บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านค่อนข้างหาง่ายสิ่งปลูกสร้างสองชั้นเพียงแห่งเดียวในหมู่บ้านเริ่มต้นก็คือบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านนั่นเองระบบชนชั้นมีอยู่ทุกแห่งบางครั้งบางคราวยังได้ยินผู้เล่นคุยกันถึงเหตุการณ์ฝูงหมาป่าที่ทุ่งราบสีเืเห็นได้ชัดว่าสำหรับหมู่บ้านเริ่มต้นนี่เป็เหตุการณ์ระดับพาดหัวข่าวใหญ่ชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
เขาเดินเข้าไปในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านทันใดนั้นก็เห็นว่าบนโต๊ะมีผู้เฒ่าเคราขาวคนหนึ่งเมามายจนนอนกรนครอกๆ อยู่เสื้อผ้ายับย่น ค่อนข้างเลอะเทอะไม่เรียบร้อย แกนอนกอดไหเหล้าใบหนึ่งทว่าไหเหล้านั้นว่างเปล่า ฉินโจ้วยังไม่ทันได้เข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นเหล้าโชยหึ่งอีกนิดคงรมเขาจนเมาหัวทิ่มแล้ว
ไม่รู้หัวหน้าหมู่บ้านดื่มเข้าไปมากน้อยเท่าไรถึงได้ส่งเสียงกรนเสียดังลั่น นอนหลับปุ๋ยฉินโจ้วะโเรียกอยู่สองครั้งก็ยังกรนเหมือนเดิมหัวหน้าหมู่บ้านไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแม้แต่น้อย
ที่ยืนอยู่ข้างๆ น่าจะเป็ผู้เล่นที่มาหาภารกิจเขาเตือนด้วยความหวังดีว่า “ไม่ต้องปลุกหรอก เขาหลับมาหลายวันแล้ว นี่ข้ามาเป็ครั้งที่ห้าแล้วก็ยังไม่เห็นเขาตื่นขึ้นมาเลย”พูดเสร็จก็ส่ายหน้าและเดินจากไป
ฉินโจ้วขมวดคิ้วไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ในใจผุดแผนการหนึ่งขึ้นและหมุนตัวตามออกไปสิบนาทีต่อมาเขาหอบเหล้านารีแดงหนึ่งไหกลับเข้ามาด้วยไม่พูดไม่จาแกะผนึกดินปิดปากไหออกทันที เสี้ยววินาทีที่ผนึกดินถูกแกะออกกลิ่นหอมฉุยของเหล้าก็ลอยฟุ้งไปในอากาศ อากาศบริสุทธิ์สดใสเจือความเร่าร้อนกลิ่นเหล้าหอมฉุนเจือความนุ่มนวล ดึงดูดใจผู้คนเต็มสิบส่วนเลยทีเดียวแม้แต่คนที่ไม่ดื่มเหล้าเมื่อได้กลิ่นก็ยังถูกกระตุ้นให้เกิดความอยากดื่มเหล้าขึ้นมาได้เลย
กลิ่นหอมของเหล้านารีแดงมีความพิเศษอยู่นี่เป็จุดที่เหล้าชนิดอื่นเทียบไม่ติดฉินโจ้วเพิ่งได้ัักับกลิ่นของเหล้านารีแดงเป็ครั้งแรกก็เริ่มมึนเมากับกลิ่นเหล้าหอมหวนนี้เสียแล้ว
หลังจากกลิ่นเหล้าหอมหวนเริ่มลอยฟุ้งไปในอากาศ หัวหน้าหมู่บ้านที่หลับอุตุราวกับหมูตายตัวหนึ่งก็มีปฏิกิริยาทันทีอย่างแรกคือจมูกที่เริ่มขยับฟุดฟิด หนวดเริ่มกระดิกจากนั้นสูดลมหายใจลึกเข้าไปเฮือกหนึ่ง เปลือกตาเผยอขึ้นเล็กน้อยดูประหนึ่งแสงอาทิตย์ร้อนแรงที่ส่องทะลุปุยเมฆออกมา รัศมีแผ่ไปรอบด้าน ฉินโจ้วใวูบเขาไม่เคยเห็นดวงตาที่เจิดจ้าขนาดนี้มาก่อนเลยเสี้ยววินาทีที่หัวหน้าหมู่บ้านลืมตาตื่น ทั้งห้องสว่างไสวขึ้นทันที
เมื่อประกายตาที่ส่องสว่างอยู่จางลงหัวหน้าหมู่บ้านก็ลืมตาขึ้นเต็มที่ และกลับสู่สภาพปกติในฉับพลัน เขาดีดตัวขึ้นส่งเสียงหัวเราะประหลาดและพูดขึ้นว่า “ข้าเห็นผู้กล้าน้อยมีท่วงท่าสง่าผ่าเผยเป็ผู้โดดเด่นในใต้หล้า ท่าทางมีเมตตาเป็กันเองมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็สุภาพบุรุษผู้กล้าของพวกเรา เหล้าไหนี้จะมอบให้ข้าหรือ?”
