เมื่อเจินจูกับอาชิงเข้ามาในห้องโถง นางก็นำเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันเล่าให้เขาฟัง
อาชิงเต็มไปด้วยความแค้นเคือง “เ้าคนพวกนี้ ไม่นึกเลยว่าคิดจะจับเสี่ยวจินไปส่งเป็เครื่องบรรณาการ ช่างน่ารังเกียจจริงๆ”
เขาโมโหอย่างมาก ตำแหน่งที่เสี่ยวจินอยู่ในหัวใจเขา ต่ำกว่าอาจารย์แค่นิดเดียวเท่านั้น เนื้อกวางหรือเนื้อแพะที่เสี่ยวจินทิ้งลงมาทุกครั้ง ส่วนใหญ่เป็เขาช่วยเชือดและชำแหละให้ สกุลหูใจกว้างอย่างมาก บรรดาเนื้อกวางเนื้อแพะปล่อยให้เขาหยิบจับ ส่วนเนื้อกวางกับเนื้อแพะที่พะโล้เสร็จแล้วก็มักแบ่งให้พวกเขาเสมอ สามารถกล่าวได้ว่าเสี่ยวจินจัดหาวัตถุดิบจำพวกเนื้อส่วนใหญ่ให้กับหลายครอบครัวบริเวณใกล้เคียงบ้านสกุลหูเลยทีเดียว
คิดจะจับเสี่ยวจินไป นั่นไม่ใช่ว่าตัดขาดจากแหล่งที่มาของอาหารประเภทเนื้อให้พวกเขาหรือ ต่อให้ทนได้แต่ผู้ใดจะทนกันล่ะ [1]
“พี่เจินจู อยากให้พวกข้าช่วยอะไร ท่านกล่าวมาได้เลย”
เจินจูเม้มปากยิ้ม ล้วงเอาขวดเครื่องเคลือบดิบเผาขวดเล็กออกมาจากในหน้าอกเสื้อ
หลังจากนั้น มอบหมายงานอยู่ข้างหูของเขา
อาชิงรับขวดเครื่องเคลือบใบเล็กมาแล้วขมวดคิ้วขึ้น “แค่นี้เองหรือ? จัดการเ้าหมอนั่นให้เละไปเลยดีไหม ต่อไปจะได้ไม่วางแผนใส่เสี่ยวจินอีก”
“…” เจินจูเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก เ้ายังเป็แค่เด็ก ป่าเถื่อนเพียงนี้ดีแล้วจริงๆ หรือ?
“เอ่อ น่าจะ… ไม่ต้องใช้ความรุนแรงเพียงนั้นกระมัง เขาก็ไม่ได้ทำเื่เลวร้ายผิดกฎหมาย ตักเตือนเขาหน่อยก็พอแล้ว”
อาชิงชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง เด็กผู้หญิงมักใจอ่อน คนเขาคิดจะจับเสี่ยวจินไปถวายเป็เครื่องบรรณาการ ยังจะใช้วิธีการนุ่มนวลเพียงนี้อยู่อีก
“ทราบแล้ว อีกเดี๋ยวชั่วโมงเข้าเรียนจบลง ข้ากับอาจารย์จะไปในอำเภอสักรอบ ใช้กับตัวหลานของนายอำเภอจาง? แล้วหงซื่อเจี๋ยผู้นั้นล่ะ? ท่านจะปล่อยไปไม่จัดการหรือ?”
