หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยาที่โม่เหิงให้เขากินหมดั้แ่ตอนกลางวัน พอตกกลางคืน เมื่อทั้งสองทำเื่อย่างว่าเสร็จ อาการพลังตีกลับของเว่ยจวินหยางก็ฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์
ร่างกายของอวี๋มู่เริ่มเปลี่ยนไปทุกวัน จนตอนนี้เขาไม่กล้าหยิบกระบี่ออกมา ด้วยกลัวว่าจะหลุดเผยอะไรต่อหน้าเว่ยจวินหยาง
แต่เขารู้สึกว่าเว่ยจวินหยางจับความผิดปกติบางอย่างของเขาได้
วันก่อนที่อวี๋มู่ออกไปออกล่าสัตว์ ในระหว่างที่เขาหิ้วกระต่ายกลับมา จู่ๆ ก็มีเืกำเดาไหล แล้วเขาก็หมดสติล้มลงไป โดยที่ระบบเรียกอย่างไรเขาก็ไม่ตื่น
ตอนที่ตื่นขึ้นมาก็เย็นแล้ว เขาเช็ดเืกำเดา แล้วเดินกลับไป จู่ๆ ก็ถูกเด็กน้อยโผเข้ากอด
ในตอนนั้น สีหน้าของเว่ยจวินหยางดูไม่ดีเท่าไรนัก แถมยังมีท่าทางดูกระวนกระวายใจอีกด้วย เว่ยจวินหยางกอดเขาแน่นอยู่อย่างนั้นสักพักใหญ่ แล้วจึงเอ่ย “ต่อไปเ้าไม่ต้องออกไปแล้วนะ รอข้าที่นี่ก็พอ”
สองวันมานี้เว่ยจวินหยางไม่ให้เขาทำงานอะไร แม้ว่าบางทีจะใช้สถานะนายท่านมาเย้ยหยันเขาบ้าง แต่อวี๋มู่ก็รู้สึกได้ว่าเว่ยจวินหยางเปลี่ยนไป
พอมองไปก็เห็นเ้าลูกสุนัขเว่ยกำลังนั่งสมาธิอยู่บนก้อนหินใหญ่ ราวกับกำลังดูดซับพลังจากฟ้าดิน อวี๋มู่กินผลไม้พลางสนทนากับระบบ : ระบบ เ้าว่าเ้าลูกสุนัขเว่ยชอบฉันเข้าแล้วหรือเปล่า?
[อ๋า? เขาหลงรักคุณตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือครับ?] ระบบฉงน [คะแนนความประทับใจก็เกือบเต็มแล้ว ตอนนี้เขาแทบจะหลงคุณหัวปักหัวปำอยู่แล้ว!]
อวี๋มู่ : …ระบบ นายใจเย็นๆ ก่อน
เขานิ่งคิดแล้วกล่วต่อ : ฉันรู้สึกว่าเว่ยจวินหยางยังไม่เข้าใจคำว่าชอบหรือรัก ตอนนี้ที่เขาทำกับฉันแบบนี้ ก็แค่รู้สึกว่าฉันสามารถช่วยเขาแก้พิษได้และรู้สึกดีในตอนที่มีอะไรกับเขาก็เท่านั้น
[โฮสต์หมายถึงเขารักที่ร่างกายคุณอย่างนั้นหรือ?]
อวี๋มู่หยุดเคี้ยวแล้วเบ้ปาก : ดูนายพูดเข้าสิ ทำไมฟังดูพิลึกชะมัด?
[เฮ้อ ก็หมายความตามนั้น] ระบบนิ่งคิด แล้วเอ่ยกับอวี๋มู่ [โฮสต์ อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ารักคืออะไร แต่คะแนนความประทับใจนั้นไม่หลอกกันแน่นอน อีกอย่างผมรู้สึกว่าเว่ยจวินหยางเขาไม่ได้แค่ชอบร่างกายคุณ คุณดูเขาสิ ท่าทางขี้อ้อน แต่กลับฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา แต่กับคุณ เขาถึงขั้นรับปากว่าจะไม่ฆ่าใครอีก นี่มันชัดเจนมากแล้วว่าคุณคือคนสำคัญสำหรับเขานะ เพียงแต่ตัวเขาเองยังไม่รู้ตัวว่านี่คือความรัก]
พอได้อธิบายอย่างละเอียด ระบบก็ถอนหายใจอีกครั้ง [วิปริตตัวน้อยซึนเดะเระที่ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา หากได้รักก็รักจนสุดใจ นี่แหละคือความรัก]
อวี๋มู่ : …
ความรักอย่างนั้นหรือ
อันที่จริงอวี๋มู่ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าความรู้สึกอันแสนเบาบางนี้คืออะไรกันแน่
ในยุคปัจจุบัน เขาเคยคบผู้หญิงอยู่หลายคน แต่สุดท้ายก็เลิกรากันไป
ที่น่าแปลกคือ สิ่งที่ผู้หญิงพวกนั้นพูดกับเขาแทบจะคล้ายๆ กัน : อวี๋มู่ เธอไม่เคยรักฉันเลย
ด้วยเหตุนี้ อวี๋มู่เองก็รู้สึกระอาใจ
รักไม่รักอะไรกัน ที่คนสองคนอยู่ด้วยกันก็เพื่อความสุขและสบายใจ แล้วสุดท้ายก็ใช้ชีวิตกันไปวันๆ ไม่ใช่หรืออย่างไร?
