่บ่ายขณะที่เซี่ยเฉินเฟิงกำลังให้น้ำเกลือ คุณปู่จ้าวก็มาถึงโรงพยาบาล
เซี่ยโม่อยากไปที่ร้านหนังสือซินหวาเพื่อดูชุดหนังสือเรียนวิชาคณิตฯ ฟิสิกส์ และเคมี ทั้งอยากไปที่ทำการไปรษณีย์ แสตมป์ของยุคนี้ในอนาคตจะมีค่าอย่างมาก
“อาจารย์คะ ฉันอยากออกไปทำธุระสักครู่ รบกวนอาจารย์ช่วยดูแลเฉินเฟิงสักพักได้ไหมคะ”
“รีบกลับมาล่ะ”
“ค่ะ”
เธอตรงไปยังที่ทำการไปรษณีย์ก่อน พอไปถึงเธอเอ่ยกับพนักงานว่า “คุณป้าคะ ฉันชอบแสตมป์เลยอยากจะซื้อสะสมไว้หลายๆ อัน คุณป้าช่วยเอาขึ้นมาให้ดูหน่อยได้ไหมคะว่ามีแบบไหนบ้าง”
ไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่ามีคนสะสมแสตมป์ด้วย? พอพนักงานเห็นเด็กสาวตรงหน้าแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าซอมซ่อ แววตาพลันเปลี่ยนเป็ดูถูก เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “ดูอะไร อยากจะซื้อราคาเท่าไร”
เซี่ยโม่เข้าใจในทันที พนักงานคงนี้คงนึกว่าเธอไม่มีเงินซื้อ เธอยังมีเงินสองร้อยหยวนที่ได้มาจากหวางลี่ลี่เป็ค่ารักษาน้องชาย เธอเก็บเอาไว้ในโกดังสินค้า จนถึงตอนนี้เพิ่งจะใช้ไปแค่ไม่กี่หยวนเท่านั้นเอง
เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า แท้จริงแล้วคือล้วงมือเข้าไปหยิบเงินจากในโกดังสินค้าออกมาวางบนโต๊ะ
“เงินเท่านี้น่าจะเพียงพอให้ซื้อได้หลายอัน หยิบออกมาให้ฉันดูหน่อยค่ะ ฉันอยากซื้ออันที่สวยๆ”
โดยปกติแล้วคนคนซื้อแสตมป์จะดูแค่มูลค่าของแสตมป์นั้น พนักงานมีสีหน้างุนงง ทั้งไม่คิดว่าเด็กสาวตรงหน้าจะมีเงินมากถึงขนาดนี้ และไม่คิดว่าจะมีคนอยากซื้อแสตมป์แค่เพราะความสวยงาม
คนที่มาซื้อแสตมป์ราคาห้าสิบหยวนย่อมเป็ลูกค้ารายใหญ่ พนักงานจึงไม่กล้าชักช้า นำชั้นลิ้นชักเล็กๆ ที่ใส่แสตมป์เอาไว้ออกมาวางบนเคาน์เตอร์ น้ำเสียงที่พูดเปลี่ยนเป็เกรงอกเกรงใจ “สาวน้อย เลือกได้ตามสบายเลยนะ”
ค่อยดีขึ้นมาหน่อย
เซี่ยโม่ทำหน้าพึงพอใจขณะเปิดลิ้นชักทีละชั้น ก่อนจะพบว่าในลิ้นชักชั้นท้ายๆ คือแสตมป์ซึ่งเป็รูปูเาและแม่น้ำ
ดวงตาของเธอเป็ประกาย
เซี่ยโม่จำได้แม่นว่าชาติที่แล้ว ภาพแสตมป์ชุดนี้มีค่ามหาศาลเลยทีเดียว
เธอเปิดลิ้นชักดูต่อ แม้แต่แสตมป์ที่ออกมาเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ซึ่งมีทั้งหมดเก้าแบบก็ยังมี เธอเลือกมันออกมาสามสี่แบบ และแสตมป์รูปแบบอื่นอีกสามสี่แบบ ก่อนจะเอ่ยกับพนักงาน “เอาแค่นี้แหละค่ะ”
