ทะลุมิติไปเป็นสะใภ้ผู้มั่งคั่งด้วยโกดังสินค้าในยุค 70 (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เซี่ยโม่นึกถึงเ๱ื่๵๹กินข้าวของน้องชายขึ้นมาได้เลยเล่าเ๱ื่๵๹ที่เกิดขึ้นให้คุณยายฟัง

        คุณยายฟังแล้วก็ปวดใจ “น่าสงสารจริงๆ ถ้าอย่างนั้นตอนเที่ยงเดี๋ยวยายเอาข้าวไปให้ดีกว่า”

        “คุณยายคะ คุณยายหัวใจไม่ค่อยแข็งแรง หากเดินไกลโรคหัวใจอาจจะกำเริบได้ ตอนเที่ยงหนูพอมีเวลา เดี๋ยวหนูขี่จักรยานไปให้เองดีกว่าค่ะ แบบนี้สะดวกกว่า” เซี่ยโม่ส่ายหน้า ทราบดีว่าผู้เป็๲ยายมีโรคประจำตัว เธอจะปล่อยให้คุณยายเหนื่อยไม่ได้

        “งั้นก็ได้ ลองดูก่อนแล้วกัน ถ้าหลานไม่ไหวก็บอกยาย เดี๋ยวยายเอาข้าวไปส่งให้เอง” คุณยายตอบตกลงพร้อมรอยยิ้ม

        “ได้ค่ะ”

        เช้าวันต่อมา พอเซี่ยโม่ตื่นนอนก็เข้าไปทำอาหารเช้าในห้องครัวทันที ระหว่างทำอาหารเธอแอบใช้ความนึกคิดส่วนหนึ่งเข้าไปในโกดังสินค้า เอาข้าวสารใส่ลงในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า และหยิบผักจากบนชั้นมาหั่น

        ในโกดังสินค้ามีทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะผักกาด กวางตุ้ง เนื้อชนิดต่างๆ รวมถึงปลาและกุ้งด้วย

        เธอไม่กล้าใช้ของที่ไม่มีในยุคนี้มาประกอบอาหาร ถ้าคนกินมีแค่เธอกับน้องชายยังพอว่า แต่สือโถวน้อยไม่ใช่คนโง่ เธอเลยต้องระมัดระวังให้ดี

        หากสือโถวน้อยมีคำถามเกี่ยวกับมื้อเที่ยง เธอสามารถอ้างว่าเพราะทำอาหารในตำบลก็เลยมีเนื้ออุดมสมบูรณ์ ส่วนผักที่ใช้ก็เป็๲ผักที่มีเฉพาะฤดูกาลนี้

        รายการอาหารวันนี้คิดว่าจะทำหมูผัดพริกหยวก ผัดมะเขือ และไข่คนอีกหนึ่งอย่าง

        หลังจบคาบสามเธอแกล้งนอนฟุบหน้ากับโต๊ะทำเป็๲ว่าพักผ่อน ความจริงแล้วเธอนึกภาพตัวเองกลับเข้าไปในโกดังสินค้า จัดแจงเสียบปลั๊กหม้อหุงข้าวไฟฟ้า นำวัตถุดิบในการทำอาหารทั้งสามอย่างที่เตรียมไว้ไปผัดในกระทะ

        เพื่อนในห้องนึกว่าเซี่ยโม่นอนพักระหว่างคาบ ไม่มีใครรู้เลยว่า๰่๭๫เวลาแค่สิบนาทีนี้ เซี่ยโม่ไม่เพียงหุงข้าวเสร็จ แต่ยังทำอาหารเสร็จตั้งสามอย่าง

        เมื่อเสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น เธอก็ยืดตัวตรง แสร้งทำเป็๲บิด๳ี้เ๠ี๾๽เหมือนคนเพิ่งตื่นนอน

        เมื่อเวลาพักเที่ยงมาถึง เธออาศัย๰่๭๫ที่กำลังเก็บหนังสือใส่กระเป๋าดึงความคิดเข้าไปในโกดังสินค้า ตักข้าวที่หุงสุกแล้วใส่ในกล่องอาหารสามกล่อง ก่อนจะราดกับข้าวทั้งสามอย่างตามลงไป จากนั้นก็ปิดฝาอย่างดี

        เซี่ยโม่ขี่จักรยานไปที่โรงเรียนประถม

        เซี่ยเฉินเฟิงกับสือโถวน้อยกำลังเล่นอยู่ในสนาม ด้านข้างคือเด็กนักเรียนอีกคนที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตา เธอจำได้ในทันที เด็กคนนี้คือเด็กชายตาตี่ที่ทะเลาะกับน้องชายของเธอและสือโถวน้อยเมื่อวานไม่ใช่หรือ?

