[อ๋าๆๆๆ!] ระบบกรีดร้องอยู่ในหัวอวี๋มู่เหมือนไก่ที่ร้องกระโตกกระตาก
อวี๋มู่ขมวดคิ้ว ทำเมินเสียงร้องที่เ้าหมอนี่ทำขึ้นมา หัวใจหนึ่งดวงกำลังเต้นรัวจนรู้สึกแน่นอยู่ในอกเพียงเพราะกอดนี้ของเว่ยจวินหยาง
ระหว่างทางที่มา ระบบบอกว่าห้าวันมานี้เว่ยจวินหยางไม่ได้ออกจากถ้ำแม้แต่วันเดียว เขานั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ รออวี๋มู่จนจะกลายเป็หินจ้องสามี(望夫石)[1]อยู่แล้ว
ด้วยเสบียงของพวกเขาที่มีจำกัด ส่งผลให้ในเวลาต่อมาเว่ยจวินหยางรอเขาโดยไม่กินไม่ดื่ม และยังไม่ค่อยได้นอนอีกด้วย ไม่อย่างนั้นเหน็บก็คงไม่กินขา จนเกือบตกลงมาบนพื้นเช่นนี้
อวี๋มู่แอบซึ้ง เขายื่นมือไปโอบกอดเว่ยจวินหยางเองเป็ครั้งแรก แล้วตบหลังเขาเบาๆ เพื่อปลอบโยน
พอบอกว่านายเป็ลูกสุนัข นายก็เป็ลูกสุนัขจริงๆ รออย่างเดียวโดยไม่กินไม่ดื่ม หากใครไม่รู้คงหาว่าฉันเป็นายท่านเสียมากกว่า
แต่คำพูดนี้เขากล้ากล่าวแค่ในใจ เพราะคนในอ้อมอกเขาต่างหากที่เป็นายท่านตัวจริง
เขากระแอมในลำคอ แล้วตอบกลับเว่ยจวินหยาง “ข้าน้อยมีเื่จำเป็ต้องไปสะสาง จึงไม่ทันได้กล่าวลากับนายท่านไว้ก่อน ขอนายท่านโปรดอภัย”
เว่ยจวินหยางนิ่งเงียบ มือขวาค่อยๆ ลูบหลังคออวี๋มู่ พร้อมกับจมูกโด่งเป็สันััตรงต้นคอเขา แล้วเอ่ย
“บนตัวเ้ามีกลิ่นสมุนไพรแรงมาก”
แววตาของเขาล้ำลึก ความรู้สึกซับซ้อนซ่อนอยู่ในั์ตาดำขลับ เขาเอ่ยข้างหูอวี๋มู่ “แล้วยังมีกลิ่นเฟิงเยี่ยน”
อวี๋มู่ตัวแข็งค้าง ความซึ้งใจเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับผิดเื่ชู้สาว
เ้าโม่เหิง จะใช้กลิ่นเฟิงเยี่ยนที่มันยั่วยวนใจขนาดนี้ทำไมกันนะ! กลิ่นติดนานเกินไปแล้วไหม? เดินไกลขนาดนี้ยังไม่จางไปอีก!