หรือความเข้าใจของเขามันผิดไปจริงๆ ?
พอกินผลไม้หมดแล้ว อวี๋มู่ก็ใช้มีดสั้นขุดหลุมบนพื้น แล้วฝังเมล็ดลงไป พร้อมกับใช้ดินถมทับ พอเงยหน้าก็เห็นเว่ยจวินหยางที่กำหนดลมปราณเสร็จั้แ่เมื่อไรก็ไม่รู้ กำลังจ้องมองเขาอยู่ด้วยแววตาสงสัย
“เ้าฝังเมล็ดลงดินเพื่ออะไรกัน? ”
อวี๋มู่ตัวแข็งค้าง เขาก็แค่เบื่อ! แต่จะให้กล่าวไปตรงๆ ว่าทำไปเพราะเบื่อก็เหมือนจะประหลาดไปสักหน่อย!
จึ๊
แต่งเื่ขึ้นดีกว่า
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว อวี๋มู่จึงเปลี่ยนท่าทีเป็คาดหวังและจริงจัง ก่อนจะเอ่ย “ข้าน้อยเพียงอยากดูว่าหากฝังเมล็ดลงไปแล้ว ปีหน้าจะเติบโตเป็ต้นไม้ได้หรือไม่”
“จะโตได้อย่างไรกัน? ” เว่ยจวินหยางะโลงจากก้อนหิน เดินไปตรงหน้าอวี๋มู่แล้วนั่งลง แล้วใช้สายตาราวกับกำลังมองคนโง่จ้องมองเขา “อีกอย่างถึงมันจะงอกเป็ต้นกล้าได้ พวกเราก็ใช่ว่าจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต ไม่มีคนดูแลเ้าสิ่งนี้ ไม่ช้าก็เร็วคงถูกสัตว์ป่ามาคุ้ยกิน ไม่มีทางโตเป็ต้นได้หรอก”
ทีแรกเขาแค่อยากสร้างเื่ขึ้นมา แต่พอเว่ยจวินหยางกล่าวกับเขาเช่นนี้ อวี๋มู่ก็รู้สึกอยากตบหน้าอีกฝ่าย จึงเอ่ย “ไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้อย่างไร? ”
“เอ๋? ข้าพูดแล้วเ้าไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ? ” เว่ยจวินหยางเบ้ปาก ชี้ไปตรงนั้น แล้วเอ่ย “ย่อมได้ ถ้าอย่างนั้นเ้าปลูกดู แล้วดูสิว่าอีกหน่อยจะโตได้จริงหรือเปล่า! ”
ปลูกก็ปลูกสิ!
