หลังพักเที่ยงผมนั่งอยู่ริมหน้าต่างหอพักพร้อมดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ก่อนจะเข้าสู่ระบบ
สวบ!
ผมปรากฏตัวขึ้นในหอคอยสำนึกผิดอีกครั้ง ไอเท็มบนตัวผมยังอยู่ครบ หลังจากเปิดกระเป๋าดูก็พบว่าดาบชิงเฉิง กะโหลกเพลิงยังปลอดภัยดี เมื่อคืนที่อดหลับอดนอนไม่เสียแรงเปล่าแฮะ วันนี้ที่เ้าหลิวอิงพาสวีเยว่มาที่ห้องเรียนก็เพื่อจะยั่วโมโหสินะ เมื่อวานผมอยู่ในร่างิญญาถึง 5 ชั่วโมงเต็มๆ เ้าหมอนั่นคงคิดไม่ถึงว่าผมจะมีความอดทนมากขนาดนั้น
แน่นอนเพื่อโอกาสที่จะได้ลงมือ ต่อให้ต้องรอทั้งวันผมก็รอได้ กะอีแค่ 5 ชั่วโมงนี่จิ๊บๆ
……
เมื่อดูเวลาก็พบว่าตอนนี้ยังเหลืออีก 74 ชั่วโมงกว่าผมจะออกจากนี่และลบค่าบาปของตัวเองได้ ผมจึงเริ่มฝึกกระบวนท่าของตัวเองต่อ
“ฟึบๆ”
ผมเคลื่อนเท้าเตะก้อนกรวดบนพื้น ขณะที่ฟาดดาบชิงเฉิงไปข้างหน้าแล้วกวัดแกว่งกลางอากาศ ระหว่างที่ผมสะบัดข้อมือไปตามจังหวะ ดาบชิงเฉิงก็เปลี่ยนทิศทางไปตามการควบคุม หลังจากฟันแล้วก็ต่อด้วยการโจมตีแบบกระทุ้งไปด้านหน้า ก่อนจะจบลงด้วยการวาดดาบในแนวนอน นี่ก็คือการโจมตี 5 ครั้งต่อเนื่อง ซึ่งมีรูปแบบคล้ายคลึงกับอู๋ซวงสไตรก์ของเยี่ยนจ้าวอู๋ซวง แต่ที่ต่างกันคือตอนนี้ผมยังไม่มีโอกาสสร้างกระบวนท่าพวกนี้
การโจมตีชุดนี้ถือเป็วิธีการง่ายๆ ที่สามารถเรียกใช้งานได้ และแน่นอนว่าความแข็งแกร่งของผมสูงกว่า ทำให้สามารถเข้าชนร่างของอีกฝ่ายได้ ไม่งั้นมันก็คงจะไร้ประโยชน์ และถ้ากระบวนท่านี้สำเร็จขึ้นมาจริงๆ ความสามารถของผมก็จะเพิ่มขึ้นอีกขั้นแน่นอน แถมมันยังมีต่างจากการโจมตีธรรมดาๆ ของผมในปัจจุบันเป็อย่างมากด้วย
……
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า ชื่อของผมก็กลับมาเป็ปกติ ผมเดินออกจากหอคอยสำนึกผิดเพื่อกลับเมืองทันที น่าเสียดายที่วาร์ปถูกใช้งานจนหมดเกลี้ยง งั้นตอนนี้เดินกลับไปส่งภารกิจก่อนก็แล้วกัน อันที่จริงที่นี่ห่างจากเมืองปาหวางไม่ไกลเท่าไรนัก เดินแค่ 20 นาทีก็ถึง
ผ่านไป 20 นาที ผมก็เดินทางมาถึงเมืองปาหวาง
ทันทีที่เข้ามาในเมืองก็เห็นแผงลอยตั้งอยู่จำนวนมากพร้อมกับเสียงะโขายของ ผมดูเลเวลของตัวเองซึ่งอยู่ที่ 26 ตอนนี้ผมยังไม่รีบร้อนเพิ่มเลเวล จัดการกับของพวกนี้เพื่อแลกเป็เงินก่อนดีกว่า
