“แม่นาง เ้าพูดเื่อะไร?” ต้วนเสี่ยวโหลวใคำพูดของนาง แม้เขาจะโกรธมากทว่าใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม “ที่เ้าบอกว่าหน้าอกของเ้าถูกคนขุดจนเป็รูนั้นหมายความว่าอย่างไร? ข้าจะไปไล่ตีมันผู้นั้นให้เ้าเดี๋ยวนี้ แล้วที่บอกว่าเห็นข้าก็อิจฉาคืออันใดกัน? ตราบใดที่เ้ายินยอม ร่างกายและทุกสิ่งของข้าล้วนเป็ของเ้า เ้าไม่จำเป็ต้องอิจฉาเลย อีกอย่าง ที่เ้าบอกว่าข้าตาบอดไปชั่วขณะถึงได้หลงรักเ้านั้นหมายความว่าอย่างไร? เฮ้อ คำพูดของแม่นางช่างน่ารักเสียจริง ฮ่า ๆ ๆ ” เสียงหัวเราะฝืดเฝื่อนดังสะท้อนขึ้นภายในห้อง สั่นะเืจนทำให้ผิวกำแพงลอกทันที
เหอตังกุยอยากอธิบายมากกว่านี้ ทว่าไม่รู้จะพูดอย่างไร บนโลกใบนี้ไม่มีใครเข้าใจคำพูดของนางเลย ขอโทษนะต้วนเสี่ยวโหลว เ้าไม่ใช่สามีข้า แน่นอนว่าเ้าไม่ผิดอะไร เพียงแต่พวกเราเจอกันผิดเวลา หากชาติหน้าได้พบเ้าอีกครั้ง ข้าจะต้องขอบคุณ์เป็แน่ และข้าจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนข้าในตอนนี้
ต้วนเสี่ยวโหลวเห็นดวงหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยความเศร้าระทม ในใจพลันบีบแน่นก่อนจะคว้านางเข้ามากอด เหอตังกุยเก็บความเสียใจและหนามแหลมคมที่คอยทิ่มแทงมาตลอดหลังฟื้นจากความตายไว้ก้นบึ้งของหัวใจที่ลึกและเ็าที่สุด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขากอดนาง แต่กลับเป็ครั้งแรกที่เขาััถึงความเ็าและความอ่อนแอของนาง ถึงขั้นคิดเหลวไหลว่านางเป็ผีที่ไร้ตัวตน คอยแอบมองความรักของมนุษย์ห่าง ๆ ด้วยความเ็าและเยาะเย้ย แล้วก็หายไปจากโลกมนุษย์ในชั่วพริบตา
ต้วนเสี่ยวโหลวเอ่ยด้วยความเสียใจ “แม่นาง เหตุใดจึงห่างเหินข้าถึงเพียงนี้? ข้าบอกแล้วว่าข้ายินดีแบ่งเบาความทุกข์ของเ้า เหตุใดจึงไม่เชื่อข้า? เ้าคือสตรีคนแรกที่ข้ารัก ข้าไม่อยากบอกว่าเ้าดีเพียงใดและไม่อยากบอกว่าข้าจริงใจแค่ไหน ให้โอกาสข้าพิสูจน์ตัวเองสักครั้งได้หรือไม่? แม้ตอนนี้เ้าจะยังไม่เชื่อมั่นในตัวข้า แต่เวลาจะพิสูจน์ให้เห็นว่าข้ารักเ้าเพียงใด เ้าจะได้รู้ว่าข้าจริงใจและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปชั่วนิรันดร์”
จมูกของเหอตังกุยกดทับลงบนแผงอกของเขา พลางเอ่ยถามด้วยความกลัดกลุ้ม “คุณชายต้วน เหล่าองครักษ์จิ่นอีเว่ยจะไปจากวัดเร็ว ๆ นี้ใช่หรือไม่?”