อวี๋มู่พรวนดินแถวนั้น พร้อมกับรดน้ำ แล้วท่องคาถาในใจให้รีบโตวันโตคืน เ้าลูกสุนัขเว่ยจะได้สงบคำเสียที
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองจะแข่งขันเื่เล็กน้อยแบบนี้กับเว่ยจวินหยาง เป็คนปกติแท้ๆ แต่ดันลดตัวไปขลุกกับสุนัข น่าสับสนยิ่งนัก
*
ตกกลางคืนเว่ยจวินหยางก็จัดการอวี๋มู่ไปหลายรอบ แล้วยังบอกอีกว่าเดี๋ยวนี้อวี๋มู่โมโหง่าย แถมยังกล้าต่อปากต่อคำกับตัวเองอีกด้วย
จากนั้นก็กล่าวย้อนแย้งขัดกับคำพูดตัวเองว่าเ้าที่เป็แบบนี้ก็น่าสนใจดี
อวี๋มู่เบื่อจะโมโหเว่ยจวินหยางแล้ว จึงพยายามใช้ตำราวิชาลับนั่นบนตัวเขาสองคน
จนกระทั่งเว่ยจวินหยางรู้สึกอิ่มเอม แล้วนอนกอดเขาจนหลับไป เขาถึงโล่งใจ
แต่น่าแปลกที่เว่ยจวินหยางที่ดูเป็คนแข็งกร้าว แต่เวลาหลับมักจะชอบวางมือไว้บนหน้าอกอวี๋มู่ แล้วเอาหัวซบที่ไหล่ เป็ท่าหลับที่ดูเรียบร้อยเหมือนกับ้าอ้อนให้อวี๋มู่กอดเขาอย่างไรอย่างนั้น
อวี๋มู่ถอนหายใจ ไม่บ่อยนักที่จะเห็นเขาปัดผมที่เปียกชุ่มด้วยเหงื่อให้เว่ยจวินหยางจนเผยให้เห็นใบหน้าสะสวยราวกับปีศาจ
มนุษย์ก็มักจะโลภกับสิ่งสวยงาม
ใบหน้าของเว่ยจวินหยางนั้นงดงามมากพอที่จะทำให้คนมองข้ามเื่เพศไปได้ แม้แต่อวี๋มู่ที่เป็สเตรทมาช้านาน ก็ยังเผลอทำเื่แบบนั้นด้วยได้ ตอนที่เผชิญกับความลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ในแววตา ก็เกิดความสับสนขึ้นชั่วขณะ
เว่ยจวินหยางนะเว่ยจวินหยาง นายนี่มันตัวก่อความวินาศจริงๆ
เมื่อคิดเช่นนี้ อวี๋มู่ก็ยกยิ้มที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว พลางยื่นมือไปบีบแก้มเว่ยจวินหยาง แต่บีบได้ไม่ทันไรก็ถูกเว่ยจวินหยางที่สะลึมสะลือคว้ามือไว้ได้เสียก่อน
ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาคว้ามืออวี๋มู่ไว้ แล้วกดจูบ จากนั้นก็ละเมอออกมาคล้ายกับอยู่ในห้วงของความฝัน “อวี๋มู่ ดึกแล้ว นอนเถอะ”
จากนั้นก็ถูมือไปมา แล้วหลับต่อด้วยท่าทางสุขใจ ในขณะที่มุมปากยังยกยิ้มอยู่
อวี๋มู่สะดุ้งและรู้สึกว่าใจเขาเต้นรัว จนได้ยินเสียงดังตุ้บๆ อย่างชัดเจน ท่ามกลางความมืดมิดในคืนที่เงียบสงัด
อวี๋มู่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแปลกๆ จึงเด็ดหญ้าข้างผนังถ้ำมาเคี้ยวเล่น
ทว่าเพียงไม่นาน ใบหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนสี อวี๋มู่รีบผลักเว่ยจวินหยางออก แล้วเดินโซซัดโซเซออกจากถ้ำไป เขาฝืนเดินออกไปไกลจนทนไม่ไหว จำต้องคุกเข่าลงแล้วสำลักเืออกมามากมาย
อวี๋มู่รู้สึกแสบร้อนที่อวัยวะภายในและได้กลิ่นเืคละคลุ้งอยู่ในลำคอ ขณะที่ระบบร้องเตือน เขาก็สำลักออกมาอีกระลอก จนกลิ่นคาวเืตีขึ้นจมูกและย้อมผืนดินแถวนั้นจนเป็สีแดง
[โฮสต์! สถานการณ์ของคุณชักจะไม่ดีแล้ว รีบไปหาหมอเทวดาเถอะ ให้เขาช่วยคุณ! ตอนนี้คะแนนความประทับใจยังไม่เต็ม หากตายอยู่ตรงนี้ สิ่งที่ทำมาทั้งหมดก่อนหน้าเท่ากับศูนย์เลยนะครับ!]
ไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่าความประทับใจสุดท้ายของเว่ยจวินหยางจะโผล่ออกมาเมื่อไหร่ ก่อนหน้านี้ระบบให้คำมั่นกับเขาว่าแค่ทำให้เว่ยจวินหยางหวั่นไหว คะแนนความประทับใจก็จะเต็มได้ โดยเหตุผลครึ่งหนึ่งก็เพื่อให้อวี๋มู่ตอบรับการช่วยเหลือเว่ยจวินหยางด้วยวิธีนี้
ตอนนี้อวี๋มู่ดูเหมือนจะทนได้ไม่พ้นคืนเดียวเลยด้วยซ้ำ หากอาการขี้สงสัยของเว่ยจวินหยางกำเริบ แล้วนึกว่าอวี๋มู่กำลังหลอกเขาอยู่ล่ะก็ ที่ทำมาก็เท่ากับสูญเปล่า
“ก็ได้ แค่กๆ ข้าจะไปหาเขา…” อวี๋มู่ยันตัวลุกขึ้น กลับไปสวมเสื้อ แล้วหยิบกระบี่เมฆาวิสุทธิ์ติดตัวมาด้วยเพื่อใช้ป้องกันตัวเอง เขาค่อยๆ เกาะต้นไม้ในป่า เพื่อมุ่งหน้าไปทางที่พำนักของโม่เหิง
ด้วยสภาพร่างกายของเขาที่ค่อนข้างแย่ อวัยวะภายในอ่อนแอ และวิทยายุทธที่หายไป ทำให้เดินเพียงก้าวเดียวก็แทบเซ และเดินได้ไม่นาน เขาก็ล้มลงพื้นจนลุกขึ้นไม่ไหว
ตอนที่โม่เหิงเจอตัว เขาก็อยู่ในสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้แล้ว
โม่เหิงกัดฟันข่มอารมณ์โกรธและเสียใจ แบกอวี๋มู่ขึ้นหลัง แล้วปล่อยวิชาตัวเบามุ่งหน้าไปยังที่พักให้เร็วที่สุด
เขารู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเื่กับอวี๋มู่
ยาของเขานั้นจัดตามจำนวนวัน ซึ่งวันนี้คือวันสุดท้าย เขาเลยลองมาดู ปรากฏก็เจออวี๋มู่เข้า
โม่เหิงคิดว่า คนผู้นี้ช่างดื้อดึงเสียจริง ขนาดร่างกายแย่ถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่เรียกให้นายท่านที่ไม่ได้ความผู้นั้นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
แม้กระทั่งจะตาย ก็ยังจะตายอย่างหลบซ่อนอีก
ช่างโง่เขลาเสียจริง
โง่เขลาสิ้นดี
*
โม่เหิงใคร่ครวญถึงสิ่งต่างๆ มากมาย ซึ่งตอนที่อวี๋มู่ตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าหมอเทวดานั่งอยู่ข้างเตียงและกำลังมองเขาด้วยสายตาที่เหมือนกำลังมองคนโง่ด้วยความเกลียดชัง แต่ก็แฝงไปด้วยความอัดอั้น เมตตา หน่ายใจ โกรธ ต่างๆ นานา
อวี๋มู่ถูกจ้องจนขนลุก กะพริบตาปริบๆ แล้วเอ่ยออกไปด้วยเสียงแหบพร่า
“หมอเทวดา ท่านช่วยข้าไว้หรือ? ”
“นอกจากข้า จะมีใครอีกที่ช่วยเ้าได้? ” โม่เหิงยื่นน้ำให้เขา แล้วเอ่ยอย่างเยาะเย้ย “หากข้าไม่ได้ไปหาเ้า เกรงว่าตอนนี้ศพของเ้าคงเย็นชืดไปแล้ว”
ในห้องมีแต่กลิ่นเฟิงเยี่ยน ทำให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องของโม่เหิง พลางขมวดคิ้ว
สิ่งที่เขาคิดคือหากเว่ยจวินหยางได้กลิ่นนี้บนตัวเขา ก็ไม่รู้จะลงโทษเขาด้วยวิธีไหน
อวี๋มู่ลุกขึ้นนั่ง เมื่อได้ดื่มน้ำ คอที่แห้งผากก็ดีขึ้น เขากล่าวกับโม่เหิง “ขอบใจหมอเทวดาโม่ที่ช่วยชีวิตไว้ บุญคุณนี้ไม่อาจทดแทน”
“ทดแทนคุณข้าทำไม” โม่เหิงยักไหล่ “การช่วยเหลือคนเป็ความชอบของข้า ข้ารู้สึกว่าต้องช่วยเ้า เ้าก็ไม่จำเป็ต้องขอบคุณข้า”
กล่าวถึงตรงนี้ เขาก็ยกถ้วยยายื่นให้อวี๋มู่ พลันแววตามืดมนลง “เทียบกับคำพูดเกรงใจพวกนี้ ข้าว่าเ้าเป็ห่วงร่างกายตัวเองตอนนี้จะดีกว่า ข้าเค้นหาวิธีมาต่อชีวิตให้เ้าได้อีกหนึ่งเดือน หากยังมีเื่อะไรในใจก็รีบไปทำเถอะ จะได้ไม่มีอะไรต้องเสียใจยามที่ต้องเดินผ่านสะพานไน่เหอ[1]”
อวี๋มู่ชะงักไป จู่ๆ ก็เหมือนคิดอะไรได้ แล้วเอ่ยกับโม่เหิง “ขอถามหมอเทวดาโม่หน่อย ข้าสลบไปนานเท่าไรแล้ว? ”
โม่เหิงตอบเขา “ห้าวันได้ ข้านึกว่าจะช่วยเ้าไว้ไม่ได้แล้ว”
อวี๋มู่ได้ยิน ก็พลันสีหน้าเปลี่ยน
เขาะโเรียกระบบในจิตสำนึก : ระบบ! คะแนนความประทับใจของเว่ยจวินหยางลดลงแล้วใช่ไหม!?
