แคว้นต้าฮั่น ณ พระราชวังทะยาน์
สายลมที่โชยพัด ทำให้แขนเสื้อปลิวไสวไปตามกระแสลม
หลังจากที่ข่าวแพร่กระจายไปทั่วทะเลพันเกาะ ชื่อเสียงของกู่ไห่ก็แผ่ไพศาลไปทั่วสารทิศ ไม่ว่าจะเป็การทำลายห้าสำนักใหญ่ หรือเื่ที่ว่า แม้แต่หลี่ฮ่าวหรานก็พ่ายแพ้ต่อเขา
แก่นทองคำ? ทุกคนไม่ได้มองที่ระดับพลังของกู่ไห่ มิฉะนั้นผู้ฝึกตนระดับพลังหยวนอิงถึงยี่สิบคน คงจะไม่รวมตัวกันเป็พันธมิตร มาจู่โจมพร้อมกันเช่นนี้
“พลธนู...” ทันใดนั้น ทหารองครักษ์ก็ร้องะโ
ทหารจำนวนมากดึงคันธนูขึ้นศรอย่างรวดเร็ว
กู่ไห่ค่อยๆ ยกมือขึ้น เพื่อยุติการโจมตีทั้งหมด กู่ฉินที่อยู่ด้านข้าง ถอยไปยังด้านหลังอย่างเงียบเชียบ
“ทุกท่าน เดินทางมาไกลเช่นนี้ ไม่ทราบว่า้าอะไรหรือ?” กู่ไห่ถามเสียงเรียบ
เหล่าผู้ฝึกตนทั้งยี่สิบคนมองไปทางลานประลอง เมื่อเห็นเหยาเจิ้งเทียน ทุกคนต่างก็กวาดสายตาผ่านไป ราวกับไม่รู้จักอีกฝ่าย
ชายชุดขาวผู้นำทัพจ้องกู่ไห่ ก่อนตอบ “ท่านกู่ ข้าคือหัวหน้าสำนักไท่หยวน แห่งเกาะปาริ่ว ได้ยินมาว่าท่านได้ชีพจรัอย่างนั้นหรือ?”
“มีอะไรต้องถามอีก ตอนนี้เขาตั้งแคว้นขึ้นแล้ว หากไม่มีชีพจรั ก็คงไม่อาจตั้งแคว้นได้ ชีพจรัที่เ้าพูดถึง ตอนนี้ก็อยู่ในตราประทับแผ่นดินของเขา...” ผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่ด้านข้างขัดคอ
เมื่อกู่ไห่ได้ยินการถกเถียงของคนทั้งสอง ก็หัวเราะเบาๆ “ถูกต้อง! ชีพจรัอยู่ในการของข้า แล้วอย่างไรเล่า?”
“มอบชีพจรัมา แล้วข้าไว้ชีวิตเ้า!”
“ใช่แล้ว! มอบชีพจรัมาเสีย...”
ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ที่ฟังดูวุ่นวายนั้น ชายชุดขาวก็โบกมือหยุดคำพูดของทุกคน
“ท่านกู่ แคว้นและชีพจรั เป็สมบัติของผู้ทรงคุณธรรม ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว หวังว่าท่านกู่จะไม่บิดพลิ้ว...” ชายชุดขาวยิ้ม
กู่ไห่ยกยิ้มเ็า ก่อนเอ่ยถาม “ทุกท่าน รู้หรือไม่ว่าสำนักใหญ่ๆของเกาะจิ๋วหวู่ได้ล่มสลายไปแล้ว?”
“หืม?” ทุกคนตกตะลึงเล็กน้อย
“การที่พวกท่านคิดจะมาแย่งชิงแคว้นและชีพจรัของข้า เคยคิดบ้างหรือไม่ ว่าข้าอาจจะตามล้างแค้น? ในวันข้างหน้า ต่อให้พวกท่านมีกันมากถึงยี่สิบสำนัก ข้าก็จะตามไปกวาดล้างเสียให้สิ้น” กู่ไห่กล่าว พลางจับจ้องกลุ่มคนตรงหน้าเขม็ง
สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยน หนึ่งในนั้นรู้สึกกลัวจับใจ “คำพูดของเ้ามารร้ายผู้นี้ ทำให้พวกเราสับสน มาร่วมมือกันเถอะ... ฆ่ามันเสีย!”
