มุมปากที่ยกขึ้นบนใบหน้าของอวี้ฉู่เฉิงกลายเป็รอยยิ้มเจื่อน แววตาแสดงออกถึงความเหงาและความทุกข์ทรมาน
หลินหร่านที่คอยมองอวี้ฉู่เฉิงอยู่นั้นสังเกตเห็นหางคิ้วของเขาเริ่มมีเืไหลออกมาอีกครั้ง จึงคิดว่าความเศร้าที่ฉายอยู่บนใบหน้าของชายผู้นี้อาจเกิดจากความเ็ป
“...ข้าให้” หลินหร่านยื่นผ้าที่ค่อนข้างสะอาดให้อวี้ฉู่เฉิงด้วยมือสั่นเทา “...เ้าเช็ดเืเถอะ”
ตอนนี้ อวี้ฉู่เฉิงเริ่มมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น เขาจ้องมือเรียวเล็กขาวที่กำลังสั่นเทาน้อยๆ ของหลินหร่าน ในที่สุดก็รับผ้ามาอย่างไม่เต็มใจนัก
หลินหร่านรีบดึงมือของตนเองกลับก่อนจะหันไปหาติงหร่วนที่กำลังจ้องมองชายตรงหน้าอยู่
“เ้าชื่ออะไร” แม้จะเป็เพียงองค์ชายที่ต่ำต้อย ยามอวี้ฉู่เฉิงอยู่ต่อหน้าคนธรรมดาอย่างหลินหร่าน ตัวเขาก็ยังคงมีความภาคภูมิใจและท่าทีหยิ่งผยอง น้ำเสียงการพูดมีลักษณะพิเศษและโดดเด่น พร้อมสายตาที่มองมาราวกับไม่แยแสอะไร
“หลิน...หลินหร่าน” หลินหร่านตอบ
“คุณชายน้อย ท่านจะไปสนใจเขาทำไมขอรับ” ติงหร่วนเตือนหลินหร่านอย่างไม่เห็นด้วย “หากเขาเป็คนชั่วแล้วฆ่าคนจะทำอย่างไรกันขอรับ”
อวี้ฉู่เฉิงไม่สนใจถ้อยคำนั้น สายตามองเพียงหลินหร่าน “เ้าเป็คุณชายของตระกูลใด”
คราวนี้หลินหร่านไม่ตอบ เป็ติงหร่วนที่ตอบแทน “คุณชายของข้าเป็บุตรของจวนแม่ทัพฮวาเวย คนที่ฮ่องเต้แต่งตั้งให้เป็ชายาของเทพเ้าแห่งา” ติงหร่วนตอบกลับด้วยท่าทีโอ้อวด
อย่างไรก็ตาม ได้บอกนามไปแล้ว ติงหร่วนอยากจะเอ่ยออกไปเพื่อขู่เ้า ‘สุนัขตัวร้าย’ ที่ไม่รู้จักบุญคุณให้ได้เกรงกลัวกันบ้าง
“แม่ทัพฮวาเวย? ชายาจ้านหวัง?” หมายถึงอวี้ฉู่จาวอย่างนั้นหรือ
อวี้ฉู่เฉิงแอบขำอยู่ในใจ “เสด็จพี่สามช่างโชคดีเสียจริง”
หลินหร่านกับติงหร่วนหลบอยู่มุมฝั่งหนึ่ง ส่วนอวี้ฉู่เฉิงพิงประตูทางออกอย่างหมดแรง
ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน ใน่เวลานี้ พวกเขาต่างนิ่งเฉยไม่ทำอะไร
หลังจากนั้นไม่นาน
อวี้ฉู่เฉิง้าการฟื้นฟูร่างกาย ทันใดนั้น เขาคว้าข้อมือของติงหร่วนและคว้าเสื้อตรงหน้าอกอีกฝ่าย
เพราะติงหร่วนยังอายุน้อย อีกทั้งยังตัวเล็กจึงถูกจับโยนออกไปนอกหน้าต่างได้อย่างง่ายดาย
“อ้ะ” หลินหร่านเบิกตาด้วยความใ ยื่นมือออกไปคว้าชายเสื้อติงหร่วนเอาไว้ไม่ทัน
จากนั้นอวี้ฉู่เฉิงก็ขยับเข้ามาใกล้ สบตาหลินหร่าน
หลินหร่านใ ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงหรือขยับตัว แทบกลั้นหายใจเลยทีเดียว
“อา...อาหร่วน” ถึงแม้จะถูกเ้าสุนัขไม่รู้จักบุญคุณกันเอาไว้แทบทุกทาง แต่ในใจของหลินหร่านก็นึกเป็ห่วงติงหร่วนที่ถูกโยนออกนอกรถไป
