ฉินโจ้วเปิดรายการคุณสมบัติใช้แต้มคุณสมบัติซ่อนที่ได้เป็รางวัลบวกไปที่ค่าพร์ ใช้แต้มอิสระ 5 แต้ม ที่ได้จากการเลื่อนขั้น 5 เลเวล เพิ่มพลังกาย 2 แต้มเพิ่มพลังความเร็ว 3 แต้ม และรางวัลแต้มอิสระ 5 แต้ม บวกใส่ค่าความเร็วทั้งหมด เมื่อบวกแบบนี้ค่าคุณสมบัติก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงทันที
ผู้เล่น : เมามายซบตักสาวงาม
ระดับ : เลเวล 7
เผ่า : มนุษย์
อาชีพ : นักเวท ผู้อัญเชิญิญญาธาตุ (ลับ)
พลัง : 18 +25 (มาตรฐานคือ 10)
ความเร็ว : 18 + 6 (มาตรฐานคือ 10)
พลังชีวิต : 170 (มาตรฐานคือ 100)
พลังจิต : 250 (มาตรฐานคือ 100)
คุณสมบัติซ่อน :
โชค : 12 (มาตรฐานคือ 0)
พร์ : 4 (มาตรฐานคือ 0)
กระดูก : 0 (มาตรฐานคือ 0)
ชื่อเสียง : 1,260
สกิล :
เทคนิคการเก็บรวบรวม :เทคนิคการเก็บรวบรวมขั้นต้น ระดับความเชี่ยวชาญ 2.3%
เทคนิคกับดัก : ขั้นต้นระดับความเชี่ยวชาญ 2%
เทคนิคการแยกแยะพืช :ไม่จำกัดระดับ
เนตรเซียนพญายม: สามารถมองทะลุลงไปถึงนรกทั้ง 18 ขุม สู่โลกใต้พิภพทั้งเก้า ต้นไมู้เาแม่น้ำทั้งหมดล้วนไม่อาจกีดขวางได้ภูตผีปีศาจไม่อาจหลบซ่อนได้
อุปกรณ์ :
ชุดเสื้อคลุมพิภพ :อุปกรณ์ระดับขาว พลังป้องกัน +11 ความเร็ว +1
รองเท้าหมูป่า :อุปกรณ์ระดับขาว ความเร็ว +5
กริชหมูป่า : อุปกรณ์ระดับเหล็กดำ พลังโจมตี 10-25
แหวนเรือทะเลทราย : อุปกรณ์ระดับทองดำ มีมิติว่างขนาด 500 ลูกบาศก์เมตร ไม่ทนของหนัก ปกป้องของที่อยู่ในมิติเมื่อตายไม่ให้หล่นหายพลัง : +25 พลังป้องกันเวท : +50 จดจำเ้าของ
สิ่งของ : ขวดหยกขาวเสวียนหวง(ของล้ำค่าหายาก) น้ำตาแม่พระธรณี 4 หยดหนังสือรับรองอาชีพ 1 เล่ม
เงิน : 643 เหรียญทอง 56 เหรียญเงิน 48 เหรียญทองแดง
ในโลกแห่งเกมนี้ พลัง 1 แต้มเทียบเท่าพลังโจมตี 10 แต้ม ฉินโจ้วเปรียบเทียบอยู่ในใจชั่วครู่ พลัง 43 แต้มเสริมด้วยพลังโจมตีจากกริช พลังโจมตีสูงสุดของตนก็เท่ากับ 455 ถ้าผู้เล่นทั่วไปมีพลังเริ่มแรกเท่ากับ 10 เพิ่มขึ้น 7 เลเวล ก็จะมีพลัง 17 แต้ม ถ้ารวมแต้มทั้งหมดของคุณสมบัติที่ได้จากการเลื่อนเลเวลเสริมกับพลังจะได้พลัง 24 แต้ม บวกกับแต้มเสริมจากอาวุธ พลังโจมตีสูงสุดควรอยู่ที่ 350 แต้มโดยประมาณ แต่ว่าผู้เล่นแบบนี้คงมีจำนวนน้อยจะอย่างไรความเร็วกับพลังชีวิตย่อมต้องแบ่งแต้มไปเป็จำนวนไม่น้อยแต่ต่อให้เป็เช่นนี้ พลังโจมตีของตนก็คงสูงกว่าผู้เล่นทั่วไปอยู่นับว่าเป็ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง
ความเร็วนับว่ากลับสู่สภาพปกติหรืออาจสูงกว่าปกติเล็กน้อย ส่วนค่าพลังชีวิตดูเหมือนฉินโจ้วจะต่ำกว่าผู้เล่นทั่วไปพลังจิตน่าจะสูงกว่าผู้เล่นทั่วไป แต่ก่อนจะถึงเลเวล 10 ยังเปลี่ยนอาชีพไม่ได้เรียนทักษะเวทมนตร์ก็ไม่ได้ ต่อให้พลังจิตสูงก็เป็แค่ของประดับเท่านั้นส่วนคุณสมบัติซ่อน ในสถานการณ์ทั่วไปมองไม่เห็น ไม่ควรเปรียบเทียบแต่ฉินโจ้วเดาว่าโชคของตนคงมีชื่อเสียงอยู่ในระดับแนวหน้า
ผู้เล่นในหมู่บ้านมีจำนวนมากมายเหมือนเคยบ้างทำภารกิจ บ้างก็ซื้อขายยา และอุปกรณ์ต่างๆ เหมือนการไปเดินตลาดตอนเด็กๆไม่มีผิด ถนนสองฝั่งเต็มไปด้วยผู้เล่นที่มาตั้งแผงลอยขายของ มีด ดาบ กริช หมวกสายรัดข้อมือ รองเท้า และอื่นๆ สิ่งของนานาชนิด เต็มไปด้วยเสียงะโโหวกเหวกยังมีเสียงผู้เล่นต่อรองราคา ทำให้ท้องถนนเต็มไปด้วยบรรยากาศคึกคักมีชีวิตชีวาแต่ผู้เล่นส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้วิธีแลกเปลี่ยนแม้เวลานี้ผู้เล่นทั่วไปจะอยู่ที่เลเวล 5 มีความสามารถระดับหนึ่งแต่อัตราดรอปของของวิเศษต่างๆในเกมเหยี่ยวั่งก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนทำให้ผู้คนละเหี่ยใจ เมื่อไม่มีอุปกรณ์ก็ไม่มีเงินดังนั้นผู้เล่นส่วนใหญ่จึงยังคงยากจนกระเป๋าแห้งกันทั้งนั้นผู้เล่นที่มีเงินหลายร้อยเหรียญทองเหมือนฉินโจ้ว คาดว่าใช้มือข้างเดียวนับพอแล้ว
แต่ว่าฉินโจ้วยังสังเกตเห็นผู้เล่นชายจำนวนหนึ่งที่เดินเตร็ดเตร่เหล่สาวงามไปตามถนนอดพูดไม่ได้ว่าส่วนสำคัญอย่างหนึ่งคือการที่เกมเหยี่ยวั่งมีความสมจริงจนน่าอัศจรรย์ใจถึง 100% เต็มเลยทีเดียวแถมยังมีความสามารถเพิ่มความงามขึ้น 10% อีกด้วยเพราะฉะนั้นโดยพื้นฐานแล้วผู้เล่นหญิงทุกคนที่เห็นจึงล้วนเป็สาวงาม ภายในเกมผู้เล่นต่างมีความปรารถนาจะฉีกกระชากมายาภาพที่พันธนาการไว้สไตล์เสื้อผ้าที่สวมใส่ยิ่งเปิดเผยมากขึ้นวัตถุประสงค์ก็เพื่อโชว์ต้นขาขาวผ่องกับร่องลึกที่ดูน่าจะยัดยอดเขาเอเวอเรสต์ลงไปได้ทั้งเขาทำเอาพวกผู้เล่นชายต้องส่งสายตามอง จิตใจเต้นระทึกกันยกใหญ่