ท่าทางมีเมตตาเป็กันเอง? หรือว่าหน้าตาของเราจะเหมือนพระ? ฉินโจ้วลอบกลอกตาไปมา ทำสีหน้าจริงจังและพูดว่า “แน่นอนแต่ก่อนหน้านั้นมีเื่หนึ่งที่จำเป็ต้องรบกวนท่านหัวหน้าหมู่บ้าน” เขาค่อยๆ วางเหล้านารีแดงลงบนโต๊ะ
หัวหน้าหมู่บ้านรีบคว้าไหเหล้ามากอดไว้แนบอกความว่องไวนั้นเร็วสุดขีด ฉินโจ้วเพียงเห็นภาพตรงหน้าไหววูบเหล้านารีแดงก็ไปอยู่ในมือของเขาแล้ว ได้ยินเสียงเขาเอ่ยขึ้น “ว่ามาได้เลยๆอย่าว่าแต่เื่เดียว ต่อให้เป็แปดเื่สิบเื่ข้าก็จะทำให้เ้าเชิญพูดมาได้เลย ในสถานที่แห่งนี้ ไม่มีเื่อะไรที่ข้าทำไม่ได้”
ฉินโจ้วถอนหายใจโล่งอกอารมณ์จะแปลกประหลาดหรืออย่างไรก็ไม่สำคัญ ขอเพียงเจรจากันรู้เื่ก็พอเขานำแหวนที่ผู้เล่น ‘ย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้า’ แลกยาแดงกับเขาออกมา ยื่นออกไปด้วยท่าทางสุภาพอย่างยิ่งและพูดขึ้นว่า “ขอท่านหัวหน้าหมู่บ้านช่วยประเมินของสิ่งนี้ให้ข้าด้วยเถิด”
หัวหน้าหมู่บ้านเงยหน้ากระดกเหล้านารีแดงดื่มไปอึกใหญ่หลับตาลงลิ้มรสชาติอยู่ชั่วครู่ สีหน้าแสดงความพึงพอใจอุทานออกมา “เหล้าดี” จากนั้นหันไปชำเลืองมองของที่ฉินโจ้วหยิบออกมาอย่างผ่านๆเอ่ยตอบอย่างเกียจคร้าน “ประเมินวัตถุหรือ เื่เล็ก 50เหรียญทอง”
“อะไรนะ?” ฉินโจ้วแทบคิดว่าตนฟังผิด ล้อเล่นบ้าอะไรกัน ประเมินแค่ของชิ้นเล็กกระจิดเดียวหน้าตาธรรมดาๆ แค่นี้ต้องใช้ถึง 50 เหรียญทองเชียวหรือ? 50 เหรียญเงินเขาก็ว่าแพงแล้ว นี่ 50 เหรียญทองไม่สู้ปล้นเอาจะดีกว่าหรือ เขาอดกลั้นคำก่นด่าเอาไว้และเอ่ยถาม “จะลดราคาลงหน่อยได้หรือไม่ ข้ากำลังกระเป๋าแห้งอยู่ เหรียญทองมีไม่พอ”
หัวหน้าหมู่บ้านส่ายหน้าอย่างตรงไปตรงมา ไม่ยอมให้ต่อรองแม้แต่น้อยเขาเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ข้าเป็ถึงนักประเมินวัตถุระดับสูง 50 เหรียญทอง ถือเป็ราคาต่ำสุดในการประเมินวัตถุแล้ว ผู้กล้าน้อยมีความกรุณาต่อคนในหมู่บ้านเราจึงได้ราคานี้ หากเป็คนอื่นต่อให้มีร้อยเหรียญทองข้าก็ยังไม่แน่ว่าจะยอมลงมือ”
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านช่างมีความสามารถยิ่งนัก” ฉินโจ้วยังไม่อยากตัดใจยอมแพ้ เขาเอ่ยถามต่อไป “เพียงแต่ว่าผู้น้อยมีเหรียญทองไม่เพียงพอจริงๆ ขอถามท่านหัวหน้าหมู่บ้านนอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่?”
หัวหน้าหมู่บ้านดื่มเหล้าอีกอึกหนึ่งคิดทบทวนอยู่ครู่จึงพูดว่า “วิธีอื่นก็นับว่ามีอยู่แต่ไม่รู้ว่าผู้กล้าน้อยจะยินดีทำหรือไม่?”
“ท่านผู้าุโเชิญกล่าวมาเถอะ!” ฉินโจ้วผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่ง มีวิธีอื่นก็ดีแล้ว
“ความสามารถในการประเมินวัตถุของข้าค้างอยู่ที่ระดับสูงมานับร้อยปีแล้วเวลานี้อยากเลื่อนขึ้นสู่ระดับปรมาจารย์ เื่ต่างๆที่ต้องตระเตรียมก็เตรียมสรรพแล้ว แต่ยังขาดตัวยาสำคัญอย่างหนึ่งนั่นคือน้ำตาแม่พระธรณี ผู้กล้าน้อยยินดีจะไปหามาให้ข้าหรือไม่? ขอเพียงหาน้ำตาแม่พระธรณีมาได้ ข้ายินดีจะประเมินของอะไรก็ได้ให้เ้าฟรีๆเลย”
ฉินโจ้วไม่ได้ตอบทันทีหากหัวหน้าหมู่บ้านบอกว่า ‘นำมา’ หรือว่า ‘ซื้อมา’ ย่อมเป็การพิสูจน์ว่าอย่างน้อยที่สุดก็ยังมีทิศทางที่แน่นอนชัดเจนแต่คำว่า ‘หามา’ เช่นนั้นหมายความว่าภารกิจนี้ย่อมไร้ซึ่งแบบแผนและไม่อาจคาดการณ์ได้ความยากก็ต้องยิ่งมีมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามออกไป
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านพอจะช่วยบรรยายลักษณะของของสิ่งนี้ให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่?”
