หลินหร่านเห็นอวี้ฉู่จาวอยู่ในสวนก็รู้สึกดีใจเป็อย่างมาก จึงรีบวิ่งออกไปจากห้อง
เมื่อวิ่งมายืนอยู่ตรงหน้าอวี้ฉู่จาว หลินหร่านมองสำรวจท่านอ๋องด้วยดวงตากลมโตพลางใช้มือจับแขนเสื้อของอีกคนแ่เบา
หลังแน่ใจแล้วว่าตนเองไม่ได้คิดไปเองจึงเงยหน้าขึ้นแล้วฉีกยิ้มกว้าง
หลินหร่านผิดหวังมาเยอะแล้ว มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะไม่กล้าคาดหวัง เฉกเช่นเื่นี้ที่มักทำได้เพียงวาดฝัน
“อวิ๋นซี”
“พ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ฉู่จาวจับมือหลินหร่าน “เป็อย่างไรบ้าง ชินแล้วหรือยัง”
หลินหร่านก้มหัวลงอีกครั้งแล้วปล่อยให้มือของตนเองเข้าไปอยู่ในฝ่ามือของอวี้ฉู่จาว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมบอก “ดีขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ฉู่จาวรู้ว่าหลินหร่านไม่ใช่คนพูดเยอะ ตอบมาเช่นนี้ก็เท่ากับรู้สึกธรรมดา ไหนจะเมื่อครู่ที่หลินหร่านนั่งเหม่อมองนอกหน้าต่างอยู่คนเดียว เขารู้ได้เลยว่าอีกคนคงรู้สึกไม่ค่อยดี
จากรายงานขององครักษ์เงา อวี้ฉู่จาวรับรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“ข้า...รู้สึก...คิดถึงท่านอ๋อง”
ตอนแรกคิดว่าเป็เพราะหลินหร่านไม่ชอบผู้คนที่นี่ถึงได้รู้สึกไม่คุ้นชิน
ไม่คิดเลยว่าเหตุผลจะเป็เพราะมัวแต่นึกถึงเขา
หลินหร่านรู้สึกไม่ค่อยดี แต่ก็คิดว่าพูดแบบนั้นออกไปคงไม่เป็อะไร เพราะนี่เป็ความรู้สึกที่อยู่ในใจเขา
อีกทั้งหลินหร่านรู้อยู่แล้ว ท่านอ๋องไม่อาจนำตัวเขาหรือหัวใจของเขาพกติดตัวไปตลอดได้ เพราะฉะนั้นเขาถึงอยากแสดงออกบ้าง การได้อยู่กับท่านอ๋องนับเป็ความโชคดี ตรงกันข้าม การที่ท่านอ๋องต้องอยู่กับตนเองอาจทนทุกข์ทรมาน
ในใจของหลินหร่านคิดเช่นนั้น
“ข้าก็คิดถึงอวิ๋นซี” ความรู้สึกที่อวี้ฉู่จาวแสดงออกมามีความหมายต่อหลินหร่านมาก “เ้าดูสิ ข้านำถั่วแดงมาหาเ้าแล้ว”
อวี้ฉู่จาวบีบมือหลินหร่าน เก็บถั่วแดงในมือไปก่อนลูบมืออีกคนไปมา “ข้างนอกหนาว ระวังสุขภาพบ้างสิ แล้วเ้าจะให้กำเนิดลูกข้าได้อย่างไร”
คำพูดของอวี้ฉู่จาวทำให้หลินหร่านหน้าแดงก่ำ
อวี้ฉู่จาวใช้มือจับ ‘เ้าแอปเปิลลูกโต’ ของเขาไว้ ค่อยๆ ประคองหลินหร่านเดินเข้าไปในห้อง
ทั้งคู่เข้ามาในห้องแล้วนั่งอยู่บนเตียงข้างๆ อ่างถ่าน1
ไม่รู้ว่าอวี้ฉู่จาวหยิบถั่วแดงจำนวนหนึ่งออกมาจากไหน เขายื่นมาตรงหน้าหลินหร่าน “ตำหนักในวังหลวงยังมีถั่วแดงอีกมากมายรอให้เ้าไปดู”
หลินหร่านมองถั่วแดงในฝ่ามือของอวี้ฉู่จาวแล้ววิ่งไปหยิบกล่องไม้มาจากบนโต๊ะ
