู่บ้านเหลียงผิงพอข้ามผ่านูเาลูกนี้ลงไปก็เป็เทือกเขาโกวจื่อแล้ว
่เวลาบ่ายมีชาวบ้านที่เดินทางไปมาตามเส้นทางูเาน้อยมาก เจินจูปีนขึ้นมาถึงส่วนที่สูงสุดของูเาไป๋โถว ทอดมองไปยังเทือกเขาโกวจื่อที่อยู่ด้านล่าง
กำลังอยู่ใน่ปลายฤดูใบไม้ผลิ ูเาจึงเต็มไปด้วยสีเขียวขจี บ้านเรือนในเขตูเา อยู่ท่ามกลางร่มเงาสีเขียว ให้ความรู้สึกเหมือนภาพวาดหมึกจีนโบราณและเรียบง่าย
ในทิวทัศน์งดงามดั่งภาพวาด แต่ภาพวาดที่เติมแต่งขึ้นในหัวของเจินจูกลับไม่น่าอภิรมย์นัก
นอกจากพงหญ้าไม่กี่หย่อมที่อยู่ด้านหนึ่งของเส้นทางูเาแล้ว โดยรวมไม่มีที่กำบังเลยแม้แต่น้อย ข้างล่างเป็เนินลาดสูงและชันมีเพียงก้อนหินและพุ่มไม้เตี้ยระเกะระกะ เป็สถานที่ที่เหมาะให้กระทำการผิดกฎหมายมากจริงๆ
จุดประสงค์ที่นางมาอยู่ที่นี่ตรงนี้ ไม่ใช่ว่า้าวางแผนทำร้ายคนหรอกหรือ
ผู้ที่กำลังถูกวางแผนทำร้ายใส่นั้น ย่อมเป็ไอ้เดรัจฉานเหลียงหู่ผู้นั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่มีเหตุผลนักใช่ไหม? มีกำลังป่าเถื่อนรังแกคนใช่ไหม? ไม่มีคนกล้าหาเื่ใช่หรือไม่? คางคกอยากกินเนื้อหงส์ [1] เช่นนั้นก็ต้องดูว่าพี่น้องของหงส์จะเห็นด้วยหรือไม่ เชอะ!
นึกถึงชุ่ยจูที่ร้องไห้สองตาบวมแดงขึ้นมา อารมณ์ฉุนเฉียวของนางก็ปะทุขึ้น
เมื่อวานตอนเช้าตรู่ ชุ่ยจูไปซื้อของในเมืองกับหูฉางหลิน พวกเขาไปตลาดตะวันออกกันก่อน วัวน้อยของสกุลหูร่างกายแข็งแรงกำยำ แอก [2] วัวบนหลังไม่พอดีเล็กน้อย หูฉางหลินตั้งใจไปซื้อคันไถชุดใหม่
หูฉางหลินไปเลือกแอกวัว ส่วนชุ่ยจูไปร้านผ้าไม่ไกลแห่งหนึ่ง ตั้งใจจะไปตัดผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดไม่กี่ฉื่อ เพื่อเย็บเสื้อผ้าใหม่ให้ลูกน้อยของเหลียงซื่อที่ยังไม่กำเนิดออกมา
ซื้อของเรียบร้อยแล้วจึงออกมาจากร้าน เมื่อเดินมาถึงหัวมุมหนึ่งก็ชนเข้ากับคนที่เดินออกมาจากหัวมุมอย่างหลบไม่ทัน คนผู้นั้นเป็เหลียงหู่นั่นเอง
เหลียงหู่เฝ้าบ่อน่กลางดึก เอาแต่พักอยู่ในห้องบ่อนท้าพนันจนถึงรุ่งสาง พอตื่นขึ้นมาฟ้าสว่างมากแล้ว เมื่อคืนมีแขกมือขึ้นคนหนึ่ง ชนะได้เงินไปไม่น้อย และได้ให้รางวัลเหลียงหู่มาหนึ่งเหลียง
เหลียงหู่ได้รับเงินรางวัลนั้นมา อารมณ์จึงค่อนข้างดี หลังจากนั้นเรียกน้องเล็กที่เป็ลูกน้องไม่กี่คน เตรียมออกไปหาอาหารมื้อใหญ่ทาน
คนหนึ่งกลุ่มเดินหัวเราะเฮฮามาจนถึงปากตรอก เหลียงหู่นำอยู่ข้างหน้าเห็นเงาคนแวบเข้ามาตรงมุมโค้ง พอคิดจะเลี่ยงกลับเห็นผู้ที่มาชัดเจนด้วยสายตาแหลมคม เขาหยุดชะงักเท้าไม่เพียงไม่หลบออกไป กลับจงใจเดินเข้าไปเผชิญหน้า
“ไอ๊หยา” ชุ่ยจูเซเล็กน้อย เกือบหกล้มลงไป
“โอ๊ะ เช้าตรู่เช่นนี้ มีแม่นางน้อยงดงามเพียงนี้โผเข้ามาอยู่ในอ้อมอกพี่ชายหู่ด้วย พี่หู่ ท่านมีโชคในเื่ความรักแล้ว”
“ฮ่าๆ ใช่แล้วๆ พี่หู่ เมื่อวานมีโชคลาภทางการเงิน วันนี้มีโชคเื่ความรัก ร้ายกาจนัก!”
