หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หลินหร่านจึงเรียกติงหร่วนออกมา
อวี้ฉู่เฉิงพักฟื้นอยู่ที่ห้องด้านข้าง ส่วนหลินหร่านอยู่ที่ห้องหลัก
กว่าอวี้ฉู่เฉิงจะฟื้นขึ้นมาก็เข้าสู่วันที่สองแล้ว
เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือหนุ่มน้อยหน้าตางดงามราวกับหยกล้ำค่านอนฟุบบนเตียงที่เขานอนอยู่ ขนตางอนยาวทอดอยู่ใต้เปลือกตากระตุกเล็กน้อย ศีรษะวางเกยทับอยู่บนแขน ริมฝีปากสีชมพูรั้นขึ้น ดูน่ารักเสียจริง
ได้มองดูอีกคนแล้ว ในใจของอวี้ฉู่เฉิงรู้สึกสงบเป็ครั้งแรก
เขายืดแขนออกทำให้มีอาการปวด แต่เขาไม่สนใจ เขายื่นมือไปัับนใบหน้าของหลินหร่าน ลูบไล้ราวกับเสพติด ความรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างจากปกติเกิดขึ้นในหัวใจ
หลินหร่านขมวดคิ้วเพราะถูกทำให้ตื่น
“อือ...อือ…” หลินหร่านพยายามลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าของอวี้ฉู่เฉิง
“เ้า…” หลินหร่านรู้สึกถึงมือใหญ่ที่ััใบหน้าตนเอง เขารู้ได้ทันทีว่าตนเองกำลังถูกลวนลามจึงโกรธ
หลินหร่านพยายามจะลุกหนีกลับถูกฝ่ามือของอวี้ฉู่เฉิงคว้าไว้ ขยับไปไหนไม่ได้
“อย่าขยับ” แม้ว่าอวี้ฉู่เฉิงจะเอ่ยเสียงเบา แต่ก็ทำให้หลินหร่านสั่นไปทั้งตัว
“คุณชายน้อย เ้าอยากเป็ชายาของจ้านหวังจริงหรือ มาเป็ของข้าดีกว่าไหม” แววตาของอวี้ฉู่เฉิงไม่มีความซับซ้อนใดๆ เขามีสีหน้าครุ่นคิด ทว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับลอยเข้ามาในหูหลินหร่าน
“ขอเพียงเ้าบอกมา ข้ายินดีจัดการพวกเขา” อวี้ฉู่เฉิงขยับเข้ามาใกล้ ก้มหน้ามาแนบชิดบนหน้าผากของหลินหร่าน
“ไม่...ไม่ต้อง”
อวี้ฉู่เฉิงแรงเยอะมหาศาลจนหลินหร่านไม่อาจสู้ได้ และถึงในใจของเขาจะรู้สึกกลัวเป็อย่างมากแต่ก็ยังตอบออกไปเช่นนั้น
เมื่อคืนวาน เื่เ่าั้ทำให้หลินหร่านครุ่นคิดจนนอนไม่หลับ กระทั่งนึกถึงผู้ป่วยอย่างอวี้ฉู่เฉิง ่กลางดึกจึงได้ลุกขึ้นมาดู คอยป้อนน้ำให้ แล้วถึงผล็อยหลับอยู่ข้างเตียง
ตื่นขึ้นมาก็มาเจอคนที่อุตส่าห์ช่วยเหลือไว้ทำเช่นนี้อีก
“หรือว่าเ้าก็ดูถูกข้า” อวี้ฉู่เฉิงเปลี่ยนอารมณ์ในทันที ดวงตาแดงก่ำจ้องมองมาอย่างน่ากลัว
“ไม่...ข้า…”
“ช่างเถอะ” อวี้ฉู่เฉิงไม่สนใจฟัง เขาปล่อยหลินหร่านแล้วพยายามฝืนร่างกายลุกขึ้นนั่ง
เมื่อหลินหร่านเป็อิสระ เขาเห็นว่าคนตรงหน้ายังอ่อนแออยู่จึงได้พยายามข่มความกลัว ช่วยประคองอีกคนให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ
“ก๊อกๆๆ ” ติงหร่วนเคาะประตูได้ถูกเวลา “คุณชายน้อย ตื่นได้แล้วขอรับ”
“อ้อ ข้าตื่นแล้ว” หลินหร่านตอบกลับ หันมามองอวี้ฉู่เฉิงเล็กน้อยก่อนเดินไปเปิดประตู
ภายหลังประตูถูกเปิดออก ติงหร่วนจึงมองไปทางห้องด้านข้างแล้วเอ่ยถาม “เ้าคนนั้นตื่นหรือยังขอรับ”
“...ตื่นแล้ว เ้าให้คนไปต้มยาเถิด” หลินหร่านสั่ง
“ขอรับ คุณชายน้อยก็เตรียมล้างหน้าหวีผมเถิดขอรับ”
หลินหร่านพยักหน้ารับ
หลังจากติงหร่วนออกไป เขาก็เดินกลับไปห้องข้างๆ แต่ครั้งนี้เขาไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไป
หลินหร่านยืนพูดอยู่หน้าประตู “หลังมื้อเช้า...ก็กินยาเสีย เดี๋ยวข้าส่งเ้ากลับบ้าน”
“ข้าไม่มีบ้าน!”