ฉินโจ้วดูเวลา ระยะเวลาที่ซื้อยาแดงไปครั้งก่อนผ่านไป 8 ชั่วโมงแล้วดังนั้นจึงเดินมายังร้านยาอีกครั้ง ซื้อยาแดงทั้งหมดกลับไปเมื่อมีแหวนแห่งทะเลทรายซึ่งมีความจุขนาดนี้ก็ไม่ต้องวิ่งเทียวไปเทียวมาหลายสิบรอบเหมือนครั้งก่อนแล้วแน่นอนว่าเงินทุนที่ไม่เพียงพอในครั้งก่อนก็เป็สาเหตุหนึ่ง อุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็ก็ซื้อไปไม่น้อย แต่ตอนนี้มีเงินแล้วซื้อของก็ไม่ต้องทำเหมือนครั้งก่อน ที่ต้องคิดเล็กคิดน้อยระมัดระวังตัวแจ
เพิ่งเดินออกจากร้านที่หน้าร้านก็มีขอทานเสื้อผ้ามอซอสกปรกทั้งตัวดึงแขนฉินโจ้วไว้ท่วงท่าว่องไวอย่างกับพวกมนุษย์ป้าที่เปิดศึกแย่งของฟรีกันตอนซูเปอร์มาร์เก็ตเพิ่งเปิดกิจการไม่มีผิดฉินโจ้วใ ยังนึกว่าเจอเข้ากับโจรดักปล้นกลางทางเสียอีก ต่อมาจึงค้นพบว่าเป็แค่ขอทานคนหนึ่งขอทานคนนี้ผมเผ้ายุ่งเหยิง บนหัวยังมีใบไผ่ติดเขรอะอยู่หลายใบ หัวดำสนิทอย่างกับอีกาตรงมาถึงหน้าฉินโจ้ว ไม่รู้ว่าเขาไม่ได้อาบน้ำมานานขนาดไหนกลิ่นเหม็นลอยมาเตะจมูกของฉินโจ้ว อย่างจังอีกนิดก็คงรมจนเขาเป็ลมแล้ว ขอทานดูเหมือนไม่รู้สึกรู้สาถึงกลิ่นทะแม่งๆของตัวเอง เขายิ้มแฉ่ง เผยให้เห็นฟันขาวสะอาดสะอ้านผิดจากส่วนอื่นๆ ในร่างกายเขาเอ่ยขึ้น…
“น้องชายเดินช้าหน่อยข้าเห็นเ้ามีกระดูกพิเศษ พร์สูงส่งฉลาดเฉลียวเป็อัจฉริยะผู้ฝึกยุทธ์ที่ยากจะพบได้ในรอบร้อยปีต่อไปต้องกลายเป็บุคคลผู้มากความสามารถ หน้าที่ผดุงความยุติธรรมในยุทธจักรต้องพึ่งพาเ้าแล้วในมือข้าพอดีมีหนังสือเคล็ดวิชาฝึกยุทธ์หายากที่สูญหายไปนานแล้วอยู่หลายเล่มเหมาะกับเ้าพอดี วันนี้ข้ายินดีขายให้เ้าเล่มละ 10 เหรียญเงิน เ้าว่าเป็อย่างไร?” พูดจบก็ล้วงมือไปควานในถุงที่ทำจากหนังงูซึ่งทั้งดำและสกปรกตรงหน้าของฉินโจ้วมีหนังสือโผล่ขึ้นมาหลายเล่มทันที
ฉินโจ้วรู้สึกว่าบทสนทนานี้คุ้นหูชอบกลพอเห็นชื่อหนังสือ ก็รู้สึกตื่นตะลึงขึ้นมาทันที มองชื่อหนังสือหายากพวกนี้ ได้แก่คัมภีร์เก้าอิม คัมภีร์เก้าสุริยัน เพลงกระบี่ไท้เก๊ก กระบวนท่าไม้ตีสุนัขดรรชนีเอกสุริยัน เห็นได้ชัดว่าล้วนเป็เคล็ดวิชายุทธ์แสนวิเศษ
“หากเ้ายังไม่พอใจข้ายังมีอีก” ขอทานคนนั้นควานลงไปอีกครั้งล้วงเคล็ดวิชาอีกหลายชุดออกจากถุงหนังงู ได้แก่ สิบแปดฝ่ามือพิชิตั ดรรชนีกระบี่หกชีพจรคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น เก้ากระบี่เดียวดาย เล่มสุดท้ายยังเป็คัมภีร์ทานตะวัน
“หากว่าน้องชายรู้สึกว่ายังไม่พอที่ข้ายังมีอีก...”