“หืม? หากได้ชีพจรั ท่านจะสามารถผสานมันเข้ากับสำนักของตนได้หรือ? ข้าพูดผิดตรงไหน? หากข้าคิดที่จะสังหารท่าน ไม่ว่าอย่างไร พวกท่านก็ไม่อาจขัดขวางได้” กู่ไห่พูดเสียงอำมหิต
น้ำเสียงของกู่ไห่ ทำให้ผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงทั้งยี่สิบคน เกิดความลังเล... สถานการณ์เมื่อครู่ ช่างดูน่ากลัวนัก
แต่เมื่อหนึ่งในผู้ฝึกตนเหลือบไปมองเหยาเจิ้งเทียน ก็ค่อยๆ กลับมาเป็ปกติ
เหยาเจิ้งเทียนหรี่ตาลง ชายคนนั้นจึงหันกลับไปยังกู่ไห่ทันที “ฮึ่ม! กู่ไห่... นี่เ้ายังคิดที่จะล้มสำนักของเราอีกหรือ? ไม่คิดที่จะให้โอกาสได้ต่อรองเลยหรืออย่างไร? เอาละ! จับตัวเขาออกไปเถอะ เพราะการสังหารเขาในพระราชวังเช่นนี้ ถือเป็เื่ที่ไม่ควรนัก...”
“ดี!...”
“จับตัวกู่ไห่!...”
ฟึ่บๆๆๆ!
ทุกคนต่างดึงกระบี่ของตนออกมาทันที
ฟู่...!
ทว่า ขณะนั้นเอง พลันเกิดหมอกหนา เคลื่อนเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ
“ท่าจะไม่ดีแล้ว! ค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้น...” ภายในกลุ่มหมอก มีคนร้องขึ้นด้วยความใ
ทันใดนั้น ทุกคนก็พุ่งเข้าใส่กู่ไห่
เหยาเจิ้งเทียนมองดูกู่ไห่นิ่งๆ แต่เวลานี้ อีกฝ่ายกลับเอาแต่ยืนกุมมือ ไม่ได้ขยับตัวสักนิด
แล้วค่ายกลใหญ่นี้ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?
เหยาเจิ้งเทียนแสดงสีหน้างุนงง
ตูม...!
ทันใดนั้น หมอกหนาก็ปกคลุมไปทั่วสารทิศ ผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงทั้งยี่สิบคนพุ่งเข้ามา แต่กลับกลายเป็ว่าตอนนี้ พวกเขากำลังหลงทางท่ามกลางหมอกหนา
“เกิดอะไรขึ้น? แล้วคนล่ะ?”
“ข้าเองก็หาทิศทางไม่เจอ ลองเหาะดูจาก้าสิ...”
“อ่า... ข้างบนเองก็ไม่พบ”
กลุ่มผู้ฝึกตนระดับหยวนอิง ต่างอุทานด้วยความพิศวง
“เรี่ยวแรงของข้า มหาศาลดุจขุนเขา...”
“เรี่ยวแรงของข้า มหาศาลดุจขุนเขา...”
ท่ามกลางเสียงะโของผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงเ่าั้ ก็เกิดเสียงะเิดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ
ตูมๆๆๆ!
ก่อนจะมีเสียงร้องโหยหวนดังระงม
ดวงตาของเหล่าทหารและพลเรือนต่างเบิกกว้าง นี่... นี่คือเหล่าเซียนที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ แต่เหตุใดกลับร้องอย่างน่าเวทนาเช่นนี้?
ทว่า ฝ่าาหาได้เคลื่อนไหวร่างกายไม่ เช่นนี้แล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
แม้แต่เิไท่ก็ยังเบิกตากว้าง ก่อนมองกู่ไห่ ผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงยี่สิบคน? ดูเหมือนตอนนั้น คนของซ่งเซิงผิงก็อยู่ในระดับหยวนอิงเช่นกัน แล้วเหตุใดจึงโดนจัดการได้ง่ายดายเช่นนี้?