“ถ้าอย่างนั้น…” จะทำเช่นไรดี หลินหร่านเจอกับเื่ยากลำบากเข้าให้แล้ว
คนผู้นี้ช่วยเข้ามาขวางคมมีดแทนเขา เขาจะเมินเฉยไปก็คงไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาเป็คนของท่านอ๋อง การให้ชายแปลกหน้ามาอาศัยอยู่ที่เรือนย่อมไม่เหมาะสม
ในขณะที่หลินหร่านกำลังจมอยู่กับความคิด อวี้ฉู่เฉิงมองเขาไม่วางตา เขาอยากรู้ว่าคุณชายน้อยผู้นี้จะจัดอย่างไร
หลินหร่านลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินออกไป ไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมถุงเงินในมือ
หลินหร่านไม่เดินเข้าไปใกล้ แต่เลือกที่จะเดินไปทางโต๊ะข้างเตียงเพื่อเว้นระยะห่าง เขาวางถุงเงินลงบนโต๊ะช้าๆ
“นี่เป็เงินทั้งหมดที่ข้ามีอยู่ เ้าเอาไปใช้เถอะ หาโรงเตี๊ยมอยู่น่าจะไม่มีปัญหา...ถ้ามีเวลาข้าจะแวะไปเยี่ยม”
นี่เป็เงินที่อวี้ฉู่จาวให้หลินหร่านไว้ มีอยู่ร้อยสิบตำลึงทอง
อวี้ฉู่เฉิงตั้งใจจะไปจากที่นี่อยู่แล้ว ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ใส่ใจว่าจะถูกเชิญออกหรือว่าถูกไล่ออกไป เขาตอบตกลง “ได้ ข้าจะรอเ้า”
หลังจากรับประทานมื้อเช้าพร้อมได้รับคำแนะนำจากหลินหร่าน อวี้ฉู่เฉิงกินยาแล้วค่อยออกจากจวนไป
หลินหร่านยังกำชับกับติงหร่วนให้หารถม้ามารับอีกฝ่ายไปส่งโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในเมืองอวี้อัน
แต่หลินหร่านไม่รู้เลยว่าอวี้ฉู่เฉิงไม่ได้ไปโรงเตี๊ยม ออกมาได้ครึ่งทางก็บังคับให้คนขับรถม้าไปส่งที่ประตูวังหลวง ประตูซวนอู่
ทว่า ขณะที่หลินหร่านส่งอวี้ฉู่เฉิงออกไปทางประตูหลังของจวนกลับมีคนมาพบเข้า
ภายหลังส่งชายผู้นั้นเรียบร้อย หลินหร่านก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
เขาคิดว่าอีกฝ่ายช่างเ้าอารมณ์ มีอารมณ์แปรปรวน เข้าใจยากและน่ากลัว
“คุณชายน้อย พวกคนร้ายเมื่อคืน…” ตอนนี้ติงหร่วนเพิ่งจะมีเวลาได้เอ่ยเื่นี้ “ตั้งใจจะมาทำร้ายท่านขอรับ”
ต่อให้ติงหร่วนไม่บอกหลินหร่านก็พอจะคาดเดาได้ หรือว่าจะเป็นางเว่ยอีก? แล้วทำไมนางถึง้าเอาชีวิตเขาอยู่ตลอดกันนะ
หลินหร่านขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนบอก “อาหร่วน ข้าอยากไปโรงยา”
“ข้าจะไปเตรียมรถม้าให้ขอรับ”
จากนั้นหลินหร่านก็ออกไปจากจวนแม่ทัพ
หลังจากที่รู้ว่าเมื่อวานมีผู้ชายคนหนึ่งอยู่กับหลินหร่านที่เรือนชุนอวี่ ใครบางคนก็ส่งคนมาติดตามหลินหร่านโดยพลัน
หากจับได้คาหนังคาเขา เช่นนั้นคงจะยกเลิกงานอภิเษกสมรสของหลินหร่านกับท่านอ๋องได้เป็แน่
.........
