หลังจากทานข้าวเสร็จ ทุกคนก็นั่งเล่นพูดคุยกันอยู่ที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าครู่เดียวก่อนจะแยกย้ายกลับไปเรือนของตน เพราะว่าจะเดินทางไกล เมื่อกลับมาถึงเรือน จางจ้าวฉือจึงจัดการจัดหีบสัมภาระให้กับทุกคนในครอบครัว ที่นั่นสภาพความเป็อยู่คงไม่สะดวกสบายเท่าใดนัก จำเป็ต้องพกของไปเยอะหน่อย อาศัย่เวลาที่เหลือหลายวันนี้ จางจ้าวฉือจะทำยาเม็ดเอาไว้ให้กับฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน
การตรวจวินิจฉัยโรคพื้นฐาน ทั้งการดู ดม สอบถามและจับชีพจร จางจ้าวฉือเป็หมอแผนปัจจุบัน ร่างเดิมเป็บุตรีที่เกิดจากตระกูลแพทย์หลวงที่มีชื่อเสียงของราชวงศ์ก่อน แค่มองปราดเดียวก็มองออกว่าฮูหยินผู้เฒ่ามีโรคหัวใจ อีกทั้งความดันโลหิตก็สูง ปกติแล้วคนชราถึงแม้จะบำรุงร่างกายดีแค่ไหน แต่ก็มักจะมีเื่ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นเตรียมยาเอาไว้ก่อน มีของเตรียมเอาไว้รับมือกับอาการป่วย ย่อมเป็เื่ที่ดีกว่า
ครอบครัวสวี่เหราในคราวนี้ ได้รับความช่วยเหลือจากฮูหยินผู้เฒ่ามาก็มาก บวกกับครั้งนี้ หากไม่มีฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยปากช่วย จางจ้าวฉือกับลูกอีกสองคนที่อยากจะติดตามไปด้วยกันก็คงจะยุ่งยากไม่น้อย ในเมื่อแม่สามีของตนเองเอ่ยปากให้อยู่แล้ว ถ้าหากไม่มีฮูหยินผู้เฒ่ามาช่วยพูด ดูท่าว่าจะต้องถูกรั้งให้อยู่ในเรือนเป็แน่ ถึงแม้ภายหลังจะคิดหาวิธีตามออกไปได้ คาดว่าก็คงจะถูกคนตราหน้าว่าอกตัญญู สามีออกไปเป็ขุนนางนอกเมืองหลวง แต่ภรรยาไม่อยู่เลี้ยงดูบุตรอยู่ในเรือนช่างอกตัญญูต่อแม่สามีเสียจริง รั้นจะตามสามีของตนเองออกไปนี่ช่างเป็การอกตัญญูมิใช่หรือ?
ในตอนที่โหวเย่กับซื่อจื่อมีเวลาว่าง ก็ได้พาสวี่เหราไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องของตนเพื่อกล่าวลา มีญาติและมิตรสหายจำนวนมากมาอวยพรสวี่เหราที่จะออกเดินทางไกล เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้สวี่เหรายุ่งจนขาขวิด
จางจ้าวฉือคิดหาวิธีออกจากจวน ไปร้านโอสถที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ซื้อสมุนไพรที่ได้ใช้ หลังจากกลับมาก็เริ่มทำตามสูตรยาเม็ดที่ใช้ในชาติก่อน โดยใช้เตาที่ใช้ต้มน้ำอาบในการต้มยา ทำเป็ยาลูกกลอนหรือยาน้ำ
จางจ้าวฉือเมื่อตอนที่เป็ศัลยแพทย์ มีความสนใจเกี่ยวกับยาจีนเป็อย่างมาก พวกส่วนผสมพื้นฐานของโอสถที่ใช้ยามฉุกเฉินที่พบเห็นได้บ่อยนางก็รู้จักดี แพทย์แผนจีนในโรงพยาบาลยิ่งมีสูตรทำยาเป็ของตัวเอง มีอยู่่หนึ่งที่จางจ้าวฉือร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงมากเท่าไหร่ จึงไม่ได้เข้าร่วมเคสผ่าตัด เพียงแค่นั่งอยู่ในห้องตรวจเท่านั้น ห้องตรวจกับห้องยาจีนอยู่ใกล้กันมาก จางจ้าวฉือก็มักจะไปดูเพื่อนร่วมงานทำยาเม็ดบ่อยๆ และเมื่อมีโอกาสก็ขอให้เพื่อนที่ทำยาจีนสอนวิธีทำส่วนผสมในการทำยา ประโยชน์และวิธีการใช้สมุนไพรทุกชนิด ดังนั้น สำหรับยาที่ใช้ในยามฉุกเฉินนี้ จางจ้าวฉือสามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว
