“ท่านบรรพชน เคล็ดวิชาทั้งห้านี้แย่เกินไป ท่านเรียนเคล็ดวิชาเหล่านี้หรือ? ไม่แปลกใจที่วรยุทธ์ยามมีชีวิตอยู่ของท่านจะย่ำแย่ปานนั้น เพิ่งถึงแค่ระดับตำนาน มิสู้ให้ข้าสอนสุดยอดเคล็ดวิชาแก่ท่านสักหลายชุดดีหรือไม่! รับรองว่าวรยุทธ์ของท่านจะต้องก้าวหน้าอย่างแน่นอน!” เนี่ยหลีตบอกผางๆ พูด “ข้ามีสุดยอดเคล็ดวิชาอยู่ทั้งหมดสามพันหกร้อยกว่าชุด ที่แย่ที่สุดก็ยังดีกว่าหนังสือทั้งห้าเล่มของท่าน หากวิชาแย่เกินไปก็รู้สึกอายที่จะสอนท่านแล้ว!”
“เอาละ พอแล้ว!” เยี่ยเหยียนพูดอย่างโมโห เนี่ยหลีช่างไม่ไว้หน้าเขาเอาเสียเลย ไม่รู้หรือไรว่าเขาเป็บรรพชนผู้ก่อตั้งเมืองกวงฮุยเชียวนะ? “เ้าเด็กเหลือขอ ข้าไม่รู้ว่าเ้าไปเอาเคล็ดวิชามากมายเช่นนี้มาจากไหน อาจจะได้จากกุสมบัติที่ปรากฏออกมาสักแห่ง ทว่าต่อให้เ้ามีเคล็ดวิชาที่ดีเลิศ แต่ในแง่ของเคล็ดวิธีการฝึก ในฐานะที่เป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานผู้หนึ่ง ข้ายังคงสามารถให้คำชี้แนะนำแก่เ้าได้มากมาย! ความรู้ลึกซึ้งกว้างขวางที่ข้ามี เป็สิ่งที่เ้าไม่มีทางคิดถึงได้อย่างแน่นอน!
“โอ้... เอ่อ ท่านบรรพชนผู้มีความรู้ลึกซึ้งกว้างขวาง ข้าขอเรียนถาม เหตุใดจิตอสูรตนหนึ่งจึงสามารถหลอมรวมเข้าไว้ในอาณาเขติญญาได้?” เนี่ยหลีจ้องมองเยี่ยเหยียนและเอ่ยถาม เหอะๆ ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนคิดจะเปรียบความรู้กับตนหรือ?
“เป็คำถามที่ง่ายมาก อาจารย์ของเ้ามิได้สอนเ้าหรือ? จิตอสูรอยู่ในรูปของิญญาอย่างหนึ่ง และอาณาเขติญญาก็เป็เหมือนภาชนะของิญญา ย่อมสามารถหลอมรวมอยู่ในนั้นได้อย่างแน่นอน!” เยี่ยเหยียนยิ้มน้อยๆ “แม้พร์ของเ้าจะไม่เลว ทว่าพื้นฐานอ่อนด้อยเกินไป คนอายุยังน้อยย่อมไม่อาจกัดคำโตเกินตัวจะเคี้ยวได้ (ทะเยอทะยานเกินตัว)!”
“ในเมื่ออาณาเขติญญาเป็เหมือนภาชนะ จิตอสูรเป็ิญญา ก็เหมือนแก้วน้ำกับน้ำ เช่นนั้นเหตุใดบางคนเมื่อก้าวขึ้นถึงระดับเงินแล้ว ไม่ว่าจะหลอมรวมกับจิตอสูรเท่าไหร่ก็ล้วนล้มเหลวเล่า?” เนี่ยหลีหัวเราะฮิฮะและเอ่ยถาม “ถ้าบอกว่าเป็แก้วน้ำ ก็ควรต้องเติมน้ำได้จึงจะถูกต้อง!”
“นี่... ความเป็ไปได้ที่จะเกิดการล้มเหลวนั้นต่ำมาก แทบจะสามารถมองข้ามไปได้เลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องกังวลกับปัญหานี้!” เยี่ยเหยียนนิ่งคิดครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญใจเล็กน้อย คำถามของเนี่ยหลีออกนอกลู่นอกทางเกินไปสักหน่อย เขาไม่อาจตอบได้
“เื่ที่มักมองข้ามไปเช่นนี้นี่แหละ เมื่อลองค้นคว้าดูแล้ว มักจะกลายเป็กุญแจสำคัญที่จะไขความลับ ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานผู้หนึ่ง คิดไม่ถึงว่ากระทั่งเื่นี้ก็ยังไม่เข้าใจ ไม่รู้จริงๆ ว่าอาจารย์ของท่านสั่งสอนท่านมาอย่างไร! หากข้าเป็ลูกศิษย์ของเขา คงต้องตีเขาจนแบนติดกำแพงตายอย่างแน่นอน!” เนี่ยหลีส่ายศีรษะไหวๆ สีหน้าเศร้าสลดยิ่ง
“เช่นนั้นเ้าก็ลองบอกมาว่าเป็เพราะเหตุใด?” เสียงของเยี่ยเหยียนโมโหจนสั่นระริก ในฐานะที่เป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนาน ที่ไหนจะเคยถูกคนตำหนิจนแทบสำลักถึงเพียงนี้
“อาณาเขติญญายังมีคุณสมบัติเฉพาะในตัว และจิตอสูรก็เช่นกัน หากคุณสมบัติของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากเกินไป ย่อมนำไปสู่ความล้มเหลวอย่างแน่นอน เฉกเช่นความไม่อาจเข้ากันได้ของน้ำกับไฟ!”
“คุณลักษณะที่แตกต่างกันรึ?” เยี่ยเหยียนพึมพำกับตนเอง ในอดีต เขาไม่เคยคิดถึงแง่มุมนี้มาก่อน ดังนั้นคำพูดของเนี่ยหลีจึงราวกับได้เปิดหน้าต่างบานใหม่ขึ้นในหัวใจของเขา
“นอกจากความแตกต่างในด้านคุณลักษณะแล้ว ความลึกล้ำของอาณาเขติญญาของมนุษย์นั้น ยังมีความลับอีกมากมายซุกซ่อนอยู่ ระดับผู้ควบคุมจิตอสูรของท่าน ย่อมยังไม่อาจเข้าใจได้ หากท่านยินดีกราบข้าเป็อาจารย์ ข้าอาจจะยอมอธิบายให้ท่านฟัง ิญญาของท่านยังไม่ดับสูญไป ดังนั้น คิดช่วยสร้างร่างกายใหม่ให้ท่านก็มิใช่จะเป็ไปไม่ได้” เนี่ยหลีนั่งลงขัดสมาธิ มุมปากคลี่ขึ้นเป็รอยยิ้มบาง
กราบเนี่ยหลีเป็อาจารย์รึ? เยี่ยเหยียนโมโหจนแทบจะฟื้นคืนชีพแล้ว ตนเป็ถึงผู้ก่อตั้งเมืองกวงฮุย! คิดไม่ถึงว่าจะถูกเด็กเหลือขอคนหนึ่งดูแคลนเอาได้ ช่างเหลือจะทนเสียจริงๆ! แต่ทว่า ประโยคสุดท้ายของเนี่ยหลี กลับทำให้เขายืนเซ่ออยู่กับที่แล้ว
“สร้างร่างใหม่ นี่สามารถทำได้จริงหรือ?” เยี่ยเหยียนตะลึงงันแล้ว นี่อยู่นอกเหนือจากสิ่งที่เขาจะคาดคิดได้แล้ว เ้าเด็กผู้นี้มีที่มาอย่างไรกันแน่? เหตุใดจึงมีความรู้มากมายถึงเพียงนี้? ในฐานะที่เป็บรรพชนผู้ก่อตั้งเมืองกวงฮุย หากตนคิดจะรับเด็กวัยรุ่นผู้หนึ่งเป็ศิษย์ พวกเขาคงรีบกุลีกุจอคุกเข่าลงคำนับสามครั้งโขกศีรษะเก้าหนแล้วหรือ? ที่ไหนจะเหมือนเนี่ยหลีเช่นนี้ กลับคิดจะสั่งสอนเขาแทนเสียนี่?
แม้เขาจะถูกยั่วโมโหจนแทบกระอักเืแล้ว ทว่าที่เนี่ยหลีพูดมาทั้งหมด ช่างเหมือนแม่เหล็กแท่งหนึ่งซึ่งสามารถดึงดูดเขาจนติดหนึบ
สิ่งที่เนี่ยหลีพูด นับว่าเป็สิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ
“เ้าเด็กเหลือขอ เ้าคิดจะให้ข้ากราบเ้าเป็อาจารย์จริงๆ หรือ?”
