“หา โจวจื่อเฉิงก็ดูหน้าตาหล่อเหลาอยู่บ้าง ทว่าภรรยาเขาเพิ่งจากไปไม่กี่วันเท่านั้น องค์หญิงฮุ่ยเจินทำเช่นนี้ย่อมไม่เหมาะสม”
“องค์หญิงฮุ่ยเจินหยาบคายเอาแต่ใจอยู่แล้ว นางจะใส่ใจความคิดคนอื่นด้วยหรือ?”
“ชู่ว เงียบ หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง พวกเราเป็เพียงชาวบ้านย่อมมิอาจนินทาเื่ในรั้ววังมากไปนัก”
…
ฮวาชีเยว่จับมือเทียนซี ดวงตาทอประกายเย็นเยือก
คู่ชู้นั่นกล้าดีอย่างไรจึงเปิดเผยตัวในที่สาธารณะเร็วเช่นนี้? นางคาดว่าอีกไม่นานทั้งคู่คงจะมาเยือนจวนสกุลฮวา เข้าพบนางกับฮูหยินผู้เฒ่า
เด็กข้างกายนางดูเป็กังวล เขาคงหวาดกลัวเมื่อได้ยินผู้อื่นเอ่ยชื่อองค์หญิงฮุ่ยเจิน
ฮวาชีเยว่ก้มมองเขา ดังที่คิด ใบหน้าของเทียนซีซีดเผือด มือน้อยกำหมัดแน่นคล้ายอดทนอะไรอยู่
เหงื่อเย็นไหลท่วมหน้าผาก ศีรษะเขาสั่นน้อยๆ ขณะเด็กชายเม้มปากเข้าหากัน ฮวาชีเยว่ใช้ผ้าเช็ดหน้านางเช็ดเหงื่อจากหน้าผากเขา “เทียนซี ร้อนไปหรือไม่? แม่เช็ดเหงื่อให้เ้านะ”
ลู่ซินรีบยิ้ม เม้มปากเล็กน้อยแล้วจึงออกแรงพัดมากกว่าเดิม
“มาดื่มน้ำแกงโสมหลงแดงเสียหน่อยนะเ้าคะ” โหย่วชุ่ยเตรียมน้ำแกงโสมหลงแดงนี้ไว้เป็พิเศษเพื่อเอาไว้จิบระหว่างทาง เทียนซีมองฮวาชีเยว่อย่างหวาดกลัว
ฮวาชีเยว่พยักหน้า “เทียนซี คนที่ข้าไว้วางใจล้วนแต่เป็คนดี เ้าเข้าใจหรือไม่? ”
เทียนซีกะพริบตากลมโตอย่างสับสน
เมื่อก่อนมารดาของเขาก็ดูแลสาวใช้พวกนั้นอย่างดีเช่นกัน เหตุใดเมื่อนางจากไปแล้ว คนพวกนั้นจึงหันมาทำร้ายเขาได้เล่า?
ดวงตาของเทียนซีพลันหม่นหมองขึ้นมาเมื่อคิดถึงมารดาที่จากไป เขาจับมือฮวาชีเยว่แน่น หยดเหงื่อร้อนเลอะมือนาง
ฮวาชีเยว่ทราบว่าเขาคิดสิ่งใด จึงรีบอุ้มเขาไว้ ช่วยปลอบประโลมเขา “เทียนซีอย่าเสียใจเลย สักวันแม่จะสั่งสอนให้บทเรียนคนที่รังแกเ้า!”
