ผู้ดูแลจะทำการตรวจสอบผลึกอสูรที่ได้รับมาจากการล่าอสูรร้ายบนูเา รวมถึงสมุนไพรระดับสูง และสิ่งล้ำค่าอื่นๆ หลังจากทำการประเมินมูลค่าเป็จำนวนเงินแล้ว ก่อนจะมอบคืนให้กับบัณฑิตผู้เป็เ้าของ
“บัณฑิตจางเฉวียนได้รับสามพันสองร้อยเหรียญตำลึงทอง ถือว่าการประเมินครั้งนี้ทำคะแนนได้สามพันสองร้อยคะแนน”
ผู้ดูแลตรวจสอบผลึกอสูรสองชิ้นที่บัณฑิตผู้นั้นนำออกมา ก่อนจะประเมินมูลค่าของผลึกอสูร
“บัณฑิตหนิวปิ่งได้รับสี่พันเหรียญตำลึงทอง ถือว่าการประเมินครั้งนี้ทำคะแนนได้สี่พันคะแนน”
“บัณฑิต...”
ผู้ดูแลกล่าวรายงานผลการประเมินของเหล่าบัณฑิต ในขณะที่ผู้ดูแลอีกคนที่อยู่ด้านข้างจะคอยจดบันทึกผลคะแนนลงไป โดยคะแนนของคนส่วนใหญ่จะไม่เกินห้าพันคะแนน ยกเว้นเพียงกองกำลังบางกลุ่มที่เคลื่อนไหวกันเป็กลุ่มใหญ่ ทำให้สามารถเก็บเกี่ยวได้มากขึ้น
หลี่ว์หยางเป็ตัวแทนศิษย์จากตระกูลหลี่ว์เดินออกไปข้างหน้าแถว เขานำถุงหนังออกมาวางไว้บนโต๊ะหน้าผู้ดูแล เมื่อเปิดถุงหนังออกก็พบว่าภายในมีผลึกอสูรมากกว่าสิบชิ้น และชิ้นที่มีคุณภาพสูงสุดก็คือผลึกอสูรระดับจื่อฝู่ขั้นเก้า
หลังจากผู้ดูแลได้เห็นมัน เขาก็ทำการประเมินมูลค่าของผลึกอสูรกองนี้ตามราคาผลึกอสูรในตลาดทันที
“ตระกูลหลี่ว์ หลี่ว์หยางได้รับสองหมื่นแปดพันเหรียญตำลึงทอง! ถือว่าการประเมินครั้งนี้ทำคะแนนได้สองหมื่นแปดพันคะแนน!”
ผู้ดูแลจ้องหลี่ว์หยางด้วยสายตาที่คาดไม่ถึง ยามนี้คะแนนการประเมินของหลี่ว์หยางถือเป็คะแนนสูงสุดในการประเมินครั้งนี้
“โอ้์ สองหมื่นแปดพันคะแนน!”