[โฮสต์ ฮือๆๆๆ ผมนึกว่าคุณจะไม่ฟื้นแล้วเสียอีก ใหมดเลย] ระบบโผล่ออกมา แม้จะใอยู่บ้าง แต่พอได้ยินคำถามของอวี๋มู่ ก็รีบค้นหาข้อมูล แล้วเอ่ย [โฮสต์ คะแนนความประทับใจของเว่ยจวินหยางกำลังผันผวน!]
อวี๋มู่ตื่นเต้น :ผันผวนอย่างไร?
[...บางทีก็นิ่ง บางทีก็ขึ้นเกือบเต็มห้าดวง]
อวี๋มู่ : ???
ไม่ได้ เขาต้องรีบกลับไป!
เขาดื่มยาหมดรวดเดียว แล้วหยิบกระบี่เมฆาวิสุทธิ์ลงจากเตียงหมายจะวิ่งออกไป แต่ขาเกิดอ่อนแรง จนโม่เหิงต้องรีบมาพยุง
“เ้าจะไปทำอะไร? ” โม่เหิงห้ามเขา “ร่างกายเ้ายังอ่อนแอ แล้วหลับไปห้าวัน ต้องค่อยๆ…”
อวี๋มู่มีท่าทีกระวนกระวายใจ ก่อนจะเอ่ย “ไม่ได้ ข้าออกมาโดยไม่ได้บอกนายท่านไว้ เขาคงโกรธมากแล้ว ข้าต้องรีบกลับไป”
“เ้า…” โม่เหิงเผยสีหน้าไม่ได้ดั่งใจ แต่สุดท้ายก็ปล่อยมืออวี๋มู่ แต่ขอร้องให้เขากินโจ๊กและยาให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยไป
อวี๋มู่ใช้เวลาอยู่ที่นี่อีกครึ่งชั่วยาม จากนั้นก็รีบออกจากที่พักของโม่เหิงเพื่อไปหาเว่ยจวินหยาง
ตอนนี้เขาเสมือนคนธรรมดาที่ไร้เรี่ยวแรงเพราะกำลังภายในหายไปจึงไม่อาจใช้วิชาตัวเบาได้ ขนาดก่อนหน้านี้จะใช้วิชาตัวเบายังเสียเวลากว่าครึ่งค่อนวัน เห็นทีตอนนี้เขาคงต้องใช้เวลาทั้งวันกว่าจะได้เจอเว่ยจวินหยาง
จังหวะที่เจอเว่ยจวินหยาง จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนเลี้ยงสุนัขเฝ้าบ้านที่กำลังรอคอยเ้าของอยู่เสียอย่างนั้น
เว่ยจวินหยางนั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหินใหญ่ สีหน้าซีดขาว ริมฝีปากแห้งผาก และใต้ตาคล้ำอย่างหนัก เหมือนกับอยู่ท่าเดิมเป็เวลานาน ตอนที่เห็นอวี๋มู่กลับมา เขาอยากรีบลงมา แต่กลับเซถลาจนเกือบล้ม
อวี๋มู่ตั้งท่าจะเข้าไปพยุงเขา แต่เว่ยจวินหยางกลับมายืนอยู่ตรงหน้าแล้วคว้าตัวเขาเข้ามากอดไว้
ในตอนนี้ เว่ยจวินหยางที่สูงกว่าอวี๋มู่เล็กน้อย กำลังล้มลงบนตัวเขา พร้อมกับซุกคอไว้เหนือบ่าและโอบกอดเขาไว้แแ่ ค้างไว้เช่นนั้นอยู่พักใหญ่ค่อยเอ่ยปากถามเสียงแหบ
“ห้าวันมานี้ เ้าหายไปไหนมา? ”
--------------------------------------------------------------------------------------------------
คำอธิบาย
[1] สะพานไน่เหอ 奈何桥 คือ ในความเชื่อของจีน หลังจากคนเสียชีวิตเข้าสู่โลกหลังความตาย ต้องข้ามสะพานไน่เหอ ที่จะมีแม่เฒ่าเมิ่งคอยตักน้ำแกง ที่จะลบความทรงจำในอดีต ก่อนที่ิญญาจะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง