สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือนางจะรู้ตัวตนของเขาแล้วทำตัวห่างเหิน ยามนี้เห็นนางมีท่าทีเช่นนี้ หรือเด็กตรงหน้าเขาจะเดาได้แล้ว
หวงฝู่จินขมวดคิ้วแน่น มองหลินฟู่อินครู่หนึ่ง เกรงว่าจะพลาดสีหน้าของนางไป
“ไม่ อย่าเพิ่งพูดตอนนี้เลย ขอเวลาให้ข้าสักหน่อย” หลินฟู่อินห้ามหวงฝู่จินที่ตั้งท่าจะขยับเข้าหานาง
ที่จริงความอดทนทางจิตใจของนางถือว่าไม่อ่อนด้อย แต่เขาเคยปิดบังมันเอาไว้อย่างลึกล้ำ แล้วอยู่ๆ ก็เปิดเผยคำใบ้ทั้งหมดต่อนางในคราวเดียวอย่างกะทันหัน
ทำให้นางทำตัวไม่ถูกไปครู่ใหญ่
กระทั่งหวงฝู่จินทนไม่ไหว หลินฟู่อินก็กลอกตาทีหนึ่ง ทำให้จิตใจชายหนุ่มเกร็งเขม็ง
ดวงตางดงามจ้องหลินฟู่อินครู่หนึ่ง
“เข้าใจแล้ว” เด็กสาวพยักหน้า มองสายตากดดันของชายหนุ่ม พอสงบใจลงได้น้ำเสียงก็เรียบนิ่ง ถามหวงฝู่จินออกไปว่า “ตัวตนที่แท้จริงของท่านในเป่ยหรงคืออะไรกันแน่เ้าคะคุณชาย?”
ในเมื่อหวงฝู่จินให้คำใบ้นางมาเพียงนี้ นางจะแกล้งทำตัวโง่งมต่อไปก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นพูดให้ชัดเจนออกมาเลยจะดีต่อทุกคนมากกว่า
“อินเอ๋อร์ เ้าอยากให้ข้าพูดเองจริงหรือ?” หวงฝู่จินรู้สึกโล่งอกขึ้นมาเมื่อเห็นเด็กสาวไม่วิ่งหนีไป ทั้งยังคงสงบนิ่งได้เพียงนี้
หลินฟู่อินอยากตบหน้าเขาแรงๆ สักฉาด ตอนนี้ยังจะมาถามอีก ก็ท่านอยากพูดเองไม่ใช่หรืออย่างไร!
หวงฝู่จินประหลาดใจเล็กน้อยที่หลินฟู่อินตอบโต้ได้ว่องไว จึงได้ถามคำถามเช่นนั้นออกไป
แต่กลับได้เห็นหลินฟู่อินนิ่วหน้าแล้วตำหนิ “ไม่อยากให้พูดแล้วจะถามไปทำไม?”
ก็จริง
หวงฝู่จินรู้สึกว่าเขาคงกลัวจะมีความสุขจนโง่งมไปกระมัง จึงได้พูดอะไรโง่ๆ ออกมา
แต่ก็ยังอยากถามหลินฟู่อินก่อนอยู่ดีว่านางคาดเดาไปได้กี่ขั้น จึงได้ถามกลับไป “เ้าคิดว่าข้าเป็ใครหรือ?”
หลินฟู่อินอดกลอกตาไม่ได้ ถามเสียงแข็ง “ไม่ใช่ท่านบอกว่าแม่นางหลีอู่ไม่อาจออกจากวังเพราะถูกคุมขังอยู่หรือ?”
หวงฝู่จินพยักหน้ายิ้มๆ ดวงตาอ่อนโยน
“เช่นนั้นนางก็เป็พี่น้องแท้ๆ ของท่าน ท่านเป็คนของราชวงศ์เป่ยหรง ส่วนจะเป็องค์ชายหรือท่านอ๋อง ข้าก็เดาไม่ได้” น้ำเสียงของนางฟังดูโมโห
ได้ยินนางคาดเดาได้ถูกต้อง หวงฝู่จินก็รู้สึกว่าท่าทีของนางที่หางตาชี้ขึ้น โคลงหัวไปด้านหนึ่งเช่นนี้น่ารักเหลือเกิน น่ารักจนอดยื่นมือไปดึงแก้มบนใบหน้าน้อยๆ นั่นไม่ได้ “เหตุใดเ้าถึงได้ฉลาดขนาดนี้?”
