นางซ่งสังเกตท่าทางของหลินหร่านจึงรับรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะเริ่มทนไม่ไหวถึงได้เอ่ย “...ตอนที่เ้าถูกไล่ออกจากจวน ข้าสงสารจับใจ แต่ฟูเหรินเป็ผู้มีอำนาจข้าเลยไม่อาจทำอันใดได้ ตอนนี้ยังมาเห็นเ้าถูกเลือกให้แต่งงานกับท่านอ๋อง ถ้าเช่นนั้น หากภายภาคหน้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกข้าก็ไม่ต้องร้อนใจ...”
นางซ่งลังเลเล็กน้อย คิดว่าพูดมาเยอะขนาดนี้ก็สมควรแก่เวลาแล้วจึงเริ่มเข้าเื่
“คุณชายน้อย คุณชายน้อย” นางซ่งเรียกสติของหลินหร่านให้กลับคืนมา
“...หือ?” หลินหร่านหันไปมอง
“พวกเราต่างก็ลำบากทั้งคู่ที่ต้องมาอยู่ภายใต้การกดขี่ของฟูเหริน เ้าคงไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ เช่นนี้ใช่หรือไม่”
หลินหร่านไม่ได้เป็คนโง่ ที่นางซ่งเอ่ยมาอย่างนี้ รวมไปถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของนางก็เพื่อจะให้เขาสั่งสอนนางเว่ย
“นี่...ท่าน…” หลินหร่านไม่ชอบความรู้สึกเหมือนกำลังถูกใช้เป็เครื่องมือ เขาขมวดคิ้วมอง
“ยังมีอีกเื่ เ้าได้เป็ชายาของท่านอ๋องก็อย่าลืมพี่ลืมน้องเสียล่ะ หากมีโอกาสก็กราบทูลให้ได้เลื่อนตำแหน่งกันบ้าง ท่านอ๋องมีอำนาจล้นมือ อย่าให้มันเสียเปล่า…”
“นี่ท่าน...พอได้แล้ว!”
หลินหร่านะโออกมาโดยไม่รู้ตัว
่แรกที่นางซ่งเอ่ยคำพูดเ่าั้ เขายังครุ่นคิดอยู่เลย เพราะไม่รู้ว่าตนเองควรตอบอย่างไร แต่เมื่อได้ยินนางซ่งเอ่ยลามปามไปถึงท่านอ๋อง ให้เขาใช้ประโยชน์จากอำนาจที่มีจึงโกรธขึ้นมาโดยพลัน
นี่พวกเขาเห็นอวี้ฉู่จาวเป็อะไร ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงกันบ้างหรือ จะมาใช้ประโยชน์จากอำนาจของอวี้ฉู่จาวแบบนี้ได้อย่างไร
นางซ่งที่ถูกหลินหร่านะโใส่ตะลึงงัน
หลินหร่านก็ใตนเองเช่นกัน หลังจากะโออกไปเช่นนั้นก็ทำตัวไม่ถูก
และในขณะนั้น ติงหร่วนก็กลับมาพอดี
“คุณชายน้อย อาหารเสร็จแล้วขอรับ” ติงหร่วนเข้ามาในห้องโดยไม่ได้ทำความเคารพนางซ่ง เขายกถาดอาหารเข้ามาวางบนโต๊ะ
บนโต๊ะมีของที่นางซ่งนำมาให้หลินหร่านสองกล่อง ทว่าติงหร่วนกลับปัดกล่องสองใบนั้นตกลงพื้นราวกับไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้ววางถาดอาหารในมือลงบนโต๊ะพร้อมส่งยิ้มให้หลินหร่าน “คุณชายน้อย รับประทานอาหารเถิดขอรับ”