“ของสิ่งนี้ข้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อนแต่ว่าตามบันทึกในหนังสือโบราณ ของสิ่งนี้กำเนิดจากตุ๊กตาหินธรรมชาติสีดำเหมือนหมึก มีกลิ่นหอมฉุน นอกเหนือจากนี้ข้าก็ไม่มีข้อมูลของมันแล้ว” ผู้ใหญ่บ้านพูดเสียงแ่เบา
กำเนิดจากตุ๊กตาหินธรรมชาติ มีสีดำเหมือนหมึกแถมยังมีกลิ่นหอมฉุน ในใจของฉินโจ้วสะดุ้งเฮือก นึกถึงประติมากรรมหินรูปเด็กที่ก้นหุบเหวกับฉี่ดำๆนั่น คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง หรือจะเป็ประติมากรรมชิ้นใหญ่นั้นจริงๆเขาอดกลั้นต่อความตื่นเต้นไว้ในใจ ในใจของฉินโจ้วมีข้อสรุปทันที เขาเอ่ย “ท่านหัวหน้าหมู่บ้านโปรดวางใจ ผู้น้อยจะต้องหาน้ำตาแม่พระธรณีมาให้จงได้การช่วยท่านหัวหน้าหมู่บ้านให้เลื่อนขึ้นสู่ความรุ่งโรจน์ในระดับปรมาจารย์นักประเมินวัตถุถือเป็เกียรติแก่ฉายาผู้มีพระคุณแห่งหมู่บ้านเริ่มต้นที่ 888 ของข้ายิ่งนัก”
ผู้ใหญ่บ้านฉีกยิ้มราวกับเด็กๆเขาคิดไปคิดมา ล้วงขวดที่ทำจากหยกขาวบริสุทธิ์ออกมาจากอกเสื้อและมอบให้ฉินโจ้วพร้อมย้ำเตือนซ้ำแล้วซ้ำอีก“ขวดใบนี้หลอมจากดินเหลืองลึกลับของแผ่นดินมีชื่อว่าขวดหยกขาวเสวียนหวง สามารถบรรจุแม่น้ำลำคลองได้ภายในเป็มิติอีกมิติหนึ่ง น้ำตาแม่พระธรณีสามารถแทรกซึมสรรพสิ่ง มีแต่ต้องใช้ขวดหยกขาวเสวียนหวงเก็บไว้เก็บให้ได้อย่างน้อยสองหยด จงจำไว้ น้ำตาแม่พระธรณีมีความพิเศษยิ่งหลังจากที่พ้นจากแม่พระธรณีมีแต่ขวดหยกขาวเสวียนหวงนี้เท่านั้นจึงจะรักษาคุณสมบัติของมันได้เป็เวลานานอย่าใช้อย่างอื่นนอกจากขวดเสวียนหวงไปใส่ ข้าเหลือเวลาไม่มากแล้วหากผู้กล้าน้อยไม่กลับมาภายในวันเดียว ก็จะถือว่าภารกิจล้มเหลว”
ขณะที่ฉินโจ้วรับขวดหยกขาวเสวียนหวงมาเขาได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ
ติ๊ง! ระบบแจ้งเตือน : ผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามรับภารกิจตามหาน้ำตาแม่พระธรณีหากภารกิจล้มเหลวจะต้องถูกปรับโทษ หากทำภารกิจสำเร็จจะได้รับรางวัลพิเศษ
ฉินโจ้วรู้สึกได้ทันทีว่าระบบแจ้งเตือนในครั้งนี้ต่างไปจากครั้งก่อนๆก่อนหน้านี้เพียงให้ข้อมูลว่าหากภารกิจสำเร็จจะได้รับรางวัลแต่ครั้งนี้ยังเพิ่มเข้ามาอีกสองคำ อย่าได้ดูถูกคำสองคำนี้เชียวรางวัลที่จะได้รับย่อมไม่เหมือนกันแน่ เพื่อความปลอดภัยฉินโจ้วจึงเอ่ยถามออกไปคำหนึ่ง “ท่านหัวหน้าหมู่บ้านยังมีคำชี้แนะอะไรอีกหรือไม่?”
“สิ่งที่ข้ารู้มีเพียงเท่านี้” หัวหน้าหมู่บ้านตอบ ตามด้วยเสียงพึมพำอีกหลายคำ “ตามตำนานบันทึกไว้ ดูเหมือนว่าภายในตัวตุ๊กตาหินตามธรรมชาตินี้ได้ซุกซ่อนดวงตาพระแม่ธรณีเอาไว้มันมีคุณวิเศษ แต่ก็ไม่รู้ว่าเชื่อถือได้หรือไม่ เฮ้อ...หวังว่าครั้งนี้จะทำได้สำเร็จ ร้อยปีแล้ว ร้อยปี รอคอยมานานถึงขนาดนี้ข้าไม่รู้ว่ายังจะมีวันที่เลื่อนขั้นได้หรือไม่ ระดับปรมาจารย์อาจารย์ของข้าคาดหวังอยู่ตลอดชีวิตก็ยังทำไม่สำเร็จไม่รู้ว่าข้าจะมีโอกาสเช่นนั้นหรือไม่”
ฉินโจ้วกำลังจะก้าวเท้าข้ามประตูใหญ่ แต่แล้วก็กลับต้องชะงักลงครู่หนึ่งจากนั้นก็รีบจากไป
ด้วยความคุ้นเคยฉินโจ้วจึงมาถึงหุบเหวนี้ได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่ทำให้เขาหวั่นใจคือการปรากฏกายของผู้เล่นที่ปากทางเข้าหุบเขาอย่างคาดไม่ถึงนี่ไม่ใช่เื่ดีเลย ชาย 3 หญิง 2 ทั้งหมดเป็กลุ่มผู้เล่น 5 คนพวกเขากำลังฆ่าลิงจมูกเชิดสีทองตัวหนึ่ง
จิตใจของฉินโจ้วตื่นตัวขึ้นทันทีขออย่าได้ถูกคนอื่นตัดหน้าเข้าไปก่อนเชียว ไม่งั้นคงเสียดายแย่เขารีบจ้ำเดินอย่างว่องไวไปตลอดทาง ห่างจากสระน้ำลึกไปไม่ไกลมีผู้เล่นสองคนกำลังมุ่งหน้าเดินเข้าไปจริงๆ ฉินโจ้วแอบก่นด่าคำหนึ่งสถานที่ห่างไกลเสียขนาดนี้ ทำไมถึงยังมีพวกโง่เง่าวิ่งมาถึงได้อีก เขาเร่งฝีเท้าแซงผู้เล่นที่เดินนำหน้าอยู่ทั้งสองคนไป
ผู้เล่นสองคนนี้คนหนึ่งใช้ชื่อว่า “บุปผาไม่ร่วงโรย” อีกคนชื่อ “บุปผาบานควรเด็ด”สายตาของทั้งสองพลันเห็นว่ามีเงาคนคนหนึ่งเลี้ยวหายวับเข้าไปในท่ามกลางแมกไม้ วิ่งเสียเร็วจี๋ราวกับกำลังหนีเอาชีวิตรอดไปจากบริเวณนี้
บุปผาไม่ร่วงโรยเอ่ยถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”
บุปผาบานควรเด็ดตอบ “ข้าจะรู้ได้อย่างไรเห็นผู้เล่นคนนี้รีบวิ่งขนาดนั้น หรือว่าจะมีของดีอะไร?”