สิ่งที่เขาไม่รู้คือโม่เหิงช่วยเขาโดยการจับเขาแช่อ่างสมุนไพรไปสามวัน กลิ่นยาสมุนไพรพวกนั้นน่าจะซึมผ่านรูขุมขน และหนึ่งในนั้นก็มีกลิ่นเฟิงเยี่ยนด้วย ไม่แปลกที่เว่ยจวินหยางจะได้กลิ่น
“ข้าน้อยไป…” อวี๋มู่กัดฟัน ตัดสินใจสารภาพ “ไปที่พำนักของหมอเทวดาโม่ เพื่อถามว่านายท่านยังจำเป็ต้องรับยาอยู่ไหม”
“ไปตั้งห้าวันเชียวหรือ? ” เว่ยจวินหยางไม่ได้มองหน้าอวี๋มู่ แต่ยังคงเอาหน้าวางไว้บนบ่าเขาอยู่ พร้อมกับแรงที่กดลงบ่าค่อยๆ หนักขึ้น
เมื่อห้าวันก่อน พอเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าพลังของตัวเองฟื้นฟูขึ้นมาก พลังสะท้อนกลับนั้นหายไปจนหมดสิ้น ไม่ต้องคงอยู่ในร่างเล็กแขนขาสั้นแบบนั้นอีกแล้ว ซึ่งเขาก็ดีใจอย่างมาก
แต่ในขณะที่เขาอยากรีบแบ่งปันความดีใจนี้กับอวี๋มู่ ก็พบว่าอวี๋มู่นั้นหายตัวไปแล้ว
ความดีใจเปลี่ยนเป็เดือดดาล
เขาจำได้ว่าเคยบอกให้อวี๋มู่ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ขอเพียงให้อยู่แต่ในถ้ำ ฟังคำสั่งทุกอย่างจากเขาก็พอ
ทำไมถึงไม่เชื่อฟัง?
ทำไมต้องหายไปตอนที่เขากำลังหลับสนิท
ตอนแรกเว่ยจวินหยางนึกว่าเขาแค่ไปตักน้ำ อาบน้ำอาบท่า เหมือนตอนนั้นที่ไปหาเก็บผลไม้ เขาคิดไว้ว่า พออวี๋มู่กลับมาต้องต่อว่าสักรอบ แล้วพอกลับไปถึงสำนักชิงอี เขาก็จะจับขังไว้ ดูสิว่าจะกล้าขัดขืนคำสั่งของนายอยู่อีกหรือไม่
แต่รอั้แ่เช้าจนมืด อวี๋มู่ก็ยังไม่กลับมา
เว่ยจวินหยางเริ่มกระวนกระวายใจ ซึ่งเป็ความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต
แต่กระนั้นเขาก็ไม่ยอมออกจากที่นี่เพื่อตามหาอวี๋มู่
เพราะเขาคิดว่าอวี๋มู่ต้องจำคำเขาได้และกลับมาแน่นอน อีกทั้งในความเข้าใจของเขา อวี๋มู่นั้นเป็พวกสมองทื่อ หากว่ากลับมาแล้วไม่เห็นตัวเขา ก็คงคิดไปว่าเขาไม่้าตนเองแล้ว ความรู้สึกของข้ารับใช้ที่ถูกนายทอดทิ้งแบบนั้น อวี๋มู่คงทนรับไม่ได้ และอาจถึงขั้นฆ่าตัวตายก็เป็ได้
เขาคิดเองเออเองและเฝ้ารออยู่แบบนั้น ทั้งกระวนกระวายและบ่นอวี๋มู่อยู่ในใจ
ในฤดูร้อนที่อากาศอบอ้าว ทำให้น้ำที่พวกเขาตักมามีไม่มากนัก พอคืนที่สองเขาก็ดื่มจนหมด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากออกไปจากที่นี่อยู่ดีหรือจะกล่าวให้ถูกก็คือ…ไม่กล้าไปจากที่นี่
รอจนวันที่สาม เขาก็เริ่มแน่ใจว่าแท้จริงแล้วตัวเองกำลังกลัว
กลัวว่าอวี๋มู่จะไม่กลับมาจริงๆ
กลัวว่าหากตัวเองออกไปชั่วครู่ แล้วอวี๋มู่กลับมาไม่เจอตัวเอง ก็จะจากไปอีกหนหรือไม่? แล้วก็ไม่กลับมาอีกตลอดไป?