หลังจากหาที่ว่างภายในเมืองปาหวางได้แล้ว ผมก็ตั้งแผงของตัวเอง ก่อนจะยื่นมือไปด้านหน้าแล้วนำของมาวาง พร้อมกับส่งเสียงะโเรียกลูกค้า ตอนนั้นเองกะโหลกเล็กๆ ที่มีเปลวเพลิงก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมดวงตาสีแดงก่ำ และส่งเสียงร้องด้วยท่าทียอมจำนน จุ๊ๆ กะโหลกเพลิงที่มีค่าความเป็เลิศ 100% ถือเป็สัตว์เลี้ยงสำหรับโจมตีเลยนะเนี่ย
เมื่อเปิดค่าสถานะเป็สาธารณะแล้ว ผมก็นำอุปกรณ์ระดับเขียวและระดับดำออกมาวางด้านหน้าก่อนเริ่มะโ “สัตว์เลี้ยงจ้าสัตว์เลี้ยง! กะโหลกเพลิงเลเวล 1 พลังโจมตี 4 ดาว ค่า HP 4.5 ดาว ค่าความเป็เลิศ 100% ไม่ซื้อก็มาดูก่อนได้น้า ซื้อเองไม่ได้ก็เรียกเพื่อนมาซื้อได้จ้า ซื้อขาย 30 นาทีเท่านั้นนะ! นอกจากสัตว์เลี้ยงยังมีเกราะหนังระดับเขียว เกราะเหล็กระดับดำอีกด้วย รีบเข้ามาดูกันได้เลยจ้า!”
สิ้นเสียงะโ กลุ่มผู้เล่นก็เข้ามายืนออเต็มหน้าร้าน และสิ่งที่ดึงดูดคนเหล่านี้ก็คือกะโหลกเพลิงค่าความเป็เลิศ 100% ที่ผมมีนี่แหละ เป็เพราะผู้เล่นที่นี่มีการ์ดค่อนข้างน้อย จึงทำให้คนที่ได้รับสัตว์เลี้ยงเลเวล 1 มีจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้น สัตว์เลี้ยงที่มีค่าความเป็เลิศ 100% นี้จึงถือว่าเป็อะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ในเวลานี้แม้แต่วาร์ปก็ยังคงปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง แถมบางคนก็มานี่เพื่อซื้อเ้ากะโหลกเพลิงโดยเฉพาะ
“ติ๊ง!”
เยว่ชิงเฉี่ยนส่งข้อความมา “นี่เซียวเหยา กะโหลกเพลิงค่าความเป็เลิศ 100% ที่ขายอยู่ในเมืองปาหวางนั่นของนายหรือเปล่า?”
“ใช่ เธออยากได้เหรอ?” ผมตอบกลับไป
เยว่ชิงเฉี่ยน “ฉันมีกะโหลกหินเขียวแล้ว แต่ลุงใหญ่อยากได้สัตว์เลี้ยงค่าความเป็เลิศ 100% ที่นายขายมาก!!!”
“งั้นเธอก็เรียกเขามานี่สิ”
“อื้อ ได้สิ รอแป๊บนะ”
……
ทันใดนั้นท่ามกลางกลุ่มคนมากมายก็ปรากฏร่างนักดาบเลเวล 28 ซึ่งมีชื่อลอยอยู่เหนือศีรษะว่า “นายพลหวางเจี่ยน”
ท่ามกลางเสียงของกลุ่มคนที่กำลังแย่งกันเสนอราคา นายพลหวางเจี่ยนก็ก้าวเท้ามาด้านหน้าพร้อมมองมาที่ผม “เซียวเหยาจื้อจ้าย กะโหลกเพลิงนี่นายไปได้มาจากไหน?”
ผมยิ้ม “ถ้ำโลหิตดำ ทำไมเหรอ?”
“เปล่า ฉันจะซื้อของชิ้นนี้”
“เสนอราคามาสิ!”