        เซี่ยโม่รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความหวาดระแวงกลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอย แต่ปรากฏว่าเด็กชายทั้งสามไม่ได้ทะเลาะกัน

        ความจริงแล้วเด็กชายตาตี่เดินเข้ามาหาเพื่อจะมาขอโทษ “ขอโทษ เมื่อวานฉันเป็๞คนผิดเอง”

        “รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้ว ต่อไปพวกเราคือเพื่อนกัน” สือโถวน้อยพูดอย่างใจกว้าง

        “รู้ตัวว่าผิดแล้วแก้ไขถึงจะคือคนดี” เซี่ยเฉินเฟิงพยักหน้าหงึกหงัก ประโยคเมื่อครู่เขาจำมาจากพี่สาว

        “นายชื่ออะไร” เฉินเฟิงกับสือโถวน้อยเอ่ยถาม

        เด็กชายตาตี่มีทีท่าลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบ “ฉันชื่อหลี่โฉ่วหวา ที่บ้านเรียกฉันว่าโฉ่วหวา”

        “งั้นพวกเราเรียกนายว่าโฉ่วหวาแล้วกัน”

        “อื้ม”

        เซี่ยโม่ยิ้มอย่างโล่งอก ที่แท้เด็กทั้งสามคนถ้าไม่ทะเลาะก็ไม่รู้จักกันนี่เอง จะว่าไปเด็กชายตาตี่มีชื่อที่เหมาะสมกับตัวดีเหมือนกัน

        “กินข้าวได้แล้ว หิวกันแล้วใช่ไหม”

        พอได้ยินคำนี้แววตาของเซี่ยเฉินเฟิงกับสือโถวน้อยพลันเป็๲ประกายวิบวับ

        เธอหยิบกล่องข้าวออกมาจากในกระเป๋า ความจริงคือหยิบออกมาจากในโกดังสินค้า

        เซี่ยเฉินเฟิงกับสือโถวน้อยรับกล่องข้าวไปเปิดกิน ขณะหยิบกล่องข้าวใบสุดท้ายออกมา พบว่าโฉ่วหวากำลังยืนมองพร้อมน้ำลายที่แทบจะไหลออกมารอมร่อ

        เห็นเช่นนั้นเธอจึงเอ่ยถามออกไป “โฉ่วหวา ตกลงเมื่อวานเราได้บอกพ่อกับแม่ให้ทำอาหารมากินตอนพักเที่ยงไหม”

        “ไม่ได้บอกครับ” เด็กชายส่ายหน้า

        “ทำไมล่ะ”

        “บ้านผมยากจน ตัวผมเป็๲พี่คนโต มีน้องๆ หลายคน ปีนี้อายุสิบขวบพ่อแม่ถึงค่อยส่งมาเรียนหนังสือ พวกเขาบอกว่าถ้าผมไม่ตั้งใจเรียนจะให้น้องอายุแปดขวบมาเรียนแทน แค่ได้มาเรียนแบบนี้ก็ดีมากแล้ว ผมเลยไม่กล้าขอให้พ่อกับแม่ทำข้าวเที่ยงมาให้อีก” ใบหน้าของเด็กชายขณะเล่าพื้นเพตัวเองนั้นแสนเศร้าหมอง

        ที่แท้ก็แบบนี้เอง น่าสงสารเหลือเกิน

        ถึงว่าทั้งที่อายุสิบขวบแล้ว แต่ตัวกลับสูงไล่เลี่ยสือโถวน้อยที่อายุเจ็ดขวบย่างแปดขวบ หากดูให้ดีจะเห็นว่าตัวสูงไม่เท่าสือโถวน้อยด้วยซ้ำ

        เธอตัดสินใจได้ในนาทีนั้น ทำทีหยิบถ้วยสะอาดๆ ออกมาจากกระเป๋านักเรียน แต่ที่จริงแล้วคือหยิบออกมาจากในโกดังสินค้า

        เซี่ยโม่ใช้ตะเกียบคีบกับข้าวในกล่องอาหารของตัวเองใส่ในถ้วย แล้วยื่นให้โฉ่วหวา “กินสิ ถึงไม่เยอะแต่ก็น่าจะพอทำให้อิ่มท้องอยู่”

        โฉ่วหวาน้ำตาไหลพรากทันที อยู่มาจนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีใครแบ่งข้าวให้เขากินมาก่อน

        ทุกวันไม่เพียงต้องพาน้องชายน้องสาวไปเก็บผัก ยังต้องพาไปขุดหาเห็ดอีกด้วย ที่บ้านมีอาหารไม่เพียงพอกับจำนวนคน เลยต้องพึ่งผักและเห็ดที่หามาได้ประทังชีวิต

        เขารับถ้วยข้าวมา เอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ขอบคุณพี่สาวมากครับ”

        เซี่ยเฉินเฟิงกับสือโถวน้อยได้ฟังดังนั้นขอบตาก็แดงก่ำ

        เซี่ยเฉินเฟิงใช้ตะเกียบคีบอาหารในกล่องของตัวเองไปใส่ในถ้วยข้าวของโฉ่วหวาบ้าง “พี่โฉ่วหวา ผมกินไม่เยอะ ผมแบ่งให้พี่”