เมื่อได้ยินคำว่าของดีบุปผาไม่ร่วงโรยใจเต้นขึ้นทันที เขาพูดว่า “แล้วยังจะรออะไรอยู่อีกเล่า รีบตามไปเร็ว”
ทั้งสองจึงรีบไล่ตามไปไม่ว่าจะมีของดีหรือไม่ ไปถึงแล้วค่อยว่ากัน
พริบตาเดียวก็ถึงที่หมายตุ๊กตาหินธรรมชาติยังอยู่ที่เดิมตรงนั้น ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้ถูกผู้เล่นอื่นๆ ทำลายให้เสียหาย ฉินโจ้ว ผ่อนลมหายใจออกเฮือกหนึ่งด้วยความโล่งอกรีบหยิบขวดหยกขาวเสวียนหวงออกมา จากนั้นเอาไปจ่อที่ใต้เ้า... น้อยนั่นของเหลวสีดำไหลตามปากขวดลงไป หนึ่งหยด สองหยด สามหยด...ก่อนหน้านี้ดูแล้วเหมือนฉี่ไม่มีผิด แลดูไหลออกมาอย่างรวดเร็วแต่เวลานี้จึงพบว่าที่แท้มันหยดลงมาช้าถึงขนาดนี้... สี่หยด ห้าหยด...ทว่าในตอนนั้นเอง มีเงาคนวูบไหวบุปผาไม่ร่วงโรยกับบุปผาบานควรเด็ดเข้ามาอยู่ในระยะสายตาแล้วจิตใจของฉินโจ้วร้อนรนคันไม้คันมือนึกอยากใช้มือรีดเ้าฉี่ดำนี่ออกมาเหมือนรีดนมวัวสักทีความเร็วขนาดนี้ช่างทรมานใจคนจริงๆของที่บุคคลระดับอาจารย์ชั้นสูง้าต้องเป็สมบัติล้ำค่าแน่นอน
น้ำตาแม่พระธรณีหยดที่หก ในที่สุดก็หยดลงมาเสียงน้ำหยดกังวานใสฟังราวกับเสียงหัวใจเต้นของฉินโจ้วเสียจริง สั่นเบาๆเหมือนเสียงจาก์
หลังจากเก็บขวดหยกขาวเสวียนหวงกลับคืนฉินโจ้วก็หยิบกริชออกมา หันไปยิ้มกว้างกับผู้เล่นทั้งสองคน
บุปผาบานควรเด็ดกับบุปผาไม่ร่วงโรย สองคนสะดุ้งเฮือกต่างรีบล่าถอยไปหลายก้าว สีหน้าตื่นขณะมองฉินโจ้ว แม้ผู้เล่นจะไม่อนุญาตให้ PK[1] แต่เวลาที่เผชิญหน้ากับอาวุธปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติของคนย่อมต้องระมัดระวังตัวอยู่แล้ว
ฉินโจ้วพลิกมือปักกริชลงบนตัวตุ๊กตาหินเกิดเสียงดังตูม ตุ๊กตาหินธรรมชาติแตกออกเป็เสี่ยงๆ ตัวเขาก็คิดไม่ถึงว่าตุ๊กตาหินจะเปราะบางขนาดนี้แค่มีดเดียวก็แตกเป็เสี่ยงๆ แล้วเขายังอุตส่าห์วางแผนไว้ว่าถ้าใช้กริชทำลายไม่ได้จะใช้ก้อนหินทุบแทนเสียด้วยซ้ำขณะที่หินแตกออก มีลูกตาขนาดพอๆ กับลูกลำไยตกลงมาที่เท้าของฉินโจ้วพอดิบพอดี นี่ย่อมเป็ลูกตาของตุ๊กตาหินนี่ฉินโจ้วก้มตัวลงเก็บ เขาไม่ทันที่จะต้องคิดแล้ว รีบยัดมันเข้าไปในปากของตัวเองทันทีได้ยินเสียงอึกๆ เขากลืนมันลงไปในท้อง แถมยังส่งเสียงจิ๊ปากราวกับไม่มีรสชาติอะไร
เพราะความเคลื่อนไหวของฉินโจ้วรวดเร็วเกินไปบุปผาบานควรเด็ดกับบุปผาไม่ร่วงโรยได้แต่จ้องมองอย่างงงๆ จนกระทั่งฉินโจ้ว กลืนดวงตาของพระแม่ธรณีลงไปแล้วจึงได้สติรู้ว่านี่ต้องเป็ของดี บุปผาบานควรเด็ดรีบะโ “ช้าก่อน”
เสียดายว่าช้าไปก้าวหนึ่งแล้วไอ้เ้าผู้เล่นบุปผาร่วงโรยนั่นะโอย่างเปี่ยมโทสะ “ไอ้หนูใครอนุญาตให้แกกินของนั่นเข้าไป”