“100 เหรียญทอง”
เมื่อหวางเจี่ยนเสนอราคา คนอื่นๆ ที่เหลือซึ่งเสนอแค่ไม่กี่สิบเหรียญทองก็หุบปากเงียบทันที
ทว่าสิ้นเสียงของหวางเจี่ยน ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น “100 เหรียญทอง ยังกล้าเสนอราคาออกมาอีกเหรอ? ฉันให้ 150 เหรียญทอง!”
ท่ามกลางกลุ่มคนพวกนั้น นักดาบเลเวลสูงคนหนึ่งเดินฝ่าผู้คนออกมา ให้ตายเถอะ ไอ้ซีฉู่ป้าหวาง!!!
แต่การทำธุรกิจห้ามเลือกลูกค้า!
ผมกระตุกมุมปากขึ้น “150 เหรียญทอง?”
ซีฉู่ป้าหวางพยักหน้า ทันใดนั้นเยียนสั่วเฟิงเยว่ก็เดินเข้ามาใกล้ซีฉู่ป้าหวางก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ทำไมเหรอ? นายคิดว่าพวกเราไม่มีปัญญาซื้อหรือไง?”
ผมส่ายหน้า “เปล่า ฉันก็แค่รอว่าจะมีใครให้สูงกว่านี้ไหม”
“ชิ!”
……
ผ่านไปไม่กี่นาที ในที่สุดเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงก็ปรากฏตัวพร้อมกับสมาชิกในกิลด์อีกสิบกว่าคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเยว่ชิงเฉี่ยนและเยว่เวยเหลียงด้วย เมื่อสมาชิกปรากเดินทางมาถึง บรรยากาศก็เริ่มตึงเครียด ทุกคนมองกลุ่มคนเ่าั้เงียบๆ เพราะดูเหมือนว่าผู้ชนะที่มีโอกาสจะได้ของสิ่งนี้ย่อมไม่พ้นกิลด์ปราก จึงทำให้คนอื่นๆ เริ่มถอยออกไป แม้แต่เ้าซีฉู่ป้าหวางก็เช่นกัน
“เยี่ยนจ้าวอู๋ซวง!!!”
นายพลหวางเจี่ยนกำหมัดแน่นพร้อมมองคนที่มาใหม่
เยี่ยนจ้าวอู๋ซวงกวาดตามองหวางเจี่ยนก่อนจะยิ้มออกมา “เอ๋? คนของกลุ่มนายพลก็มาอยู่ที่นี่ด้วยหรือนี่ ไม่เลว กะโหลกเพลิงที่มีค่าความเป็เลิศ 100% ดูเหมือนจะเป็ที่้าของทุกคนเลยนะเนี่ย”
พูดจบ เยี่ยนจ้าวอู๋ซวงก็ยกมือขึ้นก่อนพูดว่า “เซียวเหยาจื้อจ้าย กะโหลกเพลิงนี้ฉันขอซื้อในราคา 300 เหรียญทอง”
ทันทีที่ราคานั้นถูกประกาศออกมา ผมงี้ดีใจจนเนื้อเต้น
สายตาของหวางเจี่ยนแปรเปลี่ยนเป็เ็า “เยี่ยนจ้าวอู๋ซวง ถึงแม้กะโหลกเพลิงนี่จะเป็ของชั้นยอด แต่มันก็เป็เพียงสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง ใครๆ ก็รู้ว่าราคาของมันมากสุดแค่ 200 เหรียญทองเท่านั้น นายจะซื้อมันไปในราคา 300 เหรียญทองไปเพื่ออะไร?”