“พอแล้วพอแล้ว” ฉินโจ้วรีบหยุดไม่ให้เขาหยิบหนังสือคัมภีร์วิเศษขึ้นมาอีกดูๆ แล้วคนผู้นี้มีอายุราว 50 ปี แม้ผมเผ้ายุ่งเหยิงสกปรก แต่กลับยังดำขลับไม่มีผมหงอกสักเส้น นอกจากฟันที่ขาวสะอาด บนตัวก็ไม่มีส่วนไหนที่สะอาดอีกเลยดวงตาขุ่นมัวจ้องเขาอย่างกระตือรือร้นและคาดหวัง
เวลานี้มีพวกผู้เล่นที่ยืนมองฉากอึกทึกคึกคักนี้อยู่ข้างๆจากเสียงที่กำลังซุบซิบนินทาของพวกเขาฉินโจ้วจึงได้รู้ว่าขอทานคนนี้ยืนขายคัมภีร์ฝึกยุทธ์อยู่ตรงนี้มาหลายวันแล้วเห็นใครก็บอกว่าเป็อัจฉริยะในการฝึกยุทธ์ไปเสียทุกคนเที่ยวดึงชาวบ้านไปซื้อคัมภีร์ของเขา แต่ผู้เล่นก็ไม่ได้โง่ ไม่มีใครยอมซื้อสักคน
“ขอบังอาจถามผู้าุโใช่หั่วอวิ๋นเสียเสิง[1]หรือไม่?” ฉินโจ้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
ขอทานเห็นท่าทางนอบน้อมของฉินโจ้วก็มีสีหน้าภาคภูมิใจขึ้นทันทีเขาพูด “หั่วอวิ๋นเสียเสิงอะไรกันในยุทธภพคนเขาเรียกข้าว่าบรรพชนผู้ก่อตั้งวิชายุทธ์ เรียกข้าสั้นๆ ว่าอู๋จู่ในปีที่ข้าเดินท่องยุทธจักร เ้าเด็กน้อยหั่วอวิ๋นเสียเสิงยังใส่ผ้าอ้อมอยู่เลยอาจารย์ของมันก็ยังเพิ่งฝึกยุทธ์อยู่ อาจารย์ของอาจารย์มัน.....”
ฉินโจ้วเหงื่อแตกพลั่กอีกรอบ รีบขัดจังหวะคำพูดของเขา “นี่...ท่านผู้าุโอู๋จู่ ผู้น้อยพร์ต่ำต้อย กระดูกก็แสนธรรมดาเกรงว่าคงไม่มีวาสนาได้เรียนรู้คัมภีร์ยุทธ์เหล่านี้ ท่านควรไปหาผู้อื่นเสียดีกว่าอย่ามาเปลืองเวลาอันมีค่าของท่านกับข้าเลย ผู้น้อยยังมีเื่ต้องกระทำต้องขอล่วงหน้าไปก้าวหนึ่งก่อนแล้ว”
“ช้าก่อน ช้าก่อนเ้าดูผู้คนตั้งมากมายบนถนนนั่นสิ ข้าไม่เรียกใครเลย เจาะจงหาเ้าคนเดียวเท่านั้น นี่แปลว่าอะไรกัน? ก็แปลว่าน้องชายเป็ัในหมู่คนอย่างแท้จริงอย่างไรเล่ามีเพียงเ้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอจะฝึกคัมภีร์ยุทธ์เหล่านี้ได้ ส่วนคนอื่นๆล้วนไม่อยู่ในสายตาข้า” ขอทานเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังแต่คำพูดของเขาเพิ่งจบลง พวกผู้เล่นรอบด้านก็ะเิเสียงหัวเราะลั่นทันทีไม่ใช่เขาไม่เรียกคนอื่น แต่ผู้เล่นคนอื่นๆ รู้ว่าเขาเป็นักต้มตุ๋นจึงไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย แถมยังหันหลังให้ เพราะเขาทั้งสกปรกทั้งเหม็นเกินไปพูดจาก่นด่าว่าร้าย กระทั่งยังแถมหมัดแถมเท้าให้เสียอีก