ฉินโจ้วกำลังจะตอบแต่ข้างหูได้ยินเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
ติ๊ง! ระบบแจ้งเตือน : ขอแสดงความยินดีด้วยผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามได้ผสานกับดวงตาแม่พระธรณี ได้ทำความเข้าใจเนตรเซียนพญายม
เนตรเซียนพญายม : สามารถมองทะลุไปถึงนรกทั้ง 18 ขุม อันนำไปสู่โลกใต้พิภพทั้งเก้าต้นไมู้เาแม่น้ำทั้งหมดล้วนไม่อาจกีดขวางได้ ภูตผีปีศาจไม่อาจหลบซ่อนมองเห็นได้ในยามราตรีดุจเวลากลางวัน ไม่กลัวหมอกหนา
คุ้มแล้ว คุ้มจริงๆอย่างอื่นยังไม่เห็นชัด ฉินโจ้วจำได้ข้อหนึ่งว่าต้นไมู้เาแม่น้ำล้วนไม่อาจกีดขวางพูดอีกนัยหนึ่งคือสามารถมองทะลุเข้าไปในูเาได้ในสถานการณ์ทั่วไปย่อมไม่มีความจำเป็ แต่หากใช้เพื่อการขุดแร่นั่นย่อมหมายความว่ามันจะเป็อาวุธที่ร้ายกาจยิ่งกว่าเครื่องมือตรวจที่มีความแม่นยำที่สุดเสียอีกโทษไม่ได้ที่ฉินโจ้วจะคิดถึงแต่เื่เงินๆ ทองๆ เพราะที่ผ่านมาเขายากจนเสียจนขยาดในความประทับใจของเขา หากจะถามว่าธุรกิจที่ทำเงินดีที่สุดคืออะไรแร่ควรอยู่ในสามลำดับแรก ดังนั้นเมื่อเห็นความสามารถของเนตรเซียนพญายมเพียงครู่เดียวเขาก็คิดโยงไปถึงแหล่งแร่แล้ว
สังคมทุกวันนี้สนใจแต่วัตถุมากเกินไปเดี๋ยวนี้มีเงินก็ทำได้ทุกอย่าง มีเงินถึงจะนับเป็พี่ มีเงินผู้อื่นถึงจะนับถือมีเงินถึงจะซื้อบ้านได้ มีเงินถึงจะแต่งเมียได้... กับเื่เงินฉินโจ้วมีความปรารถนามากมายเหลือเกิน จู่ๆ ก็มีวิธีหาเงินอันยอดเยี่ยมแบบนี้ฉินโจ้วรู้สึกอย่างกับสอบระดับจังหวัดผ่านได้อย่างไรอย่างนั้นทีเดียว
เมื่อบุปผาบานควรเด็ดเห็นฉินโจ้วกล้าเมินพวกเขาจึงตวาดอีกคำ “ไอ้หนูถ้าฉลาดก็ส่งขวดนั่นมาซะดีๆ ไม่งั้นถึงแม้ผู้เล่นจะไม่ได้รับอนุญาตให้ PK กัน แต่เมื่อออกมาจากหมู่บ้านเริ่มต้นแล้วอย่างนี้... หึหึ…”
เ้าสองคนนี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆน่ารำคาญเหมือนแมลงวันตอมหึ่งๆ ไม่มีผิดฉินโจ้วข่มความดีใจที่เก็บน้ำตาแม่พระธรณีได้ลงไปและถามกลับ “ไม่งั้นแล้วจะอย่างไร?”
บุปผาบานควรเด็ดกำลังคิดจะตอบโต้สักหลายคำแต่บุปผาไม่ร่วงโรยหยุดเขาไว้ คนคนนี้ค่อนข้างเ้าเล่ห์กว่า ฟังน้ำเสียงของ ฉินโจ้วไม่ค่อยดี จึงเปลี่ยนวิธี เขายิ้มบางๆและกล่าวขึ้นว่า “ดูๆ แล้ว น้องชายก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ตามกฎป่าเขียว[2] เมื่อเจอก็ต้องได้ส่วนแบ่ง ของกินสองชิ้นเมื่อครู่นั้นในเมื่อน้องชายกินเข้าไปแล้ว พวกเราก็ไม่คิดโต้แย้งอะไรอีกแต่ว่าของที่อยู่ในขวดควรคืนให้พวกเราถึงจะถูกไม่ใช่หรือ?”