“เอาถั่วเหล่านี้ใส่ในนี้ ส่วนถั่วที่ตำหนัก...เดี๋ยวข้าไปดูนะพ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านค่อยๆ หยิบถั่วแดงในมือของอวี้ฉู่จาวใส่ลงไปในกล่องไม้
หลังจากเก็บถั่วแดงเสร็จ อวี้ฉู่จาวก็โอบกอดหลินหร่านจากด้านหลัง ให้เขาแนบชิดอยู่ในอ้อมกอด
อวี้ฉู่จาวนับเป็บุคคลที่ใกล้ชิดและสำคัญที่สุดสำหรับหลินหร่าน เพราะอย่างนั้นการกระทำเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะเคยชินแล้ว แต่ทุกครั้งที่อยู่ใกล้อวี้ฉู่จาวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น เวลาผ่านไปครู่หนึ่งถึงค่อยๆ ผ่อนคลาย
ลมหนาวพัดอยู่ด้านนอก ในห้องมีเปลวไฟส่องสว่างจากเตา ช่างอบอุ่นและงดงาม
“ห้องหอของเรา ข้าได้เตรียมให้คนมาทาสีใหม่แล้ว เ้าชอบแบบไหนหรือ” อวี้ฉู่จาวกระซิบถามริมหู
“สำหรับข้าแบบไหนก็ได้ ขอแค่ท่านอ๋องคิดว่าดีข้าก็ว่าดีหมดพ่ะย่ะค่ะ”
“เ้าเป็แบบนี้ อาจทำให้ข้าคิดว่าตนเองยังดูแลเ้าไม่ดีพอ” คำพูดของอวี้ฉู่จาวแฝงไปด้วยความกังวล
“ท่านอ๋องดีต่อข้ามาก ข้ารู้สึก...ดีมากแล้ว”
ถ้อยคำของอวี้ฉู่จาวทำให้หลินหร่านใจเต้น หรือท่านอ๋องคิดว่าเขาเกรงใจมากไปกันนะ?
อวี้ฉู่จาวระบายยิ้มพลางยกมือลูบใบหน้าหลินหร่าน ก่อนประคองใบหน้าน้อยให้หันมารับจูบของตน
หลินหร่านเบิกตากว้าง
อวี้ฉู่จาวจุมพิตซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนถอนริมฝีปากออกพร้อมเอ่ย “อ้าปากหน่อย เอาลิ้นออกมาเล็กน้อย”
หลินหร่านเบิกตากว้างขึ้น เขากลืนน้ำลายเพราะรู้สึกเขินอายขึ้นมา เื่แบบนี้ต้องทำเช่นไรถึงจะเป็ธรรมชาติกันนะ
ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากออกเล็กน้อย อวี้ฉู่จาวก็จูบลงมาอีกครั้ง ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน
หลินหร่านไม่รู้ว่าตนเองควรโต้ตอบอย่างไร จากนั้น ลิ้นของหลินหร่านที่เพิ่งยื่นออกมาก็ถูกอวี้ฉู่จาวสอดประสาน
อวี้ฉู่จาวนั้นไม่ต้องพูดถึง เขาชำนาญเื่นี้เป็อย่างดี
หลินหร่านยังอ่อนหัด มักถูกชักนำโดยอวี้ฉู่จาว ทว่า เพราะเขาได้รับความอบอุ่นจากอวี้ฉู่จาวทีละน้อยจึงค่อยๆ หลับลงตาลงช้าๆ และมีความสุขไปกับ่เวลาที่แสนอ่อนโยน
ค่ำคืนนี้ อวี้ฉู่จาวนอนโอบกอดหลินหร่านอยู่ที่เรือนชุนอวี่
จนกระทั่งเช้าวันใหม่ เริ่มเข้าสู่ยามเหมา อวี้ฉู่จาวถึงตื่นนอน
วันนี้ต้องไปฝึกซ้อม่เช้า เขาต้องกลับไปเปลี่ยนชุดเพื่อเข้าประชุมที่วังหลวงก่อน
อวี้ฉู่จาวลืมตาขึ้นมา หันมามองหลินหร่านที่อยู่ในอ้อมกอด ประทับจูบแ่เบาบนหน้าผากแล้วลุกขึ้นจากเตียงอย่างระมัดระวัง
“อืม…” หลินหร่านเริ่มรู้สึกตัว ข้างกายเขาไม่มีท่านอ๋องแล้ว