เยี่ยนจ้าวอู๋ซวงหัวเราะ “แม้จะเป็แค่สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง แต่มันก็สามารถช่วยเ้าของให้เพิ่มเลเวลได้เร็วขึ้น แถมยังสร้างความได้เปรียบเหนือคนอื่นๆ อีกด้วย เื่พวกนี้ถึงฉันไม่พูด นายก็น่าจะรู้ดี ทุกคนเองก็รู้ว่ามันจำเป็ยังไงในการทำให้ฉันไต่ระดับมาถึงอันดับ 1 ของเมืองนี้ได้”
หวางเจี่ยนกำหมัดแน่น “ก็ได้ ในเมื่อเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงอยากได้กะโหลกเพลิงนี่ งั้นก็ยกให้นายไปก็แล้วกัน พวกฉันไม่ขอสู้ราคาด้วยหรอก”
“ขอบใจ”
ในเวลาเดียวกัน เยียนสั่วเฟิงเยว่ก็กัดฟันพูด “ในเมื่อกลุ่มนายพลไม่อยากได้ งั้นสงป้าเฟิงหยินขอซื้อในราคา 400 เหรียญทอง!”
ครั้นเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงได้ยินราคาที่สวีเยว่เสนอ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีก่อนจะให้ราคาเพิ่ม “500 เหรียญทอง! การเพิ่มราคาแบบนี้ฉันว่ามันไม่เป็ประโยชน์กับใครเลย นายเองก็น่าจะรู้ดีนะซีฉู่ป้าหวาง”
“กึก”
หลิวอิงจับดาบในมือแน่นก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “บนเส้นทางธุรกิจแบบนี้ต้องเป็ไปอย่างยุติธรรมอยู่แล้ว นี่กิลด์ปราก้าจะบีบกิลด์สงป้าเฟิงหยินของพวกเราอย่างนั้นเหรอ? ดูเหมือนจะพยายามรังแกคนอื่นอยู่นะเนี่ย”
เยี่ยนจ้าวอู๋ซวงโบกมือพร้อมกับหัวเราะ “นายพูดเกินไปแล้ว ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย ฉันก็แค่ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้สงป้าเฟิงหยินเองก็เคยมีเื่บาดหมางกับเซียวเหยาจื้อจ้ายมาก่อน หลังจากประกาศผ่านสาธารณะในครั้งนั้นก็เริ่มต่อสู้กันอีกถึง 3 ครั้ง แล้วนี่นายยังอยากจะได้สัตว์เลี้ยงของศัตรูจริงๆ เหรอ?”
หลิวอิงหรี่ตามองผมก่อนพูดขึ้น “เซียวเหยาจื้อจ้าย? ฮ่าๆ สำหรับฉันเ้านี่เป็แค่ขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น ฉันก็ี้เีจะเอาเท้าของตัวเองไปแปดเปื้อนกับของสกปรกแบบนั้น แต่เพื่อกะโหลกเพลิง ฉันแค่เสนอราคาเพื่อซื้อขายก็เท่านั้น”
……
“เฮ้อ...”
เยว่ชิงเฉี่ยนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงจับกริชของตัวเองที่อยู่ข้างเอวก่อนจะพูดขึ้นว่า “ซีฉู่ป้าหวางคนนี้นี่หน้าด้านจริงๆ ถึงได้กล้าดูถูกพี่เซียวเหยาขนาดนี้!”
เยี่ยนจ้าวอู๋ซวงจับเยว่ชิงเฉี่ยนไว้ “ใจเย็นๆ ก่อน พวกเรามาแลกเปลี่ยนซื้อขายนะ ไม่ได้มาสร้างปัญหากับสงป้าเฟิงหยิน”
หลิวอิงหัวเราะ “หัวหน้าเยี่ยนจ้าว ฉันว่านายเองก็น่าจะฉลาดพอนะ สรุปว่ากะโหลกเพลิงนี่จะเอายังไง?”