“คืน?” ฉินโจ้วอุทาน
บุปผาไม่โรยรายืนยัน “ถูกต้อง บริเวณนี้เป็ที่ที่พวกเราสองคนพี่น้องค้นพบเพิ่งกำลังวางแผนหาภาชนะอะไรมาบรรจุของเหลวนี่อยู่พอดีคิดไม่ถึงว่าจะถูกน้องชายชิงตัดหน้าไปก้าวหนึ่ง ส่งขวดคืนมาให้พวกเราซะต่อไปยังพอจะนับเป็เพื่อนกันได้”
บุปผาบานควรเด็ดพูดเสียงเย็นสำทับ “ลืมบอกแกไปอย่าง ในโลกจริงพวกเราสองคนพี่น้องเป็พวกหุน”
หุนคือพวกมาเฟียสำหรับคนทั่วไป มาเฟียยังคงมีอำนาจอยู่มาก ได้รับอิทธิพลมาแต่ครั้งโบราณคนแบบนี้นับว่ามีอยู่ไม่น้อยเลยจริงๆ
ฉินโจ้วหัวเราะฮ่าๆ เสียงหัวเราะสดใสกังวานจากนั้นหุบยิ้มลง สีหน้าเปลี่ยนเป็เรียบเฉยไร้อารมณ์ในพริบตาดวงตาฉายไอสังหารพวยพุ่ง ใช้เสียงเย็นเค้นคำคำหนึ่งออกมา “ไปให้พ้น” สิ้นคำก็สาวเท้าก้าวยาวผละจากไป
เพราะท่วงท่าอันไร้ช่องโหว่ของฉินโจ้ว ทั้งสองคนกลับไม่กล้าขยับลงมือ ผู้เล่นไม่ได้รับอนุญาตให้ PK นอกจากข่มขู่ด้วยคำพูดพวกเขาจึงไม่อาจทำอะไรฉินโจ้วได้ ทำได้แต่จ้องมองฉินโจ้วผละจากไปอย่างไร้ทางเลือก
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านผู้น้อยไม่ทำให้ท่านผิดหวัง โชคดีผู้น้อยค้นพบน้ำตาแม่พระธรณีแล้วท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านได้ยินหรือไม่?” ตลอดการเดินทางฉินโจ้วไม่พูดไม่จากลับมาถึงห้องเก่าๆ ของหัวหน้าหมู่บ้านแห่งหมู่บ้านเริ่มต้น หัวหน้าหมู่บ้านยังหลับอยู่แต่เห็นได้ชัดว่าแกล้งหลับ เพราะว่า...
หัวหน้าหมู่บ้านเด้งตัวลุกขึ้นอย่างกับถูกไฟลนก้นไม่มีทีท่าง่วงนอนหลงเหลืออยู่ พูดไปสีหน้าท่าทางก็ตื่นเต้นตึงเครียดไปด้วย “พูดจริงหรือ เอามาให้ข้าเร็วเข้า”
ฉินโจ้วในเวลานี้ไม่มีท่าทีรีบร้อนเขาล้วงขวดหยกขาวเสวียนหวงออกมายื่นให้หัวหน้าหมู่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านมองด้วยอารมณ์กังวลระคนคาดหวัง ดวงตาเบิกกว้างชั่วครู่เวลาต่อมาสีหน้าก็แสดงความดีใจ ร้องเสียงดัง “น้ำตาแม่พระธรณีเป็น้ำตาแม่พระธรณีจริงๆ ข้าใฝ่ฝันมานานปี ในที่สุดวันนี้ข้าก็สมหวังแล้ว ดีใจข้าดีใจจริงๆ” พูดเสร็จก็หัวเราะฮ่าๆเดินวนไปมาเป็วงกลมอยู่ในห้อง รอบที่หนึ่ง รอบที่สองเดินวนอยู่สามสิบกว่ารอบเต็มๆ กว่าจะค่อยๆ สงบใจลงได้
แต่แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็เคร่งขรึมจริงจังหยิบเม็ดยาสีดำเมี่ยมออกจากอกเสื้อและตบเข้าปาก ตามด้วยการ กระดกขวดหยกขาวเสวียนหวงขึ้นหยดน้ำตาแม่พระธรณีลงบนดวงตาข้างละหยด
ชั่วขณะที่ของเหลวสีดำหยดลงบนดวงตาลำแสงสีรุ้งกลุ่มหนึ่งะเิขึ้นจากร่างของหัวหน้าหมู่บ้าน แลดูเรืองรองเจิดจ้ายิ่งนักราวกับถูกสาดทอด้วยกระแสไฟฟ้า ลำแสงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วรุนแรงสุดท้ายพุ่งทะลุหลังคาขึ้นฟ้าไป ทอแสงสว่างจ้าต่อเนื่องไปสุดฟ้าจรดดินช่างมหัศจรรย์นัก ภายในรัศมีพันลี้เห็นได้อย่างชัดเจนผู้เล่นทุกคนต่างหันมองมาทางนี้ หน้าตางุนงงไม่แน่ใจไม่รู้ว่าที่แท้แล้วเกิดเื่อะไรขึ้น
พระเ้ายิ่งใหญ่ทรงพลังเสียง์ะเิเป็ระลอกๆ
ติ๊ง! ประกาศจากระบบ : จุยเฟิงเจ่อแห่งเขตเหยียนหวงกลายเป็บุคคลแรกในรอบ500 ปี ที่เลื่อนขั้นขึ้นเป็นักประเมินวัตถุระดับปรมาจารย์กิจการประเมินวัตถุประสบความสำเร็จผู้เล่นอาชีพนักประเมินวัตถุทุกคนได้เลื่อนคุณสมบัติทุกอย่างขึ้น 10% จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ติ๊ง! ประกาศจากระบบ : จุยเฟิงเจ่อแห่งเขตเหยียนหวงกลายเป็บุคคลแรกในรอบ500 ปี ที่สามารถเลื่อนขั้นขึ้นเป็นักประเมินวัตถุระดับปรมาจารย์กิจการประเมินวัตถุประสบความสำเร็จ ผู้เล่นอาชีพนักประเมินวัตถุทุกคนได้เลื่อนคุณสมบัติทุกอย่างขึ้น 10% จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ติ๊ง! ประกาศจากระบบ : จุยเฟิงเจ่อแห่งเขตเหยียนหวงกลายเป็บุคคลแรกในรอบ 500 ปี ที่สามารถเลื่อนขั้นขึ้นเป็นักประเมินวัตถุระดับปรมาจารย์ กิจการประเมินวัตถุประสบความสำเร็จผู้เล่นอาชีพนักประเมินวัตถุทุกคนได้เลื่อนคุณสมบัติทุกอย่างขึ้น 10% จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