พนักงานคำนวณราคา ทั้งหมด 21.8 หยวน
เธอสะท้อนในใจ ราคาถูกเหลือเกิน พอคิดถึงว่าในอนาคตแสตมป์พวกนี้จะมีราคาสูงมาก แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
หลังออกจากที่ทำการไปรษณีย์ เธอเดินไปยังร้านหนังสือซินหวาต่อ
หลังจากบอกชื่อชุดหนังสือที่เธอ้าแก่พนักงาน พนักงานก็กล่าวขอโทษด้วยสีหน้าจนปัญญา “ชุดหนังสือที่คุณ้าทางร้านเราไม่มี ร้านเราเป็ร้านเล็กๆ หาก้าหนังสืออะไรไปดูที่ร้านใหญ่ในอำเภอจะดีกว่า”
ใบหน้าเซี่ยโม่เต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่พอคิดได้ว่ายังขาดหนังสือเรียนสำหรับชั้นมัธยมปลายอีกสองเล่ม เธอเลยเปลี่ยนเป้าหมาย เดินหาอยู่ครู่หนึ่งก็เจอ
มือพลิกดูราคาด้านหลัง เล่มละหนึ่งหยวนกว่าเท่านั้นเอง เธอคิดอย่างทอดถอนใจ ของสมัยนี้ราคาถูกเหลือเกิน
เมื่อได้หนังสือครบตาม้า ทีนี้เธอก็ไม่ต้องรอซื้อในโรงเรียนแล้ว
ยุคนี้เป็ยุคที่มีประชากรเด็กเยอะ หลังจากพี่คนโตเรียนจบก็จะส่งต่อหนังสือเรียนให้น้องชายน้องสาวใช้ต่อ ซึ่งก็นับว่าเป็วิธีที่ไม่เลว
ไหนจะมีที่สำหรับยืมหนังสือและคัดลอกหนังสืออีก
หลังจากอาจารย์แต่ละวิชากำหนดหนังสือเรียนที่จะใช้ได้แล้ว ก็มักมาถามความ้าของนักเรียนในชั้น ส่วนจะสั่งซื้อหรือไม่ก็เป็สิทธิ์ของนักเรียน
หลังจากซื้อเสร็จ เซี่ยโม่ก็เดินออกมาจากร้านหนังสือ บังเอิญเห็นรถที่จะวิ่งไปในอำเภอผ่านมาพอดี
การเดินทางเข้าไปในตัวอำเภอต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า หากเธอ้าไปไปรษณีย์ ร้านหนังสือ และร้านของเก่าในตัวอำเภอ ควรต้องมีเวลาว่างเต็มวันถึงจะพอให้จัดการทุกอย่าง เช่นนั้นรอให้เปิดเทอมค่อยหาเวลาไปก็แล้วกัน
เย็นวานนี้ เธอสัญญากับน้องชายเอาไว้ว่าจะไปซื้อปิ่งในโรงอาหารให้ พอเห็นว่าใกล้จะถึงเวลากินข้าวแล้ว เธอจึงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล
ก่อนกลับเธอเดินไปในจุดปลอดคน เอาแสตมป์ที่ซื้อมาเก็บใส่ในโกดังสินค้า ทั้งตัวเหลือแค่หนังสือเรียนของชั้นมัธยมปลายเท่านั้น จากนั้นถึงค่อยกลับไปโรงพยาบาล
เธอเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย พบว่าน้องชายที่กำลังให้น้ำเกลือกำลังโวยวายกับคุณปู่จ้าวว่าอยากจะไปกินข้าวที่โรงอาหาร