“สมแล้วที่หลี่ว์หยางเป็บัณฑิตที่มีพร์มากที่สุดในรุ่นเรา ยิ่งไปกว่านั้นวรยุทธ์ของเขาก็ยังสูงที่สุดในรุ่นด้วย เขาสามารถทำคะแนนได้มากกว่าคนอื่นตั้งหมื่นกว่าคะแนน คาดว่าอันดับหนึ่งของการประเมินในครั้งนี้จะต้องเป็ของเขาอย่างแน่นอน”
“ถูกต้อง เขาได้ตั้งสองหมื่นแปดพันคะแนน ส่วนคะแนนสูงสุดในตอนนี้ก็เพียงแค่หนึ่งหมื่นหนึ่งพันคะแนนเท่านั้น”
บัณฑิตต่างก็ตื่นใไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคะแนนการประเมินนี้ กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังต่างก็สลดใจในทันที พวกเขาแทบไม่มีความหวังเลย
หลี่ว์หยางยิ้มมุมปากอย่างเย่อหยิ่ง เขาเดินออกจากแถวพร้อมกับถุงหนังในมือ
“ฮ่าๆ สองหมื่นแปดพันคะแนน พี่หยาง ข้าว่าอันดับหนึ่งในการประเมินครั้งนี้ต้องเป็ของท่านแน่”
“ถูกต้อง คะแนนของเรานำบัณฑิตคนอื่นไปตั้งหนึ่งหมื่นกว่าคะแนน”
“ขอแสดงความยินดีกับพี่หยางด้วย ท่านจะได้รับทักษะวิชาระดับนิลกาฬอีกแล้ว”
ศิษย์ตระกูลหลี่ว์มารวมตัวกันเพื่อแสดงความยินดีราวกับว่าพวกเขาคว้าอันดับหนึ่งเอาไว้ในมือได้แล้ว
หลี่ว์หยางเหยียดยิ้ม ก่อนจะเหลือบมองไปทางกลุ่มศิษย์ที่ไร้ผู้นำอย่างตระกูลมู่ จากนั้นเขาก็นำกลุ่มคนของตัวเองเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
“เฮ้ นี่ไม่ใช่ตระกูลมู่ที่แสนจะโดดเด่นในระหว่างการประเมินหรอกหรือ เหตุใดพวกเ้าไม่ไปเข้าแถวเพื่อรับการประเมินเล่า หืม ว่าแต่หัวหน้าของพวกเ้าอยู่ที่ใดกัน สภาพของพวกเ้าดูไม่จืดเลยนะ แต่ละคนสะบักสะบอมไม่น้อยเลยเชียว”
หลี่ว์หยางเดินเข้ามากล่าวเย้ยหยันอีกฝ่าย
ศิษย์ตระกูลมู่ต่างก็มองเขาอย่างเ็า ไป๋จื่อเยว่กับมู่ขวงกระชับกระบี่และดาบในมือแน่น พวกเขามองหลี่ว์หยางอย่างเ็าโดยไม่กล่าวตอบอะไร
ผลึกอสูรทั้งหมดของพวกเขาล้วนเก็บไว้ในแหวนเฉียนคุนของมู่เฟิง บนตัวของพวกเขาจึงไม่มีผลึกอสูรอยู่เลย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ต่อแถวเหมือนคนอื่น
“ฮ่าๆ ข้าได้ยินมาว่าเ้ามู่เฟิงตายอยู่บนเทือกเขาเทียนอวิ่น คงไม่จริงหรอกใช่ไหม จุ๊ๆ ผลึกอสูรของพวกเ้าคงอยู่ที่เขากันหมด หากว่าเป็จริงคงน่าเสียดายแย่ น่าเสียดายเนอะ เดิมทีตระกูลมู่ของพวกเ้ามีโอกาสเข้าสู่สามอันดับแรก หรือกระทั่งจะชิงอันดับหนึ่งได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เกรงว่าแม้แต่สิบอันดับแรกก็คงไม่มีโอกาสแล้ว”
หลี่ว์หยางส่ายหน้า สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเยาะหยัน
“ตระกูลมู่ คิดจะสู้กับตระกูลหลี่ว์ของพวกข้า พวกเ้าฝันกลางวันไปเถอะ พี่น้องทั้งหลาย พวกเ้าว่าจริงหรือไม่?”
“ถูกต้องที่สุด ฮ่าๆ ๆ ๆ”
ศิษย์ตระกูลหลี่ว์ต่างก็พากันเยาะเย้ยออกมา เมื่อกล่าวเย้ยหยันจบพวกเขาก็เดินจากไป
ในตอนที่แย่งชิงผลิญญาทองคำ ตระกูลหลี่ว์เสียเปรียบตระกูลมู่อย่างหนัก ดังนั้นเมื่อตอนนี้พวกเขาได้ยินว่ามู่เฟิงตายในเทือกเขาเทียนอวิ่นแล้ว พวกเขาก็ไม่รังเกียจที่จะมาถากถางซ้ำเติมอีกฝ่าย
“ให้ตายเถอะ...ไอ้พวกหลานเต่าสารเลวนั่น สมควรถูกทุบตีให้เข็ดหลาบ!”