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของผู้เล่นคนอื่นๆฉินโจ้วจึงบังเกิดใจสงสารขึ้นทันที ถ้าไม่มีเงิน เขาก็คงทำได้แค่ทอดถอนใจรอบหนึ่งแต่ว่าเวลานี้ 10 เหรียญเงินสำหรับเขานับว่าไม่เท่าไร ถ้าจะพูดในแบบของซ่งตันตัน[2]ก็คือ ข้ามีเงิน เงินนิดหน่อย ก็แค่เงินนิดหน่อย ดังนั้นจึงเอ่ยเสียงจริงจัง “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่ท่านผู้าุโมีเมตตาผู้น้อยขอซื้อสักเล่มก็พอหากวันหน้าประสบความสำเร็จในการฝึกยุทธ์ตามคัมภีร์วิเศษนี้จะไม่ลืมความเมตตาของผู้าุโแน่นอน”
พูดจบก็ไม่ใส่ใจเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากผู้เล่นรอบด้านเขาล้วงเงิน 10 เหรียญเงินออกมามอบให้แก่ขอทาน และไม่ได้ตั้งใจเลือกจริงจังยื่นมือออกไปหยิบได้คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นเล่มหนึ่งอย่างลวกๆคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงป้าบทีหนึ่ง ยังเผลอดึงเอาคัมภีร์อีกเล่มหลุดติดมือมาจนร่วงลงพื้นฉินโจ้วก้มตัวลงเก็บและหยิบคัมภีร์นั้นขึ้นมาดู อดนิ่งเงียบไปอีกรอบไม่ได้ความรู้สึกสงสารในใจหายวับไปราวกับหมอกควันทันทีเพียงเห็นบนคัมภีร์มีตัวหนังสือลายเส้นโบราณสี่คำใหญ่เขียนไว้อย่างเปี่ยมล้นด้วยพลัง“สิบแปดลูบคลำ”
“นี่ก็เป็คัมภีร์ฝึกยุทธ์หรือ?” ฉินโจ้วเอ่ยถาม
ใบหน้าแก่ๆ ของขอทานแดงเรื่อ พูดอ้ำอึ้ง “นี่ นี่ อะฮ่าๆ... ก็แค่ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง เล่มนี้ขอมอบให้เป็ของขวัญแก่น้องชายฟรีๆ แล้วกัน”จากนั้นเมื่อเขาคว้าถุงหนังงูได้ก็แหวกฝ่าฝูงชนวิ่งหนีหายลับไปในพริบตา
ฉินโจ้วจ้องมองผู้เล่นรอบด้านที่ใช้สายตาสื่อความหมายว่าเ้าโง่มองมาที่ตนพร้อมชี้มือชี้ไม้มาก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ เขารีบเก็บคัมภีร์ยุทธ์วิเศษทั้งสองเล่มลงไปในแหวนลวกๆแล้วก็รีบเดินจากไป
เื่แบบนี้เขาถือว่าเป็เื่เล็กน้อยอย่างหนึ่งในชีวิตเท่านั้นพริบตาเดียวก็ลืมแล้ว แต่เขาก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเพราะเื่เล็กน้อยที่ไม่สลักสำคัญอะไรแบบนี้ทำให้เส้นทางต่อไปในอนาคตข้างหน้าของเขาต้องเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง
.....................................................................................................................................................
[1] หั่วอวิ๋นเสียเสิง หรือเทพเมฆาอัคคีเป็ตัวละครหนึ่งในภาพยนตร์เื่คนเล็กหมัดเทวดาและเป็ชื่อมังงะเื่หนึ่ง
[2] ซ่งตันตันเป็นักแสดงตลกหญิงท่านหนึ่งของจีน