เขาลืมตาแล้วยกมือขยี้เบาๆ อวี้ฉู่จาวเห็นอีกคนกำลังงัวเงียจึงอดไม่ได้ที่จะดึงเข้ามากอด
“ท่านอ๋องจะไปแล้วหรือ” เสียงของหลินหร่านขึ้นจมูกนิดๆ คงจะยังไม่ตื่นดี
“อืม ข้าต้องเข้าวัง่เช้า เ้านอนเถอะ ประเดี๋ยวเราก็ได้พบกันอีก”
“อื้อ” หลินหร่านพยักหน้าแล้วขยี้ตาอีกครั้ง เมื่อหาริมฝีปากของอวี้ฉู่จาวพบก็จูบไปหนึ่งทีทั้งที่ยังงัวเงียอยู่ แล้วค่อยหลับตาลงนอนต่อ
อวี้ฉู่จาวเพิ่งตระหนักได้ว่า หลินหร่านในเวลานี้แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา การกระทำทุกอย่างล้วนเป็ธรรมชาติ เมื่อคืนก็ทำให้หัวใจของทั้งคู่ได้เข้าใกล้กันอีกก้าวหนึ่ง
อวี้ฉู่จาวสวมเสื้อผ้าก่อนเดินไปข้างเตียง จุมพิตบนริมฝีปากของหลินหร่านอีกครั้งถึงเดินออกไป
ขณะที่เขากำลังเปิดประตูออกไป ติงหร่วนก็คอยเฝ้าอยู่ด้านนอก
“ท่านอ๋อง” ติงหร่วนคุกเข่าลงข้างหนึ่งคำนับ
“ดูแลอวิ๋นซีให้ดี ถ้าเขาเบื่อก็พาออกไปเดินเล่น ให้ท่าเสวี่ยกับหยิ่นเยวี่ยส่งคนติดตามไปด้วย หากเขาอยากพบข้าก็พาเขาไปที่ตำหนักของข้า ต้องทำอย่างไร เื่นั้นเ้าคงรู้” สีหน้าของอวี้ฉู่จาวเ็า
“กระหม่อมทราบพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะดูแลคุณชายน้อยเป็อย่างดี ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย”
หลังจากนั้นอวี้ฉู่จาวก็จากไปพร้อมกับลมหนาว
เทพเ้าแห่งากลับไปที่ตำหนักเพื่อทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับเข้าเฝ้าใน่เช้า
……..
“ถวายบังคมจ้านหวัง!”
“ถวายบังคมจ้านหวัง!”
ใบหน้าของอวี้ฉู่จาวสงบเหมือนหน้ากาก รูปลักษณ์ของมือสังหารในสนามรบก้าวเดินขึ้นบันไดั เหล่านายทหารชั้นประทวนกับข้าหลวงที่เขาเดินผ่านต่างพากันทำความเคารพ
เวลานี้ ประตูท้องพระโรงยังไม่เปิด แต่เหล่าข้าหลวงล้วนพากันมารอแล้ว
นี่เป็ครั้งแรกั้แ่กลับมาเกิดใหม่ของอวี้ฉู่จาวที่ได้มาเข้าเฝ้าเพื่อหารือเื่บ้านเมือง
ชาติก่อน อวี้ฉู่จาวทำาอยู่ในแถบชายแดนตลอด จนเขาลืมไปแล้วว่าในราชสำนักมีกลุ่มคนเหล่านี้อยู่ด้วย
เมื่อได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ทุกคนล้วนเป็คนที่คุ้นหน้ากันดี
พอได้ัักับบทเรียนของชีวิตในชาติที่แล้ว อวี้ฉู่จาวจึงมองเห็นบางสิ่งบางอย่างจากการกระทำของผู้คนเหล่านี้
แสดงท่าทีเคารพ แต่ในใจไม่เป็เช่นนั้น
วางตัวเป็กลางเพื่อปกป้องตนเอง นับว่าแสดงออกชัดเจนทีเดียว
------------------------------------
1 อ่างถ่าน หมายถึง อ่างโลหะหรือเตาโลหะที่เอาไว้ใส่ถ่าน ช่วยให้ความอบอุ่นในหน้าหนาว เปรียบเสมือนเตาผิงในปัจจุบัน