องค์หญิงฉางผิงและมู่หลิวเยวี่ยกำลังรอดูเื่ตลกของหานอวิ๋นซีอยู่
แต่ใครจะรู้ หานอวิ๋นซีไม่ได้ทำอะไรเลย นางเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาสดใสและสงบ มองไปที่กู้เป่ยเยวี่ย ในขณะเดียวกันก็มองไปที่แม่ทัพมู่ที่มีใบหน้ามืดมนและนิ่งเงียบ “ท่านแม่ทัพ หมอหลวงกู้ อาการของแม่ทัพใหญ่เป็อย่างไรทุกท่านต่างรู้ดี ชีวิตของข้ากับแม่ทัพใหญ่เชื่อมโยงกัน พวกท่านก็น่าจะเข้าใจ!”
แน่นอนว่ากู้เป่ยเยวี่ยเข้าใจว่าหานอวิ๋นซีหมายถึงอะไร แม่ทัพมู่หลบสายตานางและมองไปทางอื่น
เมื่อเห็นเช่นนี้ หานอวิ๋นซียิ้มจางๆ เลิกคิ้วและมองไปที่ขุนนางเป่ยกง “ขุนนางเป่ยกง เราไปกันเถอะ”
นางพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไม่มีความหวาดกลัวใดๆ และไม่จำเป็ต้องมีคนมาจับตัว หันหลังกลับและเดินไปด้วยตนเอง
ไม่นึกเลยว่าหานอวิ๋นซีจะทำได้ถึงขนาดนี้...
ทุกคนต่างมองมาด้วยความแปลกใจอย่างมาก
เดิมทีองค์หญิงฉางผิงและมู่หลิวเยวี่ย้าจะตบนาง แต่ใครจะรู้ว่ากลับกลายผิดเป็หวังอย่างมากและไม่มีความรู้สึกอยากแก้แค้นเลย
สตรีนางนี้แตกต่างออกไป นางมีความแข็งแกร่งที่สตรีในเมืองหลวงไม่มี ใจกว้างและกล้าหาญในเื่ต่างๆ หากจะทำให้นางอับอาย มันคงไม่ใช่เื่ง่ายขนาดนั้น?
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามมา หานอวิ๋นซีจึงหยุดฝีเท้าลงแล้วหันกลับมาด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ยังยืนบื้ออะไรอยู่ ไปสิ...”
ขุนนางเป่ยกงและผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนมองหน้ากันด้วยความไม่เชื่อ ใช้เวลาสักพักกว่าจะรู้สึกตัว
เมื่อมองที่แผ่นหลังที่เหยียดตรงของหานอวิ๋นซี แววตาของขุนนางเป่ยกงก็เผยความชื่นชมโดยไม่รู้ตัว เขาจับกุมคนทำความผิดของราชวงศ์มาไม่น้อย ถ้าไม่ร้องไห้ก็ต้องร้องขอความเห็นใจ เขาไม่เคยเห็นหญิงสาวที่หยิ่งยโสเช่นนี้ นางไม่ได้ด้อยกว่าบุรุษเลย
น่าเสียดายที่ชะตากรรมของหญิงสาวพิเศษคนนี้อยู่ในมือของไท่เฮา เมื่อไปศาลต้าหลี่แล้ว หานอวิ๋นซีก็คงจะไม่ได้ออกมาง่ายขนาดนั้น
ทันทีที่ถูกพาตัวไป องค์หญิงฉางผิงก็ส่งสายตามองกู้เป่ยเยวี่ย แล้วพูดอย่างเ็าว่า “แม่ทัพมู่ ดูสิ เ้าเชิญหมอต้มตุ๋นอะไรมา! ไล่เขาออกไปเถอะ ข้าได้เชิญหมอเทวดามาแล้ว!”
ขณะที่นางพูดก็มีหมอหลายคนเดินเข้ามา แม่ทัพมู่ไม่รู้จักพวกเขาสักคน แต่ด้วยความกังวลเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของบุตรชาย จึงรีบเชิญหมอเข้ามาและทิ้งกู้เป่ยเยวี่ยไว้ข้างๆ
แน่นอนว่ากู้เป่ยเยวี่ยรู้จักคนในแวดวงเดียวกันดี รู้ว่าหมอหลายท่านมีฝีมือความสามารถ ทว่าแม้กระทั่งเขายังรักษาไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับหมอเหล่านี้ล่ะ?