นางยุ่งกับการจัดการนู่นนี่อยู่สองวันเต็ม ในเรือนเล็กๆ แห่งนี้ก็ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นของสมุนไพรโอสถต่างๆ ในที่สุดนางก็ทำยาเม็ดสำเร็จ จางจ้าวฉือนำยาเม็ดที่ทำเสร็จแล้วไปใส่ไว้ในขวดเล็กๆ ้ามีชื่อยาแปะเอาไว้พร้อมสรรพ ก่อนจะพาสวี่จือไปที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งจะตื่นจากการนอนกลางวันได้ไม่นาน ได้รับแจ้งว่าจางจ้าวฉือพาสวี่จือมาขอเข้าพบ ก็รีบให้สองแม่ลูกเข้ามา
หลังจากสวี่จือเข้ามาด้านในแล้วก็ทำความเคารพอย่างถูกระเบียบตามหลังท่านแม่ของตนเอง ก่อนจะถูกฮูหยินผู้เฒ่าอุ้มเข้ามาในอ้อมกอด
จางจ้าวฉือกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่าว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ นี่คือโอสถที่ข้าทำให้ท่านเ้าค่ะ ข้าได้บอกวิธีใช้กับแม่นมเสิ่นแล้ว หากท่านมีอาการใดก็หยิบมันออกมาใช้ยามฉุกเฉินได้เลยนะเ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินแล้วยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “โอสถที่สกุลจางของพวกเ้าทำออกมาย่อมเป็ของดีมีราคา เป็ของหายากทั้งนั้น ข้าขอบใจเ้าจริงๆ”
จางจ้าวฉือยิ้มรับพร้อมกล่าว “ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ ท่านพูดเช่นนี้เหมือนเป็คนอื่นคนไกล ท่านคือท่านย่าของพวกเรานะเ้าคะ สำหรับข้าแล้วการกตัญญูต่อท่านเช่นนี้ย่อมเป็เื่ที่สมควรทำเ้าค่ะ”
จางจ้าวฉือหยิบขวดหลายใบออกมา พลางบอกกับแม่นมเสิ่น ยามที่เ็ปหน้าอกให้กินยาชนิดใด ยามที่มือไม้ชากินชนิดใด ยามที่วิงเวียนศีรษะให้กินอันใด ยามที่ปวดหัวตัวร้อนกินชนิดใด หลังจากแม่นมเสิ่นจดลงไปอย่างละเอียด ก็ทำการเก็บขวดยาพวกนี้ไป
จางจ้าวฉือและสวี่จือพูดคุยกับฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวลา
ฮูหยินผู้เฒ่ามองขวดยามากมายพวกนี้แล้วถอนหายใจ “คุณนายสามของพวกเราคนนี้ ฝีมือการแพทย์มิสามารถดูแคลนได้เลยจริงๆ เ้าดูสิ นางมิได้มาตรวจชีพจรข้า ก็รู้ว่าปกติข้าเ็ปเล็กๆ น้อยๆ ที่ใดบ้าง จะไปแล้วยังมอบยามาให้ข้าใช้ยามฉุกเฉินอีกด้วย”
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ สองวันมานี้ในเรือนของคุณชายสามมักจะมีกลิ่นของโอสถลอยออกมา คาดว่าคงจะเพราะทำยาเพื่อตนเอง