ต้วนเสี่ยวโหลวแข็งทื่อในทันที เขาคลายร่างเล็กออกจากอ้อมกอด ก้มหน้ามองแววตาของนางพลางเอ่ยถาม “เ้ารู้ได้อย่างไร? ไม่ผิดหรอก พวกเราเพิ่งตัดสินใจเมื่อวาน กำหนดการเดินทางคือเช้าวันพรุ่งนี้ ”
นางละสายตาจากแววตาของเขา ก่อนจะจับจ้องใบไม้เหี่ยวเฉาที่ถูกพัดกลิ้งไปตามสายลม พลางเอ่ยราบเรียบ “ข้าเดาเ้าค่ะ” ต้วนเสี่ยวโหลวจัดเตรียมสินสอดอย่างเร่งรีบ ขอร้องให้ลู่เจียงเป่ยเป็พ่อสื่อเจรจาสู่ขอ ทั้งยังคิดจะหลอกให้นางรับสินสอดไว้ด้วยซ้ำ เพราะเขาตั้งใจจะแต่งงานก่อนจากไป ทว่าสิ่งที่นางไม่มีทางเดาได้คือ...เขาตกหลุมรักนางมากเพียงใด มากจนถึงขั้นคิดจะขอแต่งงานกับคนที่เพิ่งเจอได้ไม่นาน
“ความจริงแล้วข้ามาเพื่อบอกลาเ้า แต่... เมื่อได้พบหน้าเ้า ข้ากลับไม่รู้จะพูดอย่างไร ใต้เท้าเกิ่งบอกทุกคนว่าเจี่ยงอี้เค้นคำตอบจากแม่ชีไท่เฉินได้แล้วว่าวัตถุดิบผงยาอู่สืออยู่ที่ไหน ทั้งยังส่งคนไปจัดการเรียบร้อยแล้ว เหตุนี้จึงสั่งให้ทุกคนเก็บสัมภาระพร้อมออกเดินทางกลับเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ยามห้า[1]” ต้วนเสี่ยวโหลวนึกว่านางโกรธที่ตนไม่บอกตรง ๆ เสียั้แ่แรก เขาจึงอธิบายให้นางฟังอย่างละเอียด “แม่นาง เ้ารู้หรือไม่? พวกเรามีภารกิจอื่นต้องทำระหว่างเดินทางไปเมืองหยางโจว การจับกุมแม่ชีไท่เฉินถือเป็โชคดีเหนือความคาดหมาย สิ่งที่น่ายินดีและประหลาดใจที่สุดคือพวกเราได้หลักฐานการซื้อผงยาอู่สือปริมาณมากของขุนนางราชสำนักขั้นสามบางคน ฮ่องเต้อยากจะกำจัดเขาแต่ก็ไม่มีหลักฐานมัดตัวเขาเลย...”
“คุณชายต้วน” เหอตังกุยเอ่ยแทรก ก่อนจะก้มหน้าพลางเอ่ยอีกครั้ง “ไม่ต้องพูดแล้วเ้าค่ะ ท่านไม่ควรพูดความลับของจิ่นอีเว่ยให้ข้าฟัง”
ต้วนเสี่ยวโหลวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าชอบพูดให้เ้าฟังและชอบที่เ้าฟังข้าพูด”
“...”
“นักเล่านิทานในเมืองตู้เอ๋อร์เคยกล่าวว่าวัดสุ่ยซังสร้างขึ้นสมัยปลายราชวงศ์หยวน แม่ชีบางส่วนพบหญ้าหายากที่เกิดขึ้นบนูเา จึงสร้างอารามขึ้นเพื่อปรุงยาโดยเฉพาะ เวลานั้นพวกเราต่างก็สนใจวัดแห่งนี้และคิดจะมาเยี่ยมชมสักครั้ง แต่ตอนนี้แม่ชีไท่เฉินได้บอกทุกอย่างแก่พวกเราอย่างชัดเจน สิ่งที่แม่ชีเ่าั้เห็นไม่ได้เรียกว่า “สมุนไพรหายาก” แต่เป็วัตถุดิบทำผงยาอู่สือ” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือััใบหน้าของเหอตังกุย พลางเอ่ยแ่เบาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจหยกอันล้ำค่า “แม่นาง เ้าแต่งงานกับข้าได้หรือไม่? ต่อไปข้าจะบอกทุกอย่างแก่เ้าเพียงคนเดียว ดีหรือไม่?”