ในขณะนั้นเอง เขาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมแม่ทัพมู่และองค์หญิงฉางผิงได้อีกต่อไปแล้ว กู้เป่ยเยวี่ยจึงรีบออกไป
คนเดียวที่ช่วยมู่ชิงอู่ได้ มีเพียงหานอวิ๋นซีเท่านั้น และตอนนี้คนเดียวที่สามารถช่วยหานอวิ๋นซีจากศาลต้าหลี่ได้ ก็มีเพียงคนของจวนฉินอ๋องเท่านั้น
ความจริงแล้ว ไม่ใช่ว่ากู้เป่ยเยวี่ยไม่เคยคิดเกี่ยวกับการเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้ แต่สถานะของเขาไม่เหมาะที่จะรายงานเื่ดังกล่าวต่อฮ่องเต้ และทัศนคติของฮ่องเต้เองก็ไม่ชัดเจน
อาการของมู่ชิงอู่นั้นน่ากังวลอย่างมาก หากพิษแตกปะทุขึ้นมา แล้วหานอวิ๋นซีไม่อยู่ ชีวิตเขาคงตกอยู่ในอันตราย
ถึงเวลานั้น แม่ทัพมู่และองค์หญิงฉางผิงคงไม่โทษหานอวิ๋นซีว่าเป็คนวางยาพิษ
กู้เป่ยเยวี่ยจึงตัดสินใจออกจากจวนแม่ทัพทันทีและรีบไปที่จวนฉินอ๋อง ทว่ากลับได้รับแจ้งว่าอี้ไท่เฟยและฉินอ๋องไม่อยู่ที่นั่น
“คุณหนูมู่หรง อี้ไท่เฟยได้บอกหรือไม่ว่าไปที่ไหน?” กู้เป่ยเยวี่ยถามอย่างร้อนรน เขารู้ว่าการถามหาที่อยู่ของฉินอ๋องไม่ใช่เื่น่าถามเสียเท่าไร ถึงถามไปมู่หรงหว่านหรูก็อาจไม่รู้เช่นกัน แต่หากเป็อี้ไท่เฟยคงสามารถถามหาได้ตลอดใช่หรือไม่?
มู่หรงหว่านหรูเกลียดคนที่เรียกนางว่าคุณหนูมู่หรงที่สุด แต่ก็มีคนไม่น้อยในเมืองหลวงเรียกนางเช่นนั้น นามสกุลมู่หรงเป็สิ่งที่เตือนนางตลอดเวลาว่านางเป็เพียงบุตรสาวบุญธรรม
ไม่ว่าจะเกลียดเพียงใด นางก็ซ่อนมันไว้อย่างดี ใบหน้าที่น่ารักแสดงความกังวลเล็กน้อย “เอ๋ เกิดเื่ใหญ่เช่นนี้กับคู่แต่งงานใหม่ หากมู่เฟยรู้เข้าละก็ต้องโกรธเป็แน่ ท่านบอกว่านางไม่รู้ทักษะการแพทย์ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึง...”
“คุณหนูมู่หรง ฉินหวังเฟยเป็ผู้บริสุทธิ์ ข้าสามารถเป็พยานได้ เพียงแต่…” กู้เป่ยเยวี่ยบอกความจริงต่อมู่หรงหว่านหรู
มู่หรงหว่านหรูคิดไม่ถึงว่าหมอหลวงผู้อ่อนโยนและสงบคนนี้จะมีด้านที่กังวลใจเช่นกัน ว่ากันว่าแม้จะเผชิญกับอาการป่วยของฮ่องเต้เขาก็สามารถสงบสติอารมณ์ได้
มู่หรงหว่านหรูแสร้งทำเป็โกรธ “หา! เหตุใดแม่ทัพมู่ถึงทำเช่นนี้ได้ล่ะ? แล้วเื่นี้ไปถึงไท่เฮาได้อย่างไรกัน! นี่มัน...”