แม่นมเสิ่นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม “เป็ท่านที่โชคดีเ้าค่ะ ที่หาหลานสะใภ้เช่นนี้มาได้ โอสถเป็ของสำคัญในการรักษาชีวิตที่ต่อให้มีเงินมากมายก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนมาได้เ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ย “ใช่แล้ว ต่อให้มีเงินทองมากมายก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนมาได้จริงๆ และก็มีเื่บางเื่ที่ไม่สามารถทำได้ ข้าหวังจริงๆ ว่าต่อไปจวนของเราจะดีขึ้นเรื่อยๆ”
แม่นมเสิ่นมองสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วก็ถอนหายใจตาม ก่อนจะเก็บขวดยาเอาไว้ในลิ้นชักเล็กข้างเตียงของฮูหยินผู้เฒ่า
หลังจากจางจ้าวฉือกลับมาถึงเรือนแล้ว ก็เห็นสาวใช้สวมชุดสีเงินแดงยืนอยู่ในเรือน ตอนที่นางหมุนตัวกลับมาถึงได้พบว่า สาวใช้คนนี้หน้าตางดงามมาก ดวงตาเรียว จมูกโด่ง ริมฝีปากเล็กสีอิงเถา [1] รูปร่างก็ดี ผอมเพรียว พอเห็นจางจ้าวฉือมาถึงนางผู้นั้นก็รีบนำห่อผ้ามาให้
บ่าวรับใช้ในเรือนของจางจ้าวฉือมีสาวใช้วัยกลางคนสองคน สาวใช้ทั่วไปสองคน และสาวใช้ที่ติดตามสองคน ตอนนี้สาวใช้สองคนจัดของอยู่ในเรือน พอเห็นจางจ้าวฉือกลับมาแล้ว ชิงเหมี่ยวก็เข้ามาทำความเคารพ นายหญิงก่อนจะเอ่ยรายงาน “คุณนายสามเ้าคะ แม่นางคนนี้บอกว่ามาจากเรือนของอนุจู้เ้าค่ะ นางบอกว่าจะตามพวกเราไปดูแลคุณชายสามที่เขตเหอซีด้วยเ้าค่ะ”
จางจ้าวฉือได้ฟังแล้วก็รู้ว่าอนุจู้ผู้นี้จะยัดเยียดคนมาให้สามีของตนเอง ในใจอดที่จะรู้สึกไม่เห็นด้วยกับการกระทำของอนุจู้ไม่ได้ ตอนที่ครอบครัวนางเกิดเื่ไม่เห็นว่าอนุจู้จะทำอันใด ตอนนี้ตัวนางจะไปแล้วกลับส่งคนมา
จางจ้าวฉือเองไม่ได้ให้คนเข้ามาในเรือน เพียงแต่ยืนอยู่หน้าเรือนก่อนจะพูดกับสาวใช้นางนั้นว่า “ในเมื่ออนุจู้ส่งเ้ามาแล้ว เช่นนั้นเ้าก็เป็คนในเรือนของข้า เ้ากลับไปบอกกับอนุจู้ว่า พวกเราเดินทางไกลไม่สามารถอยู่ดูแลข้างกายอนุจู้ได้จึงรู้สึกผิดเป็อย่างมาก ทางด้านอนุจู้ก็ฝากเ้าดูแลนางด้วยก็แล้วกัน”
สาวใช้นางนั้นได้ยินก็ชะงักไป ก่อนจะเอ่ย “ฮูหยินสามเ้าคะ อนุจู้บอกว่าให้ข้าตามไปดูแลพวกท่านที่เหอซีนะเ้าคะ”
จางจ้าวฉือพูดออกมาด้วยความรำคาญ “คำพูดของข้าเ้าฟังไม่เข้าใจหรืออย่างไร พวกเราจะไปแล้ว คนในเรือนมีทั้งตามไปและอยู่เฝ้าเรือนที่นี่ ข้าได้จัดเอาไว้หมดแล้ว ส่วนเ้า ข้าก็สั่งให้ไปดูแลอนุจู้อย่างไรเล่า อันใดกัน ข้าที่เป็เ้านายยังสั่งงานเ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
จางจ้าวฉือถลึงตา ถลกแขนเสื้อขึ้น การกระทำนี้กลับทำให้สาวใช้ผู้นั้นใจนล่าถอยไป ทำได้แค่กลับไปอยู่ที่เรือนของอนุจู้ดังเดิม
นางใช้อำนาจของตนเองในจวนนี้พูดออกมาเสียงดัง “พวกแมวหมาล้วนโยนมาให้ข้า คิดว่าจวนข้าเป็กองขยะไปแล้วหรืออย่างไร”
นางรู้ว่าคนที่มาสืบเื่ราวรอบๆ เรือนนี้มีอยู่ไม่น้อย ทุกคนไม่มีอันใดทำก็ชอบซุบซิบนินทา กว่าอนุจู้จะให้คนมาสักคน ยังต้องส่งคนมาเฝ้าที่นี่จากนั้นก็กลับไปเล่าเื่ด้วยหรือ?