เหอตังกุยก้มหน้าลงทันที ความรู้สึกของนางผ่อนคลายไปชั่วขณะ บางครั้งการปฏิเสธความรักของผู้อื่นก็ยากกว่าการรักคนผิด ช่างทรมานใจยิ่งนัก เฮ้อ...เมื่อเราวิ่งไล่ตามความรัก ความรักก็มักจะบินหนี แต่ในขณะที่นางอยากจะหลีกเลี่ยง ความรักกลับวิ่งไล่ตาม
นางเงยหน้าพลางชี้นิ้วมา สายตาของนางไร้กังวลและสดใสเปล่งประกาย “คุณชายต้วน เหตุใดพวกเราไม่วางเดิมพันกันเล่า”
...
...
“ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัย ดูแลตัวเองระหว่างเดินทางด้วยเ้าค่ะ” เหอตังกุยส่งต้วนเสี่ยวโหลวออกจากเรือน กล่าวอำลาด้วยรอยยิ้มจริงใจ
ต้วนเสี่ยวโหลวมองนางด้วยสายตาล้ำลึก แสร้งถอนหายใจก่อนจะเอ่ย “เหตุใดเ้าจึงยิ้มหน้าบานให้ข้าตอนที่เรากำลังจะจากกันเช่นนี้?” หัวใจของเขาโลดเต้นเพราะได้เดิมพันกับคนที่เขารัก เขาเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่าจะชนะการเดิมพันในครั้งนี้ และได้รับรางวัลล้ำค่าซึ่งก็คือนาง...
เหอตังกุยกำชับ “คุณชายต้วน อย่าลืมที่ท่านรับปากข้า... ปิดคดีเพลิงไหม้อารามครั้งนั้นเสีย ไม่ต้องสืบหาผู้รับผิดชอบอีก และอย่าได้แพร่งพรายเื่หนังสือชุนกงที่ถูกซ่อนไว้ในอาราม อีกไม่นานแม่ชีไท่ซีจะใช้กฎของวัดลงโทษพวกนางเอง อีกอย่าง ท่านอย่าได้วิ่งไปยั่วโทสะแม่ชีไท่ซั่น ปล่อยให้ข้าจัดการนางด้วยตัวของข้าเอง”
ต้วนเสี่ยวโหลวเผลอหัวเราะ ก่อนเอ่ยพลางยิ้ม “แม่ชีไท่ซีมอบข้อเสนออันใดแก่เ้า ถึงทำให้เ้ากลายเป็ผู้เกลี้ยกล่อมของนาง? หากข้าให้เ้าเหมือนที่นางให้ เ้าจะดูแลเอาใจใส่ข้าเช่นนี้หรือไม่?”
เหอตังกุยยิ้มบาง “ข้ามีข้อตกลงที่ยุติธรรมให้แก่นาง เป็เพียงการตอบแทนเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น”
ต้วนเสี่ยวโหลวครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากเป็เช่นนั้น เหตุใดพวกเราไม่ทำข้อตกลงด้วยกันเล่า ขอเพียงเ้ารับสิ่งนี้ไป ข้าก็จะทำตามที่เ้าพูดทุกอย่าง” กล่าวจบก็หยิบขวดลายครามหิมะออกจากแขนเสื้อ “วันก่อนข้ามอบยานี้ให้เ้ากะทันหัน เ้าจึงปฏิเสธที่จะรับ ตอนนี้พวกเรามาทำ “ข้อตกลงที่ยุติธรรมเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน” ข้าช่วยเ้า เ้าก็ช่วยกินยาเหล่านี้ของข้า เป็อย่างไร?”