หลังจากหลินหร่านมาถึงโรงยา อวี้ฉู่จาวก็รอเขาอยู่ด้านในแล้ว
เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ท่าเสวี่ยกับหยิ่นเยวี่ยได้มารายงานให้อวี้ฉู่จาวรับทราบเรียบร้อย อวิ๋นซีของเขาเป็คนขี้กลัว เื่ที่เกิดขึ้นคงทำให้ใอยู่ไม่น้อย
นอกประตูของโรงยาไม่มีคนอยู่ หลินหร่านเคาะประตูเบาๆ ก่อนผลักเข้าไป
ส่วนติงหร่วนรู้ดีว่าไม่ควรเข้าไปจึงรออยู่ด้านนอกประตู
ข้างในโรงยา อวี้ฉู่จาวนั่งเช็ดกริชที่ด้ามทำจากแก้วเนื้อละเอียดอย่างเบามือ
“ท่านอ๋อง”
อวี้ฉู่จาวเงยหน้ามอง “มานี่สิ มานั่งตรงนี้”
เขากวักมือเรียกหลินหร่าน ตบลงบนที่ว่างข้างๆ ของตนเอง
หลินหร่านพยักหน้า เขาหันไปปิดประตูให้สนิทค่อยเดินไปนั่งข้างกาย
อวี้ฉู่จาววางกริชลงบนโต๊ะเตี้ยข้างหน้าหลินหร่าน เริ่มเอ่ยถาม “กริชด้ามนี้สวยไหม”
“สวย...สวยมากเลยพ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านมองกริชที่อยู่ตรงหน้าซึ่งไม่ใช่กริชธรรมดา แต่เป็งานศิลปะอันงดงาม
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอมอบให้เ้า มันมีชื่อว่าฮวาชาง ต่อไปคืออาวุธป้องกันตัวของเ้า ใช้อย่างระมัดระวัง อย่าทำให้ตนเองาเ็” อวี้ฉู่จาวหยิบปลอกกริชแกะสลักที่ทำจากทองผสมเงินขึ้นมา ก่อนนำกริชใส่เข้าไปจากนั้นจึงนำกริชไปแขวนที่เอวของหลินหร่าน
“อวิ๋นซี เ้ามีอะไรจะบอกข้าหรือไม่”
หลังอวี้ฉู่จาวนำกริชแขวนที่เอวของหลินหร่านแล้วจึงยื่นมือไปจับมือของอีกคน สบตาพร้อมเอ่ยถาม
หลินหร่านเล่าเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนกับเื่ที่ได้ช่วยคนผู้หนึ่งไว้ให้อวี้ฉู่จาวฟัง
อวี้ฉู่จาวรับฟังอย่างตั้งใจ ซึ่งตัวเขารู้ได้ทันทีว่านั่นคือน้องสี่อวี้ฉู่เฉิง
“คนผู้นั้นอารมณ์ร้าย อารมณ์แปรปรวน ข้ากับติงหร่วนคิดว่าต้องเป็คนไม่รู้จักบุญคุณใครแน่ แต่สุดท้ายเขาก็ช่วยข้าไว้”
“ต่อไปอย่าพบเจอกันอีกจะเป็การดีที่สุด หากเจอก็พยายามเลี่ยง อย่าไปยุ่งกับเขา”
ชาติก่อน อวี้ฉู่จาวไม่ค่อยข้องเกี่ยวกับคนในราชวงศ์สักเท่าไร ดังนั้นเขาจึงไม่รู้นิสัยใจคอของอวี้ฉู่เฉิง รู้แค่เป็คนโดดเดี่ยว เติบโตมากับการถูกฮองเฮาและอวี้ฉู่ซวนกดขี่ ใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างทุกข์ทรมาน
ถ้าไม่มีอะไรคนผู้นั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย เพราะในชาติก่อน คนผู้นั้นแทบไม่โผล่หัวออกมาเสียด้วยซ้ำ
“พ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านรับปากอย่างเป็มั่นเป็เหมาะ
-----------------------------------------