จางจ้าวฉือพาสวี่จือเข้าไปในเรือน ซึ่งด้านในเรือนได้วางหีบใบใหญ่เอาไว้หลายใบ ชิงเหมี่ยวมายืนตรงเก้าอี้ที่จางจ้าวฉือนั่งอยู่ พร้อมกับรีบนำแก้วชามาวาง ก่อนจะเอ่ย “คุณนายสามเ้าคะ พวกเราที่จะเดินทางไปด้วยมีกี่คนหรือเ้าคะ? ใช้เวลาเดินทางกี่วันหรือเ้าคะ?”
สาวใช้สองคนในเรือนของจางจ้าวฉือ คนหนึ่งชื่อว่าชิงเหมี่ยว อีกคนชื่อว่าชิงซุย ต่างเป็คนที่ติดตามมาจากสกุลเดิมก่อนที่จางจ้าวฉือจะออกเรือน ล้วนเป็ลูกของคนรับใช้ภายในจวน ตอนที่จางจ้าวฉือแต่งงานสาวใช้ที่ติดตามมาพวกนี้ต่างก็ติดตามออกมาด้วยเช่นกัน
เดิมทีข้างกายจางจ้าวฉือมีสาวใช้สี่คน เป็สาวใช้วัยกลางคนสองคน คนหนึ่งคอยดูแลจัดการธุระต่างๆ ส่วนอีกคนดูแลงานเบ็ดเตล็ดอื่นๆ ในเรือน บวกกับสาวใช้สองคนนี้ ทว่าสวี่เหรากับจางจ้าวฉืออยู่ในจวนนี้มีชีวิตไม่ค่อยดีเท่าใดนัก สาวใช้สองนางนั้นจึงไม่ยินยอมที่จะตามมารับใช้ดูแลอีกต่อไป ส่วนจางจ้าวฉือน่ะหรือ นางเป็คนที่ชอบทำอะไรด้วยตนเอง มักจะรำคาญหากมีคนมาคอยดูแลอยู่ข้างกายมากเกินไป พอดีกับตอนนั้นคุณนายใหญ่บอกว่าคนรับใช้ในจวนมีไม่เพียงพอ หลายปีมานี้จึงไม่มีการแบ่งคนใช้มาให้นางอีก ดังนั้นการจะไปเขตเหอซีในครั้งนี้ จึงมีแค่ชิงเหมี่ยวกับชิงซุย ทางด้านสวี่เหรายังมีเพื่อนอ่านหนังสืออีกสองคน จางจ้าวฉือคิดดีแล้ว หากไปถึงที่นั่นรับคนรับใช้เพิ่มเข้ามาอีกหลายคนก็ยังได้ ข้างกายตอนนี้ยังไม่จำเป็ต้องมีคนคอยดูแลมากมายนัก
จางจ้าวฉือคิดก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “ต้องใช้เวลาประมาณยี่สิบกว่าวัน”
จากเมืองหลวงไปถึงเขตเหอซี มีระยะทางไกลหนึ่งพันลี้ หากมีเกาเถี่ย [2] ไม่กี่ชั่วยามก็ถึงแล้ว แต่ตอนนี้การเดินทางไม่ค่อยสะดวก อุปกรณ์การเดินทางก็ยิ่งไม่ดี ขี่ม้ายังสามารถเดินทางได้ไวหน่อย แต่ในครอบครัวยังมีเด็กเล็ก พร้อมทั้งหีบสัมภาระมากมาย จึงทำได้เพียงใช้รถม้า ใกล้จะถึงวัสสานฤดูแล้ว ยังต้องวางแผนสำรองเอาไว้ใช้ หากเดินทางไม่ได้เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย จางจ้าวฉือจึงคำนวนไว้รวมเป็เวลายี่สิบกว่าวัน