“กราบข้าเป็อาจารย์หรือ? ขอข้าคิดดูก่อน ลืมมันเสียเถอะ ไม่เอาแล้ว! ข้าเกียจคร้านเกินกว่าที่จะสอนคนพร์น้อยนิดเช่นท่าน!” เนี่ยหลีพูดจาดูแคลน “หากศิษย์ของข้าอายุร่วมร้อยแปดสิบปี ยังเพิ่งจะเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานเท่านั้น ทั้งยังพออกพอใจกับตนเองเช่นนี้ ท่านว่าข้าจะไม่ฟาดเขาจนตายหรือ!”
เยี่ยเหยียนชี้นิ้วใส่เนี่ยหลี ตัวสั่นไม่หยุด “เ้า เ้า เ้ามันไม่ใช่ลูกหลานแล้ว!” หนวดของเยี่ยเหยียนสั่นระริก เกรงว่าเวลานี้ต่อให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมา ก็คงถูกเนี่ยหลียั่วโมโหจนตายอีกรอบเป็แน่!
“ข้าย่อมไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเยี่ยของท่านอย่างแน่นอน ข้าเป็ลูกหลานของตระกูลตรา์เทียนเหิน สำหรับที่มาของครอบครัว ตระกูลเทียนเหินยังมีประวัติยาวนานกว่าตระกูลเยี่ยของท่านเสียอีก หากมิใช่เพราะความจริงที่ว่าท่านเป็บรรพชนของจื่ออวิ๋น ข้าก็คร้านเกินกว่าที่จะสนใจท่านแล้ว!” เนี่ยหลีเบ้ปากดูแคลน
เยี่ยเหยียนโมโหสุดขีดแล้ว ทว่าเขาเป็เพียงิญญาเท่านั้น จึงไม่มีปัญญาทำอะไรเนี่ยหลีได้!
“ตระกูลเทียนเหิน ข้าจำได้ ขณะที่ข้าสร้างเมืองกวงฮุย ตระกูลเทียนเหินเป็เพียงตระกูลเล็กๆ ตระกูลหนึ่ง ข้ายอมรับว่าบรรพชนของเ้าล้วนเป็ผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ดูเหมือนว่าเ้าจะได้รับมรดกสืบทอดบางส่วนมาจากครอบครัวของเ้ากระมัง! ทว่าแค่ได้รับมรดกมาเล็กๆ น้อยๆ เ้ากลับกล้าอวดดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!” แม้เยี่ยเหยียนต้องยอมรับว่าความรู้ของเนี่ยหลีนั้นลึกซึ้งกว้างขวางกว่าเขา ทว่าเขายังคงปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้
หากพ่ายแพ้ให้แก่เด็กอายุสิบสามปีผู้หนึ่งเช่นนี้ เช่นนั้นหน้าตาของผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานของเขา ยังจะเอาไปไว้ที่ไหนได้อีก?
“ฮึ่ม!” เยี่ยเหยียนโมโหจนไม่ยอมพูดต่ออีกแล้ว
ในเมื่อเ้าเฒ่าผู้นั้นไม่มาตอแยกับตนอีก เนี่ยหลีก็ย่อมไม่คุยกับเยี่ยเหยียนแล้ว
เนี่ยหลีสนใจอยู่แต่กับการฝึกยุทธ์ของตน พลังิญญาสูงส่งห้อมล้อมรอบกายของเนี่ยหลีอยู่ตลอดเวลา หลังจากโคจรเคล็ดวิชาเทียนเต้า จิตอสูรสองตนในอาณาเขติญญาดุจดังฟองน้ำ ดูดซับพลังิญญาและแข็งแกร่งขึ้นไม่หยุด
ิญญาของเยี่ยเหยียนยังคงวนเวียนอยู่รอบเนี่ยหลี แม้เขาจะโมโหเนี่ยหลีมากมาย ทว่าเมื่อเห็นเนี่ยหลีกำลังโคจรลมปราณตามเคล็ดวิชาของตน เขาก็อดชมดูไม่ได้
ระลอกพลังิญญากำลังแผ่พุ่ง รูปแบบการฝึกเช่นนี้ดูไม่เหมือนผู้ควบคุมจิตอสูรระดับเงินเอาเสียเลย ยังดูเหมือนผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานผู้หนึ่งเสียมากกว่า
เยี่ยเหยียนชำเลืองมองเซียวหนิงเอ๋อที่อยู่ไกลออกไปและแอบคิด “ไม่ว่าจะเป็เ้าเด็กนี่หรือแม่หนูคนนั้น เคล็ดวิชาของทั้งสองต่างก็น่าสะพรึงกลัวยิ่ง อายุเพียงน้อยนิดก็กลายเป็ตัวประหลาดเสียแล้ว หรือเป็เพราะว่าข้าไม่ได้ออกไปจากที่นี่นานปี ภายนอกเปลี่ยนแปลงไปจนหมดสิ้นแล้ว?”