“จางเฉิงหย่วนเป็ตัวการ หากตัวการเกิดเื่ขึ้น เขาคนเดียวทำเื่ใหญ่ไม่สำเร็จหรอก อีกอย่างโดนพิษชนิดเดียวกันพร้อมกันทั้งสองคน จะดึงดูดความสนใจจนเกินไป” เห็นว่าหงซื่อเจี๋ยผู้นั้นช่วยกล่าวส่วนดีๆ เพื่อนางไม่น้อย เจินจูเลยไม่ให้เขาได้ลิ้มรสยาเคลิ้มอยู่ในภวังค์
“แล้วอย่างไรกัน ไม่ใช้ยาชนิดนี้ ก็ยังมียาอื่นอีกหลายชนิด ข้าว่าใช้ยาเป็การยุ่งยากเกินไปแล้ว ตีขาเขาให้หักไปเลยดีกว่าตั้งเท่าไร ให้นอนอยู่หลายเดือน ดูสิว่าพวกเขายังกล้ามีความคิดไม่เหมาะสมอยู่อีกหรือไม่” อาชิงกล่าวฮึดฮัด
“…ฮ่าๆ พวกเ้าอย่าก่อเื่ใหญ่เลย ถึงตอนนั้นจะจัดการไม่ง่ายเอา” เด็กผู้นี้ป่าเถื่อนรุ่นแรงยิ่งนัก ฟางเสิงสอนเด็กอย่างไรกันนี่
“ท่านวางใจ พี่เจินจู เื่นี้ต้องจัดการให้ท่านอย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน รับรองได้ว่าเสี่ยวจินจะอยู่ในหมู่บ้านนี้อย่างสงบต่อไปได้แน่” เขาตบหน้าอกดังปุๆ
เจินจูยิ้มปลื้มใจ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าอาชิงเ้าเด็กหนุ่มใจร้อนนี่น่ารักมากยิ่งนัก “ดี ขอบใจอาชิงแล้ว พวกเ้าจะขี่ม้าไปหรือจะเร่งเกวียนล่อไปล่ะ?”
“ขี่ม้าเร็วกว่า อีกทั้งไม่ได้มีสิ่งของที่ต้องลากด้วย”
“อื้ม เช่นนั้นก็ดี พวกเ้าก็อยู่บ้านใหม่ในอำเภอสักคืน พรุ่งนี้ค่อยกลับมาเถอะ”
“ทราบแล้ว พี่เจินจู ตอนเย็นอย่าลืมช่วยเลี้ยงเ้าเหมาฉิวสักหน่อยนะ”
“ได้ พวกเ้าสบายใจได้เลย”
...วันต่อมา
หลังบ้านของศาลาว่าการอำเภอเจิ้นอัน
ใบหน้านายอำเภอจางเซี่ยวอันของอำเภอเจิ้นอันเต็มไปด้วยความตึงเครียด จางเฉิงหย่วนลูกชายของลูกพี่ลูกน้องของเขามาอยู่ที่บ้านได้เดือนกว่าแล้ว แม้เ้าตัวจะไม่มีความรู้ความสามารถ แหย่ไก่เย้าหยอกสุนัข [2] ทั้งวัน แต่ก็ไม่ได้ก่อปัญหาที่ใหญ่เกินไปขึ้น
จางเซี่ยวอันลืมตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่งต่อพฤติกรรมของเขามาตลอด จางเฉิงหย่วนเป็หลานชายของจางโย่วเฉวียนผู้เป็ลูกพี่ลูกน้องกับบิดาตนเอง เป็คุณชายแห่งจวนจานซื่อขององค์ไท่จื่อ และยังเป็พี่ชายแท้ๆ ของเหลียงตี้องค์ไท่จื่อ จางเซี่ยวอันเป็เพียงหลานชายที่มาจากบรรพบุรุษเดียวกัน ฐานะของทั้งสองคนเป็เพียงอาหลาน แต่บนความเป็จริง อีกนิดจางเซี่ยวอันก็แทบจะเซ่นไหว้เขาขึ้นมาแล้ว
เมื่อวาน จางเฉิงหย่วนไปดื่มที่หอบุปผา ดื่มจนครึ่งค่อนคืนถึงจะกลับมา เวลาจวนจะรุ่งสาง จู่ๆ ก็ฟั่นเฟือนขึ้น