“เื่นี้เกี่ยวข้องกับชีวิต เช่นนั้นเชิญคุณหนูมู่หรงรีบพาข้าไปพบกับอี้ไท่เฟยเถิด สถานที่อย่างศาลต้าหลี่เข้าไปแล้ว ไม่ใช่ว่าจะออกมาง่ายๆ” กู้เป่ยเยวี่ยอดไม่ได้ที่จะกระตุ้นนาง
คุณหนูมู่หรงดูเหมือนจะร้อนรน แต่ก็ไม่ได้ขยับตัวทำอะไร
“เสด็จแม่กำลังพักผ่อนและไม่ชอบให้ใครมารบกวน เช่นนี้ หมอหลวงกู้กลับไปสอบถามสถานการณ์ก่อน ข้าจะไปหามู่เฟยเพื่อขอคำแนะนำจากนาง” มู่หรงหว่านหรูตอบกลับมาเพียงเท่านี้
กู้เป่ยเยวี่ยพยักหน้า และถอนหายใจด้วยความโล่งอก ด้วยเกรงมู่หรงหว่านหรูจะล่าช้า เขาจึงไม่กล้าอยู่ที่นี่นานๆ อีกต่อไป ดังนั้นจึงขอตัวและออกไปทันที อย่างไรก็ตาม มู่หรงหว่านหรูกลับไม่ได้รีบร้อนที่จะออกไปแต่อย่างใด
นางนั่งลงบนเบาะในห้องนั่งเล่นอย่างเกียจคร้านและสบายๆ พร้อมริมฝีปากที่เย้ยหยันเหยียดหยาม
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็เหลือบมองสาวใช้ในห้องอย่างใจเย็น เปลี่ยนจากรูปลักษณ์ที่อ่อนแอและใจดีกลายเป็เลิกคิ้วอย่างเ็า “ใครก็ตามที่พูดถึงเื่ในวันนี้จะต้องรับผลที่ตามมา...ด้วยตัวเอง!”
เหล่าสาวใช้ต่างคุกเข่าลงอย่างสั่นสะท้าน “คุณหนูไม่ต้องกังวลเ้าค่ะ ข้ารับทราบแล้ว!”
มูหรงหว่านหรูปรารถนาให้หานอวิ๋นซีไม่กลับมาตลอดไปอยู่แล้ว แล้วนางจะไปหาอี้ไท่เฟยเพื่ออะไรกัน?
ก่อนที่แม่ทัพมู่จะมาที่ประตูเป็การส่วนตัว นางกังวลว่าจะไม่มีโอกาสซ้ำเติมหานอวิ๋นซี แต่พอมาถึงตอนนี้ ในใจนางก็มีแผนการมากมาย
มู่หรงหว่านหรูบิดี้เีและกลับไปที่ห้องเพื่อนอนต่อ นางถูกรบกวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งคืน ดังนั้นจึงอยากที่จะพักผ่อน
เวลานี้ท้องฟ้ามืดสลัว หานอวิ๋นซีเพิ่งมาถึงคุกของศาลต้าหลี่ คุกที่เริ่มเย็นบวกกับฤดูหนาวทำให้หนาวเย็นจนน่ากลัว
หานอวิ๋นซีที่รีบออกมา จึงไม่ได้สวมเสื้อผ้ามามากนัก ทันทีที่เดินเข้าไปในคุก ก็อ้าปากพ่นไอหนาวเย็นออกมา ยิ่งเดินเข้าไปข้างในเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่านี่คือห้องเย็นขนาดใหญ่ เย็นจนนางตัวสั่นเทาตลอดเวลา
ด้วยสถานะของนาง นางจึงถูกคุมขังในห้องขังแยกต่างหากที่มีกำแพงหินสามชั้นและรั้วเหล็กหนึ่งชั้น ถือว่ายังสะอาดพอที่จะอยู่ได้
ประตูห้องขังปิดดัง “ปัง” หานอวิ๋นซีก็รีบขึ้นไปนั่งบนเตียงอิฐที่มีปล่องก่อไฟผิงใต้เตียงเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น หนาวเหลือเกิน นางกลัวความหนาวที่สุด! ทว่าก็โชคดีที่ยังมีของดีเช่นเตียงอิฐนี้
หลังจากแนบอิงอยู่ครู่หนึ่งร่างกายของนางก็อุ่นขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่านางต้องอยู่ในสถานที่ที่น่ากลัวเช่นนี้ไปอีกนานแค่ไหน แม้ว่ามู่ชิงอู่จะฟื้นขึ้นมา แต่ศาลต้าหลี่ก็ได้ยื่นฟ้องแล้ว การสืบสวน หลักฐาน ขั้นตอนการเก็บรวบรวมและการสอบปากคำต้องใช้เวลานาน