ชิงเหมี่ยวฟังแล้วก็เอ่ย “เช่นนั้นพวกเราจะต้องเตรียมอุปกรณ์ทำอาหารไปหรือไม่เ้าคะ หากตอนเดินทางไม่สามารถหาที่พักได้ทัน พวกเรายังสามารถทำอาหารกินเองได้เ้าค่ะ”
จางจ้าวฉือฟังแล้วก็เอ่ย “มีเื่นี้จริงๆ ด้วย อีกเดี๋ยวข้าจะให้เงินเ้า พรุ่งนี้เ้าให้เสี่ยวินำเงินไปซื้อกระทะทำกับข้าวมาสักใบ แล้วก็หม้อต้มโจ๊ก กาต้มน้ำ แล้วก็เตา ซื้อที่มันแข็งแรงหน่อย เื่เงินไม่ใช่ปัญหา ที่สำคัญของจะต้องใช้ได้ดี”
เพื่อนอ่านหนังสือของสวี่เหราสองคน อายุราวสิบห้าสิบหกหนาว คนหนึ่งชื่อเสี่ยวิ ส่วนอีกคนชื่อเสี่ยวเลี่ยง
ชิงเหมี่ยวตอบรับ จางจ้าวฉือก็เข้าไปในเรือนแล้วหยิบตั๋วเงินห้าสิบตำลึงออกมาหนึ่งใบ “เ้านำเงินนี่ไปให้เสี่ยวิ ให้เขาดูว่า้าซื้อสิ่งใดเพิ่มก็ให้ซื้อกลับมาด้วย”
ชิงเหมี่ยวกับชิงซุยต่างเป็บุตรีของคนใช้ภายในเรือน บิดามารดาของทั้งสองคนอยู่ที่จวนสกุลจาง จางจ้าวฉือก็เป็เ้านายที่ดี ในวันปีใหม่มีเทศกาลต่างให้ค่าเรือนกับสาวใช้ทั้งสอง แล้วให้อั่งเปาคนละสิบตำลึงแปดตำลึง ชิงเหมี่ยวกับชิงซุยรู้ว่าคุณชายสามกับฮูหยินสามเป็คนที่มีคุณธรรม หากพวกนางรับใช้ดูแลดีๆ จะต้องได้ประโยชน์อย่างมากแน่นอน ครั้งที่แล้วตอนที่ครอบครัวสวี่ไปแก้บน ชิงเหมี่ยวกับชิงซุยก็นั่งรถม้าตามอยู่ด้านหลัง ทั้งยังเป็พวกนางสองคนที่ให้คนขับรถม้ากลับมาขอความช่วยเหลือ
จางจ้าวฉือเคยถามสองสาวใช้แล้ว พวกนางต่างยินยอมที่จะติดตามครอบครัวคุณชายสามไปที่เขตเหอซี คนมากมายในจวนต่างโน้มน้าวสองคนนี้ ตอนนี้พวกนางอายุสิบกว่าหนาวแล้ว เป็่อายุที่เหมาะสมกับการหาคู่ออกเรือน ติดตามไปที่ห่างไกลขนาดนั้น ต่อไปจะหาครอบครัวแต่งงานได้อย่างไร?