“หยุด...หยุดรถ!” หลินหร่านพยายามะโให้เสียงดังพอ หวังว่าคนบังคับรถม้าจะได้ยิน
“เหตุใดต้องหยุดรถ?” อวี้ฉู่เฉิงเหล่มอง
“อา...อาหร่วน ตก...ตก...ตกลงไป”
“ตัวเองยังดูแลไม่ได้ จะไปห่วงเ้าเด็กนั่นทำไม”
ในที่สุดรถม้าก็หยุด ติงหร่วนที่อยู่ข้างนอกยังไม่ทันได้ลุกวิ่งตามมา ลำคอของคนขับรถม้ากลับมีเืไหลอาบก่อนร่วงหล่นลงจากรถม้า
ฉับพลัน มือสังหารชุดดำก็ผุดขึ้นมารายล้อมเอาไว้รอบด้าน
ท่าเสวี่ยกับหยิ่นเยวี่ยปรากฏตัวขึ้นที่ถนนจูเชวี่ยพร้อมกับคนอื่นทันที
ในไม่ช้า เสียงการต่อสู้ก็ดังเข้ามาภายในรถม้า
อวี้ฉู่เฉิงหันไปมองอย่างระมัดระวัง ม่านของรถม้าถูกเปิดออกจากด้านนอกก่อนที่ชายสวมหน้ากากดำจะแทงมีดเข้ามา
ถึงแม้ว่าตอนนี้ร่างกายของอวี้ฉู่เฉิงจะอ่อนแอ แต่เขายังคงมีทักษะที่ติดตัวมา จึงยกเท้าขึ้นเตะชายผู้นั้นออกไป
หลังจากนั้นหลินหร่านกับอวี้ฉู่เฉิงก็ถูกโจมตีจากทางประตูและด้านซ้ายขวา หลินหร่านพลันรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เพื่อปกป้องหลินหร่าน อวี้ฉู่เฉิงไม่มีแรงสู้กลับจึงทำให้ถูกแทงเข้ามาจากสองฝั่งจนได้รับาเ็
ด้านนอกรถ
แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีจำนวนมาก แต่สำหรับองครักษ์เงาอย่างท่าเสวี่ยกับหยิ่นเยวี่ย ย่อมจัดการได้อย่างสบาย
หลินหร่านถูกเืจากแขนของอวี้ฉู่เฉิงเรียกสติกลับมา
“...เ้าเป็อย่างไรบ้าง” มือทั้งสองข้างของหลินหร่านสั่นเทา ไม่รู้ว่าควรจัดการเช่นไรดีจึงทำตามสัญชาตญาณ ยื่นมือออกไปกดาแของอวี้ฉู่จาวไว้เพื่อห้ามเื “เ้า...เ้าเจ็บหรือไม่”
อวี้ฉู่เฉิงตกตะลึงไปชั่วครู่
ช่างน่าเศร้าเสียจริง นี่คงเป็เพียงคนเดียวที่นอกจากท่านแม่แล้วยังเป็ห่วงว่าเขาเ็ปหรือเปล่า
“คุณชายน้อย ข้าคงกลับบ้านไม่ได้แล้ว ข้าควรทำอย่างไรดี” อวี้ฉู่เฉิงมีเืไหลท่วมกาย แต่สีสันบนใบหน้ากลับดูสดใส
“...อย่างนั้น...กลับไปบ้านข้าก่อนเถิด” หลินหร่านกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเป็กังวล
เวลานี้ อวี้ฉู่เฉิงถึงหลับตาลงได้อย่างวางใจ
“คุณชายน้อย!” ติงหร่วนรีบวิ่งมาก่อนจะเปิดม่านเพื่อตรวจดูผู้เป็นาย
ดีที่หลินหร่านไม่เป็อะไร แต่เ้าสุนัขร้ายสลบจากอาการาเ็ไปแล้ว
“รีบกลับกันเถอะ ให้คนไปตามท่านหมอมาด้วย”
“คุณชายน้อย…ท่านไม่เป็อะไรใช่ไหมขอรับ” ติงหร่วนรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเป็ศัตรูกับเ้าคนนี้อยู่เลย
“ข้าไม่เป็ไร เขาต่างหากที่เป็ เขาาเ็เพราะปกป้องข้า รีบกลับจวนกันเถอะ” พูดมาถึงตอนนี้หลินหร่านรีบคะยั้นคะยอ
ท้ายที่สุดหลินหร่านก็ได้นำองค์ชายสี่อวี้ฉู่เฉิงกลับไปยังเรือนชุนอวี่
.........