หลินฟู่อินปัดมือเขา ถอยหลังหนีจากหวงฝู่จินแล้วเตือนเขา “เก็บมือเก็บเท้าให้ดี”
อาจเป็เพราะหลินฟู่อินรับเื่นี้ได้อย่างสงบ หวงฝู่จินจึงผ่อนคลายเป็อย่างยิ่ง เขายิ้ม “บุรุษเป่ยหรงชอบการัั อินเอ๋อร์ถูกบุรุษเป่ยหรงหมายตาเข้าแล้ว เ้าต้องทำความคุ้นชินเสียแล้ว”
จะบอกว่ามือปลาหมึกเป็เื่ปกติใช่หรือไม่?
คุ้นชินบ้านท่านสิ!
ในใจหลินฟู่อินมีคำพูดเป็หมื่นล้านคำ
บุรุษเป่ยหรงชอบััแล้วอย่างไร? เหตุใดนางต้องโดนคนเป่ยหรงหมายตาด้วย?
นางมองร่างกายตัวเองที่เล็กจิ๋วเหมือนถั่วงอก เป็เหมือนหัวหอมที่เพิ่งจะผุดจากดิน ห่างไกลจากคำว่าสตรีเต็มตัวอยู่มาก…
แล้วหวงฝู่จินที่น่าจะเป็องค์ชายหรือท่านอ๋องของเป่ยหรงมาหมายตานาง?
“เข้าเื่เถอะ มิใช่เ้าอยากให้ข้าพูดหรือว่าตัวตนที่แท้จริงของข้าเป็ใคร?” หวงฝู่จินยื่นมือออกไป ััปลายคางของหลินฟู่อินครู่หนึ่ง ดันคางให้นางเงยหน้ามองเขา
ปลายนิ้วเขาอบอุ่นยิ่งนัก ต่างจากมือเท้าของนางที่เย็นเฉียบในฤดูหนาว แต่ยังคงทำให้เด็กสาวขยับศีรษะด้วยความอึดอัดใจ
หวงฝู่จินยิ้มจาง คิดในใจ ‘สักวันข้าจะทำให้เ้าคุ้นชินกับััของข้า’
ปกติหลินฟู่อินไม่ชอบการััอยู่แล้ว ต่อให้ในใจนางชอบบุรุษที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ชอบ
น่าอายออก
“เช่นนั้นก็บอกมาว่าท่านเป็ใคร อย่าทำให้ข้ากลัวก็พอ” นางหน้าแดง ก้มหน้าลงอีกครั้งเพื่อปกปิดทว่าปากยังคงพูด
เห็นนางเขินอายเช่นนี้หวงฝู่จินก็ยกคิ้วสูง มุมปากยกขึ้นเป็รอยยิ้มแล้วเอ่ยเสียงเบา “ไม่มีอะไร ก็แค่องค์ชายห้าที่ถูกราชวงศ์เป่ยหรงทอดทิ้ง”
“แค่กๆ” หลินฟู่อินไอโขลกรุนแรง
นางไม่สนว่าเขาจะเป็ที่โปรดปรานหรือโดนทอดทิ้ง สนใจเพียงคำว่า ‘องค์ชายห้า’ คำนั้น
แม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่พอได้ยินหวงฝู่จินยอมรับด้วยตัวเอง ผลกระทบก็ยังใหญ่หลวงอยู่ดี
ที่แท้เขาคือองค์ชายห้าของแคว้นเป่ยหรง…
ต่อให้นางเป็มนุษย์ที่ใช้ชีวิตมาสองชาติและใจเย็นมากเพียงใด แต่ใน่เวลานี้นางก็อดรู้สึกแปลกประหลาดไม่ได้
เพราะนางเป็แค่สาวชาวบ้านธรรมดา หรือเพราะอะไรกันแน่?
กระทั่งในหมู่บ้านห่างไกลก็ยังสามารถพบองค์ชายได้ ได้องค์ชายช่วยเหลือ จากนั้นก็ไปช่วยองค์ชาย ช่วยกันไปช่วยกันมา ข้าช่วยท่าน ท่านช่วยข้า…
นี่คือ… เื่ปกติหรือ?
หลินฟู่อินเบิกตากว้างราวไข่ห่าน ขนตาสั่นไหว สายตาเหม่อลอยงุนงง คล้ายกำลังพยายามคิดอะไรสักอย่างแต่จำไม่ได้ว่าควรรู้สึกอย่างไรดี
สีหน้าของนางทำให้หวงฝู่จินไม่ค่อยสบายใจ แต่นางเลี่ยงััเขาหลายครั้งแล้ว ทำให้อดรู้สึกเปรี้ยวในอกไม่ได้
เขาอยากััใบหน้านางแต่กลับต้องข่มกลั้นเอาไว้ ช่างรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย
ราวกับมีลูกแมวมาตะกุยข่วนหัวใจ
หวงฝู่จินทำได้เพียงแสร้งจิบชา หลินฟู่อินก็ไม่รู้สึกตัวอยู่เป็นาน
“ที่แท้ท่านก็เป็องค์ชายแห่งเป่ยหรง…” นางถอนหายใจเบาๆ ใกลัวจริงๆ
ตัวตนของเขาสูงส่งเกินไป เกินกว่าจะเกี่ยวรั้งได้
ถึงหวงฝู่จินจะไม่สน และนางไม่ได้รู้สึกต่ำต้อย แต่ก็ยังมีผู้าุโของเขาที่เป็ถึงราชวงศ์
คนในราชวงศ์ไม่เคยเป็อิสระ ในฐานะองค์ชายเกรงว่าคงมีเื่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้มากมาย
หวงฝู่จินกล่าวเื่ถูกทอดทิ้งออกมา เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนอยู่ภายในมากมาย
“จะองค์ชายเป่ยหรงหรือจะประชาชนเป่ยหรง ข้าก็คือหวงฝู่จิน ต่อหน้าเ้าข้าไม่เคยเสแสร้ง” หวงฝู่จินวางถ้วยชา มองหน้าหลินฟู่อิน
หวงฝู่จินภาคภูมิใจในตัวเด็กสาวผู้แสนใจเย็นคนนี้เหลือเกิน
ดังนั้น เมื่อหลินฟู่อินมองตาเขา เขาก็รู้สึกว่าในสายตาตัวเองเต็มไปด้วยหมู่ดวงดาราพราวระยับนับไม่ถ้วนส่องสว่างไสวอยู่ภายใน…
“ที่เป่ยหรงข้าไม่มีภรรยา ไม่มีอนุ ข้างกายไม่มีสาวใช้” หวงฝู่จินมองเด็กสาวด้วยสายตาทอประกาย ยิ้มอย่างภาคภูมิ “ข้าสะอาดมาก สะอาดเท่าที่เ้าสะอาด”
ได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงพออกพอใจ หลินฟู่อินก็อยากจะหัวเราะดังๆ สักครั้ง
“พรืด…” นางอดไม่ได้จริงๆ แล้วก็ไม่อยากอดด้วย สุดท้ายก็หัวเราะลั่น
นางคิดว่าหวงฝู่จินที่ตรงไปตรงมาเหลือเกินเช่นนี้แหละน่ารักที่สุด
อันที่จริงนางก็คิดอยู่แล้วว่าเขาน่าจะสะอาดดี
แต่ก็ยังอยากเอ่ยหยอกล้ออยู่ดี
หัวเราะเสร็จ นางก็รีบลบเลือนรอยยิ้มจากดวงตาและใบหน้า มองหวงฝู่จินด้วยสีหน้าไม่เชื่อแล้วกล่าวว่า “เป็ไปได้อย่างไร? ท่านเป็องค์ชายเป่ยหรง แม้ไม่้าสตรีข้างกายก็ต้องมี ท่านมิใช่คนของราชวงศ์หรือ? ผู้าุโของท่านไม่ทำอะไรหรือ? ประหลาดยิ่งนัก!”
เมื่อหวงฝู่จินเห็นสีหน้านางเปลี่ยนแปลง ในใจก็ตึงเครียดอีกครั้ง ยังไม่ทันยิ้มก็รู้สึกว่ามีปัญหาเสียแล้ว
แต่เขาเกรงกลัวเหลือเกิน กลัวนางจะถูกครอบครัวสอนให้ใจกว้างเกินไป ช่วยสามีรับอนุขึ้นเตียงเหมือนพวกขุนนางต้าเว่ย
เขาไม่กลัวหากนางจะกลายเป็ไหน้ำส้มน้อย
ในเป่ยหรงของเขา แม้บุรุษจะมีอนุภรรยา แต่หากอนุภรรยารักบุรุษผู้นั้นจริงๆ พวกนางจะเริ่มต่อสู้กับภรรยาเอกอย่างรุนแรงเพื่อชิงตำแหน่งภรรยาเอกให้ได้
จนกว่าจะแพ้ราบคาบถึงจะพอใจ
ดังนั้นเขาจึงหวังให้นางกลายเป็ไหน้ำส้มน้อยเสียด้วยซ้ำ
“ผู้าุโคิดตรงข้าม ย่อมต้องอยากหาทางวางคนงามทุกรูปแบบไว้รอบกายข้า” หวงฝู่จินยิ้ม
หลินฟู่อินหัวเราะอยู่ในใจ
ดูสิว่าเขาพูดอะไรออกมา
เห็นรอยยิ้มของนาง ชายหนุ่มก็รู้สึกไม่ค่อยแน่ใจนัก
เขาเอียงคอ “เพียงแต่คนงามเ่าั้ไม่มีประโยชน์ต่อข้า ทำอะไรไม่เป็ ดีแต่หึงหวงริษยา ข้าจึงส่งไปโรงเลี้ยงม้า”
โอ ที่แท้ก็ส่งไปโรงเลี้ยงม้า ดีทีเดียว
หลินฟู่อินคิด
“แล้วคนงามเ่าั้ไปทำอะไรที่โรงเลี้ยงม้าเล่า?” นางสงสัยอีกแล้ว
ชายหนุ่มยิ้ม “แน่นอนว่าก็ต้องทำงาน อาบน้ำม้า ฝึกม้า ทำความสะอาดทั้งหลาย”
หลินฟู่อินหัวเราะอีกแล้ว ครั้งนี้ดูซุกซนไม่น้อย “แล้วคนงามทำงานหนักพวกนั้นได้ด้วยหรือ?”