เหอตังกุยจับจ้องขวดยาสวยงามสองขวดที่สลักไว้ว่า “เย่าซือถัง” พลันรอยยิ้มของนางก็หายไป นางส่ายหน้าพลางเอ่ย “ไม่เ้าค่ะ ขอบคุณสำหรับความหวังดีของท่าน แต่ยาสองขวดนี้มีค่ามากเกินไป ข้ารับไว้ไม่ได้จริง ๆ ”
ต้วนเสี่ยวโหลวเอ่ยโป้ปดไม่กะพริบตา “มีค่าเพียงใดกัน ราคาไม่กี่ตำลึงเท่านั้น ฟังข้านะ ร่างกายเ้าเย็นเฉียบตลอดเวลา ยานี้จึงเหมาะกับเ้ามาก” ในเมื่อนางกำลังจะเป็ของเขาในไม่ช้า นางจึงต้องเริ่มบำรุงร่างกาย เพราะฮูหยินแห่งตระกูลต้วนนั้นต้องทำงานหนัก เห็นจากมารดาของเขาก็รู้แล้ว
เหอตังกุยเอ่ย “หากวันนั้นข้าดูไม่ผิด ยาขวดนี้คือยาฟื้นฟูิญญา อีกขวดคือน้ำมันจือมิ่ง ราคาเริ่มต้นของสองสิ่งนี้มากกว่าทองหลายสิบเท่า ยิ่งเป็ยาเต็มขวดเช่นนี้คงต้องเพิ่มเงินสี่ร้อยตำลึงเห็นจะได้ อีกอย่าง หากใช้เพียงเงินก็สามารถได้มันมา หมอหลายคนเรียกยาสองประเภทนี้ว่า “ยาซื้อชีวิต” ข้ารู้ว่ายาสองชนิดนี้มีค่าเกินกว่าจะหาซื้อได้ตามร้านยาทั่วไป ผู้้าใช้ยาจะต้องไปหายาสี่ชนิดที่หายากที่สุดตามใบสั่งยาของหมอด้วยตัวเอง ส่งยาที่หามาได้ให้นักปรุงยาปรุงขึ้นมาใหม่ ในบรรดานักปรุงยาทั้งหมด คนที่ดีที่สุดล้วนมาจากเย่าซือถังในเมืองอิ้งเทียน ราคาก็แพงกว่าร้านขายยาทั่วไปหลายเท่า”
ต้วนเสี่ยวโหลวยิ่งฟังก็ยิ่งประหลาดใจ “เหตุใดเ้าจึงมีความรู้มากกว่าข้าเช่นนี้เล่า? เื่เหล่านี้ล้วนเป็ความลับในโลกของการปรุงยา ข้าได้ยินมาจากหวังสี่ ผู้ดูแลร้านยาเย่าซือถัง ยาสองสิ่งนี้แม้แต่ในเมืองหลวงก็หาได้ยากยิ่ง น้องเหอ วันนั้นเ้าเพียงดูผ่าน ๆ ครู่เดียว เหตุใดจึงจำได้ทั้งหมดในเวลาไม่นาน เ้ารู้เื่นี้มาจากไหนกัน?”
เหอตังกุยเพียงเผยประกายรอยยิ้มเ็า ไม่ได้อธิบายสิ่งใดออกมาอีก
“ไม่เป็ไร ลืมที่ข้าถามเมื่อครู่ไปเถอะ” ต้วนเสี่ยวโหลวจับมือนาง “ไม่ว่าอย่างไร เ้าก็รับมันไปเถิด อย่าเห็นข้าเป็คนนอกเลย มิเช่นนั้น... ข้าจะถอนผมแม่ชีไท่ซั่นให้หมดหัวจนกลายเป็แม่ชีศาสนาพุทธเสีย”
นางแยกมือออกยอมให้เขาวางขวดยาลงบนฝ่ามือของนาง ความเย็นของขวดลายครามหิมะทำให้ฝ่ามืออบอุ่นขึ้นเล็กน้อย
ต้วนเสี่ยวโหลวปล่อยมือของนางอย่างพึงพอใจ พลางยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ยานี้มีฤทธิ์ร้อนและกลิ่นฉุน ต้องกินตอนกลางคืนก่อนเข้านอนจึงจะได้ผลดี หากเ้ากินยานี้แล้วรู้สึกใจเต้นเร็ว อย่าดื่มน้ำเย็นเป็อันขาด ให้แก้ด้วยการกดจากลิ้นปี่ลงไปถึงท้องน้อยหนึ่งร้อยครั้ง น่าเสียดายที่พรุ่งนี้ข้าต้องลงจากเขาแล้ว มิเช่นนั้นคงได้ใช้ลมปราณเจินชี่เป็แนวทางให้แก่เ้า ประสิทธิภาพจะแตกต่างกันมาก เอ่อ คืนนี้ให้ข้ามา...”