“เอ๊ะ นี่เ้าทำอะไร ทำไมปัดของที่ข้าเอามาให้คุณชายน้อยลงพื้นเช่นนี้” นางซ่งยืนพลางชี้นิ้วตำหนิ
แม้ว่าในจวนแม่ทัพ จะมีนางเว่ยเป็ฟูเหรินที่มีบุตรชายกับบุตรสาวอย่างละหนึ่งคนให้กับหลินฮวาเหนียน แต่ก็ไม่เคยมีใครมาทำท่าทีไม่แยแสนางเช่นนี้
ติงหร่วนทำเหมือนไม่ได้ยิน เตรียมตั้งสำรับอาหารบนโต๊ะต่อไป
หลินหร่านรู้สึกแปลกใจกับการกระทำของติงหร่วนจึงได้แต่จ้องมองเขา
“นี่ข้ากำลังพูดกับเ้าอยู่นะ” สีหน้าของนางซ่งเริ่มเปลี่ยนไป ใบหน้าบูดบึ้ง “เอ๊ะ นี่เ้า…”
“ท่านยังไม่กลับหรือขอรับ” ติงหร่วนจัดสำรับอาหารเสร็จก็หันไปถามนางซ่ง “ที่เรือนชุนอวี่ไม่มีอาหารไว้ต้อนรับเสียด้วย” เขามีสีหน้าจริงจัง
“เ้า...ข้ามาหาคุณชายน้อย...นี่เ้าเป็เด็กอย่างไร เพิ่งจะเข้ามาอยู่เรือนนี้ก็ทำหน้าที่เป็หมารับใช้ผู้ซื่อสัตย์เสียแล้วหรือ ตอนที่ข้าช่วยฟูเหรินคนก่อนดูแลคุณชายน้อย เ้ายังไม่เกิดด้วยซ้ำ…”
“เมื่อก่อน? ไม่รู้ว่าที่ท่านพูดว่าเมื่อก่อนหมายถึงตอนไหน ท่านบอกว่าตนเองเป็ห่วงคุณชายน้อย เคารพฟูเหรินคนก่อน แต่ถึงจะไม่ลงรอยกับฟูเหรินคนปัจจุบันอย่างไร หลายปีมานี้ท่านเคยมาดูดำดูดีคุณชายน้อยสักครั้งหรือไม่ขอรับ ่ที่คุณชายน้อยลำบากเคยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืองั้นหรือ”
ไม่จำเป็ต้องเอ่ยถาม ติงหร่วนก็รู้ว่าสิ่งที่นางซ่งเอ่ยมาก่อนหน้านี้ล้วนเป็คำพูดหลอกลวง คิดว่าคุณชายน้อยของเขาหลอกง่ายไม่รู้เื่อะไร
ตอนแรกติงหร่วนเห็นว่ามีแขก คิดว่ารอแขกกลับก่อนค่อยเข้ามา แต่ใครจะรู้ว่าเป็แขกที่น่ารำคาญเพียงนี้
ถ้อยคำที่นางซ่งกล่าวกับคุณชายน้อย เขาได้ยินทั้งหมด เื่ของคุณชายรองตระกูลหลินอย่างหลินหร่านมีใครในเมืองหลวงบ้างที่ไม่รู้ เขาจึงเข้าใจการกระทำของนางซ่งเป็อย่างดี นางเป็เพียงคนที่้าหวังพึ่งบารมีของผู้อื่น
“ข้า…นั่นเป็เพราะความชั่วร้ายของนางเว่ย นางคอยจับตาดูตลอดเวลาไม่ใช่หรือไง” นางซ่งกำผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างมีพิรุธ
“ตำแหน่งท่านใหญ่เพียงนี้ ใครจะไปทำอะไรท่านได้ วันที่คุณชายน้อยถูกกำหนดให้แต่งงานกับท่านอ๋อง ฟูเหรินก็จับจ้องอยู่ไม่ใช่หรือ ท่านนี่หูตาไวจริงเชียว”
นางซ่ง “...”