ชิงเหมี่ยวอายุมากกว่าชิงซุยสองหนาว ในใจของนางย่อมเข้าใจดี ครอบครัวคุณชายสามดูแล้วการมีตัวตนในจวนไม่ค่อยจะแข็งแกร่งเท่าใดนัก แต่หากพูดถึงเื่ความสามารถ ครอบครัวคุณชายสามเทียบกับคนพวกนั้นแล้วเก่งกาจกว่ามากทีเดียว นางกับชิงซุยเป็สาวใช้ข้างกายของฮูหยินสาม อย่ามองว่าปกติแล้วฮูหยินสามไม่ค่อยจะเปิดเผยอะไรเท่าไหร่นัก แต่ในมือของนางมีของดีจริงๆ อีกทั้งคุณชายสามและฮูหยินสามเป็คนยุติธรรม คนดูแลข้างกายคนก่อนของฮูหยินสามต่างมีอนาคตที่ดี ไม่สมเหตุสมผลเลยที่ว่าตัวนางกับชิงซุยหากติดตามไปที่เหอซีแล้วจะไม่มีอนาคตที่ดี
หลังจากจางจ้าวฉือนั่งลง ก็เขียนรายการออกมาทั้งยังตรวจสอบว่าเตรียมสมุนไพรพร้อมแล้วหรือยัง
เขตเหอซีอยู่ห่างไกล ขาดแคลนหมอและยา ระดับการรักษาในตอนนี้ก็ย่ำแย่ หากไม่เตรียมตัวให้พร้อม จางจ้าวฉือก็ไม่กล้าที่จะพาลูกทั้งสองคนไปที่นั่น โดยเฉพาะสวี่จือ แม่นางน้อยเพิ่งจะอายุสี่หนาว ร่างกายอ่อนแอ หากดูแลไม่รอบคอบอาจจะเกิดเื่ไม่คาดฝันขึ้น ในตอนนี้ การตายั้แ่ยังเด็กไม่ใช่เื่ที่หาได้ยาก ดังนั้นของอย่างอื่นจางจ้าวฉือไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก เป็สมุนไพรเท่านั้นที่นางเตรียมแล้วก็เตรียมอีก
ตอนที่สวี่เหรากลับมาในตอนกลางคืน ได้ยินเสี่ยวิบอกว่าชิงเหมี่ยวให้เงินเขาไปซื้อเตาและหม้อกาน้ำ สวี่เหราจึงไปพูดกับจางจ้าวฉือ ถ้าหากมีรถอาหารไปด้วย เช่นนั้นตลอดทางก็ไม่ต้องกังวลเื่กินดื่มไม่ใช่หรือ?
เพียงแต่น่าเสียดายที่ทั้งสองคนเคยเห็นรถอาหารเล็กๆ จากจุดต่างๆ แต่ทำขึ้นมาอย่างไรนั้นไม่รู้แน่ชัดเลยจริงๆ
สวี่ตี้กำลังเขียนตัวหนังสืออยู่ที่ตั่งริมหน้าต่าง จางจ้าวฉือเห็นเขาก็พูดขึ้น “สวี่ตี้ ่หยุดหน้าร้อนกับหน้าหนาวไม่ใช่ว่าถูกปู่ส่งไปฝึกกับทางกองทัพหรือ? เขาคงจะเคยเห็นรถอาหารที่ว่านะ? สวี่ตี้ รถอาหารทำอย่างไรลูกทำเป็หรือไม่?”