วิ่งพ่านไปทั่วทั้งลานบ้าน เงยหน้ามองฟ้าก็หัวเราะเสียงดัง ดูคึกคักมีชีวิตชีวา ไม่เพียงเท่านี้ แต่ยังมีผดผื่นเม็ดเล็กๆ ขึ้นตามตัวมากมาย แดงเป็ปื้น ทำให้คนใกลัวเป็อย่างมาก
ตอนที่จางเซี่ยวอันรีบไปถึงลานบ้านของเขา เหล่าคนรับใช้ก็พากันล้อมขวางจางเฉิงหย่วนไว้แล้ว แต่ไม่กล้าเข้าไปจับ
จางเฉิงหย่วนหัวเราะและร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง ผิวที่ปรากฏออกมาเป็เม็ดเล็กๆ แดงทั่วไปหมด ช่างทำให้คนที่มองหวาดกลัวยิ่งนัก
หลังท่านหมอมาถึง ดูอยู่ไม่กี่ทีก็กล่าวออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า เขาโดนพิษ
ทันทีหลังจากนั้น ให้คนไปกดจางเฉิงหย่วนไว้เพื่อทำการจับชีพจร และนำยามาเทราดทันที เขากลิ้งไปมาอย่างทรมานอยู่พักหนึ่ง จึงหลับไปอย่างสงบ
จางเฉิงหย่วนโดนพิษ จางเซี่ยวอันย่อมต้องสืบสวนเป็ธรรมดา เรียกหาคนติดตามสองคนที่ติดตามหลานชายของเขาอยู่ตลอดมาสอบถาม รู้ว่าหมู่นี้เขาอยู่ติดกับหงซื่อเจี๋ยของสกุลหงอยู่ตลอด จึงถ่ายทอดคำสั่งเรียกหงซื่อเจี๋ยมาสอบถามทันที
แต่ผู้ใดจะรู้ คนรับใช้ที่ส่งออกไปกลับมารายงานว่า ขณะที่หงซื่อเจี๋ยอยู่ระหว่างทางกลับจวนเมื่อคืน ได้ร่วงจากหลังม้าเพราะม้าเกิดอาการตื่นตระหนกขึ้น ขณะนี้กระดูกหน้าแข้งหักทำให้ต้องนอนอยู่บนที่นอนลุกไม่ขึ้น
จางเซี่ยวอันเกิดความสงสัยผุดขึ้นในใจ เขาเป็ขุนนางมาหลายปี ค่อนข้างคุ้นเคยพวกกลกับดักของแต่ละคดีอยู่มาก วิธีการเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็การตักเตือนของชาวยุทธ์ที่มีฝีมือและมีชื่อเสียง
จางเฉิงหย่วนไปหาเื่พรรคไหนเข้าล่ะนี่ ถึงได้ถูกลงมืออย่างร้ายกาจเช่นนี้?
คิดถึงโจรูเาที่เที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่ในระยะนี้ขึ้น เขามีเื่ยุ่งมากพออยู่แล้ว จางเฉิงหย่วนยังมาอยู่ในจุดเป็จุดตายเช่นนี้อีก ช่างหาเื่ลำบากมาให้เขานัก จางเซี่ยวอันโมโหจนถึงที่สุด อยู่เมืองหลวงก็ก่อเื่กับหลานชายซึ่งเป็บุตรสายตรงในครอบครัวลำดับที่หนึ่งให้โกรธแค้น ถูกปู่ขับไล่ออกจากเมืองหลวงเพื่อพิจารณาตัวเอง แต่ยังโอ้อวดดึงดูดความสนใจผู้คนอย่างเต๊ะท่าวางมาดอีก ถูกคนวางยาเพื่อกล่าวเตือนก็เป็สิ่งที่สมควรสมน้ำหน้าแล้ว
เมื่อรู้ว่าเขาไม่ได้มีเื่ให้เป็ทุกข์ถึงชีวิต จางเซี่ยวอันเลยวางใจลงได้ ขอแค่เขาไม่เป็อะไร โดนตักเตือนหน่อยก็ดี จะได้รู้จักนภาสูงพสุธาหนา [3] แล้วไม่หาเื่ใส่ตัวต่อไปอีก
...ฟางเสิงกับอาชิงเร่งกลับหมู่บ้านวั้งหลินั้แ่เช้าตรู่
เจินจูวิ่งเข้าไปหาทันทีที่พวกเขามาถึง
มองอาชิงด้วยดวงตาเป็ประกาย “เป็อย่างไรบ้าง?”