“ไม่เ้าค่ะ เื่นี้ข้าพอจะทำเองได้ ท่านวางใจเถิด ข้าจะไม่ทำให้ยาล้ำค่าเช่นนี้สิ้นเปลืองแม้แต่หยดเดียว” เหอตังกุยจับจ้องขวดยาในมือพลางเอ่ยเสียงต่ำ “คุณชายต้วนใจกว้างเพียงนี้ ขอบคุณท่านมาก กล่าวตามตรง สำหรับข้ายาเหล่านี้เปรียบเสมือนการมอบถ่านร้อน ๆ กลางหิมะ[2] ทำให้ข้าประหยัดเวลาได้มาก ข้า... ดีใจจริง ๆ เ้าค่ะ” อย่างไรก็ตาม ท่าทีและน้ำเสียงของนางกลับไม่เหมือนคนดีใจ ประโยคสุดท้ายคล้ายฝืนพูดเล็กน้อย
ต้วนเสี่ยวโหลวตะลึงงันไปชั่วขณะ ก่อนจะยกฝ่ามือััใบหน้าเล็กของนาง พลางเอ่ยถามด้วยความกังวล “ข้าทำให้เ้าไม่มีความสุขหรือไม่? เหตุใดสีหน้าของเ้าดูไม่มีความสุขเลย” เขานึกถึงครั้งที่มอบยาให้นางคราวที่แล้ว จู่ ๆ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีเช่นในตอนนี้ เขาเอียงศีรษะมองนางแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ยาไม่ได้มีปัญหาอันใดใช่หรือไม่? เป็ไปไม่ได้ เย่าซือถังของตระกูลเหอเป็หนึ่งในสามร้านขายยาที่ส่งยาให้ราชสำนักอย่างเป็ทางการ ยิ่งไปกว่านั้นเย่าซือถัง... เอ่อ เย่าซือถังเป็ของตระกูลเหอ เ้าเองก็แซ่เหอ... หรือว่าเ้าคือ...?”
เหอตังกุยมีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนเอ่ยตอบข้อสงสัยอย่างไม่ใส่ใจนัก “ท่านเดาถูกแล้ว มารดาของข้าแต่งงานใหม่กับบุรุษแซ่เหออีกคน ฉะนั้นตระกูลหลัวจึงปกปิดความลับได้ดียิ่ง น้อยคนนักที่จะรู้เื่นี้ ตระกูลเหอและตระกูลหลัวที่เชี่ยวชาญเื่ยาโดยเฉพาะไม่เคยไปมาหาสู่กัน ทว่าสิบปีก่อนพวกเขากลับเคยเกี่ยวดองแต่งงานกัน”
ต้วนเสี่ยวโหลวขมวดคิ้วมุ่นพลางจับไหล่เล็กแน่น เขาเอ่ยขอโทษนางด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “ข้าขอโทษ ข้าขอโทษจริง ๆ ข้าไม่รู้ว่าเย่าซือถังแห่งนั้นเป็ของบิดาเ้า มิเช่นนั้นข้าไม่มีทางนำของเหล่านี้มาทำร้ายจิตใจเ้าเป็อันขาด อย่าเป็เช่นนี้เลยแม่นาง อย่าแสดงความรู้สึกเช่นนี้ออกมา พวกเราตกลงกันแล้วว่าต่อไปพวกเราจะ...”
เหอตังกุยเอ่ยแทรกทันที “มิใช่การตกลงเ้าค่ะ โปรดเรียกมันว่า “การเดิมพัน” ” และนั่นก็เป็การเดิมพันที่สร้างขึ้นเพื่อให้เขายอมแพ้นาง
เมื่อมองแววตาเปี่ยมล้นด้วยความรักใคร่ของต้วนเสี่ยวโหลว นางก็ยิ้มอ่อนโยน “ขอโทษเ้าค่ะ ควรเป็ข้าที่ต้องเอ่ยคำขอโทษ ท่านเพียงหวังดีกับข้าเท่านั้น เอาล่ะ อย่าพูดถึงเื่นี้อีกจะดีกว่า ข้าจะกินยาเพราะข้ารักและหวงแหนร่างกายนี้ยิ่งนัก ในเมื่อท่านจะลงเขาเช้าวันพรุ่งนี้ ข้ามีอีกเื่ที่จะต้องรบกวน”
----------------------------------------------------------------------------
[1] ยามห้า หมายถึง่เวลาประมาณ 03:01 - 05:00 น.
[2] การมอบถ่านร้อน ๆ กลางหิมะ หมายถึงการช่วยเหลือใครสักคนในเวลาที่เขา้า