ครั้นเห็นเธอเปิดประตูเข้ามา เซี่ยเฉินเฟิงหันมาพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด “พี่ครับ พี่พูดกับคุณปู่จ้าวให้หน่อยว่า เมื่อเช้าพี่ก็พาผมไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วย ผมบอกกี่รอบคุณปู่จ้าวก็ไม่เชื่อ”
คุณปู่จ้าวยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อ ฉันแค่แกล้งแหย่เล่นเพื่อถ่วงเวลารอเธอกลับมาต่างหาก”
“อาจารย์ ขอโทษค่ะ สองวันที่ผ่านมาตอนเฉินเฟิงให้น้ำเกลือ เป็อาจารย์ที่คอยดูแลตลอดเลย” เซี่ยโม่กล่าวอย่างรู้สึกผิด
“ไม่ต้องเกรงใจ เธอปฏิบัติยังไงกับฉัน ฉันรู้ดีอยู่แก่ใจ พวกเธอสองพี่น้องเจอปัญหา ฉันย่อมต้องช่วยเหลือ”
“อาจารย์คะ อาจารย์คิดว่าพรุ่งนี้น้องชายฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้ไหมคะ”
คุณปู่จ้าวพยักหน้า “คิดว่าได้ แต่น่าจะต้องซื้อยาสมุนไพรกลับไปกินเพื่อบำรุงร่างกายอีกสักระยะ”
“อาจารย์คะ งั้นพวกเราไปกินข้าวที่โรงอาหารกันเถอะค่ะ พอกินเสร็จเดี๋ยวฉันเอาเงินให้ อาจารย์จะได้ไปเดินเล่นแล้วก็ซื้อยากลับมาด้วย”
“ฉันไม่ไป!” เหล่าจ้าวที่ปกติพูดง่าย หากคราวนี้กลับดื้อดึงไม่ยอม
เธอชะงักก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า ร้านยาที่เปิดในตัวตำบลตอนนี้เป็คู่แค้นของอีกฝ่าย
พอคิดได้เธอรีบกล่าวขอโทษทันที “ขอโทษค่ะ ฉันลืมไปเสียสนิทเลย งั้นอาจารย์จดชื่อยากับปริมาณมาให้ฉัน กินข้าวเสร็จเดี๋ยวฉันไปซื้อเอง”
“ได้ กินข้าวเสร็จแล้วฉันจะเขียนให้”
คุณปู่จ้าวกับเซี่ยโม่จูงมือเซี่ยเฉินเฟิงคนละข้าง ส่วนมืออีกข้างของเธอถือกล่องข้าวเอาไว้ ทั้งสามคนเดินไปที่โรงอาหารด้วยกัน
ระหว่างทางคุณปู่จ้าวเห็นมีคนไม่น้อยทักทายสองพี่น้อง จึงเอ่ยถามเด็กสาวด้วยความสงสัย “โม่โม่ เธอไปรู้จักพวกเขาั้แ่เมื่อไร”
เธอเล่าเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฟัง รวมถึงเื่เมื่อเช้าด้วย
“ผู้หญิงคนนั้นอยากเป็ศัตรูกับเธอ รนหาที่ชัดๆ” เหล่าจ้าวเอ่ยอย่างทอดถอนใจ
“อาจารย์ ทำไมพูดแบบนี้ละคะ ฉันเป็แค่เด็กสาวอ่อนแอบอบบางคนหนึ่งเท่านั้น”
เหล่าจ้าวยกมือชี้ที่ศีรษะ “เธอมันเ้าเล่ห์ คนที่อยากทำร้ายเธอคือพวกรนหาที่ตายเท่านั้นแหละ”
นึกไม่ถึงเลยว่าฐานะของเธอในสายตาอาจารย์จะสูงส่งขนาดนี้
“อาจารย์ประเมินฉันสูงเกินไปแล้ว หรืออาจารย์จะทายนิสัยจากลักษณะหน้าตาของคนได้?”