“ว่าอย่างไรนะ ล้มเหลวอย่างนั้นหรือ!” เสียงของนางเว่ยกรีดร้องมาจากห้องทางปีกตะวันออกด้วยความพิโรธ “คนเยอะขนาดนั้น แค่เด็กสองคนยังจัดการไม่ได้เชียวหรือ?”
“ฟูเหริน คนเ่าั้ตายหมดแล้วขอรับ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ชายวัยกลางคนที่มีแผลน่าเกลียดบนใบหน้าด้านซ้ายเอ่ยขึ้น
“รู้แล้ว เ้ารีบไปเสีย”
หลังจากนั้น คนผู้นั้นก็ออกจากจวนไป
นางเว่ยกำผ้าในมือแน่น ใจรู้สึกร้อนรน
“ท่านแม่เ้าคะ หรือว่าเ้าหลินหร่านนั่น...จะมีวิชามารจริง” เวลานี้ หลินเสี่ยวฉีเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้น
นางเว่ยหันไปมองหน้าหลินเสี่ยวฉีทันที “เ้าเชื่อหรือ”
“ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่...นอกเสียจาก...ข้างกายเขามีผู้อื่นอยู่ด้วย”
“ไม่ว่าอย่างไรก่อนที่นายท่านจะกลับมา เราต้องจัดการเื่นี้ให้เรียบร้อย อย่างไรก็ต้องทำลายงานอภิเษกนี้ให้จงได้ มิเช่นนั้น...นอกจากตำแหน่งพระชายา ยังมีเ้าคนเถื่อนหลินเซี่ยงตี๋ที่จะกลับมาพร้อมกับนายท่านอีก เราต้องจบสิ้นแน่”
“เ้าค่ะ”
“่นี้พี่ชายเ้าทำอะไรอยู่” นางเว่ยเปลี่ยนมาถามถึงบุตรชายหรือหลินเหลียงโดยพลัน
“ได้ยินจากผู้ติดตามของท่านพี่บอกว่า ท่านพี่ยังคงเหมือนเดิม เรื่อยเปื่อยอยู่กับคนพวกนั้น ท่องบทกวี ไปลักพาตัวหญิงสาวจากชายแดนทางเหนือมาเล่นสนุก”
“เหตุใดจึงไปลักพาตัวมาอีก? หากพ่อของเ้ารู้เื่นี้ได้ตีพี่เ้าขาหักเป็แน่” นางเว่ยกล่าวเสียงสูง รู้สึกผิดหวังที่บุตรของตนเป็เช่นนี้
“เตือนให้เขารู้จักยับยั้งชั่งใจเสียบ้าง!” แต่นั่นคือบุตรชายของตน นิสัยเสียเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรคงแก้ไขไม่ได้ ทำได้แค่ตักเตือนเท่านั้น
หลินเสี่ยวฉีพยักหน้ารับรู้
.........
อีกด้านหนึ่ง หลินหร่านพาชายผู้นั้นกลับเรือนชุนอวี่ ทั้งยังให้คนไปตามหมอมาดูอาการด้วย
“เขาเป็อย่างไรบ้าง...ท่านหมอ” หลินหร่านเอ่ยถามหมอที่เดินออกมาจากห้อง
“าแบนร่างกายค่อนข้างเยอะ ภายในร่างกายก็ได้รับาเ็ไม่น้อย ต้องได้รับการบำรุงอย่างดีขอรับ” ท่านหมอใจดีมีปอยผมยาวลงมาข้างขมับกล่าวพร้อมจดเทียบยาให้
“ขอรับ...ต้องรบกวนท่านหมอแล้ว อาหร่วน...ส่งท่านหมอด้วย”
หลังจากหมอกลับไป หลินหร่านที่เป็กังวลอยู่ถึงคลายความตึงเครียดลงได้ เขามองเทียบยาอยู่นาน
จากนั้นแววตาก็เต็มไปด้วยความเศร้า
หลินหร่านในตอนนี้เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า คนที่ตนเองนำกลับมานั้นเป็คนแปลกหน้า
หากคนอื่นรู้จะทำเช่นไร ตอนนี้เขาเป็คนของท่านอ๋องแล้ว เช่นนี้หากท่านอ๋องเสียหายจะทำอย่างไรดี...
------------------------------------