เขากลัวผลลัพธ์เช่นนี้ กลัวจนปวดใจ
เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้ จึงเริ่มไตร่ตรองว่าสำหรับเขาแล้วอวี๋มู่คืออะไรกันแน่
หากว่าเป็เพียงข้ารับใช้ต่ำต้อย เขาจะใส่ใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เขาพบว่าสิ่งที่เขา้าจากอวี๋มู่นั้นไม่ใช่แค่ความภักดี แต่เขายัง้าให้อวี๋มู่เต็มใจกับการกระทำและความรู้สึกของตัวเองด้วย
เวลาอยู่กับอวี๋มู่เขารู้สึกสบายใจอย่างมาก และมีความสุขตอนที่ได้ทำเื่อย่างว่ากับอวี๋มู่ จนแทบอยากจะกลืนกินเขาไปทั้งตัว ซึ่งความ้ากำลังย้ำเตือนเขาตลอดเวลา
——ว่าเ้าไปจากอวี๋มู่ไม่ได้อีกแล้ว
เ้า้าเพียงเขา
ความ้าในตัวอวี๋มู่ของเว่ยจวินหยางนั้นมีมาก มากเกินกว่าความคิดที่อยากแก้แค้นสำนักชิงอีเสียอีก ถึงขั้นคิดว่าขอเพียงแค่อวี๋มู่กลับมาหา ต่อให้ไม่แก้แค้น เขาก็ทำใจยอมรับได้
หรือจะบอกให้เขาห้ามรับตำแหน่งจอมมาร เขาก็ยินยอม
พอไม่มีอวี๋มู่ เขาไม่อาจข่มตาหลับลงได้เลยใน่ค่ำคืน และมีหลายครั้งที่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางคัน ทั้งที่เป็ฤดูร้อน แต่เขากลับรู้สึกหนาวจับหัวใจ
จนในเวลาต่อมา เขาเลือกที่จะอดหลับอดนอน โดยขึ้นไปนั่งบนก้อนหินใหญ่หน้าปากถ้ำ แล้วคอยมองไปรอบทิศ เพื่อรอคอยและคาดหวังว่าจะเห็นอวี๋มู่
ทว่าในตอนนี้ที่อวี๋มู่กลับมาแล้ว ทั้งที่ในที่สุดเขาก็รอจนอีกฝ่ายกลับมา แต่กลับได้กลิ่นโม่เหิงจากตัวอวี๋มู่
ทั้งเข้มข้นและรุนแรง ราวกับกำลังเตือนเขา
ดูสิ เ้าไม่กินไม่ดื่มรอเขาอย่างแห้งเหี่ยวมาห้าวัน แต่คนที่เ้ารอคอยและ้ากลับไปพักอย่างสบายใจอยู่กับชายอื่น โดยไม่รู้ว่าทำเื่อะไรกันบ้าง
จู่ๆ เว่ยจวินหยางก็รู้สึกว่าตัวเองช่างน่าขัน
ภาพที่อวี๋มู่กับโม่เหิงอยู่ด้วยกันฉายซ้ำๆ อยู่ในหัว
โม่เหิงเป็คนสูงส่งและอวดดี คงไม่มีทางเข้าใกล้คนที่ไม่มีความสัมพันธ์ใดอย่างอวี๋มู่เป็แน่
พวกเขาดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งรู้จักอย่างที่อวี๋มู่บอก แต่กลับดูเหมือนสหายที่มีสัมพันธ์อันดีมาเนิ่นนาน
สหาย? สหายจริงๆ อย่างนั้นหรือ?
อวี๋มู่ยังมีเื่ที่ปิดบังเขาอีกเท่าไร?
แล้วพูดความจริงกับเขาแค่ไหน?
บทบาทข้าผู้ภักดีต่อนายที่ดำเนินมาจนถึงตอนนี้ คงมีเพียงเขาคนเดียวที่ตกหลุมพราง
แต่เขาไม่อยากปล่อยมือ
ไม่อยากปล่อยแม้แต่นิดเดียว
ตอนนี้พลังเขาฟื้นฟูกลับมาแล้ว เขาย่อมแข็งแกร่งกว่าใครและไม่มีใครสู้เขาได้ในบู๊ลิ้ม ฉะนั้นเขาก็มีอำนาจที่จะทำให้อวี๋มู่กลายเป็ของเขาแต่เพียงผู้เดียว
เ้าใส่ใจโม่เหิงมากใช่ไหม?