ติงหร่วนเอ่ยออกมาอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว
หลินหร่านที่ยืนอยู่ข้างๆ เต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกใจ ตอนแรกคิดว่าคงเป็เด็กที่นิสัยคล้ายๆ ตนเอง ไม่คิดเลยว่าจะเป็คนเก่งกาจเช่นนี้
“คุณชายน้อย…” นางซ่งที่โดนจ้องมองพูดอะไรไม่ออก ได้แต่หันไปหาหลินหร่านเพื่อขอความช่วยเหลือ
ถึงอย่างนั้น ติงหร่วนกลับไม่คิดเปิดโอกาส
“ท่านรีบกลับไปที่เรือนของตนเองเถิด คุณชายน้อยจะได้รับประทานอาหารเสียที แล้วก็นำของของท่านกลับไปด้วย” ติงหร่วนหยิบของขึ้นมาจากบนพื้นก่อนส่งคืนให้นางซ่ง
ผลสุดท้าย นางซ่งจึงเดินกระฟัดกระเฟียดออกจากเรือนชุนอวี่ไป
“คุณชายน้อย ต่อไปอย่าได้สนใจคนเหล่านี้เลยขอรับ เคารพบูชาผู้สูงศักดิ์ เหยียบย่ำผู้ต่ำต้อย” ติงหร่วนยื่นตะเกียบให้หลินหร่าน ให้เขาเริ่มลงมือรับประทานอาหาร
“อื้อ” หลินหร่านพยักหน้า จริงๆ เขาก็ไม่ชอบสนทนากับคนจำพวกนี้
ตอนแรกก็คิดว่าเป็คนดี สุดท้ายคำว่า ‘ผลประโยชน์’ สามคำนี้กลับเขียนอยู่บนหน้าอย่างชัดเจน อีกทั้งยัง้าใช้ประโยชน์จากท่านอ๋องอีก
“คุณชายน้อยอดทนอีกสักหน่อย หลังแต่งงานจะได้เข้าไปอยู่ในวังหลวง คงไม่มีเื่น่ารำคาญใจเช่นนี้แล้วขอรับ”
คำพูดของติงหร่วนไปสะกิดใจของหลินหร่านเข้า
หลินหร่านทอดสายตามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดมิดด้านนอก นี่ก็หนึ่งวันแล้วที่เขาแยกจากอวี้ฉู่จาว ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้พบกัน หรือต้องรอจนถึงวันแต่งงานเลย
แล้วเมื่อไรจะจัดงานกันนะ งานอภิเษกสมรสที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ก็เปรียบเสมือนการหมั้นหมายในยุคปัจจุบัน
การจัดงานแต่งคงต้องใช้เวลานาน ระยะเวลาสั้นหน่อยก็หลายเดือน แต่หากใช้เวลานานหน่อยก็ต้องรอเป็ปีถึงสองปี
หลินหร่านใช้ตะเกียบในมือเขี่ยข้าวไปมาด้วยท่าทีเหม่อลอย ไม่ได้กินอะไรสักคำ
ติงหร่วนก็ไม่รู้ว่าคุณชายน้อยของเขาเป็อะไร แววตาดูสับสน ใบหน้าหม่นหมอง
เขาไม่มีทางรู้หรอกว่าหลินหร่านกำลังมีอาการป่วยจากความรัก
หลังรับประทานเสร็จ ไม่รู้ว่าติงหร่วนยุ่งอยู่กับอะไร หลินหร่านนั่งอยู่ที่หน้าต่างทอดสายตามองท้องฟ้า
ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับกับพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว บางครั้งก็มีเสียงร้องของนกกางเขนที่ดังมาให้ได้ยินอยู่เรื่อยๆ
ทันใดนั้น หลินหร่านใเป็อย่างมากเพราะมีถั่วแดงตกมาอยู่ที่กรอบหน้าต่าง
หลินหร่านลองมองดูชัดๆ อีกครั้ง เขาหยิบถั่วแดงขึ้นมาพลางจ้องไปที่มันอย่างตั้งใจ
เ้าถั่วแดงนี่มาจากไหนกันนะ?
จากนั้น ถั่วแดงอีกหลายเม็ดก็ร่วงลงมาใส่กรอบหน้าต่าง และแล้ว อาการเก็บสะสมถั่วแดงของหลินหร่านพลันกำเริบ
ขอแค่เป็ถั่วแดง อย่างอื่นเขาไม่สนใจทั้งนั้น ดั่งความรักที่เขามีต่ออวี้ฉู่จาว
หลินหร่านกำลังยุ่งอยู่กับการตามเก็บเ้าถั่วแดง หลังเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับคนที่อยู่ในใจยืนอยู่ตรงหน้า
ร่างสูงของอวี้ฉู่จาวปรากฏตัวที่สวนในเรือนชุนอวี่ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มซึ่งมีให้หลินหร่านแต่เพียงผู้เดียว
“ท่านอ๋อง!” ฉับพลัน ในใจของหลินหร่านก็สดใสขึ้นทันตา
----------------------------