สรุปคือ หากเข้ามาที่นี่แล้ว้าจะออกไปเป็เื่ที่เป็ไปได้ยากอย่างมาก
หานอวิ๋นซีคิดว่าคนที่จะช่วยนางได้คืออี้ไท่เฟยและหลงเฟยเยี่ย ใน่สองสามวันนี้หลงเฟยเยี่ยต้องตามหานางเพื่อให้นางจ่ายยาให้อย่างแน่นอน และอี้ไท่เฟยที่ไม่ได้ชื่นชอบนางมากมาย แต่ก็คงไม่ยอมอ่อนข้อให้ไท่เฮาง่ายๆ สันนิษฐานว่า ครั้งนี้การที่ไท่เฮาออกหมายจับด้วยตัวเอง คงเป็เพราะ้าแข่งขันกับอี้ไท่เฟยแน่นอน
เฮ้อ สุดท้ายแล้วนางยังคงอ่อนโยนเกินไป วันนั้นที่เข้าไปในวังกับหลงเฟยเยี่ยอย่างเย่อหยิ่ง นางก็รู้ว่าไท่เฮาคงไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ อย่างแน่นอน
เดิมทีไท่เฮาคิดว่านางเป็หญิงสาวที่น่าเกลียดเพื่อทำให้อี้ไท่เฟยขายหน้า แต่สุดท้ายนางกลับกลายเป็สาวงาม และเดิมทีไท่เฮาคิดจะเอาผิดตระกูลหานด้วยผ้าตกสีแดงของนาง แต่หลงเฟยเยี่ยก็ช่วยนางเอาไว้ ไท่เฮาผู้นี้คงเกลียดนางเข้าไส้เลยสินะ?
เมื่อคิดถึงเื่นี้ หานอวิ๋นซีก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น นางต้องโชคร้ายขนาดไหน ถึงไปทำให้ไท่เฮากับอี้ไท่เฟย ผู้หญิงสองคนที่น่ากลัวที่สุดในเทียนหนิงไม่พอใจ
แต่ก็เอาเถอะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก่อนการตัดสิน ด้วยสถานะของนางในฐานะฉินหวังเฟย ศาลต้าหลี่คงไม่กล้าใช้การทรมานเพื่อให้สารภาพออกมา
เมื่อคิดถึงเื่นี้ หานอวิ๋นซีก็รู้สึกผ่อนคลายกับสถานการณ์ในตอนนี้ของตนเอง และกังวลเื่อาการของมู่ชิงอู่มากที่สุด
นางมั่นใจมากว่าในอีกสามวันข้างหน้ามู่ชิงอู่จะฟื้นขึ้นมา เพียงแต่ หากเขาล้างพิษไม่ทันเวลา ต้องมีปัญหาร้ายแรงอย่างแน่นอน
หากพิษไม่ได้รับการล้างพิษได้ทันเวลา มู่ชิงอู่ก็จะเสียชีวิต ถึงเวลานั้นแม้แต่หลงเฟยเยี่ยเองก็ไม่สามารถช่วยชีวิตนางได้
ถึงตอนนี้ ชีวิตและความตายของมู่ชิงอู่เกี่ยวข้องกับชีวิตและความตายของนางโดยสมบูรณ์แบบ
สามวัน จะบอกว่าช้าก็ช้า แต่จะบอกว่าชั่วพริบตาก็เป็ไปได้เช่นกัน!
หมอหลวงกู้เองก็คงมาเยี่ยมนางที่คุก และความหวังทั้งหมดของนางอยู่ที่เขา
ด้วยความเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันทั้งคืน หานอวิ๋นซีคิดเื่ต่างๆ และผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว ทว่าไม่นานนางก็ถูกความหนาวเย็นปลุกให้ตื่นขึ้นมา เท้าทั้งสองเย็นเฉียบ ไม่ว่าจะห่มผ้า หรือจะขดตัวแค่ไหนก็ไม่อุ่น
นางพบว่าฟืนใต้เตียงไหม้จนหมดแล้ว และไฟก็ดับไปนานแล้ว ทั้งในห้องขังเองก็ไม่มีฟืนสำรองด้วย
ใจร้ายเกินไปแล้ว!
หานอวิ๋นซีห่อตัวด้วยผ้าห่มบางๆ เป่าปากหลายครั้งก่อนจะะโเรียกคน
“มานี่หน่อยสิ!”
“มีใครอยู่ไหม มาหาข้าหน่อย!”
ยามกลางคืนไม่ตอบสนองใดๆ ดังนั้นหานอวิ๋นซีจึงต้องโกหก
“ช่วยด้วย...”
“มีคนลอบฆ่า!”