เ้าชอบแอบข้าไปหาเขาใช่หรือไม่?
ถ้าอย่างนั้นข้าจะฆ่าเขาเสีย เท่านี้เ้าก็จะมองเพียงข้าแล้วใช่หรือไม่?
ตอนนี้ หากเขาฆ่าโม่เหิงได้
เขาก็อยากฆ่าให้สิ้น
เพียงแต่ว่า…
เขารับปากกับอวี๋มู่ไว้แล้วว่าจะไม่ฆ่าใครอีก เขาสาบานกับอวี๋มู่ไปแล้ว
เขาจะทำเช่นไรดี?
ทันใดนั้นเว่ยจวินหยางก็กอดคออวี๋มู่ไว้แน่น จนอวี๋มู่ตัวแข็งเกร็งและหัวใจเต้นรัว
เขาไม่รู้ว่าจะตอบเ้าลูกสุนัขเว่ยนี่อย่างไรดี ไหนจะต้องปกปิดความลับและสวมบทบาทให้แเี แถมยังต้องทำให้เ้าลูกสุนัขนี่หายโกรธอีกด้วย
เื่แบบนี้มันยากเกินไปแล้ว
และที่สำคัญ แม้พวกเขาจะอยู่ด้วยกันมาได้หนึ่งเดือน แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวตนของเว่ยจวินหยางทั้งหมด
ตอนนี้เ้าลูกสุนัขอาจดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ไม่แน่ว่าวินาทีถัดไปอาจจะะเิอารมณ์ออกมา นี่มันนิสัยของสุนัขชัดๆ บ้าคลั่งใส่เขาจนทำให้ใทุกที
ดังนั้นเขาจึงเลือกทำตัวนิ่งเฉยและปิดปากเงียบไว้ก่อน รอให้เว่ยจวินหยางคิดวิธี ‘จัดการ’ เขาให้เสร็จเสียก่อน เขาถึงค่อยยอมรับออกมาก็พอ
เว่ยจวินหยางเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าอวี๋มู่จะตอบอะไรกลับมา
เพราะถึงอย่างไรเขาก็ต้องยอมรับว่าความสัมพันธ์ระหว่างอวี๋มู่กับโม่เหิงนั้นหาใช่แค่คนรู้จัก และเขาก็ไม่เชื่อในสิ่งที่อวี๋มู่บอกกับเขาเมื่อครู่
เขาคิดว่าทุกสิ่งที่เขาได้รับ อาจเป็เพียงคำลวง ซึ่งอาจจะนับั้แ่ตอนที่อวี๋มู่ช่วยเขาไว้แล้วก็ได้
ถึงต่อให้เป็การโกหก แต่เขาก็ตกหลุมพรางนั้นไปเสียแล้ว
จะกลับตัวก็ไม่ได้ และยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่อยากปล่อยมือ
“อวี๋มู่…” มือเย็นเฉียบของเขาวางทาบบนหลังคออวี๋มู่แล้วเอ่ย “ข้าจำได้ ว่าข้าเคยบอกเ้า ว่าข้าไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องของของข้า ห้าวันที่เ้าจากข้าไป ข้าจะไม่ติดใจถามว่าเ้าไปทำอะไรมา แต่ข้าห้ามความคิดที่อยากฆ่าชายคนนั้นไม่ได้จริงๆ…”
อวี๋มู่ใ
จากนั้นเว่ยจวินหยางก็เอ่ยต่อ “ข้าอยากฆ่าโม่เหิง แต่ก็จำได้ว่ารับปากเ้าไว้แล้วว่าจะไม่ฆ่าใครอีก…”
เขาปล่อยตัวอวี๋มู่ แล้วถอยหลังออกมาในระยะที่พอให้ทั้งสองคนสบตากันได้ ริมฝีปากแห้งค่อยๆ ยกยิ้ม แม้ใบหน้าจะดูโทรมไปบ้าง แต่โดยรวมก็ยังคงดูหล่อเหลางดงาม
“ดังนั้น…” เว่ยจวินหยางลูบคอเขาเบาๆ ใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ที่ใบหน้า แล้วกดค้างไว้ที่ขากรรไกรล่าง แล้วเอ่ยกับเขา “รับปากข้า ว่าต่อไปเ้าจะไม่ไปเจอเขาอีก ได้หรือไม่?”