“ฮ่าๆ แม่นางคนงามตัวน้อย เ้าชอบพี่ชายหู่ของพวกข้าหรือ ถึงได้มารอพี่หู่ของพวกข้าแต่เช้าตรู่เลย”
“…”
อันธพาลห้าคนล้อมหยอกล้อชุ่ยจู ได้หัวเราะขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
ใบหน้ารูปไข่ของชุ่ยจูเดิมทีมีเืฝาด แต่ชั่วพริบตาเดียวได้เปลี่ยนเป็ขาวซีด คิดถอยหลังโดยทันทีทันใด
“เ้ามิใช่แม่นางน้อยคนงามของหมู่บ้านวั้งหลินหรือ ไม่เจอกันพักหนึ่ง งดงามขึ้นไม่น้อยเลย” หลังมองพิจารณาชุ่ยจูขึ้นลงแล้ว ความลุ่มหลงในแววตาของเหลียงหู่มากขึ้นสองสามส่วน
ตอนเห็นนางครั้งแรก เขารังเกียจที่นางอ่อนวัยเกินไป แต่ครั้งนี้เหลียงหู่มองอย่างละเอียด เด็กสาวในชุดสีเหลืองอ่อนฤดูใบไม้ผลิ แม้ใบหน้ามีลักษณะของเด็ก แต่ผิวละเอียดเกลี้ยงเกลาเอวเล็กดั่งต้นหลิว สรีระสัดส่วนโค้งเว้าชัดเจนงดงาม เป็รูปร่างของคนงามที่พบเห็นได้น้อย
นึกถึงเื่ที่เขาหย่าร้างกับจ้าวหงยู่มาระยะแล้ว ยังหาแม่นางที่เข้าตาในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียงไม่ได้เลยสักคนเดียว เด็กสาวตรงหน้าช่างตรงตามลักษณะที่เขาถูกใจพอดี
“โอ๊ะ พี่หู่รู้จักคนเขาด้วย คงไม่ใช่พวกท่านนัดแนะมาเจอกันที่นี่ด้วยความคิดถึงกันและกันกระมัง?”
“ฮ่าๆ”
พากันพร้อมใจหัวเราะขึ้นอีกพักหนึ่ง
ชุ่ยจูใกลัวจนตัวสั่น หมุนกายคิดจะวิ่งหนีไปหาหูฉางหลิน
กว่าเหลียงหู่จะพบเจอนางได้ไม่ง่ายเลย ย่อมไม่เลิกราแน่นอน จึงก้าวไวๆ ไปขวางอยู่ตรงหน้านาง
“คนงามคิดจะไปไหน? วันนี้เรามีเวลาว่าง อยากซื้ออะไร พี่ชายควักเงินซื้อให้เ้าเป็อย่างไร?” เหลียงหู่มองสีหน้าเด็กสาวที่ซีดขาวยิ่งดูท่าทางน่าสงสารขึ้น ในใจอดคันยุบยิบพักหนึ่งไม่ได้
“ไม่ ข้า… อะไรก็ไม่ซื้อทั้งนั้น” ชุ่ยจูใมากยิ่งขึ้น นางเคลื่อนไหวซ้ายขวาคิดหนีเหลียงหู่ไปให้พ้น
เหลียงหู่กลับแมวหยอกหนูก็ไม่ปาน [3] ตามมากั้นไปทุกทาง
“ท่านพ่อ!” เมื่อชุ่ยจูเกือบจะน้ำตาร่วง หูฉางหลินก็เดินออกมาจากหน้าร้านค้า
เชิงอรรถ
[1] คางคกอยากกินเนื้อหงส์ หมายถึง ผู้ชายที่ชอบมองผู้หญิงที่ฐานะทางสังคมดีกว่าตัวเอง สวยกว่า ในขณะที่ตัวเองนั้นต่ำต้อย ขี้เหร่ แถมยังจนกว่า คล้ายกับสำนวนไทยคือ กระต่ายหมายจันทร์ หรือดอกฟ้ากับหมาวัด
[2] แอก คือ ไม้วางพาดบนคอวัวหรือควาย สำหรับใช้ไถนา คราดนา หรือเทียมเกวียน เป็ต้น
[3] แมวหยอกหนู หมายถึง ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าหยอกล้อให้ผู้ที่อ่อนแอกว่าหวาดกลัวด้วยความสนุกสนาน