เวลานี้นักประเมินวัตถุทุกคนในเกมต่างพากันโห่ร้องขึ้นทันทีกิจการนักประเมินวัตถุที่ถูกทอดทิ้งได้รับความสนใจขึ้นในพริบตาคุณสมบัติได้เลื่อนขึ้น 10% แถมยังเป็คุณสมบัติทุกอย่าง แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้เล่นคนอื่นๆอิจฉาตาร้อนแล้ว
ติ๊ง! ระบบแจ้งเตือน : ขอแสดงความยินดีด้วยผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามทำภารกิจค้นหาน้ำตาแม่พระธรณีสำเร็จ รางวัลค่าประสบการณ์ :1,100 ค่าชื่อเสียง : +500 เงิน :+100 เหรียญทอง รางวัลแต้มอิสระ +5 คุณสมบัติซ่อน : +1 หนังสือรับรองอาชีพ 1เล่ม
แสงสว่างสีขาวส่องวาบค่าประสบการณ์มากมายทำให้ฉินโจ้วได้เลื่อนเลเวลขึ้นถึง 2 ขั้น
ติ๊ง! ระบบแจ้งเตือน : เนื่องจากผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามช่วยให้จุยเฟิงเจ่อได้เลื่อนระดับขึ้นเป็ปรมาจารย์ได้สำเร็จได้รับความเคารพจากนักประเมินวัตถุทุกคนได้รับสิทธิพิเศษในการประเมินวัตถุทุกชนิดฟรี เงินรางวัล : +500 เหรียญทอง รางวัลค่าชื่อเสียง : +100
ฉินโจ้วแย้มยิ้ม รางวัลช่างมากมายจริงๆ 600 เหรียญทองทั้งหมดล้วนเป็เงินเป็ทอง คุณสมบัติซ่อนยิ่งเป็สิ่งที่หาไม่ได้ง่ายๆและยังได้รับหนังสือรับรองอาชีพเพิ่มขึ้นอีกอย่าง นี่ก็เป็เื่ดีที่ยากจะพานพบเก็บเกี่ยวได้จังๆ เก็บเกี่ยวได้ครั้งใหญ่ ถ้ารับภารกิจแบบนี้มากขึ้นอีกสักหน่อยก็คงวิเศษไปเลย
ค่าโชคสูงจึงทำให้ทุกอย่างลื่นไหลได้ดีเยี่ยมจริงๆ
ผ่านไปสามนาทีเต็มๆแสงสว่างสีรุ้งค่อยๆ จางลง เงาร่างของจุยเฟิงเจ่อปรากฏขึ้นมา เวลานี้หัวหน้าหมู่บ้านดูเหมือนจะเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างถ้าดูด้วยตาก็เหมือนจะไม่มีอะไรต่างจากเดิม แต่ก็ดูคล้ายจะมีบางอย่างเปลี่ยนไปแต่ก็บอกไม่ถูกว่าความแตกต่างอยู่ตรงไหนมีความรู้สึกเหมือนเทพเซียนที่บินอยู่ในโลกโลกิยะอย่างนั้น
“ที่แท้ท่านหัวหน้าหมู่บ้านก็คือจุยเฟิงเจ่อผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็ที่เลื่องลือมานานขอแสดงความยินดีกับท่านผู้าุโที่เลื่อนระดับเป็ปรมาจารย์ได้สำเร็จ ยินดีด้วย” ฉินโจ้วสาวเท้าเข้าไปแสดงความยินดี
“ก็แค่ชื่อเสียง” คำพูดของจุยเฟิงเจ่อสุภาพถ่อมตนแต่หน้าตากลับยิ้มแย้มบานแฉ่งเท่าดอกเบญจมาศแล้ว จู่ๆเขานึกถึงอะไรขึ้นมาได้และพูดว่า “ข้าไม่จำเป็ต้องใช้ขวดหยกขาวเสวียนหวงใบนี้อีกแล้วมอบให้เ้าก็แล้วกัน เห็นที่เ้าดูเข้าตาข้า เก็บไว้เป็ที่ระลึกเถอะ อ้อ...อีกอย่างเ้าเคยจะให้ข้าประเมินอะไรนะ?”
ฉินโจ้วรีบกอดขวดหยกขาวเสวียนหวงไว้กับอก ใจคิดว่าในนี้ยังมีน้ำตาแม่พระธรณีอยู่อีก4 หยดต่อให้ท่านไม่มอบให้ข้า ข้าก็ต้องหาวิธีแย่งมันมาให้ได้ จากนั้นก็นิ่งไปครู่หนึ่งข้าลำบากลำบนแทบแย่เพื่อทำภารกิจนี้จนสำเร็จ ช่วยท่านเลื่อนขึ้นเป็ปรมาจารย์ท่านกลับลืมไปเสียแล้วว่าข้าจะให้ท่านประเมินอะไร มีอย่างที่ไหนกันไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตามากไปแล้ว แต่ว่าอารมณ์เสียไปก็มีแต่จะยิ่งทำให้แย่ลงเมื่อคิดถึงฐานะของจุยเฟิงเจ่อ จิตใจก็เปิดกว้างขึ้น เขาเป็คนใหญ่คนโตความเย่อหยิ่งก็ต้องสูงเป็ธรรมดาดังนั้นจึงหยิบแหวนสีดำสนิทไม่เข้าตาวงนั้นออกมาด้วยท่าทางพินอบพิเทา