“อ๊าก! อย่าฆ่าข้า! อย่าสังหารข้า! ท่านเหยา! ท่านเหยา...!” ทันใดนั้น ก็มีเสียงะโดังมาจากหมอกหนา
ท่านเหยา?
นอกห้องโถงใหญ่ สีหน้าของเหล่าขุนนางต่างเปลี่ยนไปทันที พากันมองเหยาเจิ้งเทียนที่อยู่ห่างออกไปอย่างสับสน
ยามนี้ เหยาเจิ้งเทียนคล้ายจะรับรู้ถึงภัยที่จะมาสู่ตน จึงซัดฝ่ามือไปยังร่างของกู่ไห่ทันที ฝ่ามือของเขามีพลังมหาศาลมาก พอที่จะทำให้อีกฝ่ายตายได้ในฝ่ามือเดียว
ตูม...!
เสียงดังสนั่น แผ่นดินสั่นะเืจากแรงโจมตีนี้
กู่ไห่หยิบตราประทับศักดิ์สิทธิ์เมือง์ออกมา ก่อนจะทะยานเข้าโจมตีเหยาเจิ้งเทียนอย่างแรง
ตูม...!
ฝ่ามือของเหยาเจิ้งเทียนแตกเป็เสี่ยงๆ ก่อนจะถูกกดทับเอาไว้ใต้ตราประทับศักดิ์สิทธิ์เมือง์ทันที
“อะไรกัน? เ้าทำได้อย่างไร...?” เหยาเจิ้งเทียนะโด้วยความข้องใจ
“มิเช่นนั้น ข้าจะป้องกันตัวอย่างไรล่ะ?” ทันใดนั้น กู่ไห่ก็ค่อยๆ เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน
เหยาเจิ้งเทียนจ้องมองอีกฝ่าย ดวงตาของเขาฉายแววไม่อยากจะเชื่อต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาลอบโจมตีกู่ไห่ แต่เหตุใดกลับเป็เขาเอง ที่ถูกจู่โจม?
ด้านล่างตราประทับศักดิ์สิทธิ์เมือง์ เหยาเจิ้งเทียนดูราวกับ้าจะเปลี่ยนร่าง แต่ตราประทับกลับดูเหมือนจะมีน้ำหนักมากเป็ล้านจินในชั่วพริบตา ทำให้เหยาเจิ้งเทียนรู้สึกหวาดหวั่น
“ในตราประทับศักดิ์สิทธิ์เมือง์ มีชีพจรั ซึ่งมีน้ำหนักเกือบเทียบเท่ากับเกาะจิ๋วหวู่แห่งนี้ ไม่นับรวมพลังที่ใช้ในการทำให้มันยอมจำนนต่อข้า... หึๆ! เหยาเจิ้งเทียน ท่านช่างวางแผนได้ดีนัก...
ให้ผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงทั้งยี่สิบคน มาเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วลอบโจมตีจากด้านหลัง หากไม่ได้ป้องกันท่านเมื่อครู่ ข้าคงจะพ่ายแพ้ และท่านคงได้มันไปแล้ว...” กู่ไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เหตุใดถึงป้องกันการโจมตีของข้าได้ เ้าทำได้อย่างไร? อีกทั้งพวกเขายังมีพลังถึงระดับหยวนอิง เหตุใดจึงถูกขังอยู่ในค่ายกลอย่างง่ายดาย? ไม่ๆ! ข้าร่วมมือกับพวกเขาเพื่อจะจัดการเ้า แล้วเหตุใดทุกอย่างถึงได้กลับตาลปัตรเช่นนี้?” เหยาเจิ้งเทียนะโลั่น
ตูมๆ!
ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงดังสนั่น ผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงทั้งยี่สิบคน ถูกกระแทกจมดิน พร้อมๆ กันนั้น เมฆหมอกก็ค่อยๆ เลือนหาย
เมื่อหมอกสลาย จึงเห็นร่างทั้งยี่สิบที่นอนแน่นิ่งจมกองเือยู่บนพื้น ทั่วร่างเต็มไปด้วยาแ กระดูกแตกเป็เสี่ยงๆ ดวงตาแต่ละคู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ที่จุดตันเถียนถูกเจาะเป็รู ทุกคนในตอนนี้ ดูราวกับจะแก่ชราลงกะทันหัน
ไม่ไกลกันนัก กู่ฉินค่อยๆ ปรากฏกาย และเดินเข้ามา
“เสด็จพ่อ ลูกได้ทำลายจุดตันเถียนของผู้ฝึกตนยี่สิบคนนี้ไปแล้ว พวกเขาพิการ ไม่อาจขยับตัวได้อีก...” กู่ฉินรายงาน พลางโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
“เป็องค์รัชทายาทหรอกหรือ? เมื่อครู่องค์รัชทายาทคือผู้ที่สร้างค่ายกลเช่นนั้นหรือ?” เหล่าขุนนางต่างรำพึงด้วยความตื่นตระหนก
เิไท่มองกู่ฉินด้วยดวงตาที่สั่นระริก... องค์รัชทายาทผู้แสนอ่อนน้อมถ่อมตนผู้นี้ คือคนที่จัดการกับผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงทั้งยี่สิบคนอย่างนั้นหรือ?
ก่อนหน้านี้ เิไท่มั่นใจมาก ว่าตนคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด รองจากกู่ไห่ ทว่าตอนนี้ เมื่อมองดูกู่ฉิน กลับรู้สึกหนาวเหน็บในหัวใจ
นี่มันอะไรกัน? ในกลุ่มผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงทั้งยี่สิบคนนี้ ต่อให้เป็ขั้นที่ต่ำที่สุด ก็ย่อมต้องมีพลังเหนือกว่ากู่ฉินมิใช่หรือ แต่ทำไมเขากลับสามารถจัดการคนทั้งหมดได้ในชั่วพริบตา?
“มรดกของท่านผู้เฒ่า?” ทันใดนั้น เิไท่ก็เอ่ยอย่างตื่นตะลึง
เมื่อทุกคนเห็นความแข็งแกร่งของกู่ไห่ ต่างก็มองข้ามกู่ฉินไป หรือเขาจะได้รับมรดกจากท่านผู้เฒ่าเช่นกัน แต่ไม่มีใครรู้ ว่ามรดกนั้นคืออะไร
แม้พลังของเขาเพิ่งจะอยู่ในระดับก่อ์ แต่เมื่อต่อสู้กัน ผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงทั้งยี่สิบคน กลับถูกจัดการอย่างง่ายดาย?
เิไท่มองอีกฝ่ายด้วยความหวั่นเกรง
“เสด็จพ่อ ผู้กระทำความผิดยี่สิบคนนี้ จะให้จัดการอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?” กู่ฉินถาม
“ตรึงพวกมันไว้กับหน้าผานอกพระราชวัง ให้ผู้ที่คิดปองร้ายหรือก่อฏต่อแคว้นต้าฮั่น ได้เห็นอย่างชัดเจน ว่าจุดจบที่พวกมันจะต้องเจอคือความตาย!” กู่ไห่สั่งเสียงต่ำ
“พ่ะย่ะค่ะ!” กู่ฉินตอบรับ
“มรดกของท่านผู้เฒ่า? แค่กๆๆ! ข้าเข้าใจแล้ว… ฮ่าๆๆ! กู่ไห่ ข้าประเมินแคว้นต้าฮั่นของเ้าต่ำเกินไป แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดเ้าถึงป้องกันการโจมตีของข้าได้? ในเมื่อข้าลอบโจมตีจากทางด้านหลัง” เหยาเจิ้งเทียนถามอย่างสลดหดหู่
กู่ไห่ยิ้มเยาะเล็กน้อย ก่อนตอบ “เมื่อท่านมาถึงแคว้นต้าฮั่น ควรจะมีคนมาแจ้งข้าทันที แต่เหตุใดต้องไปแจ้งซ่างกวนเหินก่อน แล้วค่อยให้เขามาแจ้งข้าอีกทีล่ะ? ท่านไม่คิดว่ามันแปลกหรอกหรือ?”