…
จนปัญญาแล้วจริงๆ ไม่ว่านางจะะโอย่างไรหรือะโอะไร ก็มีเพียงเสียงสะท้อนของตนเองที่ตอบกลับมา
หานอวิ๋นซีถอนหายใจและไม่้าที่จะเปลืองแรงอีกต่อไป นางถูมือไปเรื่อยๆ ย่ำเท้าอยู่กับที่เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ในคุกศาลต้าหลี่นั้น มีหลายวิธีที่จะฆ่าคนโดยไม่เห็นเืและทรมานโดยไม่มีาแ
ตอนนี้หานอวิ๋นซีตระหนักได้ว่าตนเองประเมินด้านมืดของศาลต้าหลี่ต่ำไป
ในขณะที่หานอวิ๋นซีกดจุดไปรอบๆ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและมีคนกำลังมา
หานอวิ๋นซีที่กำลังจะหันกลับไป ทว่ากลับมีถังน้ำแข็งเทใส่หน้านาง!
หานอวิ๋นซีเปียกโชกั้แ่หัวจรดเท้า ความรู้สึกหนาวเย็นเสียดแทงกระดูก ั้แ่หนังศีรษะไปยังแขนขาทั้งหมด นางตัวแข็งทื่อจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เป็เวลานาน
นอกห้องขัง องค์หญิงฉางผิงสวมเสื้อบุนวมขนาดใหญ่ ยิ้มอย่างมีความสุขและมองนางอย่างมีชัยชนะ ขุนนางเป่ยกงและพัศดีหลายคนถือน้ำยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความเคารพ
“องค์หญิงฉางผิง เ้ากล้าลงโทษข้าอย่างงั้นหรือ?” หานอวิ๋นซีถามด้วยน้ำเสียงเ็า ร่างกายของนางเปียกปอนและยุ่งเหยิง ทว่าดวงตาที่ใสสะอาดคู่นั้นเย็นกว่าอุณหภูมิโดยรอบ
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถต้านทานได้ เวลาที่สบตากับนาง องค์หญิงฉางผิงยังคงมีความหวาดกลัว
ไม่สิ! มีเสด็จย่าและเสด็จแม่คอยให้ท้ายนางอยู่ เื่ที่เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครกล้าแพร่งพรายออกไปแน่นอน แล้วหานอวิ๋นซีเองก็จะไม่มีหลักฐานเช่นกัน
เมื่อคิดถึงเื่นี้ องค์หญิงฉางผิงก็สงบลงอีกครั้งและพูดด้วยความเย้ยหยันว่า “หานอวิ๋นซี เ้ายกยอข้ามากเกินไปแล้ว ข้ารู้ว่าเ้าคือเสด็จอาหญิง และคงสายเกินไปที่จะให้ความเคารพแก่เ้า ไม่สิ ข้าตั้งใจมาที่นี่เป็พิเศษเพื่อให้ขุนนางเป่ยกงมาทำความสะอาดห้องขังให้เ้าเลยนะ ได้ยินมาว่าสถานที่แห่งนี้มีคนจำนวนมากเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บ แล้วมันก็สกปรกอย่างมากด้วย”
ทำความสะอาดห้องขังกลางดึก? ขอบคุณจริงๆ!
“ไม่จำเป็” หานอวิ๋นซีปฏิเสธไปโดยธรรมชาติ แต่ขุนนางเป่ยกงกลับรอไม่ไหวที่จะสั่งการ “เ้าหน้าที่ ยังไม่รีบทำความสะอาดอีกหรือไร เกิดฉินหวังเฟยเป็อะไรไป พวกเ้าจะรับผิดชอบไหวหรือ?
ทันทีที่พูดจบ พัศดีสี่ห้าคนก็ยกถังขึ้น ในนั้นมีก้อนน้ำแข็งลอยอยู่ในน้ำ
“สาดไป!” องค์หญิงฉางผิงสั่งอย่างเ็าโดยไม่ลังเล
น้ำเย็นที่ผสมกับน้ำแข็งสาดกระเซ็นมาจากทิศทางต่างๆ หานอวิ๋นซีทำได้เพียงหลบ เวลานี้คำเตือนใดๆ ก็ไร้ประโยชน์แล้ว
นางหันกลับเพื่อที่จะหลบหลีก ซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกสุดของห้องขัง วิ่งไปวิ่งมาเพื่อพยายามหลบเลี่ยง ทว่าพัศดีเ่าั้ได้รับการฝึกฝนมาเป็อย่างดี แต่ละคนสาดใส่นางได้อย่างตรงเผง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้