“คนงามอย่างไรก็งาม ไม่ว่าอย่างไรก็ลบเลือนความงามไม่ได้ เป่ยหรงไม่เหมือนต้าเว่ย จะสตรีทั่วไปหรือสตรีงามล้ำล้วนต้องทำงานทั้งนั้น โดยเฉพาะในที่ของข้า จะทำงานหรือไม่ทำงานแล้วรออดตาย” น้ำเสียงหวงฝู่จินเย็นเยียบขึ้นมา
“อ้อ” หลินฟู่อินพยักหน้า เขาเป็คนหยาบกระด้างแต่ไม่เป็ไร การให้อาหารแรงงานของตนเช่นนี้ก็ดีแล้ว
“ข้าไม่ได้หมายถึงเ้านะ” เห็นหลินฟู่อินเงียบไป หวงฝู่จินก็คิดว่าตนคงพูดอะไรผิดหูนางเสียแล้ว จากนั้นจึงคิดได้ว่าตนพูดออกไปแล้วว่าคนรอบตัวต้องทำงาน เขาเปลี่ยนใจทันที “อินเอ๋อร์ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เ้าอยากได้อะไรข้าจะมอบให้เ้า หากเ้า้าดาวบนฟ้าข้าก็จะปีนขึ้นไปเก็บลงมาให้”
บุรุษผู้นี้นี่! หากพูดตามยุคปัจจุบันก็ต้องบอกว่าจีบสาวเก่งเป็บ้า!
“ข้า้าดาวบนฟ้า ท่านจะไปเก็บมาให้ได้อย่างไร?” หลินฟู่อินถามอย่างไร้เหตุผล
“เ้า้าดาวบนฟ้าจริงหรือ?” หวงฝู่จินยิ้ม โยนคำถามกลับไป
หลินฟู่อินไม่รู้จะตอบอย่างไรดี จะตอบว่าใช่หรือไม่ก็ไม่ดีทั้งคู่
“เ้าอยากได้หรือไม่?” หวงฝู่จินถามอีกครั้ง
หลินฟู่อินโคลงหัว เห็นร่องรอยเ้าเล่ห์ในดวงตาบุรุษหนุ่ม “ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง บางทีข้าอาจจะขอท่าน”
“หากเ้าไม่ขอข้า เ้าจะไปขอใคร?” สีหน้าหวงฝู่จินเปลี่ยนฉับ เขายกมือขึ้นสอดเข้าไปใต้รักแร้หลินฟู่อิน ท่าทางชัดเจนว่า้าจั๊กจี้นาง
หลินฟู่อินหลบไม่ได้ แน่นอนว่าจั๊กจี้อยู่แล้ว…
“หวง ฝู่ จิน ท่าน… อย่าก่อเื่ ข้าจั๊กจี้…”
“กลัวไว้เถอะ หากเ้าไม่กลัวข้าจะแกล้งเ้า…”
“เกินไปแล้วนะ!”
“ใครเกินไปกันแน่? ใครกันที่บอกว่าจะไปขอดาวจากคนอื่น?”
“ข้าไม่อยากได้แล้วไง ตกลงไหม?”
น้ำตาร่วงลงมาพร้อมรอยยิ้ม หวงฝู่จินไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งเด็กสาวตัวอ่อนเปลี้ย
เ้าบุรุษน่าตายผู้นี้นี่ หัวใจเล็กเสียยิ่งกว่ารูเข็ม…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้