อาชิงตอบกลับอย่างร่าเริง “พี่เจินจู อาจารย์ข้าลงมือเอง ท่านยังไม่วางใจอีกหรือนี่”
ฟางเสิงอยู่ด้านข้างชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา
เมื่อวานขณะที่อาชิงมาหาเขาแล้วกล่าวเื่นี้ เขาก็รู้สึกว่าเด็กสาวสกุลหูใจอ่อนเกินไป จัดการพวกเขาสองคนให้เละเป็ขยะไปเสียเลยดีกว่า ดูสิว่าพวกเขายังจะกล้าหมายปองอินทรีตัวนั้นอีกหรือไม่
แต่อาชิงกล่าวก็ถูก นั่นเป็ญาติของนายอำเภอ หากเสียชีวิตลงคงต้องมีการสืบเสาะจนถึงที่สุดแน่ เกิดเื่ให้น้อยที่สุดจะเป็การดียิ่งกว่า ลงโทษพวกเขาไปหนึ่งรอบก็คงพอ
แต่ยาเคลิ้มอยู่ในภวังค์ของเด็กสาวสกุลหูเป็การละเล่นแบบเด็กน้อยเกินไป เขาให้อาชิงเพิ่มยาที่เป็ของเหลวอีกหนึ่งชนิดลงไปด้วย พิษของยาชนิดนี้ไม่เท่าไร ทว่ามีสิ่งที่พิเศษอย่างหนึ่งคือผดผื่นที่เป็ปื้นตามร่างกายนั่น หากไม่ได้พักฟื้นให้ดีในหนึ่งถึงสองเดือน แล้วคิดจะกำจัดให้หมดคงเป็ไปไม่ได้
ส่วนผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคนหนึ่ง จัดการง่ายดายเสียยิ่งกว่า หินเม็ดเล็กหนึ่งเม็ดดีดใส่บนม้า ทำให้ม้าตื่นตระหนกและห้อตะบึงขึ้น ขณะที่คนตกลงมาก็ดีดหินเม็ดเล็กโจมตีเข้าที่หน้าแข้ง ทำให้กระดูกแตกหักไปเสียเลย สามถึงสี่เดือนล้วนไม่มีทางลงพื้นมาเคลื่อนไหวได้แน่
เจินจูได้ฟังคำรายงานของอาชิงจนอ้าปากกว้าง ดวงตาเป็ประกายวิบวับดั่งดวงดาว
แม่เ้า... เป็ผู้มีฝีมือระดับสูงจริงๆ วิธีการแต่ละอย่างล้วนเหนือชั้นยิ่งกว่านางเกินไปอย่างมาก
หากเป็เช่นนี้ล่ะก็ ่เวลาอันใกล้นี้ล้วนไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะมาจับเสี่ยวจินแล้ว
แต่เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอน เจินจูตัดสินใจให้เสี่ยวจินเปลี่ยนเวลามาบ้านสกุลหูในตอนกลางคืนค่อยเข้ามากินอาหาร ตอนกลางวันให้มันอยู่ในป่าเขาเพื่อความปลอดภัยสักหน่อย
“อาจารย์ฟาง เรือนหอของท่านต้องซื้อเตียงและตู้เสื้อผ้าใหม่กระมัง ข้าให้ท่านพ่อไปสั่งทำกับนายช่างหลู่แล้ว รอให้เขาเอามาส่งก็ลำเลียงเข้าไปวางได้พอดีเลยนะเ้าคะ” เจินจูหันไปกล่าวกับฟางเสิงหลังจากนึกขึ้นได้