เยี่ยนจ้าวอู๋ซวงยิ้ม “ในเมื่อซีฉู่ป้าหวางอยากได้กะโหลกเพลิงนี่มากงั้นฉันก็จะหลีกทางให้ เดี๋ยวฉันค่อยออกไปตามหาสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ก็ได้”
“ดีเลย! งั้นเ้ากะโหลกเพลิงนี่ขายให้กับพวกเราซะ” สวีเยว่แนบเอวที่โค้งเว้าของตนเข้ากับอ้อมกอดของหลิวอิง
ผมจึงเก็บกะโหลกเพลิงก่อนจะเปิดตารางซื้อขายขึ้นมา “งั้นของชิ้นนี้ขายให้ซีฉู่ป้าหวางในราคา 500 เหรียญทอง”
ในเวลาอันรวดเร็วเงิน 500 เหรียญทองก็ตกมาอยู่ในมือผม การซื้อขายครั้งนี้เป็อันสิ้นสุดลง
……
“หึ”
หลังจากได้กะโหลกเพลิงไปแล้ว หลิวอิงก็พุ่งตัวมาด้านหน้าผมก่อนพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “ไอ้หลี่เซียวเหยา แกเตรียมใจไว้ได้เลย วันนี้แกขายกะโหลกเพลิงให้ฉันในราคาเท่านี้ วันหน้าฉันจะใช้เ้านี่คร่าชีวิตน้อยๆ ของแก จำใส่กะโหลกเน่าๆ ของแกไว้ให้ดี!”
ผมขมวดคิ้ว “หมาที่ดีไม่ขวางทางคนจะเดินหรอกนะ ตอนนี้ฉันยังต้องค้าขายต่อ นายออกไปได้แล้ว”
“แก!”
หลิวอิงกำดาบในมือแน่นพร้อมกับคำราม “แน่จริงแกกล้าไปเจอฉันตัวต่อตัวที่ประตูเมืองทางทิศเหนือไหมล่ะ?!!”
ผมมองดาบชิงเฉิงในกระเป๋าตัวเองก่อนจะนึกถึงเมื่อตอนที่เก็บเลเวลแล้วก็ยิ้มออกมา “ไม่ดีกว่า ฉันไม่มีเวลาไปสู้กับนายหรอกนะ นายไปซะเถอะ”
พูดจบแสงสีทองก็สว่างขึ้นพร้อมกับเ้าจุกนมที่ถูกปล่อยออกมาด้านนอก ผมมองหลิวอิงก่อนพูดขึ้นว่า “สัตว์เลี้ยงพลังโจมตี 492 พอยต์ มีสกิลโจมตีแบบคอมโบเลเวล 3 นายคิดว่ารับมือกับมันได้ไหมล่ะ? รีบไปซะเถอะ อย่าให้ตัวเองต้องอับอายไปมากกว่านี้เลย”
หลิวอิงรู้สึกเย็นวาบ ดูเหมือนว่าเ้าหมอนี่คงจะััถึงบางอย่างจากเ้าจุกนมของผม
……
ในเวลาเดียวกันเยว่ชิงเฉี่ยนก็พูดขึ้น “ซีฉู่ป้าหวาง ถ้านายอยากจะสู้จริงๆ ฉันเป็เพื่อนเล่นให้นายได้นะ สนใจไหมล่ะ?”
หลิวอิงมองเยว่ชิงเฉี่ยนก่อนยิ้มออกมา “ไม่ดีกว่า ถึงแม้เธอจะไม่ได้ดูแย่นัก แต่รอบอกเธอมากสุดก็คงได้แค่คัพ C ฉันไม่สนใจหรอก โทษทีนะ”
เยว่ชิงเฉี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็กระทืบเท้าด้วยความโมโห
เยี่ยนจ้าวอู๋ซวงเห็นแบบนั้นก็พูดขึ้น “ชิงเฉี่ยน พอเถอะ พวกเราไปเก็บเลเวลกันดีกว่า อย่ามาเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย”
“อื้อ...”
ชิงเฉี่ยนมองผมก่อนจะยิ้มให้แล้วเดินตามลุงใหญ่ไปโดยไม่พูดอะไร
……
ส่วนผมก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเพื่อขายของต่อ ของที่วางขายตรงหน้าถูกขายออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากภารกิจขายของเสร็จสิ้น ผมก็เอาอุปกรณ์ไปซ่อมก่อนจะนำดาบชิงเฉิงไปเก็บไว้ในคลังสินค้าของตัวเอง พร้อมถือหอกโลหะโบราณเดินออกจากเมืองไป เอาละ วันนี้ต้องเลเวล 30 ให้ได้!