เมื่อเทียบกับเคล็ดวิชาเทียนเต้าของเนี่ยหลี เคล็ดวิชาทั้งห้าอย่างที่เยี่ยเหยียนเพิ่งเอาออกมาย่อมกลายเป็แค่ขยะอย่างแน่นอน
เยี่ยเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและขยับไปทางเซียวหนิงเอ๋อ
“แม่หนูน้อย ผู้เฒ่าเห็นพร์ของเ้าเฉลียวฉลาดนัก มิสู้ให้ผู้เฒ่ารับเ้าเป็ศิษย์ดีหรือไม่?”
ได้ยินเสียงของเยี่ยเหยียน เซียวหนิงเอ๋อใเล็กน้อย นางพลันเอ่ยถามขึ้น “ขอเรียนถาม ท่านผู้าุโคือ?”
“ข้าก็คือบรรพชนผู้ก่อตั้งเมืองกวงฮุย ผู้ก่อตั้งตระกูลวายุเหมันต์ เยี่ยเหยียน!” เยี่ยเหยียนพูดอย่างภาคภูมิใจ
“ที่แท้คือท่านบรรพชนผู้ก่อตั้ง! เซียวหนิงเอ๋อแห่งตระกูลอี้หลงคารวะท่านบรรพชนผู้ก่อตั้ง!” เซียวหนิงเอ๋อพลันมีสีหน้าเคารพนับถือ เต็มไปด้วยความนอบน้อมต่อบุคคลที่ทรงอิทธิพลในประวัติศาสตร์
เยี่ยเหยียนลูบเคราของตน ยิ้มแย้มและพูด “ไม่เลว ไม่เลว เป็เด็กที่สามารถสั่งสอนได้!” นี่จึงจะเป็เทพธิดาน้อยของครอบครัวปกติทั่วไป กับคนเช่นเนี่ยหลีผู้นั้น ผิดปกติเกินไป “ข้าอยู่ในด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนมานับพันปีแล้ว ไม่รู้ว่าโลกภายนอกเดี๋ยวนี้เป็อย่างไรบ้าง?”
“ท่านบรรพชน เมืองกวงฮุยเวลานี้ยังถือว่าปลอดภัยดีอยู่”
“เมืองกวงฮุยเวลานี้มีผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานคอยปกป้องอยู่กี่คนรึ?”
“เรียนท่านบรรพชน เมืองกวงฮุยในเวลานี้มีผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานเพียงคนเดียว คือท่านเยี่ยโม่!” เซียวหนิงเอ๋อตอบอย่างสุภาพนอบน้อม
“นี่เป็ไปได้อย่างไร?” เยี่ยเหยียนสองคิ้วขมวดมุ่นอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่าเื่นี้ค่อนข้างประหลาด ไม่ว่าจะเป็เซียวหนิงเอ๋อหรือเนี่ยหลี ทั้งคู่ล้วนมีเคล็ดวิชาที่สูงส่งทรงอานุภาพยิ่ง ทำให้ผู้คนอัศจรรย์ใจ ปกติแล้วด้วยเคล็ดวิชาที่สูงส่งถึงเพียงนี้ เป็ไปไม่ได้ที่จะเพิ่งสร้างผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานได้เพียงคนเดียว
“มีปัญหาอะไรหรือ?” เซียวหนิงเอ๋อเอ่ยถามขึ้นอย่างสับสน
“ไม่มีอันใด แม่หนูน้อย ไหนเอาเคล็ดวิชาของเ้าออกมาให้ข้าชมดูเสียหน่อย ไม่แน่ว่าข้าอาจจะสามารถให้คำแนะนำแก่เ้าได้!” เยี่ยเหยียนพูด ครั้นกล่าวจบ ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ
“นี่...” เซียวหนิงเอ๋อจมอยู่ในความลังเลใจแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้