มู่ขวงกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ ศิษย์คนอื่นในตระกูลมู่ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
“พี่ขวง ท่านว่าพี่เฟิง...”
มู่ฝานขยับริมฝีปากราวกับ้าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้พูดมันออกมา
“วางใจเถอะ พี่เฟิงจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน”
มู่ขวงตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะตบไหล่ปลอบมู่ฝาน ทุกคนมองกลับไปยังผืนป่าอันกว้างใหญ่ด้านหลัง แต่พวกเขาก็ไม่เห็นคนที่พวกเขา้าปรากฏขึ้นเสียที สีหน้าของแต่ละคนทั้งสับสนและดูซับซ้อน มันเต็มไปด้วยความเป็กังวล ความสูญเสีย ความเศร้าและมีแม้แต่ความกลัว
“พี่เฟิง ต้องกลับมาแน่...”
ในขณะเดียวกันนั้น คะแนนของคนกลุ่มหนึ่งก็สร้างความประหลาดใจให้กับกลุ่มบัณฑิตอีกครั้ง
“ลู่โหย๋วเยี่ยจากตระกูลลู่ ได้รับคะแนนการประเมินสองหมื่นเก้าพันคะแนน!”
ผู้ดูแลประกาศคะแนนที่น่าทึ่งนี้ออกมา
ตอนนี้บนโต๊ะมีผลึกอสูรจำนวนเกือบยี่สิบชิ้น!
ใบหน้าของลู่โหย๋วเยี่ยแสดงออกถึงความทะนงตน ในขณะที่สีหน้าของศิษย์ตระกูลหลี่ว์และหลี่ว์หยางพลันเปลี่ยนเป็น่าเกลียดในทันทีหลังได้ยินคะแนนการประเมิน
“สองหมื่นเก้าพันคะแนน ลู่โหย๋วเยี่ย...”
หลี่ว์หยางกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ ในตอนแรกเขาคิดว่าเขาคืออันดับหนึ่ง แต่ตอนนี้คะแนนของลู่โหย๋วเยี่ยกลับนำเขาไปหนึ่งพันคะแนนแล้ว
“สองหมื่นเก้าพันคะแนน สูงกว่าหลี่ว์หยางหนึ่งพันคะแนน”
“ถูกต้อง สมแล้วที่ตระกูลลู่ทำการค้าเกี่ยวกับอสูรร้าย”
“การประเมินในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าอันดับหนึ่งจะต้องเป็ของตระกูลลู่เสียแล้ว”
เหล่าบัณฑิตต่างก็ส่งเสียงฮือฮากับผลลัพธ์นี้ มีหลายคนอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ตระกูลลู่! ตระกูลลู่!”