“หืม? ซ่างกวนเหิน?” เหยาเจิ้งเทียนมองซ่างกวนเหินอย่างงุนงง
เิไท่ กู่ฉินและคนอื่นๆ ต่างมองซ่างกวนเหินด้วยความกังขา... ใช่แล้ว! ทำไมซ่างกวนเหินถึงเป็ผู้มารายงานล่ะ?
“ไปยกมันมา...” ซ่างกวนเหินสั่งอย่างเยือกเย็น
ไม่นาน ทหารองครักษ์ก็นำกองกระดูกเข้ามา โดยกระดูกนี้มีความยาวถึงห้าร้อยจั้ง
“ท่านเหยา จำได้หรือไม่? ว่านี่คือกระดูกของผู้ใด?” กู่ไห่หัวเราะเสียงเยียบเย็น
“นี่คือ… เจียวหลงฟู่เสวี่ย?” สีหน้าของเหยาเจิ้งเทียนเปลี่ยนไปทันที
ที่สำนักหมู่ตาน เจียวหลงที่น่าเกรงขามเหลือเพียงโครงกระดูก เพราะกระบี่เจวี๋ยเซิงได้กลืนกินเืและเนื้อของมันไปจนหมดสิ้น
“ข้าไม่เคยคิดเลย ว่าท่านเหยาและฟู่เสวี่ย จะเป็หนึ่งเดียวกัน เสวียนอู่? เต่าและงู? ร่างเต่าและอสรพิษแยกออกจากกัน ร่างเต่าคิดจะวิวัฒนาการไปเป็เต่าขั้นสูง ส่วนร่างอสรพิษก็อยากเป็ั?
หึๆ! เป้าหมายร่วมคือชีพจรั ฟู่เสวี่ย้าชีพจรั แล้วเหตุใดเหยาเจิ้งเทียนจึงจะไม่้ามันเล่า... จริงหรือไม่?” กู่ไห่ถามเสียงเย็น
“เ้า... เ้ารู้ได้อย่างไร?” เหยาเจิ้งเทียนเอ่ยด้วยความแปลกใจ
“หากซ่างกวนเหินไม่ได้เตือนเอาไว้ ข้าก็คงถูกท่านหลอกเข้าจริงๆ ท่านรู้ว่าการแย่งชิงชีพจรันั้นยากลำบาก และตัวเองก็คงจะไม่อาจไปเอามันมาได้ แต่รู้ว่าข้าสามารถแก้กลหมากยี่สิบเก้าเส้นได้ จึงเข้ามาคบหากับข้า เพราะหวังจะแย่งชิงชีพจรัไป หลังจากที่ข้าได้มันแล้ว? อสูรทะเลที่อยู่ในจวนของข้า ก็หาใช่เพื่อส่งข่าว แต่มีไว้เพื่อจับตาดูข้าอย่างนั้นละสิ?” กู่ไห่มองเหยาเจิ้งเทียนด้วยสายตาเย็นะเื
“เ้า... เ้ารู้ได้อย่างไร?” เหยาเจิ้งเทียนกล่าวด้วยความพรั่นพรึง
“ซ่างกวนเหินบอกว่า เขาเคยพบท่านมาก่อน และเมื่อได้เห็นกระดูกงูเส้นนี้อีกครั้ง เขาก็รับรู้ได้ในทันที ว่ากลิ่นอายของพวกท่านทั้งสองนั้นเหมือนกัน ข้ายอมรับ ว่าตอนแรกก็ยังไม่เชื่อ เลยให้เขายืนยันอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ ที่เขาเข้ามาในวังหลวง เพื่อรายงานเื่การมาเยือนของท่าน เขาก็ได้แอบเตือนข้า ว่าท่านและฟู่เสวี่ยเป็หนึ่งเดียวกัน... เสวียนอู่? เหอะๆ! เป็เช่นนี้ก็ดีอยู่แล้ว แต่กลับคิดจะวิวัฒนาการไปเป็ั?” กู่ไห่ตอบอย่างเย้ยหยัน
“ซ่างกวนเหิน... ซ่างกวนเหิน? เป็ไปไม่ได้ ฟู่เสวี่ยกับข้าแยกออกจากกันไปนานแล้ว เ้าจะรู้ได้อย่างไร?” เหยาเจิ้งเทียนจ้องซ่างกวนเหินอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ซ่างกวนเหินมองกู่ไห่ ก่อนพูด “ฝ่าา ผู้น้อย้าทูลขอต่อท่าน”
“หืม?”