ฟางเสิงที่ได้ฟังคำพูดการจู่โจมนี้ ใบหน้าแข็งทื่อทันที ไม่เป็ธรรมชาติไปชั่วขณะ “เตียงกับตู้เสื้อผ้าเดิมก็ดีมากอยู่แล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้”
“จะได้อย่างไรล่ะเ้าคะ เตียงเดี่ยวกับเตียงคู่จะเหมือนกันได้หรือ อีกอย่างเรือนหอไม่มีเครื่องเรือนใหม่คงไม่เหมาะสม นี่เป็สวัสดิการที่สกุลหูมอบให้ท่าน ต่อไปไม่ว่าผู้ใดจะแต่งงาน ก็จะมีเตียงและตู้เสื้อผ้าเป็สวัสดิการเพิ่มให้เ้าค่ะ” เจินจูกล่าวพร้อมกับยิ้มกว้าง
ฟางเสิงเป็คนไม่มีระเบียบแบบแผน ง่ายๆ สบายๆ เสมอมา เมื่อถูกกล่าวเช่นนี้เลยทำตัวไม่ถูกอยู่เล็กน้อย เขากระแอมไอสองที “ต้องขอบคุณแล้ว”
“ไม่ต้องขอบคุณเลยเ้าค่ะ เช่นนี้ก็เป็การมอบให้ท่านอาหงยู่ด้วยเช่นกัน ...อาชิง ที่บ้านมีมุ้งลวดใหม่ ผ่านไปอีกสองหรือสามวันก็ไปเอามาที ให้พวกผิงอันช่วยกันประกอบให้เรียบร้อย เรือนหอต้องมีของใหม่ อาจารย์เ้าแต่งงาน เ้าในฐานะที่เป็ศิษย์ต้องออกแรงมากหน่อยนะ” เจินจูยิ้มไปกำชับไป
“ฮิๆ ได้เลย พี่เจินจู” บนใบหน้าอาชิงก็ยิ้มกว้างจนตาหยีเช่นกัน
เมื่อกล่าวว่าฟางเสิงจะแต่งงาน อาชิงก็เป็หนึ่งคนที่ดีใจที่สุด เมื่ออาจารย์แต่งงานก็จะมีอาจารย์หญิง ในที่สุดเื่กระจุกกระจิกอย่างซักผ้าทำกับข้าวในทุกวันของเขาก็จะได้หลุดพ้นเสียที
...เดือนสิบเอ็ดของทางตะวันตกเฉียงเหนือ สายลมฤดูหนาวพัดขึ้นมาฉับพลัน ทำให้สายลมและก้อนเมฆผันผวนไปมาไม่สงบนิ่ง
นอกเมืองถงหลิน พวกตาตาร์และหว่าชื่อโจมตีกำแพงเมืองอย่างสุดกำลัง
สีหน้าหานสี่เรียบสนิท ะโลงมาบัญชาการด้วยตัวเองอยู่มุมหนึ่งของหอคอย หลัวจิ่งอยู่บนกำแพงเมืองร่วมมือกับทังจ้าวช่วยกันปกป้องเมือง
คลื่นการโจมตีเมืองลูกแรกป้องกันได้สำเร็จจนฝ่ายโจมตีถอยร่นไป จากนั้นคลื่นลูกที่สองก็ดำเนินต่อมาติดๆ ทหารลุกฮือเข้ามาและถอยออกไปดั่งสายน้ำก็ไม่ปาน ด้านล่างกำแพงเมืองมีเืไหลนองกลายเป็สายธาร ครั้งนี้ตาตาร์ได้เรียนรู้มาอย่างชาญฉลาด ได้เคลื่อนย้ายศพที่เกลื่อนกลาดใต้กำแพงเมืองออกมาอย่างฉับไว ป้องกันการถูกน้ำมันราดจุดไฟเผา แล้วก่อตัวเป็กำแพงไฟขึ้น