        “ผมก็กินไม่เยอะ ผมก็แบ่งให้เหมือนกัน” สือโถวน้อยยินดีแบ่งให้เช่นกัน

        เซี่ยโม่มองถ้วยข้าวของโฉ่วหวาที่มีอาหารพูนถ้วย เธอยิ้มให้กับมิตรภาพของเด็กชายทั้งสามคนที่กำลังก่อเกิดขึ้น

        “เอาละ เต็มถ้วยแล้ว เลิกตักอาหารใส่ถ้วยโฉ่วหวาได้แล้ว เที่ยงนี้ก็กินแบบนี้ไปก่อน ขอแค่ท้องไม่หิวก็พอ”

        โฉ่วหวามองทั้งสามคนแล้วพูดอย่างตื้นตันใจ “ขอบคุณนะ ฉันโตเมื่อไรจะต้องตอบแทนทุกคนแน่นอน”

        เซี่ยเฉินเฟิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “พี่โฉ่วหวา ที่พวกเราแบ่งข้าวให้ ไม่ใช่เพื่อให้พี่มาตอบแทนเสียหน่อย”

        “งั้นอยากได้อะไรล่ะ”

        “พวกเราเห็นพี่น่าสงสารก็เลยแบ่งข้าวให้ แค่พี่จดจำเอาไว้ก็พอแล้ว พี่สาวเคยพูดว่า คนเราต้องมีความรักความเมตตา ขอแค่ต่อไปพี่เป็๲เด็กดี ไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว” เซี่ยเฉินเฟิงตอบ

        เซี่ยโม่คาดไม่ถึงเลยว่าน้องชายจะจดจำคำของเธอและนำมาใช้ อายุเพิ่งจะห้าขวบแต่พูดสอนคนที่โตกว่า ทั้งยังพูดด้วยสีหน้าจริงจังอีกต่างหาก

        มิน่าพวกนักวิจัยด้านจิตวิทยาถึงบอกว่า คำพูดของพ่อแม่จะมีผลต่อเด็กอย่างมาก

        บางครั้งถึงเป็๞คำพูดที่กล่าวออกมาโดยไม่ตั้งใจ แต่เด็กจะจดจำเอาไว้และคิดว่าคำนั้นคือเ๹ื่๪๫จริง

        “ฉันจะจำเอาไว้ ต่อไปฉันจะเป็๲คนที่มีความรักความเมตตาต่อทุกคน” โฉ่วหวาพูดด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว

        แม้ข้าวกลางวันสำหรับสามที่จะต้องแบ่งออกให้เพียงพอต่อคนสี่คน แต่มื้อนี้ของเซี่ยโม่กับเด็กชายทั้งสามจบลงด้วยความอิ่มท้องและอิ่มเอมใจ

        กินเสร็จเซี่ยโม่ก็เก็บของใส่ลงในกระเป๋าหนังสือ

        “พี่กลับโรงเรียนก่อนนะ พวกเราต้องทำตัวดีๆ อย่าดื้อ อย่าซน เลิกเรียนถ้าพี่ไม่มาก็กลับก่อนได้เลย”

        คาบสามใน๰่๥๹บ่ายวันนี้คือวิชาทบทวน เธอกลัวว่าคุณครูจะยึดคาบนี้ไป หากเป็๲เช่นนั้นเธอคงจะโดดเรียนไม่ได้

        “ครับ”

        เซี่ยเฉินเฟิงกับสือโถวน้อยพยักหน้าพลางรับปาก

        นับ๻ั้๫แ๻่นั้น โฉ่วหวาก็ไม่รังแกเซี่ยเฉินเฟิงกับสือโถวน้อยอีก พอมีเ๹ื่๪๫อะไรขึ้นมากลับช่วยปกป้องด้วยซ้ำ

        ทุกเที่ยงเธอจะทำอาหารกลางวันเผื่อให้โฉ่วหวาด้วย เป็๲การแสดงออกถึงน้ำใจและความรักเล็กๆ น้อยๆ ที่มีให้แก่เพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง

        ๱๭๹๹๳์ให้โอกาสเธอกลับชาติมาเกิดใหม่ ทั้งยังบันดาลให้โกดังสินค้าตามมาด้วย เธอจึงถือโอกาสนี้ช่วยเหลือผู้คนรอบตัว

        โบราณกล่าวไว้ว่าทำดีย่อมได้ดี ในชีวิตก่อน หลังจากเซี่ยโม่มีฐานะดีขึ้น เธอมักบริจาคเงินให้กับเด็กที่มีฐานะยากจนและคนชราที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว อาจเพราะเหตุนี้๼๥๱๱๦์เลยเมตตาให้โอกาสเธอกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งก็เป็๲ได้

        ชาตินี้เธอเลยอยากยื่นมือไปช่วยเหลือผู้อื่นในขอบเขตที่พอจะทำได้

        เซี่ยโม่ทราบดีว่าในโรงเรียนยังมีเด็กอีกหลายคนที่ไม่มีข้าวกลางวันกิน แต่ตอนนี้เธอยังไม่สามารถช่วยเหลือคนได้จำนวนมากขนาดนั้น

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้