“คราวก่อน เหยาเจิ้งเทียนหลอกฝ่าา กระดองเต่าที่ผนึกชีพจรั หาใช่สิ่งที่บิดาของเหยาเจิ้งเทียนทิ้งไว้ แต่เป็กระดองเต่าโบราณของเผ่าเสวียนอู่ มันมีประโยชน์ต่อผู้น้อย ขอร้องฝ่าา โปรดประทานเหยาเจิ้งเทียนให้ข้า” ซ่างกวนเหินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ได้!” กู่ไห่พยักหน้าตอบรับ
ซ่างกวนเหินเดินตรงไปยังร่างของเหยาเจิ้งเทียน
เหยาเจิ้งเทียนจ้องอีกฝ่ายอย่างสงสัย แต่ทันใดนั้น ซ่างกวนเหินก็กดมือลงบนหน้าผากของเขา
สีหน้าของเหยาเจิ้งเทียนเปลี่ยนไปทันที “กลิ่นอายนี้... เ้าๆๆ...”
ตูม...!
ซ่างกวนเหินยกมือขึ้น ตบลงบนหน้าผากอีกฝ่ายที่กำลังเบิกตาโพลงทันที
ตูมๆๆ!
เหยาเจิ้งเทียนพลันกลายร่าง และขยายขนาดขึ้น ซ่างกวนเหินจึงยกตราประทับออกมา
“ฮึ่ม...!”
ร่างกายที่ใหญ่โตพลันหดเล็กลง และค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ จนมีขนาดเท่าฝ่ามือ
กู่ไห่โบกมือ เพื่อเก็บตราประทับศักดิ์สิทธิ์เมือง์กลับไป ก่อนมองซ่างกวนเหินอย่างประหลาดใจ
ซ่างกวนเหินค่อยๆ ลดขนาดของสิ่งที่อยู่ในมือ แล้วเก็บมันไว้ในแขนเสื้อของตน
เหตุการณ์ตรงหน้า ทำให้เหล่าขุนนางต่างพากันตะลึงงัน
เิไท่มองไปยังท่าทีของซ่างกวนเหิน ด้วยสายตาที่สั่นไหว
เหยาเจิ้งเทียน แม้จะมากไปด้วยพลัง และสุดท้ายก็ถูกตราประทับศักดิ์สิทธิ์เมือง์บดขยี้ แต่นั่นเขาก็หาได้สนใจไม่ ซ่างกวนเหินที่จู่ๆ ก็โผล่มาผู้นี้ ทำให้เขารู้สึกสับสนไม่น้อย เหตุใดอีกฝ่ายถึงจัดการกับาาอสูรได้ ราวกับมันเป็เพียงลูกไก่ในกำมือเช่นนั้น?
นอกจากกู่ฉินแล้ว ราชวงศ์ต้าฮั่นยังมีคนเช่นนี้อีกหรือ? มีความลับอีกกี่อย่าง ที่ข้ายังไม่รู้กันแน่?
เิไท่ใยิ่งกว่าเดิม
วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ สลายไปในชั่วพริบตา ประหนึ่งไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน
“เอาละ! กลับไปทำหน้าที่ของพวกเ้าเถอะ” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
“ฝ่าาทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี...” เหล่าขุนนางเอ่ยอย่างพร้อมเพรียง
ในใจของเิไท่สั่นสะท้าน เหล่าขุนนางที่ยังตื่นกลัวอยู่ ก็เข้าไปห้อมล้อมกู่ไห่ พลางกล่าวคำสรรเสริญผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อย่างราชวงศ์ต้าฮั่น... ราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาะจิ๋วหวู่แห่งนี้