การโจมตีอย่างดุเดือดลูกแล้วลูกเล่า มีผลปรากฏให้ได้เห็น ทหารศัตรูที่ได้แค่ปีนบันไดในระยะแรกตอนนี้เริ่มวิ่งขึ้นมาบนกำแพงเมืองแล้ว เสียงรถปะทะกำแพงเมืองกระแทกประตูกำแพงอย่างรุนแรงและเสียงดังยิ่งขึ้น ปืนใหญ่ถูกเคลื่อนมาถึงบริเวณที่ไม่ไกลจากกำแพงเมืองมากนัก หินก้อนมหึมากระแทกลงบนกำแพงเมืองอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
คิ้วของหานสี่ขมวดแน่น ดวงตาสองข้างจ้องเขม็งไปที่นอกกำแพงเมือง จากานปาลากับอามู่เอ่อร์คร่อมอยู่บนม้าศึก ม้าศึกของสองคนกับทหารม้าด้านหลัง พร้อมด้วยทหารโจมตีเมืองตั้งแถวรออยู่ การจู่โจมอย่างรุนแรงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คิดไปแล้วคงเป็การเตรียมความพร้อมเมื่อโจมตีประตูเมืองให้แตกได้แล้ว พวกเขาจะได้เข้ามาด้านในและจู่โจมทันที
เขาเห็นไปจนถึงรอยยิ้มกว้างด้วยสีหน้าลำพองใจของจากานปาลาเลยทีเดียว
ระยะห่างเช่นนี้น่าจะอยู่ในรัศมีการยิง เขาตัดสินใจออกคำสั่งให้องครักษ์ใกล้ชิดไปถ่ายทอดคำสั่งอย่างเด็ดขาด
องครักษ์ใกล้ชิดผู้นั้นรีบวิ่งไปถึงข้างกายหลัวจิ่งทันที ถ่ายทอดคำสั่งขององค์ชายสี่
ทันใดนั้นหลัวจิ่งหันไปส่งสัญญาณทางทหารที่รอรับคำสั่งอยู่ข้างล่างกำแพงเมือง พลทหารหามตะกร้าไผ่สานใบใหญ่ และแจกจ่ายสิ่งของอย่างเป็ระเบียบไว้ด้านข้างเครื่องโยนหินสองเครื่องบนกำแพงเมือง
ทหารยกเครื่องปั้นดินเผาหนึ่งใบใหญ่ออกมาจากในตะกร้าไผ่สานแล้ววางไว้้า หลัวจิ่งอยู่ติดกับนายทหารระดับสูงที่รับผิดชอบชี้ออกคำสั่งทิศทางข้างเครื่องโยนหิน
หลังจากนั้นก็ะโออกคำสั่ง เครื่องปั้นดินเผาใบใหญ่ที่วางไว้้าเครื่องโยนหิน ได้พุ่งไปยังทิศทางที่จากานปาลาและอามู่เอ่อร์อยู่ เครื่องปั้นดินเผาใบใหญ่ร่วงลงสู่พื้นแตกกระจายปล่อยสิ่งของที่บรรจุข้างในออกมาบริเวณที่ทหารม้าอยู่ น้ำมันดำสาดกระจายออกเป็วงกว้าง
เครื่องโยนหินทั้งสองเครื่องผลัดกันขว้างสี่รอบ เครื่องปั้นดินเผาขนาดใหญ่ไม่อันตรายนัก ทหารม้าสามารถหลบหนีได้อย่างง่ายดาย เหลือเพียงเศษซากและน้ำมันสีดำบนพื้น ขณะที่จากานปาลาและอามู่เอ่อร์ยังคงงงงวยอยู่กับกลิ่นแปลกประหลาดนี้ว่าคืออะไร ทันใดนั้นเองเครื่องโยนหินบนกำแพงเมืองก็ขว้างลูกไฟขนาดใหญ่สองลูกที่จุดอย่างลุกโหมออกมา
อามู่เอ่อร์รูม่านตาหดเกร็งทันที ราวกับคิดอะไรได้ เขาตวาดด้วยเสียงอันดัง “รีบถอย!”