เพียงเห็นมือใหญ่ๆ ของจุยเฟิงเจ่อขยับทีหนึ่งแลดูเชื่อมั่นสบายๆ ไร้ผู้ใดเทียบ มีแสงสีทองดำกลุ่มหนึ่งทอประกายวาบออกจากตัวแหวนการประเมินก็เสร็จสิ้นลง เร็วเสียจนอย่างกับแค่โบกมือไล่แมลงวันแค่โบกมือคราวเดียวก็มีค่าเท่ากับเงิน 50 เหรียญทองค้ากำไรเกินควรเห็นๆ แต่เวลานี้ฉินโจ้วไม่มีใจจะไปสบถก่นด่าเื่ค้ากำไรเกินควรนี้แล้ววินาทีที่เห็นลำแสงสีทองดำเปล่งรัศมีออกมาเขาก็รู้ทันทีว่าครั้งนี้ตนได้กำไรครั้งใหญ่อีกแล้ว
แหวนเรือทะเลทราย : อุปกรณ์ทองดำระดับสูงสุดมีมิติว่างขนาด 500 ลูกบาศก์เมตร ไม่ทนของหนักปกป้องของที่อยู่ในมิติเมื่อตายไม่ให้หล่นหาย พลัง : +25 พลังป้องกันเวท : +50 ไม่มีข้อกำหนดการใช้อุปกรณ์จดจำเ้าของ
แม้ว่าจะได้เจอของล้ำค่ามาแล้วหลายรูปแบบจุยเฟิงเจ่อยังคงชื่นชมออกมาคำหนึ่ง “คิดไม่ถึงว่าหมู่บ้านเริ่มต้นจะปรากฏอุปกรณ์ระดับทองดำนี่ไม่ใช่เื่ที่จะพบเจอกันได้บ่อยๆ แม้คุณสมบัติอื่นจะยังด้อยอยู่มากแต่เฉพาะข้อที่สามารถปกป้องของต่างๆในมิติไม่ให้สูญหายเมื่อตายก็เทียบได้กับอุปกรณ์ระดับิญญาทั่วไปแล้ว พ่อหนุ่มถือว่าเ้าโชคดีถ้าทักษะประเมินวัตถุของข้ายังอยู่ในระดับอาจารย์ใหญ่เงื่อนไขการสวมใส่ของชิ้นนี้ควรอยู่ที่เลเวล 15”
ฉินโจ้วเอ่ยถามเสียงอ่อย “แล้วถ้าเป็ทักษะที่อยู่ในระดับต่ำกว่าอาจารย์ใหญ่เล่า”
จุยเฟิงเจ่อกลอกตาทีหนึ่งและพูดว่า“เช่นนั้นเ้าก็ต้องรอจนกว่าจะถึงเลเวล 20 เอาล่ะในที่สุดก็เลื่อนเป็ปรมาจารย์แล้วได้เวลาที่ข้าจะกลับไปยังเมืองหลักเสียที อืม... พ่อหนุ่ม เมามายซบตักสาวงามใช่ไหมข้าจำเ้าได้แล้ว เ้าเป็คนดีมาก ยังมีอะไรที่้าให้ประเมินอีกหรือไม่?”
“ไม่มีแล้วข้าเพียงคิดอยากจะถามสักคำหนึ่ง ท่านจะยอมรับข้าเป็ศิษย์ได้หรือไม่? ข้าอยากร่ำเรียนทักษะประเมินวัตถุดู” ฉินโจ้วสีหน้าคาดหวังนี่เป็ธุรกิจที่ได้ประโยชน์จำนวนมากมายอย่างรวดเร็ว ลงทุนนิดเดียวก็ได้กำไรมหาศาลไม่สิ... แม้แต่ทุนก็ไม่ต้องลง
“เื่นี้” จุยเฟิงเจ่อคิดแล้วคิดอีกจึงตอบ “พร์ของเ้าเลื่อนขึ้นถึงขั้น 8 เมื่อไรค่อยมาหาข้า”
“...” ฉินโจ้วนิ่งไป
“ข้าไปละ” จุยเฟิงเจ่อที่ได้เลื่อนระดับแล้วดูเหมือนไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไปอีกแม้แต่วินาทีเดียวพอพูดจบก็กลายสภาพเป็ลำแสงกลุ่มหนึ่ง หายลับไปไม่เห็นเงาทันที
“ท่านผู้าุโ ข้าขอถามท่านยังมีม้วนหนังสือกลับเมืองเหลืออยู่หรือไม่? ข้าก็อยากกลับไปที่เมืองหลักเช่นกันการเลื่อนเลเวลเชื่องช้าเกินไป” ฉินโจ้วะโถามขึ้นฟ้าไป
“ไอ้บ้าเอ๊ย!” เสียงบนฟ้าถ่ายทอดกลับมา
“ไม่มีก็ไม่มีสิทำไมต้องพูดจาหยาบคายด้วย ช่างไม่ศิวิไลซ์เอาเสียเลย” ฉินโจ้วพึมพำจากนั้นหยิบแหวนขึ้นมาด้วยความเบิกบานใจ หยดเืลงไปหยดหนึ่ง แสงสว่างอ่อนๆส่องวาบ แหวนติดลงไปที่มือถืออย่างอัตโนมัติ ดูไปดูมาก็สวยดีไม่หยอก
มิติขนาด 500 ลูกบาศก์เมตรจะใหญ่ขนาดไหนกันนะ ใส่บ้านหลังหนึ่งเข้าไปก็ยังไม่มีปัญหาแบบนี้ก็ไม่ต้องกังวลเื่ข้าวของมากมายแล้ว ยาเอย อุปกรณ์เอย เสื้อผ้าต่างๆ เอยแล้วยังอาหารอีก มีเท่าไรก็เก็บได้เท่านั้นเดินทางผจญภัยหลายเดือนก็ยังไม่ต้องเติมกันละคราวนี้
แหวนมิตินับว่าเป็สิ่งที่ผู้คนมากมายใฝ่ฝันอยากจะจริงๆ
..........................................................................................................................................................
[1] PK มาจากคำว่า Player Kill หมายถึงการฆ่าตัวละครด้วยกันเองในเกม
[2] กฎป่าเขียว หมายถึง ชื่อเควสในเกม Jian Wang 3