ศิษย์ตระกูลลู่พากันโห่ร้องออกมาด้วยความยินดี ในขณะที่ลู่โหย๋วเยี่ยกำลังเก็บผลึกอสูรเ่าั้ต่อหน้าพวกหลี่ว์หยางด้วยท่าทางไม่เร่งรีบราวกับกำลังยั่วยุอีกฝ่าย
“หลี่ว์หยาง ข้าต้องขอโทษด้วย คะแนนของข้าสูงกว่าเ้าหนึ่งพันคะแนน แต่ไม่เป็ไร อย่างน้อยเ้าก็ยังได้รับทักษะวิชาระดับนิลกาฬ ฮ่าๆ แต่ในฐานะอันดับสองนะ”
ลู่โหย๋วเยี่ยตบไหล่หลี่ว์หยางก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างพึงพอใจ
หลี่ว์หยางพ่นลมหายใจออกมาอย่างเ็า ก่อนจะสะบัดมือของลู่โหย๋วเยี่ยออก สีหน้าของเขาในเวลานี้ดูน่าเกลียดเป็อย่างยิ่ง ทว่าเขาก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร
ลู่โหย๋วเยี่ยยังคงเดินมาหาตระกูลมู่อีกครั้ง จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “พวกเ้าเลิกหวังอะไรลมๆ แล้งๆ เถอะ หากได้พบกับฝูงหมาป่าทมิฬจริง มู่เฟิงไม่มีทางหนีรอดหรอก เพราะในฝูงหมาป่าทมิฬมีจ่าฝูงหมาป่าระดับหนิงกังอยู่อย่างไรเล่า”
“หุบปาก เื่ตระกูลมู่ของพวกข้า ไม่จำเป็ต้องให้เ้าเข้ามายุ่ง”
ไป๋จื่อเยว่ก้าวออกมาข้างหน้า เขาตอกกลับอย่างเ็าขณะเตรียมจะชักกระบี่
“หึๆ อย่างนั้นก็รอต่อไปเถอะ แต่ข้าขอเดาว่าพวกเ้าคงทนรอไม่ไหวหรอกนะ”
ลู่โหย๋วเยี่ยหัวเราะออกมาก่อนจะเดินนำศิษย์ตระกูลลู่ไปดูผลการประเมินของบัณฑิตกลุ่มอื่น
จากผลคะแนนการประเมินในตอนนี้ คะแนนของบัณฑิตคนอื่นๆ ยังคงตามหลังลู่โหย๋วเยี่ยและหลี่ว์หยางอยู่มาก
“ดูเหมือนว่าอันดับหนึ่งของการประเมินในครั้งนี้จะตกเป็ของตระกูลลู่แล้ว”
บนกำแพงเมือง ผู้าุโจำนวนกว่าสิบคนกำลังรวมตัวกันที่้า และมีผู้าุโบางคนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ถูกต้องแล้ว ตระกูลลู่นั้นเก่งกาจเื่จัดการกับอสูรร้าย พวกเขาสามารถพูดภาษาสัตว์ รู้วิธีการล่าและการสังหารสัตว์ร้ายทุกชนิด ดังนั้นในการประเมินครั้งนี้ตระกูลลู่นับว่าได้เปรียบที่สุด”
ผู้าุโในชุดคลุมสีครามกล่าวเสริม
“หึๆ ยังตรวจสอบผลคะแนนไม่หมดไม่ใช่หรือ? ผลลัพธ์อาจจะยังไม่แน่นอนก็ได้”
ผู้าุโจ้าวเหิงที่อยู่ด้านข้างหัวเราะออกมาขณะเหลือบมองไปทางกลุ่มของจวนเป่ยอ๋อง หลังจากเขามองไปยังกลุ่มศิษย์ตระกูลมู่แล้วพบว่าไม่มีมู่เฟิงอยู่ เขาก็เผยรอยยิ้มแห่งความสำเร็จออกมา
“โอ้? ยังมีคนสามารถทำคะแนนได้สูงกว่าลู่โหย๋วเยี่ยอีกอย่างนั้นหรือ?”
ผู้าุโคนหนึ่งอุทานออกมา
ด้านล่างกำแพง เวลานี้กองกำลังที่ยังไม่ทำการประเมินผลเหลือเพียงแค่ไม่กี่กลุ่มแล้ว เฉินเซิ่งเป็ตัวแทนศิษย์จากจวนเป่ยอ๋องเดินไปยังโต๊ะของผู้ดูแล จากนั้นเขาก็เทผลึกอสูรออกมาจากถุงหนัง
ทันใดนั้นผลึกอสูรสีสันสดใสจำนวนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะ จำนวนของมันมีเพียงสิบกว่าชิ้นเท่านั้น แต่หนึ่งในนั้นมีชิ้นหนึ่งที่มีพลังเข้มข้นเป็พิเศษ ซึ่งก็คือผลึกอสูรระดับหนิงกัง!
“ผลึกอสูรระดับหนิงกัง!”
ผู้ดูแลมองเงยหน้ามองเฉินเซิ่งด้วยความใทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้