จากานปาลาประหลาดใจระคนสงสัยไม่หยุด แต่ยังฟังคำสั่งจากเขา จึงตัดสินใจถอยไปด้านหลังระยะหนึ่ง
น่าเสียดาย สายไปเสียแล้ว
ลูกไฟร่วงลงสู่พื้นบนน้ำมันสีดำ ไฟลุกพึ่บขึ้นและแพร่กระจายไปชั่วพริบตา ม้าที่เหยียบย่ำบนน้ำมันดำ สี่เท้าย้อมเต็มไปด้วยเปลวไฟทันที พวกมันร้องโหยหวนวิ่งเพ่นพ่านไปทั่วทุกสารทิศไม่หยุด กองทัพทหารม้าที่แต่เดิมเป็ระเบียบ ถูกทำให้อลหม่านไปทั่ว มีทหารจำนวนหนึ่งที่โดนน้ำมันดำสาดมาถึง ก็ถูกเปลวไฟลุกท่วมไปทั้งตัวเช่นกัน ทันใดนั้นพวกเขาก็ตระหนกทำอะไรไม่ถูกร้องโหยหวนขึ้นไปทั่วบริเวณ
อามู่เอ่อร์จ้องด้วยดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความโมโห ตวาดเสียงเฉียบขาด “รีบกระจายกำลัง ถอย! ถอย!”
ม้าศึกของจากานปาลาทั้งสี่เท้าโดนไฟลุกไหม้ ถูกความแสบร้อนทำให้แตกตื่นจนร้องคำรามโหยหวน เขาโมโหจนสองตาแทบพ่นเปลวไฟออกมาได้ ม้าศึกะโขึ้นลงได้ไม่นานก็รักษาสมดุลไม่ได้จึงล้มคะมำลง จากานปาลาล้มกลิ้งไปบนพื้นคิดจะหลบออกไปจากเปลวไฟ เมื่อเขากลิ้งออกมาจากบริเวณที่ไฟลุกโหมได้ก็พบว่าเส้นผมและปลายกระบอกแขนเสื้อของตนเองล้วนติดไฟไปหมดแล้ว
เขารีบปัดพร้อมกับกลิ้งตัวไปบนพื้นอยู่พักหนึ่ง กว่าจะดับไฟให้มอดได้ไม่ง่ายเลย ส่วนกองกำลังทหารม้าที่ไม่ไกลออกไป ทั้งทหารม้าและม้าเป็จำนวนไม่น้อยต่างก็กลิ้งทุรนทุรายอยู่ท่ามกลางไฟที่ลุกโหมกระหน่ำ เสียงร้องอย่างน่าเวทนาไม่หายไปจากหู กลิ่นเืเนื้อที่ถูกไฟเผาไหม้ โชยมาเข้าจมูกมากยิ่งขึ้น
จากานปาลามองฉากตรงหน้าด้วยความตกตะลึง สิ่งที่อยู่บนพื้นขนาดใหญ่ตรงหน้าได้อันตรธารไปในชั่วพริบตาเดียว
เชิงอรรถ
[1] ต่อให้ทนได้แต่ผู้ใดจะทนกันล่ะ หมายถึง เื่ที่จะเกิดขึ้นนั้นผู้พูดไม่อาจปล่อยให้เกิดสิ่งไม่ดีขึ้นมาได้อย่างเด็ดขาด
[2] แหย่ไก่เย้าหยอกสุนัข หมายถึง คนที่อยู่เฉยๆ ไม่หางานทำ ทั้งยังชอบสร้างปัญหา
[3] นภาสูงพสุธาหนา หมายถึง 1. ความกว้างใหญ่ของโลก 2. ความผูกพันหรือบุญคุณมั่นคงลึกซึ้งเป็อย่างมาก 3. แสดงออกถึง “เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน” คนที่มีฝีมือความสามารถไม่ธรรมดามีจำนวนมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้