สวี่ตี้ถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ย “ท่านแม่นะท่านแม่ ท่านนี่ให้เกียรติข้าจริงๆ ข้าเองก็แค่ตามไปฝึก ตอนที่ปู่เข้าไปฝึกการรบในป่ายังสามารถพาข้าไปได้หรือ? แต่ว่าข้ากลับรู้ว่ารถอาหารเล็กๆ ตามท้องถนนพวกนั้นทำอย่างไร ประเด็นสำคัญก็คือเตา เ้านี่ทำยากมาก ตอนนี้เราไม่มีเวลาแล้ว รอจนถึงที่โน่นข้าจะคิดวิธีการทำดีๆ แล้วหาช่างตีเหล็กช่วยทำสักคัน ต่อไปพวกเราออกเดินทางอีกก็สามารถทำอาหารได้ทุกที่ทุกเวลาแล้วขอรับ”
สวี่เหราถอดสายรัดเอวออก ชิงเหมี่ยวยกน้ำร้อนถังใหญ่มาพอดิบพอดี จางจ้าวฉือใส่สมุนไพรหลายอย่างลงไปในน้ำร้อน สวี่เหราเอาเท้าลงไปแช่ในน้ำด้วยท่าทางเ็ป ก่อนจะร้องออกมาด้วยความสบาย “ออกไปข้างนอกทั้งวัน กลับมาแช่เท้าเป็อะไรที่สบายจริงๆ”
จางจ้าวฉือเอ่ย “รอไปก่อนนะ หากมีโอกาสแล้ว พวกเราจะทำถังแช่เท้าเอาไว้ให้เ้าแช่เท้าโดยเฉพาะ”
สวี่จือถือผ้าเช็ดเท้าคอยอยู่ด้านข้าง สวี่เหราหัวเราะพร้อมกล่าว “จือเอ๋อร์เอ๋ย ลูกไปนั่งบนตั่งก็พอ พ่อไม่้าให้ลูกมาดูแลหรอก”
สวี่จือเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้สวี่เหรา เขาเองก็ไม่ได้ไล่ให้สวี่จือไปทำอย่างอื่น แล้วหยิบของเล่นออกมาจากอกเสื้อ “เ้านี่น่ะ พ่อซื้อมาตอนบ่ายที่ถนน เอามาให้จือเอ๋อร์ของพวกเราเล่น ดีหรือไม่?”
สวี่จือรับมาพร้อมตอบกลับไปเสียงออดอ้อน “ขอบคุณเ้าค่ะท่านพ่อ จือเอ๋อร์ชอบมาก”
ไม่ใช่แค่ในใจของสวี่เหราที่สบายใจราวกับได้กินน้ำแตงโมเย็นๆ ในใจของจางจ้าวฉือเองก็อบอุ่นมาก ก่อนจะอุ้มสวี่จือเข้ามาในอ้อมแขน หัวใจเต้นดังตึกตัก ทำเอาสวี่ตี้ที่มองอยู่ด้านข้างถึงกับเบะปาก
สวี่จือถูกมารดาของตนกอดเข้าไปในอ้อมกอด ใบหน้าเล็กๆ นั้นก็แดงก่ำ ตอนที่ถูกมารดาหอมเข้าที่แก้มก็ยิ่งอายจนต้องก้มหน้า สวี่เหราเห็นดังนั้นจึงเอ่ย “เอาล่ะๆ เ้าอย่าไปกวนจือเอ๋อร์เลย เ้าทำจือเอ๋อร์เขินจนหน้าแดงไปหมดแล้ว”
จางจ้าวฉือเป็คนที่เปิดเผยมาก จึงหัวเราะแล้วก็พูด “จือเอ๋อร์ของพวกเรายังไม่ชินที่ข้าเป็มิตรขนาดนี้ รอต่อไปชินแล้วก็จะดีเอง”
สวี่ตี้เขียนตัวหนังสือไปก็พูดไป “ท่านจะเอาคำหยอกหอมๆ กอดๆ ยกสูงๆ มาใช้กับน้องหรือขอรับ? ท่านแม่ ข้ารู้สึกว่ามันแย่มาก ข้าว่าท่านต้องเข้าเมืองตาลิ่วแล้วลิ่วตาตามเสียหน่อยนะ ไม่เช่นนั้นตอนท่านอยู่ด้านนอกแล้วเห็นลูกผู้อื่นหน้าตาน่ารัก ก็จะไปหยอกล้อลูกผู้อื่นเขา จะทำลูกผู้อื่นใร้องไห้เอานะขอรับ”
เชิงอรรถ
[1] ผลเชอรี่
[2] เกาเถี่ย (高铁 Gāotiě) หมายถึง รถไฟฟ้าความเร็วสูง