“ฉันอายุปูนนี้แล้ว คนแบบไหนไม่เคยเจอบ้าง แค่เห็นฉันก็รู้แล้วว่าเธอเป็คนฉลาด ตอนแรกก็กลัวอยู่ว่าเธอจะไม่มีพร์เื่วิชาแพทย์ นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะความจำดีกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก ตอนยังไม่มีใครมาล่วงเกินเธอ เธอก็เหมือนกับแมว แต่พอใครมาล่วงเกินเข้า เธอก็กลายร่างเป็เสือทันที”
เธอฟังแล้วรู้สึกดีใจเหลือเกิน
หากหวางเมิ่งเมิ่งไม่เ้าคิดเ้าแค้น ไม่หาเื่ใส่ตัว ก็คงไม่เป็แบบทุกวันนี้ แต่นี่กลับหาเื่เธอไม่หยุดไม่หย่อน ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ
“แล้วพรุ่งนี้พวกเราจะกลับยังไง ให้ฉันไปยืมจักรยานมาสองคันเอาไหม พวกเราน่ะเดินได้ไม่มีปัญหา แต่เฉินเฟิงเพิ่งหายป่วย หากให้เดินจะเหนื่อยเกินไป” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงเป็กังวล
เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมบอกเื่หนึ่งกับอาจารย์ไปเสียสนิท “อาจารย์คะ พี่ซ่งบอกว่าพรุ่งนี้ตอนเที่ยงจะมารับ ตอนเช้าเฉินเฟิงยังต้องให้น้ำเกลือก่อนใช่ไหมคะ ตอนเที่ยงให้น้ำเกลือเสร็จแล้วพวกเราค่อยเก็บของกลับ”
เหล่าจ้าวยกยิ้มพร้อมกล่าวชม “เด็กซ่งคนนี้นี่ไม่เลว งั้นก็เอาตามนี้ พรุ่งนี้่เช้าเฉินเฟิงให้น้ำเกลือเป็ขวดสุดท้าย ฉันปรึกษากับหมอเ้าของไข้เรียบร้อยแล้ว”
ทั้งคู่เดินไปคุยไป ไม่นานก็มาถึงโรงอาหาร
พอเห็นว่ามีคนจำนวนมากกำลังต่อแถวรอซื้ออาหาร เซี่ยโม่เลยให้คุณปู่จ้าวพาเฉินเฟิงไปนั่งรอที่โต๊ะก่อน ส่วนเธอจะเป็คนไปซื้อเอง
เนื่องจากมีผู้คนพลุกพล่าน เสียงในโรงอาหารจึงค่อนข้างดัง เสียงคนพูดคุยดังกระทบโสตประสาทตลอดเวลา
ทันใดนั้นเซี่ยโม่รู้สึกเหมือนมีคนแทรกแถวมายืนด้านหลัง ก่อนจะทักทายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี “โม่โม่ เธอก็มากินข้าวที่นี่เหมือนกันเหรอ”
เมื่อหันกลับไปมอง ไม่ใช่ใครอื่น เ้าของเสียงคือเซี่ยวฉางเซิงที่เธอรังเกียจนั่นเอง
“ฉันไม่รู้จักนายสักหน่อย” เธอตีหน้าเ็าใส่
“โม่โม่ เราเป็เพื่อนร่วมชั้นกัน ทำไมเธอต้องแกล้งทำเป็ไม่รู้จักฉันด้วย” อีกฝ่ายเอ่ยอย่างน้อยอกน้อยใจ “หรือเป็เพราะผู้ชายที่เหมือนอันธพาลที่อยู่กับเธอวันนั้น เขาห้ามไม่ให้เธอคุยกับฉันใช่ไหม”
เด็กหนุ่มคนนี้นี่น่ารำคาญจริงๆ!
เธอยังคงเอ่ยด้วยสีหน้าเ็า “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้จักนาย อย่ามายุ่งกับฉัน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้