การที่เขากล่าวเช่นนี้ ถือว่าเขายอมถอยให้อวี๋มู่อย่างมากแล้ว
เขาไม่ได้ใช้น้ำเสียงในเชิงสั่ง หากฟังให้ดี ก็จะรู้สึกถึงความคาดหวังและเว้าวอนอยู่ในนั้น
แต่อวี๋มู่รู้ดี หากเขาเลือกปฏิเสธ เ้าลูกสุนัขนี่คงพุ่งไปหาโม่เหิงแล้วจัดการฆ่าเขาด้วยฝ่ามือเดียวเป็แน่
ด้วยคนบางคนมีความหวาดระแวงฝังเข้ากระดูก และเว่ยจวินหยางก็เป็เช่นนั้น
เฮ้อ ให้เขาได้เลือกก็ดีแค่ไหนแล้ว พอใจเสียเถอะ
คิดได้เช่นนี้ อวี๋มู่ก็พยักหน้ารับปากเว่ยจวินหยาง
“อืม ข้าน้อยน้อมรับ ต่อไปข้าน้อยจะไม่ไปพบหมอเทวดาโม่อีก”
ทว่าเมื่อกล่าวจบ แรงบีบที่คอเขานั้นกลับแรงขึ้น จนอวี๋มู่รับรู้ได้และขมวดคิ้ว
เว่ยจวินหยางจ้องตาเขา ความกระวนกระวายใจไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
เพราะอวี๋มู่นั้นนิ่งเกินไป
เหมือนว่ากำลังสวมหน้ากากอยู่ในตอนที่เผชิญหน้ากับเขา และแสดงให้เห็นเพียงท่าทางที่น้อมรับฟังอย่างว่าง่าย
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขา้า
เขาเอ่ยถามชายหนุ่มผู้ถ่อมตัวตรงหน้า “อวี๋มู่ สิ่งที่เ้าทำดีกับข้า มีความจริงใจเท่าไรกันแน่? ”
อวี๋มู่ตะลึงชั่วขณะ แล้วเอ่ยออกมาโดยพลัน “ข้าน้อยมีชีวิตอยู่เพื่อนายท่าน ไม่มีอื่นใด”
เว่ยจวินหยางฟังคำพูดที่เหมือนกับการกล่าวคำสาบานของเขาแล้วนิ่งเงียบไปพักใหญ่ และในขณะที่อวี๋มู่กำลังรู้สึกเย็นวาบที่หลัง จู่ๆ เว่ยจวินหยางก็หัวเราะขึ้นมา จากนั้นก็ปล่อยมือที่จับคอของอวี๋มู่ออก แล้วลูบผมที่ปรกหน้าผาก พร้อมกับส่ายศีรษะ แล้วเอ่ย
“คนหลอกลวง เ้าช่างเป็คนหลอกลวง! ”
--------------------------------------------------------------------------------------------------
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] หินจ้องสามี(望夫石) Amah Rock เป็ หินที่มีรูปร่างตามธรรมชาติตั้งอยู่บนยอดเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ในเขตซาถิ่นเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ตามตำนานเล่าว่าภรรยาของชาวประมงจะปีนขึ้นไปบนเนินทุกวันพร้อมกับอุ้มลูกชายไปด้วย เพื่อรอสามีที่เธอไม่รู้ว่าเขาได้จมน้ำทะเลไปแล้ว และเพื่อเป็การตอบแทนในความซื่อสัตย์ของเธอ เทพธิดาแห่งท้องทะเลได้บันดาลให้เธอกลายเป็หิน เพื่อให้ิญญาของเธอได้รวมเป็หนึ่งเดียวกับสามี