ดวงตาของเทียนซีทอประกายราวกับดวงดาวบนฟากฟ้ายามได้ยิน
ดวงใจของฮวาชีเยว่จมลึกเมื่อเห็นสีหน้าเขา นางเข้าใจมัน
เทียนซีประสบเื่ราวหนักหนาสาหัสจนมีาแลึกในจิตใจ นางยังคิดสงสัยว่าจะทำให้เขากลับมาเป็เด็กน้อยไร้เดียงสามีชีวิตชีวาดังที่เคยเป็ได้หรือไม่
วัยเด็กของเด็กคนหนึ่งไม่ควรต้องสูญเสียไป ฮวาชีเยว่เกรงว่าได้รับความเ็ปมาเช่นนี้ เติบโตขึ้นไปเขาจะแสดงนิสัยไม่ปกติออกมาได้
พวกนางมาถึงหน้าจวนของนานอ๋องแล้ว เมื่อแจ้งตัวตนแก่บ่าว ฮวาชีเยว่และเทียนซีก็ได้รับการนำทางเข้าสู่จวน
ฮวาชีเยว่โด่งดังในแถบนี้เนื่องด้วยนางรับเลี้ยงบุตรชายเ้าของร้านอาหารทะเลตะวันออกโจวเทียนซี เป็ครั้งแรกที่มีสตรีไม่แต่งงานรับเลี้ยงเด็กน้อย
ทว่าอย่างไรก็เป็คำแนะนำของไต้ซือเสวียนจี จึงไม่มีใครคิดว่าไม่เหมาะสม
ฮวาชีเยว่นำเทียนซีเข้าสู่เรือนหลัก ที่แห่งนี้มีเฉลียงคดเคี้ยวมากมาย ทุกสามก้าวมีศาลา ทุกสิบก้าวมีอาคาร จวนหนานอ๋องทั้งกว้างขวางและไร้ระเบียบจริงๆ
บนพื้นทางเดินถูกปูด้วยหยก มีชานระเบียงหยกและศาลากลางน้ำ ดอกไม้มากมายผลิบานงดงาม เสียงกู่ฉินสละสลวยลอยมาจากที่ไกลๆ ทันทีที่ผู้หนึ่งก้าวเข้าไปภายใน ก็ราวกับก้าวเข้าสู่พระราชวังแห่งความฟุ้งเฟ้อ
พวกนางมาถึงห้องพักรอ และฮวาชีเยว่ก็นำเทียนซีเข้าไปอย่างใจเย็น เทียนซีมองรอบกายอย่างเป็กังวล
บุรุษสองนายนั่งเอนอยู่บนเก้าอี้นุ่มของห้องหลัก หนึ่งในนั้นสวมชุดคลุมสีขาวที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่าหิมะ หน้าตาดูอบอุ่นราวกับหยก ทว่าดวงตากลับเ็าสุดขีด ริมฝีปากบางเม้มเล็กน้อย คิ้วของเขายาวดุจเทือกเขา ดวงตาราวกับดวงดาว สายลมอ่อนโยนคราวหนึ่งกวาดผ่านห้องโถงใหญ่ ทำให้ผมดำยาวของเขาปลิวไสว
เื้ัเขาเป็ภาพเนินเขาสีเขียวจางๆ มองเพียงแวบแรก บุรุษในชุดขาวผู้นี้ราวกับบุรุษที่เดินออกมาจากในภาพวาด เสื้อคลุมขาวพลิ้วไหวและเส้นผมดำสยายทำให้เขาดูราวกับเทพเซียนที่ไม่มีอยู่จริง
บุรุษอีกผู้หนึ่งสวมชุดคลุมสีดำยาว ใบหน้าหล่อเหลา มีดวงตายาวเรียว คางคมทว่าจมูกโด่งเป็สันทำให้ดูเตะตานัก สีหน้าเขาดูหยิ่งผยองโดดเด่นขึ้นมาจากเก้าอี้นุ่มในสายตาของฮวาชีเยว่
“ฮวาชีเยว่ กล้าดีอย่างไรจึงมาที่นี่? เ้ามาถึงจวนหนานอ๋องเพื่อคร่ำครวญที่ข้าถอนหมั้นหรือ?”
บุรุษผู้นี้คือกงชินอ๋องซื่อจื่อนามหวงฝู่เซียน เป็อดีตคู่หมั้นของฮวาชีเยว่ อดีตหวังเฟยและฮวาฮูหยินสาบานเป็พี่น้องกัน ให้ลูกๆ ของพวกนางได้หมั้นหมายกันแต่แรกเกิด ทว่าเมื่อฮวาฮูหยินจากไปด้วยอาการเจ็บป่วย ฮวาชีเยว่ก็กลายเป็คนขี้ขลาดอย่างรุนแรง หวงฝู่เซียนจึงขอถอนหมั้นกับนางเมื่อเขาอายุได้ยี่สิบปี